วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551

อัศจรรย์ : Threesome


๏ ส่วนสามกษัตริย์แก่นท้าว              กรโอบองค์โน้มน้าว
แนบเนื้อเรียงรมย์
๏ เชยชมชู้ปากป้อน                       แสนอมฤตรสข้อน
สวาทเคล้าคลึงสมร
๏ กรเกี้ยวกรกอดเนื้อ                      เนื้อแนบเนื้อโอ่เนื้อ
อ่อนเนื้อเอาใจ
๏ พักตราใสใหม่หม้า                      หน้าแนบหน้าโอ่หน้า
หนุ่มเหน้าสรสม
๏ นมแนบนมนิ่มน้อง                      ท้องแนบท้องโอ่ท้อง
อ่อนท้องทรวงสมร
๏ สมเสน่ห์อรใหม่หมั้ว                    กลั้วรสกลั้วกลิ่นกลั้ว
เกลศกลั้วสงสาร
๏ บุษบาบานคลี่คล้อย                    สร้อยและสร้อยซ้อนสร้อย
เสียดสร้อยสระศรี
๏ ภุมรีคลึงคู่เคล้า                          กลางกมลยรรเย้า
ยั่วร้องขานกัน
๏ สรงสระสวรรค์ไป่เพี้ยง                 สระพระนุชเนื้อเกลี้ยง
อาบโอ้เอาใจ
๏ แสนสนุกในสระน้อง                    ปลาชื่นชมเต้นต้อง
ดอกไม้บัวบาน
๏ ตระการฝั่งสระแก้ว                      หมดเผ้าผงผ่องแผ้ว
โคกฟ้าฤๅปุน
๏ บุญมีมาจึ่งได้                            ชมเต้าทองน้องไท้
พี่เอ้ยวานชม หนึ่งรา



โคลงสองสุภาพ บรรยายบทรักของสามกษัตริย์ ได้แก่พระลอ พระเพื่อนและพระแพง

สีสันที่ Veranda#2


ผ้าปูยังตึง
สองสาวตื่นเต้นเล็กน้อยกับวิวที่ระเบียง
จะบอกให้ว่าคุณสามารถเดินลุยแนวต้นไม้บุกเข้าห้องดิฉันได้เลย

ป.ล. โปรดสังเกตว่าห้องน้ำที่นี่เปิดพื้นที่โล่ง
หากนอนแช่ในอ่าง สามารถเห็นไปได้ถึงระเบียงชา (ห่างออกไปอีก ๒๐๐ เมตร) ทีเดียวค่าคุณขา

แล้วถ้าไม่รูดม่านบาง คนข้างนอกก็มองเห็นเราเหมือนกันนะค๊า

(ถ้าเราไม่ได้ล็อกประตูกระจกสไลด์อะนะ)

เอ้า!
เข้าห้องกันบ้าง

ห้องที่ดิฉันได้พักคงจะเป็นห้อง Deluxe ทำ-มะ-ดา
(ราคาไปสืบเอาเองในเว็บไซต์นะ)
ห้องนี้เป็นทวินเบด หมายความว่ามันมีเตียงเล็ก ๒ เตียง
แต่เมื่อมีคนนอน ๓ คน ก็จำต้องเพิ่มเอ็กตร้าเบดไปอีก ๑

พื้นที่ห้องน้ำก็ออกจะใหญ่โต๊ใหญ่โต
(เล่นวางอ่างที่ลงไปได้ ๓ คน เผื่อแซนด์วิชด้วยนี่นา)

ห้องนี้ก็เลยออกแนวคับแคบไปสักหน่อย

ป.ล. การเปิดโล่งพื้นที่ห้องน้ำอย่างนี้อาจจะดีสำหรับหนุ่มสาว
แต่สำหรับผู้ใหญ่หรือหนุ่มสาวที่มีเด็กติดตามมาด้วย
รับรองไม่สะดวกอย่างแน่นอน

เพื่อนฉัน: ทริปนี้เหมือนสตาฟฟ์ปาร์ตี้


มีคนเอากล้องโพลารอยด์มาด้วย

ศุกร์ที่ ๒๗-อาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๑

ไปใช้ชีวิตร่วมกันคนกลุ่มหนึ่งที่ Veranda Chiang Mai the High Resort

ตกใจที่้เจอพี่ตุ๊ยและฟรีแลนซ์ชาวเกาหลีที่สนามบิน
(ตกใจสิ ไม่รู้มาก่อนหนิว่าพี่ตุ๊ยจะไปด้วย)
ควรจะได้นอนกับวิธนีย์และหลิน ๒ คืน แต่หนีไปนอนบ้านเอ๋คืนนึง
สรุปว่าทริปนี้มีพวกเราชาวมีเดียฯ มาถึง ๔ คน

(มากอะไรอย่างนี้!)

มีกัน ๔ คน (รวมฟรีแลนซ์ชาวเกาหลีแล้วก็เป็น ๕)
ถึงจะเจอเรื่องขำๆ ปนเคืองอย่างไฟตกทุกชั่วโมง อาหารมาช้าจนเกือบโมโหมี
เจอเรื่องเจ็บตัวเพราะมองไม่เห็นประตูกระจก

แต่สนุกจังเลยนะ

สีสันที่ Veranda#1


โคมไฟ
แล้วก็โซฟาตัวเบิ้มนั่น
ทำด้วยหวายทั้งตัว

อยากเห็นรูปสีกันนักใช่ไหม?

เอาไปเลย

เนื่องจากว่าถ่ายมาหลายรูป
ดังนั้น เริ่มต้นที่ลอบบี้ก่อนละกันนะ

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Modern Contemporary @ Veranda




ศุกร์ที่ ๒๗-อาทิตย์ที่ ๒๙ มิิถุนายน ๒๕๕๑

ดิฉันมีโอกาสไปเยือน Veranda Chiang Mai the High Resort
รีสอร์ตไฮโซแห่งนี้ตั้งอยู่เชิงเขา ริมถนนไปสะเมิง แต่อยู่ในเขตอำเภอหางดง (ด้านหลังติดเขตอุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย)

การตกแต่งที่นี่เป็นแบบ Modern Contemporary
ซึ่งก็คือการตกแต่งกิ๊บเก๋ๆ แบบมีความหมายว่างั้น
Theme ของการตกแต่งแบบนี้จะชัดเจนที่สุดที่โถงลอบบี้ ซึ่งเขาทำทรงเลียนแบบกูบ (ที่นั่งบนหลังช้าง) ใช้่วัสดุธรรมชาติ แล้วก็เอางานหัตถกรรมท้องถิ่นมาใช้ ให้ฝรั่งและคนกรุงเทพฯ ตะลึง (แต่เจ้าของงานมาเห็นแล้วอาจงงได้)

ชมกันไปพลางๆ ก่อนละกันนะค๊า
รูปสีมันต้อง resize

ข้าเจ้าอิด (เมื่อคืนเชียร์สเปน)

เสื่อม!


ซ้อนแผนแอบถ่าย ผศ.ฉาว ขออึ๊บนศ.แลกเกรด [30 มิ.ย. 51 - 05:05]

 

เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 29 มิ.ย. พ.ต.ต.รักเกียรติ แย้มบางยาง พนักงานสอบสวน สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รับแจ้งจาก น.ส.เฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 21 ปี อยู่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี เป็นนักศึกษาปีที่ 3 คณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ว่า ขอให้ดำเนินคดีกับ ผศ.จักรฤทธิ์ อุทโธ อายุ 41 ปี อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน ในข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ

 

ทั้งนี้ น.ส.เฟิร์นให้รายละเอียดว่า ภาคเรียนก่อนหน้านี้เคยเรียนวิชาที่ ผศ.จักรฤทธิ์ เป็นผู้สอน ภายหลัง ผศ.จักรฤทธิ์ ได้ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือไป ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร เพราะเข้าใจว่าอาจารย์คงขอไปเพื่อความสะดวกในการติดต่อเรื่องการเรียนการสอนแบบอาจารย์กับลูกศิษย์ตามปกติทั่วไป แต่เรื่องกลับตรงกันข้ามเมื่อ ผศ.จักรฤทธิ์ได้โทรศัพท์มาหาพูดจาแทะโลมไม่เว้นแต่ละวัน รวมทั้งชวนไปกินข้าว ชวนไปเที่ยว แต่ไม่เคยรับปากและบ่ายเบี่ยงตลอดมา พอปฏิเสธไปกลับถูก ผศ.จักรฤทธิ์ ข่มขู่ว่าหากไม่ให้ความร่วมมือให้ระวังเรื่องเกรดในวิชาที่เรียนอาจจะมีปัญหา สุดท้ายวิชาดังกล่าวเพื่อนที่เรียนด้วยกันได้เกรดเอหมดยกเว้นตนได้เกรดต่ำกว่าเพื่อน

 

นักศึกษาสาวเหยื่ออัพเกรด กล่าวอีกว่า กระทั่งมาภาคเรียนปัจจุบัน ตนพยายามหลีกเลี่ยง ไม่เลือกเรียนวิชาเลือกที่ ผศ.จักรฤทธิ์เป็นผู้สอน แต่ก็หนีไม่พ้นต้องเรียนวิชาที่ ผศ.จักรฤทธิ์สอนอีกจนได้ และก็ถูกอาจารย์พยายามแทะโลม และลวนลามทุกครั้งที่มีโอกาส จนทนไม่ไหวนำเรื่องไปหารือกับอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษาก็ได้แต่บอกให้ระวังตัวเอง ไม่สามารถดำเนินการอะไรกับอาจารย์คนนี้ได้ ถึงแม้ว่าจะมีบรรดานักศึกษาพูดจากันหนาหูว่ามีนักศึกษาหลายรายต้องพลีกายให้กับอาจารย์คนนี้เพื่อแลกกับเกรด ซึ่งมีทั้งนักศึกษาหญิงและนักศึกษาชายที่หน้าตาดี

 

เมื่อหาทางออกไม่ได้ จึงไปปรึกษากับนายตำรวจคนหนึ่ง วางแผนให้ติดอุปกรณ์บันทึกภาพและเสียงติดตัวไปทุกครั้ง หาก ผศ.จักรฤทธิ์นัดหมายให้เข้าไปพบที่ห้องพักอาจารย์ ชั้น 3 อาคารคณะศิลปศาสตร์ เพราะเชื่อว่าต้องถูกลวนลามอย่างแน่นอน และทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด เมื่อ ผศ.จักรฤทธิ์ได้นัดให้ไปพบที่ห้องพักอาจารย์ หนูจึงติดอุปกรณ์ถ่ายภาพและเสียงไว้ตามแผน เมื่อไปในห้องพักก็ถูก ผศ.จักรฤทธิ์เข้ามาลวนลาม โอบกอด แถมยังขอทำอะไรมากกว่านั้นในห้องพัก แต่หนูพยายามบ่ายเบี่ยงเอาตัวรอด ขอผลัดไว้เป็นวันหลัง โดยบอกว่ามีเพื่อนมารออยู่ชั้นล่าง อาจารย์ก็ยินยอม แต่ขอจูบมัดจำโดยหอมแก้มหนึ่งครั้ง เมื่อได้หลักฐานแล้วหนูจึงมาแจ้งความดำเนินคดีน.ส.เฟิร์นกล่าว

 

หลังการแจ้งความ น.ส.เฟิร์น เปิดเผยอีกครั้งว่า หลังการแจ้งความรู้ดีว่าจะต้องได้รับแรงกดดันจากทางมหาวิทยาลัยอย่างไรบ้าง แต่ขอยืนยันว่าเรื่องราวลักษณะนี้เกิดขึ้นมานานแล้วกับนักศึกษาหลายคนหลายรุ่น ทั้งที่เต็มใจและไม่เต็มใจ ตนจำเป็นต้องกล้าทำและกล้าแจ้งความเพื่อกระชากโฉมหน้าที่แท้จริงของอาจารย์คนนี้ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง และปกป้องไม่ให้นักศึกษาคนอื่นต้องมาเสี่ยงภัยกับอาจารย์ที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้

 

ทางด้าน พ.ต.ต.รักเกียรติเปิดเผยว่า เมื่อมีผู้เสียหายมาแจ้งความทางพนักงานสอบสวนจะทำหนังสือส่งไปยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีให้ส่งตัว ผศ.จักรฤทธิ์ มารับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำในฐานะที่เป็นข้าราชการ หากยังไม่มาคงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

 

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์มือถือของ ผศ.จักรฤทธิ์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่ยอมรับสาย พอโทร.ไปอีกครั้งปรากฏว่าปิดเครื่องไปแล้ว จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ผศ.มนูญ ศรีพิพัฒน์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาอาจารย์คนนี้มีหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมหลายครั้ง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะผู้ร้องเรียนไม่ลงชื่อจริง แต่ครั้งนี้มีนักศึกษาถูกกระทำและมีการแจ้งความพนักงานสอบสวน ทางผู้บริหารคงนิ่งเฉยไม่ได้ ต้องตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงอย่างเร่งด่วน และจะไม่มีการปกป้องคนผิดอย่างเด็ดขาด

 

จากไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=95312


ในสายตาคนชนบท




ศุกร์ที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๑

ก่อนโน้นไม่เคยนึกอภิรมย์สนามบินแห่งใหม่นี้เล้ย
ไกลก็ไกล จะไปทีก็รู้สึกโหวงเหวงกะความใหญ่โตโอฬารของเขาพิกลๆ
พอไปถี่เข้าชักชอบ
ชอบแสง ชอบเงา
ไปทีไรได้รูปกลับมาทุกที (แต่ส่วนใหญ่เป็นรูปกลางวันนะ ยังไม่เคยไปขึ้นเครื่องบินกลางคืนเสียที)
คราวนี้ไปเชียงใหม่ไฟล์สายๆ แดดกำลังสวยอีกตามเคย
อดไม่ไหว งานนี้ให้คุณมาโนชจัดการ

คุณเกาหลี ฟรีแลนซ์ของพี่ตุ๊ยดันเห็นแปลก
คงจะนึกในใจว่า อะไรกัน ยายคนนี้ ไม่เคยเห็นสนามบินสุวรรณภูมิหรือไง
เลยหันมาถามซื่อๆ ด้วยภาษาไทยของต่างชาติที่ดีมากๆ ว่า

"มาจากชนบทหรือ?"

ฮ่าฮ่าฮ่า

รูปคู่


รูปนี้บอกบุคลิกที่ต่างกันของเืพื่อนสองคนได้ชัดมากๆ

ขอบคุณนะนาดาล
รูปสวยจริงๆ


ไปเชียงใหม่ทริป Veranda นี้มีโอกาสได้ถ่ายรูปคู่มา ๓ คู่่
๓ คู่ ๓ อารมณ์
เชิญชมตามอัธยาศัย

เบลอ-เบลอ


ถ่ายแล้วหรอจ๊ะ?

หลินบอกว่ากดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
เลยขออีกที

พอร์เทรตที่ Veranda หางดง เชียงใหม่
ภาพโดยน้องหลิน

มันเบลอ
แต่เจ้ช้อบ-ชอบอะ

รอผลโหวต


ราดด้วยบลูเบอรี่่

อาหารที่ Veranda นั้นจัดแต่งมาอย่างสวยงามสมเป็นรีสอร์ต ๕ ดาว
แต่เรื่องรสชาติและความไวในการบริการจะให้กี่ดาว โปรดลองไปชิมกันเอง
เดี๋ยวจะหาว่าขี้ติ

มาดูกันไหม ว่าของหวานเขาหน้าตาน่าบริโภคเพียงใด
ทายกันเล่นๆ ดีกว่า จานไหนอร่อยสุด

เอ้าเร้ว โหวตกันหน่อย

ภาพเหมือน




วันอาทิตย์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๑

กลับจากเชียงใหม่ในวันที่แก๊ส LPG หมดปั๊ม
เหนื๊อยเหนื่อย
แต่ขออัพรูปหน่อย

เอาไปก่อน ๒ รูป
ภาพเหมือนโดยศิลปินจากปายที่มาวาดให้เราถึง Veranda หางดง เชียงใหม่

เหมือนไหม เหมือนไหม?

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551

คันปาก-อยากบอกต่อ ตอน ไม่เข้าใจชีวิต


The smaller version of this photo on the previous page will never be deleted, but access to the zoomed-in version below will expire in 149 days.


Make sure all of your highest-resolution photos are saved forever - Upgrade to Multiply Premium now.



ข้อความข้างบนปรากฏขึ้นเมื่อดิฉันกดดูภาพขยายของรูปในบล็อกของเพื่อนร่วมโลกมัลติพลายคนหนึ่ง
ใครบอกได้บ้าง ว่ามันคืออะไร
นี่การแบ่งชนชั้นวรรณะกำลังจะเกิดในโลกมัลติพลายแล้วหรอ?

แค่คิดก็รู้สึกแย่แล้วเว้ย

นั่นดอกอะไร เสียบไ้ว้อยู่ในรูหู๊


แต่ออกดอกดกเชียว

พฤหัสบดีที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๑

รับปากคุณแพทว่าจะถ่ายรูปสีคุณดอกไม้ขาวที่ ส.ส.ท. มาให้ดู
ละอายใจที่รูปมันไม่ชัด
คุณมาโนชทำได้แค่นี้เองอะค่ะ

ซอรี่นะ

ป.ล. จากกลีับดอก จากเม็ด เราว่าเหมือนตะแบกแหละ

คำไว้อาลัย แด่ ไอพอดน้อยผู้มืดมน



ชีวิตจะเป็นอย่างไร ถ้าตื่นเช้าในวันหนึ่งแล้วพบว่าตามองอะไรไม่เห็นอีกแล้ว?

 

วันนี้

ไอพอดนาโนน้อยของดิฉันตัดสินใจจะดับจอให้มืด หลังจากที่ลังเล ร่อแร่มาพักใหญ่ ว่าจะเป็นจอดีๆ หรือจะเป็นจอเสื่อมๆ ดี

 

ก็..

ใจหายอ่ะนะ

(ใช้ครบ ๒ ปียังหว่า?)

ก็รู้..

ว่าสิ่งของมันมีอายุการใช้งานของมัน

แล้วนี่ ไอพอดน้อยก็ไม่ได้พัง ยังฟังเพลงได้เพราะเหมือนเดิม แค่ไม่มีข้อมูลอะไรขึ้นบนจอ เปิดเครื่องก็โชว์แค่จอสว่างๆ เดี๋ยวๆ ก็มืดไป เข้าโหมดประหยัดพลังงาน ว่างั้น

 

เพียงเพราะไม่เห็นข้อมูลบนจอ ยังไม่เพียงพอจะเป็นเหตุผลในการทอดทิ้งไอพอดน้อย

ทว่า่..

ดิฉันคงต้องเรียนรู้ที่จะใช้ไอพอดชัฟเฟิลที่บรรจุเพลงไว้ ๕๐๐ กว่าเพลง

หมดสิทธิ์เลือกฟังเพลง

หมดสิทธิ์เปลี่ยนโหมด EQ

หมดสิทธิ์เลือกฟังซ้ำเพลงที่กำลังอิน

หมดสิทธิ์ปรี๊ดไปหาเพลงบางเพลง ศิลปินบางคน เพื่อเยียวยาอาการป่วยทางใจที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

หมดสิทธิ์จ่อมอยู่ในฟีลของบูลส์ หรือโซล หรือฟังก์

ต่อไปนี้ไอพอดน้อยปล่อยอะไรมา ก็ต้องฟัง

ถ้าไม่ฟัง ก็ต้องกด > เลื่อนไปเพลงถัดไป

ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ ไม่มีทางรู้เลยว่าไอพอดน้อยใกล้หมดลมเต็มที ต้องรีบพาไปจุ๊บ รับพลังจากคุณแสนดี (ชื่อแลปทอป) โดยด่วน

...

 

นึกๆ ดู

การที่ไอพอดน้อยมามีอันเป็นไปแบบนี้ มันช่างเหมือนชะตาชีวิตของดิฉันเสียนี่กระไร

เหมือนตรงที่

 

เราไม่รู้ว่าจะได้ฟังเพลงอะไรเป็นเพลงแรก

รู้แค่ว่า ถ้าไม่ชอบเพลงแรก หรือเพลงแรกยังไม่ฟีล ก็จงอย่าเอาแต่หงุดหงิดใจ อย่าขี้เกียจ กดหาเพลงต่อไป จนกว่าจะถูกใจ

 

ในชีวิตเรา ดิฉันก็ไม่รู้หรอก ว่าออกจากบ้านไปวันนี้จะเจอผู้ชายยังไง ดีไหม เจอแล้วจะสนุก มีความสุข

หรือทุกข์ถนัด

โอเค เรากด > หนีผู้ชายที่เราไม่ถูกใจได้เหมือนกัน

ดิฉันเองอาจจะดีกว่าผู้หญิงอีกหลายคนด้วยซ้ำ ที่เป็นคนไม่ลังเลที่จะกด >

แต่..

การกด > skip ให้ชีวิตมันเจ็บปวดกว่ากดไอพอดนะ

 

เวลาเราเจอเพลงที่เรากด > มันไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบ เราเกลียด เรารับไม่ได้

เพราะถ้าเรารู้สึกอย่างนั้น เพลงนั้นคงไม่มีสิทธิ์จะสะเออะเข้ามาอยู่ในไอพอดของเราตั้งแต่แรก

ไม่อยากฟังในโมเมนท์นี้ ในโมเมนท์ต่อๆๆๆๆๆ ไป เราอาจจะคิดถึงเพลงที่เรากด > หนี

 

แต่กับชีวิตจริง

นอกจากเราจะไม่รู้ว่าผู้ชายที่คบอยู่ หรือกำลังจะคบ เป็นแบบที่เราชอบจริงหรือเปล่า

(บางคน บางที บางกรณีเราก็คบเพราะเราประสาท คิดว่าเหลือเวลาน้อยเต็มทีแล้วน่ะ-นึกออกไหม?)


แล้วไม่รู้เป็นยังไง

ก่อนกด > กับผู้ชายสักคน

เรามักจะรักเขาแล้วทุกที

 

เจ็บปวดกว่ากันมากมายนะ

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551

สวัสดีวันสุนทรภู่


ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง           มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา

โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา         ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย

ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ            สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย

ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย                ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป

ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก        สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน

ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป            แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ

 

จาก นิราศภูเขาทอง วรรณคดีประเภทนิราศที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนิราศเรื่องที่ดีที่สุดของ สุนทรภู่ ู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๒๙-๒๓๙๘) ซึ่ึ่งได้แต่งนิราศเรื่องนี้ระหว่างการเดินทางไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทอง ณ กรุงเก่า (พระนครศรีอยุธยา) ในเดือนสิบเอ็ด ปีชวด (ราว พ.ศ. ๒๓๗๑) ขณะบวชเป็นพระภิกษุ

 

a place to remember: ส.ส.ท.




ส.ส.ท. คือชื่อย่อของสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น)
โรงเรียนที่ดิฉันและเสริมซัง เพื่อนคู่หูบากบั่นไปนั่งเรียนภาษาญี่ปุ่นร่วมคลาสกับเด็กอายุเฉลี่ยประมาณ ๒๓ ปีได้
(ส่วนอายุของดิฉันและเสริมเท่าไหร่นะเหรอ...เหอ เหอ-เป็นเซ็งทุกครั้งที่ต้องฝึกไดอาลอกถาม-ตอบเรื่องอายุ)

๑๐ มิถุนายนที่ผ่านมานี้ เราเริ่มไปเรียนในระดับ Y2 (ระดับที่ ๒ ของพวกบีกินเนอร์) กันแล้ว
กลับไปวันแรก หลังจากพักยาวหลังคอร์ส Y1 จบไปตั้งแต่กลางเดือนมกราคม รู้สึกเหมือนกลับไปโรงเรียนในวันเปิดเทอมเลย

โรงเรียนภาษาที่นี่มีบรรยากาศน่าหลงใหล แบบที่คงไม่ค่อยจะเหลือให้เราละเลียดกับอารมณ์นี้อีกนานนักแล้ว

ชอบที่นี่นะ

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

โดราเอมอนเซนเซvsโนบิตะเซนเซ




ตามคำเรียกร้อง
รูปแอบถ่ายของ
Emmu sensei และ Shida sensei
มีแต่รูปน่ารัก ไม่มีรูปน่าเกลียดที่จะทำลายเซนเซเลย

บันไดที่ถูกลืม


...มาประสาทเป็นเพื่อนกัน

ประสาทคนเดียว...เหงาจัง


วันอังคารที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๑

เดินไปโรงเรียนภาษา
ดูเหมือนจะถึงเร็วไป เลยมีเวลาไปเจ้ากี้เจ้าการสั่งแยกปลาคาร์ปตัวที่ป่วยออกจากบ่อ
แล้วยังแซ่มไปสำรวจบันไดตึก ในปีกที่ไม่ค่อยมีใครใช้

ได้พบมุมที่สวย
ด้วยสถาปัตยกรรม
แสง
และฟีลลิ่ง
มาสิ มาดูกัน

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ดวงจันทร์ภายนอกหน้าต่าง [รำพึง-รำพัน]


ดวงจันทร์ภายนอกหน้าต่าง

มิได้ถูกขโมยไป

โดยน้ำมือโจร

 

 

 

ราว ๑๘๐ ปีมาแล้ว ณ ท้องถิ่นห่างไกลในญี่ปุ่น ยังมีพระเซนรูปหนึ่งซึ่งเรียกขานตนเองว่า เรียวกััััน ชายโง่ผู้ยิ่งใหญ่ท่านเป็นคนไม่สนใจใยดีกับสถานะทางสังคม ทั้งไม่มีสถานะทางสังคมใดๆ อาศัยอยู่เพียงลำพังในกระท่อมเล็กๆ บนภูเขา ชอบเล่นกับเด็กๆ ในหมู่บ้าน มีชีวิตอยู่อย่างยากจนและสามัญ

 

ในยามเย็นแห่งฤดูใบไม้ร่วงที่มีจันทร์ดวงงามประดับเด่นอยู่บนฟ้า เรียวกันกลับมายังที่พักบนภูเขา และพบว่า ของที่ท่านมีอบู่เพียง ๒-๓ ชิ้น ได้แก่ จานและชามได้ถูกขโมยไปสิ้น

 

พบดังนั้นแล้ว ท่านจึงแต่งบทกวีไฮกุนี้ขึ้น

 

จาก ดอกไม้ไม่จำนรรจ์

เซนไค ชิบายามะ เขียน

พจนา จันทรสันติ แปล

โดยบังเอิญ


เต็มไปด้วยรูปสวยๆ และโปสการ์ดแนวของน้าเอง

วันจันทร์ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๑
ค้นรูปในเครื่องที่ทำงาน ดั๊นนนน ไปเจอรูปพวกนี้
ถ่ายตั้งแต่วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๘ โน่น
ตอนนั้นน้าเค้าไปเปิดร้านอยู่ที่จตุจักร โซนใกล้ๆ ปากทางลงสถานีรถใต้ดิน จุดที่อยู่ตรงข้ามตลาด อตก. พอดี

ป้าอ้อยกะน้องม้อยพากันไปเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ
และสร้างความหรรษา
ประสาเพื่อน+น้องที่ดี

น้าเค้ายังผอม+หนุ่มใช่ไหมล่ะ?

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

almost exactly

จากฟอร์เวิร์ดอีเมล์ที่ได้รับจากน้องที่เคยไปเที่ยวด้วยกัน อ่านเล่นๆ แล้วสะดุดใจ

เพราะมันช่างใกล้เคียงความจริง ทั้งการอ่านใจผู้อื่น และใจตัวเอง

จึงขอนำมาบันทึกไว้ ให้อ่านกันขำขำ ณ ที่นี้

เพื่อนๆ ดิฉันช่วยอ่านถี ว่าที่เขาอ่านใจดิฉันมานั้น ..ใช่ไหม?

คนเกิดปีระกา 

จิตใจเอื้ออารี (ประมาณนั้น)

หาญกล้า มีลูกบ้าในตัว (ใช่)

ตรงต่อเวลา (ไม่จริ๊งงงงงงงงงง)

ใจคิดอะไร ปากว่าอย่างนั้น (จริงหรอ?)

อ?รลาอยเลื้อยประลงจน    คมขำงามแ)วกมาดเท่ตลอดปี (หึ)

เป็นลูกคุณนาย นามสกุลประณีต หยิ่งทระนง ไม่แคร์ใคร

แสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น (ใช่)

ควบคุมผู้อื่นได้อย่างแนบเนียน (ไม่เห็นด้วย)

ไม่รอมชอม ผิดก็ว่าผิด (ไม่มีความเห็น)

อยากเป็นคนเด่นดังในสังคม (มีส่วน)

รักอิสระ แต่มีกฎระเบียบสูง (เห็นจะใช่)

ดื้อดึง ก้าวร้าวเงียบๆ แต่มองโลกในแง่ดี และก็มีอารมณ์เพ้อฝันไม่น้อยเลยนะ (ไม่เงียบ และไม่น้อย)

สนุกกับการโต้เถียงปะทะคารม (ใช่ โดยไม่สนด้วยว่าอีกฝ่ายชอบด้วยไหม)

ช่างสังเกต ช่างจับผิด (จริงแท้ที่สุด)

มีน้ำใจ ไม่ทิ้งเพื่อน (ไม่รู้ อาจจะจริง)

เจ้าชู้ (แม่น)

รักคนง่าย (ถูก)

ใจซื่อ มือสะอาด (อาจจะใช่)

หงุดหงิดง่าย แต่ก็ควบคุมอารมณ์ได้ (ไม่จริงอะ)

เป็นนักต่อสู้ รู้จักคิด และมองการณ์ไกล (อาจจะไกลไปหน่อย)

เชื่อถือได้เสมอ (หรอ?)

มีความสามารถในทางศิลปะ (เป็นไปได้)

รักสวยรักงาม (ถูก)

ชมได้ แต่อย่ามาติกันนะ (หึ)

ช่างคิด ช่างสะเทือนใจ (ใช่เลย)

หวังให้แฟนเป็นดั่งใจทุกอย่าง (Absoluto!)

บางครั้งก็ดูเรื่องมากกว่าเพื่อนๆ

 (หลายครั้งเลยแหละ)

 

คนเกิดปีเถาะ 

ปัญญาดี มีไหวพริบ (ไม่แน่ใจ)

เป็นนักเจรจา คารมเป็นเลิศ (ปากจัดมากกว่า)

ใจดี ใจกว้าง ใจละเมอ (สองใจแรก ไม่ค่อยแน่ใจ)

หวาดหวั่นขวัญเสียง่าย (ใช่เลย)

เสน่ห์แรง เพื่อนฝูงติดหนึบ (ไม่จริง เพื่อนกลัวมากๆ)

เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆได้ (ไม่นะ ไม่ค่อย)

แต่ก็ชอบชีวิตสงบๆเงียบๆ (ถูกต้องที่สุด)

มีคุณธรรมสูง (สูงจริง)

อ่อนโยน แต่ก็เจ้าอารมณ์ไม่เบา (เจ้าอารมณ์อย่างหนัก)

รสนิยมดี ชอบความเก๋ไก๋ (จะว่าอย่างนั้นก็ได้)

ดูเหมือนหัวอ่อนว่าง่าย แต่ดื้อเงียบ (หัวอ่อนตอนไหนวะ?)

ไม่ค่อยกระตือรือร้นนัก (รู้ได้ไงเนี่ย?)

มีอารมณ์ติสต์ อ่อนไหวสูง (เหอ เหอ)

ปฏิเสธการต่อสู้ การเสี่ยงทุกรูปแบบ (ไม่ชอบเสี่ยง แต่ชอบเอาชนะในบางกรณี)

รักสวยรักงามตลอด (ไม่หรอก)

ชอบการคลอเคล้าพะเน้าพะนอ (ใช่)

รักแรง เกลียดแรง (แต่แย่ตรงที่มักจะลืมว่ารัก และมักจะลืมว่าเกลียด)

เกลียดความก้าวร้าว รุนแรง (แต่ชอบเป็นเสียเอง)

ยากที่ใครจะอ่านใจได้ทะลุปรุโปร่ง (ยังไม่ค่อยรู้ใจตัวเองเลยนี่)

ไม่ชอบกฎระเบียบ (อือ บ้านเรือนที่อยู่นี่เยินมาก)

เป็นกระต่ายน้อยผู้เสียสละ (ชั้นไม่ใช่พระเวสสันดรนะยะ)

ช่างสังเกตเป็นที่สุด (แม่น)

บ่อยครั้งที่จุกจิกจู้จี้เกินเหตุ (..เอิ่ม)

มีความห่วงใยเอื้ออาทร (ประมาณนั้น)

เป็นนักจับผิดตัวยง (ฮิฮิ)

ยากที่จะคิดไม่ซื่อหรือเอาเปรียบใคร (รักความยุติธรรม)

รักอาชีพการงานของตน (ถูกเลย)

โอ้อวดตนได้อย่างแนบเนียน ()

เข้าใจและยอมรับข้อด้อยของคนอื่นได้ (ใช่นะ)

มักภาคภูมิใจในตนเอง (อือ ใช่)

อัศจรรย์


พระพายชายพัดบุปผชาติ                  เกสรสาดหอมกลบตรลบห้อง

ริ้วริ้วปลิวชายสไบกรอง                     พระจันทร์ผันผยองอยู่ยับยับ

พระอาทิตย์ชิงดวงพระจันทร์เด่น          ดาวกระเด็นใกล้เดือนดาราดับ

หิ่งห้อยพร้อยไม้ไหวระยับ                 แมลงทับท่องเที่ยวสะเทือนดง

 


กลอนนี้คือบทรักของขุนแผนกับนางแก้วกิริยา

(ถ้าไม่บอกจะรู้กันไหมเนี่ย?)

 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อขุนแผนมาถึงเรือนขุนช้าง ปรายข้าวสารซัดข้ามหลังคา ขับผีบ้านผีเรือนออกหมด เสกมะนาวขว้างข้ามหลังคาเรือน สะกดคนให้คนบนบ้านหลับเป็นตาย เสร็จแล้วจึงปีนขึ้นเรือนด้านนอกชาน หมายจะขึ้นไปลักตัวนางวันทอง เมียรัก

แต่..ยังไม่ทันเจอห้องที่เมียนอน ดันมาเจอนางแก้วกิริยาเสียก่อน ก็รู้สึกต้องใจมาก จนต้องขอแวะนิดนึง

(ร่างเจ้านอนนิ่งบนเตียงต่ำ                 คมขำงามแฉล้มแจ่มใส

คิ้วคางบางงอนอ่อนละไม                   รอยไรเรียบรับระดับดี

ผมเปลือยเลื้อยประลงจนบ่า                งอนปลายเกศาดูสมศรี)

แก้วกิริยาเป็นลูกพระยาสุโขทัย บิดาเป็นหนี้หลวง เอามาขายฝากขุนช้างไว้ ๑๕ ตำลึง

..ด้วยคารมคมคาย และรูปกายน่าหลง ขุนแผนของเราก๊อเลยได้นางแก้วกิริยาเป็นเมียอีกคน ก่อนจะตามเจอนางวันทองเสียอีก

ขอบคุณแสงอาทิตย์


เงาแรงๆ สวยๆ

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๑

เสาร์อาทิตย์นี้สาวโสดอุทิศชีวิตให้คนที่ตัวเองรักอีกตามเคย
วันวานออกไปรับขวัญหลานคนใหม่
วันนี้ตั้งใจจะไปเยี่ยมพี่ที่ป่วย ที่บ้าน
แต่ดูเหมือนจะไม่ีมีใครอยู่บ้า้น
เลยได้เยี่ยมครอบครัวลูกหมูแทน
(ไม่เจอแค่ ๒ อาทิตย์ เด็กคนนี้ตัวเป่งขึ้นจนสังเกตได้-น่ากลัวมั่ก)

อย่างไรก็ตาม
ระหว่างการเดินทางที่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว
ก็ได้เห็นความงามที่น่าจะทำให้การเกิดมาเป็นคนสายตาปกติพึงได้พอใจ

ฉัน, ยังคงรักท้องฟ้าอยู่เสมอ


เพราะถูกลมข้างบนพัดแตกกระจาย

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๑

ถ้าท้องฟ้าหม่นมัว มืดมิด เพราะถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอก (เช่นที่เชียงใหม่เป็น) สัก ๒ อาทิตย์
เรา
..คงเฉากันพิลึก เนอะ

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

แรกพบน้องธีญ์




เสาร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๑

สวัสดีน้องธีญ์

ในที่สุดน้าม้อยกับน้องธีญ์ก็ได้เจอกันสักทีนะจ๊ะ

แม้หนูจะมีอายุเพียง ๑๕ วัน แต่ก็นับว่าหนูมีความก้าวหน้ามากกว่าเด็กอื่นๆ
เพราะวันนี้หนูได้ออกจากโรงพยาบาลเป็นครั้งที่สอง

ได้กลับเข้าบ้านเป็นครั้งที่สอง
ได้รับการต้อนรับอย่างยินดีจากปู่-ย่า และคุณยาย (เชื่อว่าถ้าตาอยู่ ตาต้องเป็นอีกคนที่ยินดีมากๆ กับการกลับบ้านของหนู) น้าว่ามันอบอุ่นจริงๆ เลย

หนูต้องเข้าโรงพยาบาลหลังอายุครบ ๑ สัปดาห์ เพราะความกินนมเก่ง บวกกับน้ำนมที่มีความดันมหาศาลของแม่น้อย ก็หนูเกิดสำลัก จากนั้นก็เฉาไป พ่อกับแม่ไม่รู้หนูเป็นอะไรเลยรีบพาไปโรงพยาบาลที่หนูเกิด คุณหมอเอ็กซเรย์แล้วเห็นเชื้อแบคทีเรีย (ถ้าน้าจำไม่ผิดนะ) ที่มุมนึงในปอดน้อยๆ ของหนู ก็เลยขอเจาะเลือดหนูไปเพาะเชื้อ แล้วก็ขอตัวหนูไว้ดูอาการ ๗ วัน ในไอซียูเด็ก

แม่น้อยใจเสียมากๆ เลยนะลูก ก็แม่เพิ่งคลอดหนูออกมาแค่ ๗ วันเอง จะอุ้มหรืออาบน้ำก็ยังไม่คล่องมือเลย แต่นี่ต้องฝากหนูไว้กับคุณพยาบาลตั้งนาน แต่หลังจากที่แม่กับพ่อ (ปู่-ย่า ตา-ยาย ด้วย) ทนกระวนกระวายใจอยู่ ๗ วัน ในที่สุดหนูก็ปลอดภัยดี เชื้อที่พบในปอดนั่นก็เป็นตัวเดียวกับที่มีอยู่ในปากหนูนั่นเอง

หนูหายดีแล้ว แต่ต้องจำว่าต่อไปต้องค่อยๆ กิน ค่อยๆ กลืนนะลูก จะได้ไม่สำลักอีก

พูดถึงแม่น้อยของหนู น้าม้อยภูมิใจในตัวเพื่อนคนนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้ใครให้นึก น้าคงนึกไม่ออกว่าเพื่อนตัวเล็กๆ อย่างน้อย จะคลอดพ่อหนูตัวโต ขนาด ๓,๓๔๐ กิโลกรัม ด้วยตัวเอง แถมคลอดไม่ยากด้วย
(น้าถามแม่ว่า การท้องและคลอดลูกนี่เป็นอะไรที่ยากที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงหรือเปล่า
แม่ตอบว่าไรรู้ไหมลูก? แม่หนูตอบว่า "มันไม่ยากขนาดนั้นนะแก")

แม่น้อยเล่าว่า ตอนท้องหนู น้ำหนักขึ้นไป ๑๓ กิโลกรัม คลอดแล้วน้ำหนักหายไป ๖ กิโลกรัม และหายไปกับการเลี้ยงหนูในสัปดาห์แรกอีก ๔ กิโลกรัม นี่คงเป็นเพราะแม่น้อยให้นมหนูนั่นเอง

เก่งจริงๆ นะแม่น้อย

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Bellitas: Bright up my sight


สังเกตดูเค้าจะใช้แก้วเป่าทรงหยดน้ำนะ

ศุกร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๑

ไปทำงานที่ Bellitas ในซอยสุขุมวิท ๓๘ ร้านที่มี Lighting สวยที่สุดแห่งหนึ่งในบางกอก
เพราะที่นี่รวมโคมไฟ แชนเดอเลียร์แบบต่างๆ ทั้งจากฝรั่งเศส อิตาลี อเมริกา และโมร็อคโค
ส่วนราคาก็.... นะ
สมกับราคาเฟอร์นิเจอร์หนัง Poltrona Frau ที่ได้ไปทำเมื่อเล่มที่แล้วแหละนะ

ไม่เคยมีโอกาสใช้เวลานานๆ อยู่กับแชนเดอเลียร์เยอะขนาดนี้ อยู่ท่ามกลางคริสตัลมากขนาดนี้ รู้สึกประทับใจทีเดียว
เข้าใจว่าที่ไม่รู้สึกถึงขนาดเลี่ยนจนอยากจะอ้วก เพราะว่าทางร้านจัดวางสเปซดี พรีเซนต์ของเก่ง
(ร้านนี้สวยมากๆ จนสงสัยว่าเจ้าของเป็นอินทีเรียร์ดีไซเนอร์แน่ๆ แต่ไม่ได้ถาม เธอไม่ได้มาคุยด้วย)

อีกอย่าง คงยังไม่รู้กันใช่ไหม ว่าที่ที่ดิฉันอาศัยอยู่น่ะ ไฟดวงหลักชำรุดมานานแล้ว (โดยไม่มีการซ่อมแซมให้กลับสู่ความพร้อมใช้งานปกติแต่อย่างใด) ทุกวันนี้ใช้ชีวิตท่ามกลางความหม่นมัว
(ราวกับชีวิตมันยังหม่นไม่พองั้นแหละ)
การได้เห็นโคมสวยๆ ในวันนี้เลยเหมือน... เหมือนอะไรดี?

เหมือนการส่งสาร ว่าชีวิตนี้ถ้ามันหม่นนักหนา ก็น่าจะจัดไลท์ติ้งกันสักหน่อย


ป.ล. ดูเหมือนเจ้าของร้านจะหวงรูปของน่าดู กลัวแมกกาซีนจะเอารูปของเค้าไปทำอย่างอื่นว่างั้น
ก็อยากบอกว่า ของแบบนี้น่าจะเชื่อใจกันหน่อย แล้วที่เอามาโพสในบล็อกเนี่ย ก็อย่าคิดมากไป
มองให้ดี มันก็เหมือน Advertoral ในโลกออนไลน์ดีๆ นี่เอง

โลกจะสวยนั้นสวยไปตาม จิตที่งามมองโลกสดใสไปในทางดี
นะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ชีวิตสัตว์โลก ตอน นกก็มีหัวใจ




พฤหัสบดีที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๑

อากาศร้อนอบอ้าว
ไปถึงโรงเรียนไวแทนที่จะทบทวนบทเรียนที่ไม่ได้เรียนเมื่อวันอังคาร
แต่ดิฉันไถลไปแอบดูนก แล้วก็ถ่ายรูปมันมาเยี่ยงที่เอามาให้ดูกันนี่แล

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551

แหนมเนืองหลังมอ+ไมโลดิบ

Start:     Jun 27, '08 08:00a
End:     Jun 29, '08
ว่าจะไม่บอกใครแล้ว
แต่โมโหคนแคนเซิ่ลหลวงพระบาง (แถมมาโืทษเราอีกว่าเคยชวนแล้วไม่ไป)
โมโห โมโห โมโห

เลยต้องทำให้อิจฉากันหน่อย

คือว่า จะไปเชียงใหม่อีกแล้ว ไปทำงานอีกนั่นแหละนะ
(ต้องรอโลว์ซีซั่นชีวิตถึงจะรุ่งเรือง ตอนไฮซีซั่นหรอ ไม่ได้กระดิกตัวไปไหนกะเขาหรอก)

คราวนี้ที่ Veranda ไปทางหางดง-สะเมิงโน่น
แต่ไม่ต้องห่วงนะ อุดม และนาดาว เจอกันแน่งานนี้
เดี๋ยวพี่เอ๋จะมารับไปเจี๊ยะแหนมเนืองเจ้านั้นอย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

รับสมัครด่วน!! คนรักชาวญี่ปุ่น



เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติ
และการฝึกฝนทักษะภาษาใหม่ จึงขอรับสมัครด่วน
คนรัก(เพศชาย)ชาวญี่ปุ่น ตามคุณสมบัติต่อไปนี้

-เพศชาย รสนิยมทางเพศตรงตามเพศ
-พูดภาษาญี่ปุ่น และอังกฤษ
-อายุ 30 ปีขึ้นไป
-ความสูง 170 ซ.ม. ขึ้นไป
-สีผิว? ไม่เกี่ยง
-หล่อไหม? ไม่เกี่ยง
-การศึกษา?ไม่เกี่ยง
-อาชีพ? ไม่เกี่ยง แต่ไม่ใช่อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการคอรัปชั่น นักการเมือง ตำรวจ และทหาร
-สถานะทางการเงิน? ยังไงก็ได้ ขอแค่ไม่ติดลบ
-รสนิยม?ตรงกันไหม? ไม่เกี่ยง ขอให้รู้จักเลือกกิน รู้จักเลือกอ่าน รู้จักเลือกดู และรู้จักเลือกฟังก็พอ
-มารยาทดีพอประมาณ ไม่หยาบคาย ใช้กำลัง ไม่แซงคิว และไม่ถุยน้ำลาย
-จิตใจดี มีเมตตา ไม่เอาเปรียบคนอื่น
-ไม่สูบบุหรี่ ไม่ขี้เมาจนหัวราน้ำ
-มีทัศนคติที่ดีต่อคนเชื้อชาติอื่นๆ ในโลก

จะพิจารณาเป็นพิเศษ ถ้า...
-ทำอาหารอร่อย
-เล่นกีตาร์บลูส์
-วาดการ์ตูนเก่ง
-ฟันสวย และสะอาด ยิ้มแล้วโลกสว่างไสว
-ริมฝีปากอวบอิ่ม น่ามอง
-มือสวย ไม่ไว้เล็บยาว (แอบเติม)


หมายเหตุ ๑ ใครให้การแนะนำได้ มีรางวัลนำจับให้ด้วย
หมายเหตุ ๒ ในภาพคือตัวอย่างกลุ่มเป้าหมาย

ป.ล. ขอเพิ่มอีก ๒ ข้อเถอะนะ
-ขอคนสุขภาพดี
-ไม่เอาทันตแพทย์ (กลัว)

ฝนจ๋าฝน




ทำไมฝนจึงตกในวันที่ไม่มีร่ม?
ทำไมฝนจึงตกในวันที่ใส่ส้นสูง?
ทำไมฝนตกแล้วแท็กซี่ ว่าง-ว่าง หายไปหมด?
ทำไมฝนจึงตกในวันที่ออกมาข้างนอก แล้วธนบัตรใบเล็กที่สุดที่มีคือ ๕๐๐ บาท?

..แต่ไม่ว่าจะยังไง เราก็รักฝนเสมอ..นะฝน


วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เพื่อนฉัน: รูปคู่


บนเขาใหญ่
รู้สึกป้าหม่อมจะเป็นคนถ่ายนะ

รูปคู่ในความทรงจำ
เอามาแบ่งให้เพื่อนดู

ขำ-ขำ

เพื่อนฉัน: เที่ยวกับเพื่อน




สมัยเรียนไปเที่ยวกับเพื่อนหลายครั้ง
แต่ส่วนใหญ่ไปกับเพื่อนกลุ่มเดิมๆ หน้าเดิมๆ
ก็ถูกใจกันแล้ว ยังต้องไปหาคนใหม่ๆ คบอีกหรอ?

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551

บันทึกเรื่องที่ ๒: ความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ในชีวิตลูกผู้หญิง



อาทิตย์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๑

ไปดูหนังญี่ปุ่นกับป้าี่อ้อย
ชื่อเต็มของหนังเรื่องนี้คือ
TOKYO TOWER Mom & Me and Sometimes Dad
เป็นหนังญี่ปุ่นเรื่องดัง (ในทางเรียกน้ำตา) ที่ใครๆ ก็ไปดูมาแล้ว และส่วนใหญ่เพื่อนที่ไปดูมาแล้วก็จะแนะนำให้ฉันไปดู
และนั่นเกือบทำให้ไม่ได้ไปดูหนังเรื่องนี้ซะแล้ว ..ก็คนมันขวางโลก

แต่ก่อนหนังจะออก (รู้จากที่เหลือแค่วันละรอบ) ในที่สุดฉันและป้าอ้อยก็ไปดูจนได้

ถึงระบบเสียงจะเสื่อมในตอนท้ายๆ แต่หนังยังทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง ที่ทำให้ต้องมานั่งเขียนบันทึกในคืนนี้

 

๑. ภาระของ single mom อาจจะหนัก แต่การเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ได้เป็นชีวิตที่ไร้สุข มิหนำซ้ำยังไม่ใช่ความซวย การอยู่กันพร้อมหน้า พ่อ-แม่-ลูก ไม่อาจการันตีถึงความมั่นคงและความสุขของครอบครัว

๒. (แม่ของฉันก็เป็น single mom)

๓. ไม่ว่าจะเป็นแม่ชาติไหนๆ ความจำเป็นของลูก คือความจำเป็นของตัวเอง ความสุขของตัวเองไม่สำคัญเท่าความสุขของลูก และไม่ว่าลูกจะมีเหตุผลอะไรในการขอเงิน แม่ก็ต้องหามาให้  แล้วลูกจะทำให้แม่มีความสุขได้ยังไง? ก็แค่ทำงานเท่านั้นเอง

๔. เวลาของเราแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ฉะนั้น ต้องรู้จักบริหารเวลา นอกจากใช้สนองความสุขของตัวเองแล้ว ยังต้องรู้จักแบ่งไปบำรุงความสุขของคนที่รักเราที่สุดด้วย

๕. ชีวิตจะเป็นยังไงมันอยู่ที่วิธีที่เราใช้มองชีวิต ถ้าเรามีัอารมณ์ขัน และมองชีวิตในแง่ดี ชีวิตแย่ๆ ก็คงไม่เลวร้ายเกินไป

๖. คำว่า さよなら (sayonara) มันเศร้าที่สุดในโอกาสแบบนี้เอง ส่วนคำว่า Gambatta (ne) ที่ได้ยินอยู่ตลอดเรื่องเป็นคำพูดให้กำลังใจ ให้สู้ๆ หน่อย แม่พูดคำนี้กับลูกเรื่อยเลย

๗. บางที คนเราก็ไม่ได้ร้องไห้เพราะหนังมันเศร้า

๘. ดูเหมือนว่าใครที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะร้องไห้กันทั้งนั้น (ป้าอ้อยยังร้องเลย แต่ดิฉันร้องไม่มากเท่าตอนดู Venus)
ไม่แน่ใจว่าแม่สาวขาวอวบที่นั่งกอดแขนแฟนอยู่ข้างๆ ฉันจะร้องไห้ไหม เท่าที่รู้ แฟนของหล่อนน่าจะร้อง แบบว่าได้ยินเสียงสั่งน้ำมูก

๙. การเกิดเป็นผู้หญิงทำให้มีโอกาสได้พบประสบการณ์สุดพิเศษจากความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ ระหว่างแม่กับลูก (คนเป็นพ่อไม่มีทาง 'ถึง' ได้เท่ากับแม่แน่ๆ)
มีรุ่นพี่ที่มีลูกแล้วคนนึงเล่าให้ฟังว่า พอมีลูกแล้วจะเข้าใจ ว่าความรักที่ยิ่งใหญ่คืออะไร พอมีลูกแล้วผัวจะไปไหมไม่สนแล้ว สนแต่ว่าลูกฉันจะมีกินหรือเปล่า

๑๐. ดูหนังเรื่องนี้แล้วอยากมีลูกจัง
เชื่อว่าแม่ของฉันก็อยากใ้ห้ฉันมีลูก (มีผัวด้วย) เหมือนกัน

(ข้อพิเศษ) จงจำไว้ว่าถ้าดูหนังญี่ปุ่นแล้วอยากกินข้าวราดแกงกระหรี่ หรือซูชิ ก็จงไปหากินในร้านอาหารญี่ปุ่น (ลองเข้า Yamane ดู) อย่ามั่วเดินเข้า A&W แล้วต่อด้วยยำแซ่บ เพราะรูทเบียร์จะทำปฏิกิริยากับกรดมะนาวปลอม...เสียของเปล่าๆ





วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Don Juan Demarco: Have You Ever Really Loved a Woman?

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Romantic Comedy
ก่อนจะโดนถามว่า “ Have You Ever Really Loved a Woman?”
ดิฉันขอถามคุณผู้ชายก่อนว่า คุณรู้จักผู้หญิงแค่ไหนกัน?
(หึ หึ-เจอคำถามนี้ก็คงเดี้ยงไปตามๆ กันสินะ)

ถ้าคำถามข้างบนทำให้คุณจนใจนัก จะลองถาม Don Juan Demarco ดูไหม?

ในหนังเรื่องนี้ ดอน ฮวน เดมาร์โก (จอห์นนี่ เด็ปป์) ถูกมองว่าเป็นชายหนุ่มเสียสติเพราะผิดหวังในความรัก จนคิดฆ่าตัวตาย
ก็พี่แกเล่นแต่งตัวย้อนยุค แถมยังใส่หน้ากากเหมือนจอมโจรซอร์โรอีก

และ่เมื่อได้เขาได้คุยกับหมอแจ็ค มิตเลอร์ (มาร์ลอน แบรนโด) จิตแพทย์รอเกษียณที่กำลังตกอยู่ในภาวะ mid-life crisis เรื่องราวชีวิตรักแฟนตาซีที่คนไม่โรแมนติกรับไม่ได้ก็ค่อยๆ เผยออกจากปากของ ดอน ฮวน

หมอถามแบบคนที่ลืมไปแล้ว ว่า ‘รัก’ เป็นยังไง ว่า
ผู้หญิงคนนี้มันยังไงนักหนา ทำไมต้องถึงกะต้องตายเพื่อเธอด้วย
ดอน ฮวน ตอบด้วยการย้อนถามว่า

“Have you never met a woman who inspires you to love until your every sense is filled with her? You inhale her, you taste her, you see your unborn children in her eyes and you know your heart has last found a home. Your life begins with her and without her it must surely end.”

หมอฟังแล้วเป็นยังไงหรอ? ก็อึ้งน่ะสิ

คนดูก็อึ้งด้วย
ยุคนี้สมัยนี้ ยังมีผู้ชายที่รักผู้หญิงแบบนี้อยู่อีกหรือ?

ทัศนคติที่มีต่อความรักแบบนี้ ทำให้ ดอน ฮวน เดมาร์โก กลายเป็นนักรักตัวยงตั้งแต่อายุเพิ่งได้แค่ยี่สิบต้น ก่อนจะถูกสาวคนที่รักที่สุดหักอก เค้าผ่านผู้หญิงมาตั้ง ๑,๕๐๑ คนแน่ะ

อยากรู้เคล็ดลับหรอ?

ดอนฮวนบอกว่า เขามองเห็นความงามของผู้หญิงแต่ละคน เพราะไม่ได้มองแค่รูปกายภายนอกแล้วก็ตัดสินว่า คนนี้หน้าอกเล็กไป คนนั้นสะโพกผายไป คนนู้นขาใหญ่ไป นั่นก็พูดมากไป นี่ก็ผมหยิกไป แต่เขาจะมองลึกเข้าไปในตัวผู้หญิง จึงได้เห็นถึงความงามที่ส่งประกายออกมา ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงสวย หรือแก่ สูง ต่ำ ดำ ขาว ดอน ฮวน สามารถทำให้เธอรักได้อย่างง่ายดาย
และผู้หญิงก็สามารถรักดอน ฮวน ได้อย่างง่ายดาย แถมยังหลงเอามากๆ เสียด้วย

ดิฉันก็คิดเหมือนหมอแจ็คนะ
บางทีที่ชีวิตรักของพวกเราไม่โรแมนติกนัก อาจจะเป็นเพราะเรามองโลกในแง่ที่เป็นจริงมากเกินไป มองเห็นจุดบกพร่องของกันและกันชัดเกินไป แค่นั้นไม่พอ ยังชอบหยิบเอามาพูดให้อีกฝ่ายช้ำใจ หรือไม่ก็แคร์คนรักน้อยกว่าแคร์ตัวเอง แทนที่อยู่ด้วยกันแล้วจะได้สวีตหวานแหวว กลายเป็นเอาเวลาทั้งหมดที่มีมาทะเลาะผิดใจกันซะงั้น

รู้อย่างนี้แล้ว เราน่าจะเอาวิธีของนักรักตาหวานคนนี้มาใช้กันมั่ง ถ้าจุดบกพร่องของแฟนมันเด่นชัดทิ่มลูกกะตานัก ก็ลองให้คะแนนกับข้อดีที่แฟนมีมากกว่า
ลดความเป็น perfectionist ลงสักหน่อย หันมามองแฟนเราแบบที่เขาเป็น ส่วนจินตนาการรักที่เคยมี ถ้าพบว่าหายหกตกหล่นไปตรงไหน รีบตามเก็บมาใช้

บางทีเราอาจกลายเป็น ดอน ฮวน เดมาร์โก้ สำหรับคนรักได้โดยไม่ยาก



บันทึก
-จอห์นนี่ เด็ปป์เล่นหนังเรื่องนี้ด้วยการพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแม็กซิกัน-สแปนิช น่ารักจริงๆ เลย
-นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ชายหน้าสวยมากๆ ถ้าจับเขียนขอบตาแบบฟังก์อาจจะดูสวยหวานแบบลึกลับกว่าสาวหลายๆ คนเสียอีก (ไม่เชื่อไปหาหนังเอ็ดเวิร์ดมือกรรไกรมาดูใหม่) ในเรื่องนี้มีบทที่ต้องปลอมตัวเป็นผู้หญิงเข้าไปอยู่ในฮาเร็ม เด็ปป์หน้าสวยจนอยากจับ
-ชอบสำบัดสำนวนในไดอาลอกหนังเรื่องนี้จัง
-เพลงประกอบหนังเพราะมาก ทั้งเพลงภาษาสเปน และเพลงเอนด์ไตเติล Have You Ever Really Loved a Woman ที่ร้องโดยไบรอัน อดัม
-ในเรื่องมีการ twist อยู่ครั้งนึง ตอนที่ดอน ฮวน ถูก ดอนญ่า อันนา สาวคนที่เขารักที่สุดในชีวิตรักทิ้ง เหตุผลมันขำมากๆ ไม่อยากบอกตอนนี้ ลองไปหาเช่าหนังเรื่องนี้มาดูแล้วกัน



เพื่อนฉัน: เพื่อนที่คิดถึง


จำได้ว่านี่เป็นรูปจากฟิล์มที่หัดถ่ายเป็นม้วนแรก
ถ่ายที่ห้องอนุรักษ์ฯ

ชีวิตสี่ปีในมหาวิทยาลัยให้อะไรกับชีวิตมหาศาล
...มากจนพูดไม่หมด เอาไว้จาระไนวันหลังละักัน

มาพูดถึงเพื่อนดีกว่า
สี่ปีที่ศูนย์รังสิต และท่าพระจันทร์ ได้เพื่อนมาเยอะ
หลายคนยังคงความสนิทที่ระดับ "ซี้" (หมายถึงสนิทมาก ไม่ใช่ตาย) มาจนถึงทุกวันนี้
บางคนก็หายไปตามทางของเขา
ไปมีลูกมีผัว
บางคนอ้วนขึ้น
บางคนผอมลง
บางคนก็โกรธเราัยังไม่หาย

แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ยังคิดถึงทุกคนมากมาย ไม่เคยเปลี่ยน



เพื่อนฉัน: เพื่อนสิ่งพิมพ์


รูปนี้แนวดีนะ

ดิฉันเป็นเด็กวารสารฯ ธรรมศาสตร์
เลือกวิชาเอกสิ่งพิมพ์ตั้งแต่ปีหนึ่งเลย
เพราะว่าขี้เกียจไปแย่งขอโควตากับเขา
แต่ก็ดีเลือกสิ่งพิมพ์ เพราะเลือกไปแล้ว รู้สึกว่านี่ใช่เลย
ชอบเลย เป็นเราเลย มีความสุขเลย

เพื่อนสิ่งพิมพ์มีไม่กี่คน คนส่วนใหญ่เขาจะเลือกวิทยุ-โทรทัศน์ รองลงมาก็เป็นโฆษณา แล้วก็พีอาร์
เอกที่มีคนน้อยรองจากสิ่งพิมพ์รู้สึกจะเป็นเอกฟิล์ม (แต่เดี๋ยวนี้คงไม่ใช่ ก็เทคโนโลยีของเครื่องไม้เครื่องมือมันก้าวหน้าซะขนาดนี้ แถมไม่ต้องง้อค่ายหนังเอาทุนมาทำงานแล้ว)

เรียนด้วยกันแบบเห็นหน้าเห็นตามาตั้งสองสามปี แต่เพิ่งจะสนิทกับเพื่อนสิ่งพิมพ์เอาตอนปีสามปีสี่
โดยเฉพาะตอนปีสาม ที่เราต้องช่วยกันทำหนังสือพิมพ์ “ยูงทอง”
รูปคอลเลกชั่นนี่ถ่ายตอนปี ๓ หรือ ๔ หว่า?
ช่วงนั้นเรากำลังฮิตเป็นโคบาลกันอยู่
เลยนัดกันใส่เสื้อเชิ้ตลายสก็อตมาถ่ายรูปกันให้หนุกหนาน

ตอนนี้ใครเป็นไงกันมั่งแล้วไม่รู้
ติดต่ออยู่ไม่กี่คนเอง

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2551

อยากจิบเบียร์ในนรกครับ: ก้าวแรกในโลกของชายชั่ว

Rating:★★★★★
Category:Books
Genre: Biographies & Memoirs
Author:Tucker Max แปลโดย ทรงพล ศุขสุเมฆ
คนเราอาศัยอยู่ที่ไหนถ้าไม่ใช่โลกของตัวเอง?
(เริ่มเรื่องด้วยประโยคที่เป็นความจริง-ตามคำแนะนำของเฮมมิ่งเวย์)

โลกของ Tucker Max เป็นโลกที่ดิฉันไม่เคยได้เฉียดใกล้ เพราะสำหรับตัวเอง ถึงหน้าจะให้ แต่ไม่ใช่นักดื่ม อย่าเพิ่งพูดถึงเตอกีล่า แค่เบียร์กระป๋อง แชมเปญแก้วเดียว หรือสก็อตช์สัก ๕ จิบ ก็เพียงพอจะทำให้สมองเบลอเพราะความสุขล้นจากฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้ว ถ้าดื่มมากกว่านั้นความรู้สึกจะล้ำเกินความสุข กลายเป็นความทุกข์เพราะอยากอ้วก

เรียกว่าเป็นคนคออ่อนนั่นเอง

แต่จากเรื่องเล่าของ ทักเกอร์ แม็กซ์ (มีคนตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าใช่เรื่องจริง ควรจะเป็นเรื่องโม้เสียมากกว่า แต่ก็ช่างเหอะ เอามาหารสองแล้วมันก็ยังมากกว่าจะเป็นเรื่องจริงอยู่ดี) ทำให้ดิฉันได้รู้จักโลกสำมะเลเทเมาของผู้ชาย
โลกอีกใบที่เพี้ยนพิลึก ไร้ตรรกะและเหตุผลใดใด แค่ทำไปด้วยความคึกคะนองแห่งวัย

ที่สำคัญ ทำให้ได้รู้ว่าคนเราเมาได้หลายระดับ ตั้งแต่ระดับยิ้มหวาน-คุยสนุก ไปจนระดับสุดยอด คือ ‘เมาระดับ ทักเกอร์ แม็กซ์’ หรือระดับที่พร้อมจะวูบไปเฉยๆ, นอนกับผู้หญิงอัปลักษณ์หรือหมูตอน, เสียโอกาสในการฟันสาวสวยเพราะวูบคาอกไปเสียก่อน, อ้วกแตกอ้วกแตน, หาเรื่องกับคนที่อ่อนแอกว่า, ทำลายข้าวของ, อารมณ์เสียกับสิ่งไม่มีชีวิต แถมด่ามันให้ด้วย, พูดกับทุกคนด้วยคำหยาบ หรืออะไรร้ายๆ โดยไม่มีความยั้งคิด ตื่นขึ้นในสถานที่แปลกตา แถมจำไม่ได้ว่ามาได้ยังไง ฯลฯ
ขำก็ขำ สมเพชก็สมเพชกับความทุเรศของคนเวลาเมา

คนเคยอ่านพันธุ์หมาบ้ามาก่อน (แหะ แหะ.. ดิฉันยังอ่านไม่จบ) จะพบต้นเหตุ และเรื่องเล่าที่ทำมามาซึ่งการดื่ม (และพี้กัญชา) ตัวละครทุกตัวในพันธุ์หมาบ้ามีที่มีชีวิต มีเหตุผล ที่มาที่ไป มีทางออก การอ่านพันธุ์หมาบ้าเลยเป็นการอ่านที่ไม่ได้แค่ความสนุก สะใจ แต่คนอ่านยังได้แรงบันดาลใจ ได้บทเรียน ได้อะไรดีๆ สำหรับชีวิตตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ คนหลายคนเลยมีความผูกพันกับพันธุ์หมาบ้าของน้าชาติ (กอบจิตติ) เหมือนหนังสือเล่มนั้นเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่เคยลืมกัน และยังคิดถึงเสมอ

เรื่องเล่าของทักเกอร์ไม่น่าจะให้อะไรดีๆ ได้ขนาดนั้น
เพราะมันเป็นแค่บันทึกวีรกรรมห่ามๆ เรื่องชั่วๆ เช่น วิธีสอยหญิงแล้วชิ่งหนีในเช้าวันใหม่ แฉหมดเปลือกสาวนักเที่ยวแบบต่างๆ กับคำหยาบคายและคำพูดร้ายๆ ระคายหูสไตล์อเมริกัน (แปลมาเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว) วิธีกินเหล้าของคนไม่รักชีวิต กลโกงเกมพนัน การรังแก-เอาเปรียบคนที่มีฐานะทางสังคมที่ต่ำกว่า (อย่ามาเถียง discrimination ยังมีอยู่-ทั่วโลกด้วย) แถมยังเล่าถึงการอ้วก, ฉี่ และอึ ได้อย่างไม่กระดากใจ
ถ้าจะอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ต้องทำใจ ว่าอย่ามามองหา moral ให้เสียอารมณ์ แค่อ่านขำๆ มันส์ๆ ระหว่างเข้าในห้องน้ำตอนเช้า บนรถไฟฟ้า หรือเรือด่วนเจ้าพระยาก็พอ

ลีลาการเล่าของทักเกอร์ก็ไม่ได้เลอเลิศอะไร การวางพล็อตก็ไม่ได้ซับซ้อนสวิงสวาย อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วรู้สึกไม่ต่างกับการอ่านบล็อกผู้ชายชั่วๆ สักคน การตรวจปรูฟก็ตกๆ หล่นๆ ไม่สมบูรณ์แบบ (ที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ติดอันดับ Bestseller ของ The New York Time ๒ ปีซ้อน อาจจะเป็นเพราะความ ‘ดิบ’ นี่แหละ)

แต่ที่ใจป้ำให้ห้าดาวนั้น เอาเป็นว่าให้ตามดีกรีเรื่องชั่วที่ทักเกอร์เล่าละกัน



หมายเหตุ ๑ โปรดอ่านด้วยใจเป็นธรรม และอย่าซีเรียส การจะนำหนังสือเล่มนี้ไปเทียบพันธุ์หมาบ้า ต้องเข้าใจว่าอันนั้นน้าชาติเขาเขียนส่ง บ.ก. ลลนา อย่างน้อย บ.ก. ต้องสกรีนแล้ว ว่าแบบนี้มีคนอ่าน มิหนำซ้ำยังเขียนโดยนักเขียนที่จะเป็นเจ้าของรางวัลซีไรต์ในเวลาต่อมา แต่ I Hope They Serve Beer in Hell นี่ เป็นการรวมเล่มจากเรื่องเล่าบนเว็บของทักเกอร์ แม็กซ์ หนุ่มอเมริกันนักเทียวที่อายุยังน้อย ต้นกำเนิดจึงต่างกัน

หมายเหตุ ๒ ถ้าอยากลองอ่านเรื่องชั่วของทักเกอร์ แม็กซ์ ดิฉันแนะนำให้ไปยืนอ่านในร้านหนังสือสัก ๒-๓ หน้า ถ้ารู้สึกว่าผ่าน ค่อยรับกลับมาลอง

หมายเหตุ ๓ ดิฉันเองเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง ว่าทักเกอร์ แม็กซ์มีตัวตนจริง ถ้าคุณอยากช่วยพิสูจน์เชิญไปเดินเล่นในเว็บนี้ www.tuckermax.com


เรดาร์แมว: กวนใจแมว




ศุกร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๑

หลังจากรู้สึกแฮ่กมาทั้งอาทิตย์ เย็นวันนี้เลยไม่คิดจะไปแร่ดที่ไหน
(ไม่ใช่เพราะมันเป็นศุกร์ที่ื ๑๓ หรอก)

เดินไปสถานีอโศก สะดุดตากับเจ้าแมวอ้วน
นอนไม่เกรงใจคนอยู่ท้ายมอเตอร์ไซค์

อย่างนี้ต้องโดนเสียหน่อย

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

คำคม#๙



"จงเขียนประโยคที่เป็นความจริงลงไปสักประโยค"
 


คือสิ่งที่ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ บอกตัวเองเมื่อมีปัญหา 'เขียนหนังสือไม่ออก'
นัยว่าพอเขียนประโยคแรกนี้แล้ว ประโยคต่อๆ มาก็จะพรั่งพรูออกมาเป็นเรื่อง เป็นเล่ม
ดิฉันไปอ่านเจอประโยคทืี่เป็นเหมือนแสงเทียนสำหรับนักเขียนปากกาฝืดประโยคนี้ในมติชนสุดสัปดาห์  ๖-๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๑ คอลัมน์ 'มิตรน้ำหมึก' โดย ณรงค์ จันทร์เรือง

ดิฉันเองก็ใช้วิธีใกล้เคียงกับเฮมิงเวย์ แต่อาจจะไม่ได้เริ่มที่ 'ประโยคที่เป็นความจริง' มันอาจเป็นแค่ประโยคสักประโยค จากนั้นก็จะเขียนต่อไปได้ ถ้าเรื่องที่จะเขียนมันรออยู่ในหัวแล้ว

ปัญหาก็คือ คนสมัยนี้ เขียน 'ประโยค' สมบูรณ์เป็นกันหรือเปล่า? 

บันทึกเรื่องที่ ๑: ความเปราะบางของความสัมพันธ์

 
คืนวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๑ หลังเรียนชั่วโมงแรกกับเอมมุเซนเซ อร่อยกับตันตันเมง เกี๊ยวซ่าที่ตันตันเมง ซื้อช็อกโกแลตโรลจากคัสตาร์ดนากามูระ กลับถึงบ้านก็พบว่าเยอรมันมีแนวโน้มจะแพ้ตั้งแต่ครึ่งแรก

ฉันยังได้เรียนรู้ว่า

 ๑.    การคบหากันยาวนานช่วยให้ความสัมพันธ์กระชับแน่นแฟ้น แข็งแรงขึ้นก็จริง แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแรงของความสัมพันธ์นั้น เป็นความแข็งที่เปราะ ไม่ทนทานการกระทบกระเทือนจากคำพูดบางคำ และการกระทำบางอย่าง

ดังนั้น แม้กับเพื่อนรักที่เราคิดว่าเขาเข้าใจเราดี เราก็ยังต้องระวังการกระทำที่จะกระทบใจเพื่อน

๒.     แม้เราจะวางกฎกติกาในการคบหาและสื่อสารกับคนอื่นเอาไว้แล้ว อย่างแยบคาย ทว่าชััดเจน แต่ถ้าคนที่เราคบด้วยไม่รับรู้กฎกติกาอันนี้ กฎที่เราวางไว้ก็ไร้ประโยชน์

๓.      ประสิทธิภาพในการสื่อสารผ่านมัลติพลายนั้น ห่วยพอๆ กับการแชตผ่าน msn มันถูกจำกัดด้วยทักษะในการอ่าน ทักษะในการเขียน ปัญหาทางเทคนิค ไวรัส หัวหน้า อินเทอร์เน็ตสปีด ฯลฯ ดังนั้นอย่าไปหวังอะไรกับมัลติพลายมากนัก มันดีในบางเรื่อง เก๋ในบางแง่ แต่ก็ไม่อาจทำให้คนที่ไม่รู้จักกันดีพอ รู้จัก เข้าใจกันดีพอ

ดังนั้น ถ้าอยากรู้จักกันจริงๆ ต้องออกมาทำความรู้จักกันในโลกแห่งความจริง ด้วยการสื่อสารวิธีปกติ (คือวัจนภาษา และ อวัจนภาษา) ไม่มีทางเลือกอื่น

 

จะตกไหม?




วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ก็รัก แต่มันทนไม่ได้หนิ [รำพึง-รำพัน]

 

ง่วงมาก หัวหน้าก็ไม่อยู่

คิดถึงหัวหน้า ไม่มีแรงทำงาน

ขอบ่นหน่อยนะ

 

ใครดูบอลยูโรรอบแรกกลุ่มดี คู่สเปน-รัสเซีย เมื่อคืน (อังคาร ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๑) บ้าง

ดิฉันดูไปครึ่งเดียว เพราะเห็น 2-0 ก็วางใจ เห็นหน้าตาสไตล์เด็กยุโรปรั้นๆ กระหล่อๆ ขายาวๆ กล้ามสวยๆ ของตอร์เรสแล้วก็อิ่มใจ กอปรกับง่วงสุดๆ หมดสิ้นเรี่ยวแรงจากการเรียนภาษาญี่ปุ่น Y2 วันแรก (ตระหนกสุดๆ-แต่ชิดะเซนเซ (32) น่ารักมากกกกก คลายความประสาทไปได้เยอะ...ค่อยยังชั่วหน่อยนะ)

 

นั่นแหละ หมดแรงขนาดนี้ แถมยังไม่มีการสนทนากับชายผู้ลึกลับมารบกวน กาแฟแก้วเดียวของวันก็กินไปเมื่อ ๑๔ ชั่วโมงก่อน ก็ควรจะนอนหลับสนิทสินะ

 

ฝนพรำๆ อากาศหอมๆ กำลังสบายเลย เกือบหลับได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วเชียว

 

ทว่า...เวลาเที่ยงคืนครึ่ง อินโทรเพลง a moment to myself ก็ดังขึ้น ..สายเข้าง่ะ

ก็ดูว่าใครโทรมา

 

เชี่ยท! จะโทรมาทำไมเนี่ย เวลาอย่างเนี้ยนะ

ชาวบ้านจะหลับจะนอนไม่รู้หรอ หรือก็รู้ แต่แค่จะกวน

ก็ไม่รับสาย ใช้แนวทางเดิมคือ กด mute แล้วรอจนเขาขาดใจไปเอง

 

นั่นก็ทำให้นอนสะดุ้งฝันบ้าๆ บอๆ จนเช้า

และวันนี้ก็มีชีวิตอยู่อย่างเบลอๆ อีกตามเคย... เซ็งเนอะ

 

เช้าวันนี้มีภารกิจต้องไปซื้อยาประสะน้ำนม-ก็ยาที่กินแล้วน้ำนมไหลกระฉูดนั่นแหละ ให้พี่ที่รักกัน เพราะว่าร้านขายยาปากซอยอ่อนนุชมีขาย ก็เลยต้องทนนั่งรถติดๆ ไปทางปากซอยอ่อนนุช (เพื่อจะพบว่ายาหมด ต้องมาดูใหม่อาทิตย์หน้า)

 

แต่ก็ดี ได้จิบเบียร์ไประหว่างรถติด หูยังฟังพี่น้องสินเจริญไปด้วยอีกตะหาก (คลื่น ๑๐๓.๕ เคยฟังกันมั่งไหม? ขำดีนะ)

 

ทุกๆ วันหลัง ๙ โมงเช้า สินเจริญเค้าจะชวนให้คนโฟนอินเข้ามาคุยกันในหัวข้อต่างๆ นานา วันนี้ขำดี เขาเปิดประเด็นทำนองว่า เรื่องอะไรของแฟนที่ทำให้ ทนไม่ได้อยากบ่นหรือว่าอยากเม้าท์ ไม่ต้องเกรงใจใคร โทรเข้าไปเลย

ดิฉันฟังอย่างเดียว ไม่ได้โทรไปกะเขา ก็ตอนนี้ไม่มีแฟนนี่โว้ย

 

ก็ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ๓ สาย

 

สายแรก (ช) บอกว่าทนไม่ได้เรื่องที่ชีขี้บ่นมาก

เขาบอกรักก็รักนั่นแหละ แต่ชีบ่นจังเล้ยยยยย บ่นจนเบลอ

สินเจริญก็ถามว่า บ่นเรื่องไรละ

คำตอบคือ เรื่องชอบเที่ยว เรื่องทำงานบ้านไม่เรียบร้อย (เนื่องจากบ้านนี้ฝ่ายหญิงออกไปทำงานข้างนอก ฝ่ายชายเป็นฟรีแลนซ์ สถิตย์อยู่บ้าน เลยต้องรับหน้าที่ช่วยงานบ้านให้กับฝ่ายที่เหนื่อยกว่า)

เคสนี้ดิฉันเห็นใจฝ่ายหญิงว่ะ

 

สายทีสอง (ญ) บอกว่าทนไม่ได้เรื่องแฟนผายลมเสียงดังมากกก

คนนี้เล่าว่าตัวเองเป็นคนช่างพูด ได้แฟนพูดน้อยกว่าก็ดีใจ พาเข้าบ้านอย่างภาคภูมิ ...ที่ไหนได้ พอเขาคนนั้นเข้าห้องน้ำ ก็เกิดการผายลมด้วยเสียงดังสนั่นลั่นออกมา ทำให้ชีคนนี้เกิดความอับอายแก่ญาิติพี่น้องเป็นที่ยิ่ง และนับจากนั้นจึงได้ทราบว่า แฟนหนุ่มผู้แสนดี มีข้อเสียคือผายลมดัง และจะผายทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำที่บ้าน บ้านเพื่อน หรือในห้าง

เรื่องนี้ชีอ๊าย-อาย บอกว่าจะเตือนให้ผายเบาๆ หน่อยก็ไม่กล้า

ขำดีที่สินเจริญแซวว่าแฟนหนุ่มของชีอาจจะระบายความเก็บกดที่พูดไม่ทันออกมาทางการผายลม-ฮ่าฮ่า

 

สายที่สาม (ช) บอกว่าทนไม่ได้เรื่องแฟนอ้วนเป็นช้างน้ำ

คู่นี้คบกัน ๗ ปี จากน้ำหนักตัวแค่ ๔๓-๔๔ เดี๋ยวนี้แฟนสาวกลายเป็นธิดาช้างไซส์ ๗๐ กว่าโล

สินเจริญตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตาคนนี้บอกว่าไม่มีอะไรหรอก ชีแค่กินข้าววันละ ๕ มื้อเท่านั้นเอง บอกให้ลดก็ไม่ลด

สินเจริญคงสงสัยว่า แล้วฝ่ายชายน้ำหนักตัวเป็นไงหรอ

ตานี่บอกตัวเองก็อ้วนขึ้นเหมือนกัน ตอนนี้เหมือนช้างคู่ว่างั้น

 

..คนฟังฟังไปก็ขำ แต่ก็อดนึกไม่ได้ หน็อยยยย ไอ้อ้วนเอ๊ย อ้วนขึ้นเหมือนกันอย่างนี้ยังมีหน้าจะมาทิ้งเค้าอีก

(นึกแล้วยังขำ)

 

มันก็แปลกดีนะคนเรา

แรกๆ จีบกันใหม่ๆ อีกฝ่ายเป็นไงก็ทนได้

ก็มันรักความเป็นตัวเค้าอ่ะ

นานๆ ไปกลายเป็นเรื่องไม่อยากทนไปซะงั้น

 

 

 
หมายเหตุ: ขอคำแนะนำหน่อยสิ

จะทำยังไงดีกับสายที่ชอบโทรมาตอนดึกๆๆๆๆ

ถ้าไม่อยากปิดมือถือ แต่ก็ห้ามไม่ให้เค้าโทรมาไม่ได้

ทำไงเราถึงจะ รู้ ว่าเขาโทรมา โดยไม่ยี่หระ ไม่หวั่นไหว สะดุ้งสะเทือน แบบว่า..โทรมาแล้วไง ชั้นก็แค่ไม่รับสาย-จบ??