เอา Ricoh Caplio R6 มาลองอีก
พกกล้อง ๑ วัน ได้ถ่ายรูปอะไรมาเยอะ
เก็บรูปดอกไม้ทีได้พบบนเส้นทาง
ป่าตึกรอบๆ ตัว
ห้องว่างรอคนมาอยู่
และรุ่นพี่ที่สนิท (แต่ไม่กล้าสนิทกันนัก-เกรงใจ) ซึ่งไปเจอกันโดยบังเอิญที่งานสัปดาห์หนังสือฯ
หมายเหตุ: เรื่องเล่าเรื่องนี้แค่แต่งขึ้นเพื่อสร้างความหรรษาให้กับหัวใจในหมู่ผู้อ่าน ที่จริงผู้เขียนก็อยากจะสอดแทรกประเด็นมีประโยชน์ไว้บ้าง แต่ถ้าตอนไหนมันไม่มีโปรดอย่าคิดมาก ชีวิตนี้แสนสั้น ดังนั้นจงหรรษาเข้าไว้นะจ๊ะ
Rating: | ★★★★ |
Category: | Movies |
Genre: | Independent |
มรณานุสติ
"วันและคืนล่วงไป
ชีวิตใกล้ดับเข้าไป
อายุของสัตว์ทั้งหลาย ( ค่อย ) สิ้นไป
ดังน้ำแห่งลำน้ำน้อย( ค่อย ) แห้งไปฉะนั้น
ภัยแต่ความตาย ย่อมมีเป็นเที่ยงแท้แก่สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดมาแล้ว
ดุจภัยแต่ความหล่นในเวลาเช้าย่อมมีแก่ผลไม้ทั้งหลายที่สุกแล้วฉะนั้น
เหมือนอย่างภาชนะดินที่ช่างหม้อทำขึ้นแล้ว
ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ทั้งสุกทั้งดิบ
ล้วนมีความแตกเป็นที่สุดฉันใด
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็เป็นฉันนั้น "
พระพุทธศาสนาสอนให้มีการเจริญมรณานุสติเพื่อสร้างความไม่ประมาทในการใช้ชีวิต การเจริญมรณานุสติเป็นการนึกถึงความตายที่เป็นสภาวะที่จริงแท้ซึ่งเมื่อมาสู่ชีวิตแล้วทำให้ชีวิตขาดสะบั้นลงทันที กิจกรรมใดที่เคยทำไว้แต่ก่อนเมื่อความตายมาถึงแล้ว กิจกรรมเหล่านั้นก็เป็นอันสิ้นสุดลง
การเจริญมรณานุสติเป็นการช่วยให้คลายจากความยึดถือชีวิต และความหมกหมุ่นอยู่กับความโลภโกรธหลงในอารมณ์ การระลึกถึงความตายจะช่วยทำให้ปล่อยวางได้จากหลายสิ่ง และยอมพ่ายแพ้ธรรมชาติคือความตายได้อย่างสงบ เพราะความตายเป็นสิ่งที่มีอำนาจและยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีมนุษย์คนใดเอาชนะได้ แม้พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังทรงต้องทอดทิ้งพระสรีรกายไว้ในโลกให้พุทธบริษัทจัดการถวายพระเพลิงพระบรมศพ
เมื่อความตายมาสู่ชีวิตของบุคคลโดยไม่มีนิมิตบอกล่วงหน้าให้มีเวลาเตรียมตัว จึงไม่ควรวางใจในชีวิต กิจใดที่ควรทำ ควรรีบทำกิจนั้นอย่างไม่ผัดวันประกันพรุ่งนี้อาจทำให้มีการนึกถึงความตายในด้านที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ เช่น การนึกถึงความตายแล้วเกิดใจฝ่อห่อเหี่ยวจนหมดเยื่อใยในชีวิต ไม่อยากจะทำกิจกรรมอะไร การงอมืองอเท้ารอคอยความตายเช่นนี้ เป็นการระลึกถึงความตายที่ไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งควรจะต้องกลับความคิดเสียใหม่ ด้วยการเตือนสติตนให้ไม่ประมาท เร่งรีบทำกิจกรรมความดีที่ควรทำให้มากขึ้น ให้ทันเวลา เพิ่มพูนความเพียรชำระล้างจิตใจของตนให้สะอาด ปราศจากกิเลสให้ได้มากที่สุดก่อนที่ความตายมาถึง
จาก http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=9675
ดูดไขมันพุง เสริม'ดั้ง'สวย
วงการศัลยกรรมความงามตื่นตัว แพทย์ไทยคิดค้นงานวิจัยนวัตกรรมใหม่ ด้วยการปลูกย้ายไขมันบริเวณใต้สะดือ ไปเสริมจมูกของหญิงสาวให้โด่งเป็นธรรมชาติ แก้ปัญหาซิลิโคนทะลุที่สร้างความเจ็บปวดและทรมาน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ว่า การเสริมจมูกด้วยการปลูกย้ายไขมัน เป็นนวัตกรรมเสริมความงามล่าสุด ที่ตนคิดค้นและพัฒนาขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำศัลยกรรมจมูกด้วยซิลิโคน พบบ่อยที่สุดคือเมื่อทำไปสักระยะ ซิลิโคนจะทะลุสร้างความเจ็บปวดทรมานให้แก่คนไข้เป็นอย่างมาก จึงเริ่มคิดค้นหาวัสดุทดแทนซิลิโคน โดยใช้เวลากว่า 5 ปี ในที่สุดจึงมาลงตัวที่การใช้ไขมันในร่างกายมนุษย์ ด้วยการเจาะเปิดผิวหนังบริเวณสะดือ กว้างประมาณ 1 ซม. แล้วนำไขมันที่มีลักษณะเป็นก้อนมันมีน้ำเหลือง เป็นเซลส์ที่มีชีวิต ประมาณ 4-5 ซีซี มาใช้เสริมใส่เข้าไปในจมูกตามรูปทรงต่างๆที่ต้องการ
นพ.ชลธิศเปิดเผยต่อไปว่า ขั้นตอนการเสริมจมูก ใช้วิธีเจาะเป็นช่องเข้าไปในจมูก ใส่ไขมันจากสะดือเข้าไปปลูกใหม่ที่จมูก เลือดบริเวณจมูกจะหล่อเลี้ยงไขมัน จนเป็นส่วนหนึ่งของจมูก เนื่องจากเป็นเซลส์มีชีวิตยังไม่ตาย กรรมวิธีดังกล่าวไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาเพียง 20 นาที ต้องรีบผ่าตัดอย่างรวดเร็วและรอบคอบ เพื่อลดอาการบอบช้ำของร่างกาย โดยขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นหลัก คนไข้สามารถกลับบ้านได้ทันทีเมื่อผ่าตัดเสร็จและใช้เวลาประมาณ 3 เดือน เซลส์เนื้อบริเวณสะดือจึงสมานเป็นเนื้อเดียวกับสันจมูก การทำศัลยกรรมด้วยวิธีดังกล่าว ไม่มีผลกระทบและผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากไขมันไม่ใช่สารแปลกปลอม หรือวัสดุสังเคราะห์ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อีกทั้งยังทำให้รูปทรงของจมูกสวยงามดูเป็นธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นสูงด้วย เท่าที่ทราบขณะนี้มีการเสริมจมูกด้วยวิธีดังกล่าวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลพญาไท 3 สนนราคาครั้งละ 2-3 หมื่นบาท มีศิลปินดาราหลายคนถึงกับถอดซิลิโคนที่เคยเสริมจมูกออก เปลี่ยนเป็นใช้วิธีเสริมจมูกแบบนี้เข้าไปแทน
นพ.ชลธิศเผยอีกว่า ที่ผ่านมาวงการศัลยกรรมจมูก มีการนำกระดูกอ่อน จากบริเวณใบหู หรือซี่โครงมาใช้จนแพร่หลาย เนื่องจากเป็นวัสดุที่หาง่าย แต่กลับไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะมีความยุ่งยากซับซ้อนมากกว่า ขณะที่วัสดุที่นิยมนำมาใช้อย่างกว้างขวางในปัจจุบันคือซิลิโคนที่มีความหลากหลาย แต่ละชนิดให้คุณสมบัติแตกต่างกัน อาทิ ซิลิโคนแบบแข็ง ต้นทุนต่ำ ข้อดีคือตัดแต่งรูปทรงได้ง่ายแต่เมื่อใช้กับร่างกาย ก็ส่งผลให้ทะลุได้ง่ายและมีปัญหาต่อเนื่องตามมา ซิลิโคนแบบอ่อน มีความยืดหยุ่นสูง แต่ตัดแต่งรูปทรงได้ยาก ส่วนซิลิโคนที่ให้ประสิทธิภาพดีในงานศัลยกรรมคือ ซิลิโคนที่มีความแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูงดูเป็นธรรมชาติ จัดแต่งรูปทรงได้ง่าย ซิลิโคนประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมต่อการทำศัลยกรรม อย่างไรก็ตาม วิธีเสริมจมูกด้วยการปลูกย้ายไขมัน ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในวงกว้าง แต่นับเป็นความก้าวหน้าของวงการแพทย์ ช่วยจุดประกายแนวคิดใหม่วงการศัลยกรรม ตลอดจนกระตุ้นให้แพทย์เร่งพัฒนาผลงานให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาประเทศต่อไป
ด้าน น.ส.อรุณี พงศ์ภัณฑารักษ์ อายุ 41 ปี เจ้าของร้านเสื้อผ้า ย่านสยาม ซึ่งผ่านการเสริมจมูกด้วยวิธีปลูกย้ายไขมัน กล่าวว่า เดิมเป็นคนไม่มีดั้งทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ อยากเสริมจมูกมานานแล้ว แต่ไม่กล้าเพราะกลัวเรื่องซิลิโคนทะลุ แต่เมื่อทราบว่ามีวิธีปลูกย้ายไขมันเสริมจมูก จึงตัดสินใจทำทันที ตอนที่ไปทำไม่รู้สึกเจ็บ ใช้เวลาทำแค่ 20 นาทีก็กลับบ้านได้ หลังกลับมาบ้านก็ดูแลความสะอาดแผลระยะหนึ่งเท่านั้น และไม่มีผลข้างเคียง สามารถบีบ หรือขยี้จมูกได้โดยไม่รู้สึกเจ็บ มีความรู้สึกเหมือนเป็นธรรมชาติมาก
จาก ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=83069
ป.ล. นอกจากเสริมดั้งแล้ว มันน่าจะเอาไปเสริมอย่างอื่นได้ด้วยเนอะ ไขมันมีเยอะ ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ซะมั่ง
“วันนี้หมอบู๋ของหล่อนฝากบอกว่า เสาร์นี้เค้าไม่ว่างนะ ไปประชุมต่างจังหวัด
ถ้าไงให้หล่อนไปหาเค้าวันศุกร์แทน...วันนี้หมอถือกระเป๋าจะกลับบ้านตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม (เพิ่งสองทุ่มครึ่งเอง) ดีนะฉันบึ่งไปทันพอดี”
ข้อความที่นานะจังส่งมาทำให้โอชโช่อดยิ้มไม่ได้
‘แหม๋ หมอ ทำมาเป็นฝากบอกว่าจะไม่อยู่... แต่ว่า เราเคยไปหาวันเสาร์ที่ไหนกัน
จำผิดคนอีกแล้วสินะ (ฮึ่ม!)’
ทำฮึ่มฮั่มอยู่ในใจ แต่พอเอาเข้าจริงก็เบลอจนเกือบเสียเรื่อง (อีกตามเคย)
“......”
“อืมม์ สิวก็ไม่ค่อยมีแล้วเนอะ” หมอบู๋พูดระหว่างกวาดตาจับสิวและริ้วรอยบนหน้าคนไข้
“.....”
“อยากฉีดยาที่สิวเม็ดนี้มะ?” หมอถามถึงสิวเม็ดที่กำลังก่อตัวบนแก้ม
“...วันนี้หมอแต่งตัวไม่เหมือนหมอเลย?” คนไข้ไม่ตอบ แต่เริ่มเรื่องใหม่เฉยเลย ก็มันสงสัยนี่นา ว่าทำไมวันนี้หมอแต่งตัวแปลก หรือจะไปซิ่งที่ไหนต่อ แต่คำถามประกอบท่าทางสำรวจตรวจตราของคนไข้กลับทำให้หมอบู๋ขำซะงั้น
“ทำไมครับ ไม่เหมือนหมอตรงไหน?”
“ก็.. ไม่เคยเห็นหมอใส่เสื้อสีเข้ม” ใช่แล้ว หมอบู๋สวมเสื้อเชิ้ตสีมิดไนท์บลู กับกางเกงสแล็กเฉดใกล้เคียงกัน
“ก็ทำไมละ ผมก็อยากหล่อบ้างสิ ใส่สีเข้มแล้วไม่หล่อหรอ?” หมอยิงมุก ถามพร้อมยิ้มละไม
“....” หมอยังรอด้วยยิ้มบนหน้าแป้น “...เอ่อ ก็”
‘ก็น่ารักกว่าแต่งตัวแบบหมออีก’-โอชโช่แอบตอบในใจ
“นี่ค่ะ เอาขนมมาฝาก” ตัดสินใจว่าเปลี่ยนเรื่องดีกว่า แล้วโอชโช่ก็ยื่น Morinaga สูตรโกโก้ ๖๐% ดาร์กช็อกโกแลตญี่ปุ่นที่พรูพแล้วว่ารสชาติดีให้
“อ๊ะ” หมอชะงัก “แกล้งผมอีกหรือเปล่า?”
“....?” โอชโช่งงนิด ก่อนจะระลึกได้ “ฮิๆ ไม่ได้แกล้งค่ะ นี่ของอร่อยจริงๆ นะ ชิมมาแล้ว”
“แต่นี่เค้าเขียนว่า Bitter Chocolate แปลว่าต้องขมสิ”
‘โถ หมอคะ ดาร์ช็อกโกแลตสูตรโกโก้ ๘๕% คงจะทำหมอขมขื่นมากสินะคะ’
“เอิ่ม เรื่องลินด์ต้องขอโทษจริงๆ ที่ซื้อมาให้โดยไม่ทันชิมก่อน แต่อันนี้ไม่ขมเท่าอันนั้นแล้วค่ะ อันนี้อร่อยกว่า ไม่เชื่อก็ชิมดูเลย”
“งั้นกินด้วยกันสิครับ” ไม่รู้หมอมารยาทดี หรือ ‘หวาน’ กับคนไข้อีกแล้ว แต่โอชโช่ส่ายหน้า ก็มันเขินนี่นา
ว่าแล้วหมอบู๋ก็จะแกะห่อช็อกโกแลต แต่เนื่องจากสวมถุงมือยางอยู่ แกะไม่ถนัด ต้องถอดถุงมือก่อน โอชโช่เห็นท่าทางเก้กังจึงอาสาช่วย
“มาค่ะ ช่วยแกะ” ลอกห่อ ฉีกฟอล์ยเรียบร้อยก็ยื่นช็อกโกแลตให้หมอ ซึ่งตอนนี้ล้างมือเรียบร้อยแล้ว (เร็วมาก-สะอาดหรือเปล่าเนี่ย?) หักเข้าปาก หมอเคี้ยว ๒ ทีตาก็เป็นประกาย
“อร่อยมากเลย”
‘คนเจริญอาหารนี่...น่ารักจัง’ โอชโช่นึก
“ขอบคุณนะ” หมอบอกเสียงหวาน
คนไข้เลยเบลออีกหน อย่างนี้จะไม่อยากหาช็อกโกแลตมาให้หมอกินอีกได้ไง
“น้องชายแกเป็นไงมั่ง?” หมิวถามข้ามจานส้มตำปูปลาร้า เธอหมายถึงน้องชายคนสนิทที่โอชโช่เพิ่งได้เจอตัวจริง
“ก็.. ก็ไม่ได้เป็นคนที่จัดว่าหล่ออะนะ.. แต่ดูๆ ไปก็น่ารักดี เค้าเป็นคนดีนะแก เป็นเด็กที่ผู้ใหญ่ไหว้วานได้ นี่ชั้นติดตังค์เค้า ๒๐๐ ด้วย”
“แล้วไงล่ะ? คุยกันบ่อยไหม”
“ก็ ช่วงก่อนก็บ่อยนะ แต่สองสามวันมานี้ไม่ค่อยว่ะ”
“.....” หมิวกำลังหันไปโซ้ย
“แก” โอชโช่กำลังจะเล่าความอึดอัด
“ไร?”
“ชั้นไม่ชอบตัวเองเวลาเป็นแบบนี้เลย ชั้นไม่อยากให้ตัวเองรอโทรศัพท์ใคร แล้วก็ไม่อยากอารมณ์เสียเพราะโทรไปแล้วเค้าไม่รับ แล้วไม่โทรกลับด้วย....ชั้นไม่อยากนึกถึงใครก่อนนอน ชั้นไม่อยากชอบเด็กอ่ะ”
“อืมม์ แล้วหมอล่ะ?” หมิวเปลี่ยนเรื่อง
“หมอหรอ... ชั้นก็หลงรักหมอไง” โอชโช่ตอบตาลอย
“อืมม์ หมอมีลูกกี่คนนะ” เพื่อนเบรกเพื่อนด้วยคำถามแทงใจ
“น่าจะคนเดียวนะ... อีบ้า”
“.....” หมิวโซ้ยต่อไปอย่างเมามัน
“จะว่าไป” โอชโช่ยังตาลอย “ชั้นก็มักจะหลงรักผู้ชายง่ายๆ อยู่เรื่อย”
หมิววางตะเกียบที่หล่อนใช้คีบมะละกอ เริ่มฟังเพื่อนอย่างตั้งใจ
“ก็ชั้นน่ะ เป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง เลยชอบไปหลงรักผู้ชายที่ดูมั่นใจๆ อยู่เรื่อย อย่างพวกหมอ หมอฟันเนี่ย ประจำ เจอมาสองสามคนแล้ว ช่างซ่อมคอม หรือแม้แต่ช่างประปาช่างซ่อมไฟ หรือทำลูกบิดชั้นก็เคยชอบนะเว้ย”
“เฮ่ย!” เพื่อนอุทานอย่างไม่เข้าใจเอาเลย
“ก็อย่างเช่น ถ้าชั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจแล้วตัดสินใจไม่ได้ แต่มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามา แล้วฟันธงฉึบเลยว่าต้องทำไง ชั้นก็พร้อมจะหลงรักเค้าทันทีอ่ะสิแก.. เชื่อป่ะว่าชั้นเคยชอบน้องมอไซค์วินปากซอยด้วย เค้าขี่รถเก่งชิบ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” หมิวตบโต๊ะ ขำเพื่อนจนเกือบสำลักส้มตำ โดยไม่นำพาว่าเพื่อนจะกลุ้มใจกับความชอบคนง่ายของตัวเองแค่ไหน
หมายเหตุ: เรื่องเล่าเรื่องนี้แค่แต่งขึ้นเพื่อสร้างความหรรษาให้กับหัวใจในหมู่ผู้อ่าน ที่จริงผู้เขียนก็อยากจะสอดแทรกประเด็นมีประโยชน์ไว้บ้าง แต่ถ้าตอนไหนมันไม่มีโปรดอย่าคิดมาก ชีวิตนี้แสนสั้น ดังนั้นจงหรรษาเข้าไว้นะจ๊ะ
ป.ล. โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน แล้วก็อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังมากนักล่ะ
ไม่ผิด
ไม่ผิดที่ได้เห็นบทความนี้ในส่วนของชวนอ่าน
เพราะไม่ได้ตั้งใจจะรีวิวหนังสือ ไม่คิดว่าควรจะให้หนังสือเล่มนี้กี่ดาว แค่อยากเขียนอะไรสักอย่างที่เกิดจากแรงบันดาลใจที่มาจากหนังสือธรรมะเล่มเล็กๆ เล่มนี้
“เราเกิดมาทำไม” โดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ถูกวางรวมกับหนังสืออีกหลายเล่ม บนสถานีบีทีเอสสยาม สำหรับให้ใครก็ได้ ที่อ่านภาษาไทยเข้าใจ เลือกกลับไปอ่าน โดยหยอดเงินบริจาคลงตู้ 10-30 บาท ตามขนาดของหนังสือที่เลือก
ในบรรดาหนังสือหลายเล่ม ดิฉันเลือกเล่มนี้
เพราะเป็นความสงสัยมานานแล้ว ว่าเราเกิดมาทำไม?
บางคนบอกว่าเกิดมาใช้กรรม บางคนบอกเกิดมาเจอเขา เพื่อรักกับเขา.. แล้วไงต่อ? รักกับเขาวันนี้ อีกวันก็ต้องเจ็บเพราะความรักกับเขา หรือไม่ วันหนึ่งก็จะได้เห็นคนที่เรารักไม่สบาย แก่ แล้วก็จะก็ต้องทุกข์เพราะจากการสูญเสียเขา และอีกไม่นาน ก็ถึงคราวของเราเองบ้างที่จะต้องจากคนที่เรารัก และรักเรา
หลายครั้งที่คิดวนไปเวียนมาก ว่าในเมื่อการเป็นมนุษย์มันช่างโหดร้ายกับจิตใจ ถ้าอย่างนั้น เราจะเกิดมาทำไม อยู่ต่อไปเพื่ออะไร คนที่ป่วย ไม่สบายหนัก ทำไมจึงดิ้นรนพยายามที่จะมีชีวิตต่อ ทำไมไม่ยอมรับกฎแห่งความเสื่อม แล้วก็ยอมตายไปเสียแต่โดยดี คนอีกหลายคนจะได้ไม่ต้องออกแรงสู้เรื่อง CL ยา
(ฮ่า ฮ่า-ไม่ขำ)
ดีที่ได้อ่านหนังสือธรรมะที่ถูกเขียนให้อ่านง่าย จบใจความในเล่มเล็กๆ พกสะดวกเล่มนี้ เพราะว่า เริ่มจะได้คำตอบให้กับคำถามตัวเองแล้วซี
ขอเล่าให้ฟังกันเลยละกัน
เริ่มที่สิ่งที่คนหลายคนบอก ว่าคนเราเกิดมาใช้กรรมจริงหรือ?
พระอาจารย์มิตซูโอะเขียนไว้ตอนหนึ่งว่า
"ตามธรรมดา ความปรารถนาของมนุษย์ทุกคนอยากเกิดมาสบาย สุขภาพสมบูรณ์ สติปัญญาดี ฐานะดี ครอบครัวอบอุ่น แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะมีความสมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน บางครั้งเมื่อเราประสบปัญหา มีประสบการณ์ทุกข์ เรามักน้อยใจ ท้อใจ บางคนก็สรุปเอาว่า ชีวิตนี้เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม อาจารย์รู้สึกว่า ข้อสรุปแบบนี้เป็นการเข้าใจกฎแห่งกรรมในแง่ลบ ถ้าเราพิจารณาด้วยปัญญาแล้วก็ไม่ใช่
การเกิดมานั้นเป็นกรรมเก่าก็จริงอยู่ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ คือกรรมเก่า แต่พระองค์ก็ทรงสอนด้วยว่า เราเกิดมาเพื่อศึกษา 'ไตรสิกขา' ศึกษาเพื่อจะพัฒนาชีวิตจิตใจและสติปัญญาอันจะนำไปสู่ความรู้แจ้ง เพื่อความดับแห่งทุกข์ อันเป็นเป้าหมายสูงที่สุดที่มนุษย์ทุกคนสามารถบรรลุได้"
(หน้า ๓๘)
เป็นอันว่ามนุษย์เราเกิดมาพร้อมกรรมเก่าจริง แต่ดูเหมือนว่ากรรมของเราจะเบากว่าเพื่อนร่วมโลกอย่างสัตว์อื่นบ้างจริงไหม เพราะอย่างน้อยเราก็มีแขนขา มีประสาทสัมผัส มีสมองที่เยี่ยมมากๆ เราแต่ละคนโง่บ้าง-ฉลาดบ้าง แต่ก็นับว่าเป็นสัตว์โลกที่มีความคิดความอ่านนี่นะ?
"พระพุทธเจ้าตรัสได้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นเรื่องยาก อุปมาเหมือนเต่าตาบอดตัวหนึ่งดำน้ำอยู่ในทะเล ทุกๆ ๑๐๐ ปี เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่หัวขึ้นมาจากทะเลครั้งหนึ่ง ในทะเลก็มีห่วงเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าหัวเต่าหน่อยหนึ่งลอยอยู่ ๑ ห่วง โอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมา แล้วหัวสวมเข้ากับห่วงพอดียากเพียงใด โอกาสนั้นก็ยังมีมากกว่าการที่เหล่าสรรพสัตว์จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์"
(หน้า ๑๐)
ถ้าไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์กันได้ง่ายๆ ก็แปลว่าการเกิดเป็นมนุษย์มีความสำคัญนะซี?
"ในฐานะมนุษย์ ไม่มากก็น้อยที่ใจของเราได้มีประสบการณ์ในภพชาติอื่นๆ ทั้งที่ต่ำกว่าและสูงกว่าภพภูมิมนุษย์ เรามีปัญญาที่จะรู้ได้จากประสบการณ์ของเราแล้ว ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี การเกิดเป็นมนุษย์ถ้าดีก็ดีได้มากๆ แต่ก็น่ากลัวเหมือนกัน เพราะถ้าประมาทก็ทำชั่วได้มาก
ถ้าไม่ประมาท รักษาศีล ๕ ทำความดี สร้างบารมี ตั้งใจพัฒนาชีวิตจิตใจแล้ว ก็สามารถมีประสบการณ์สูงขึ้น เป็นเทวดา พรหม ตลอดจนเข้าถึงอริยมรรค อริยผล บรรลุนิพพานได้
มนุษย์ จึงเป็นชาติที่มีทางเลือก"
(หน้า ๑๔)
ถ้าการมีชีวิตอยู่ ระหว่างที่เรากำลังเผชิญหน้ากับความ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย หมายถึงโอกาสที่จะได้ทำความดี สะสมบุญ โอกาสที่จะได้ศึกษาธรรมะ เพื่อที่จะได้เข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา แล้วเราควรจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร?
ก็คงจะเป็นการใช้ชีวิตในแบบที่.. ไม่ต้องเสียเวลาสงสัยอีกแล้ว ว่าเราเกิดมาทำไม ชาติที่แล้วเราเป็นอะไร ชาติหน้าเราจะไปไหน
เพราะว่า
“ ‘อดีต’ ผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่ต้องไปคิดถึง
‘อนาคต’ ยังมาไม่ถึง การวิตกกังวลจึงไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เรื่องของคนอื่นไม่สำคัญเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องความชั่วของคนอื่น อย่าแบก
ตัวเราเองทำดี ทำถูก รักษาใจเป็นปกติได้ สำคัญที่สุด
ทำหน้าที่ปัจจุบันให้ดีที่สุด ด้วยใจดี คือใจเป็นศีล ไม่เบียดเบียน ตั้งเจตนาถูกต้อง
ไม่ยินดี คือ ไม่โลภ
ไม่ยินร้าย คือ ไม่โกรธ
รู้เท่าทันอารมณ์ คือ ไม่หลง
มีความเมตตากรุณา ต่อตนเองและผู้อื่น”
(หน้า ๘๑)
ได้เกิดมาเป็นคนในชาติที่ได้เรียน ได้รู้จักพุทธศาสนา ซึ่งมีคำตอบให้กับปัญหาของชีวิต ได้เกิดมาพร้อมอวัยวะครบ ๓๒ ในเมื่อร่างกาย แขนขาเรายังอยู่ดี สมองมีแรงคิดเรื่องดี เจอปัญหาบ้างก็อย่าท้อแท้ ทุกปัญหามีหนทางแก้ไข ดูอย่างเก๋สิ ตอนนี้นอนเจ็บอยู่ในโรงพยาบาล โอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของตัวเองจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ แต่เก๋ยังไม่ยอมแพ้ ยังสู้ ขนาดหมอยังชมว่าคนไข้ตัวนิดเดียว แต่อึดจริงๆ
พ่อแม่เก๋ก็ยังสู้
เข้าใจว่าเกิดมาทำไมแล้ว พวกเราก็มาสู้ชีวิตไปพร้อมๆ กับเก๋ และครอบครัวของเก๋เถอะนะ
Rating: | ★★★★★ |
Category: | Other |
ถามกันแบบนี้จะล้วงความลับอะไร หรือแค่อยากจะรู้ว่าคนตอบสติดีหรือสติแตก
ฮ่าฮ่า
แต่เมื่อหนูนาส่ง TAG มาให้ คนว่าง่ายอย่างพี่ก็จะตอบให้จ้า
1. วันนี้วันที่เท่าไหร่
๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
2. กี่โมงแล้ว
๒๒.๒๔ น.
3. ชื่อเล่น
“ม้อย-ม้อย” เป็นภาษาจีนแคระ แปลเหมือนคำว่า “หมวย” ในภาษาแต้จิ๋ว
4. ตอนนี้ใช้โทรศัพท์ยี่ห้ออะไรอยู่
LG
5. รุ่นอะไรเหรอ
KG ๒๐๐ เหมือนหนูนา (แต่ป่าวเลียนแบบ) เลือกเพราะคิดว่าคุ้มสุดๆ ราคาถูกโคตร ของแถมเพียบ จะบอกให้ว่าเรียกเข้าเพราะมาก อีกอันคือ Panasonic X๒๐๐
6. เสียงเรียกเข้าที่ใช้ตอนนี้ล่ะ
เพลงจากไฟล์ MP๓ (เขียนงี้แล้วดูประหลาดเนอะ) ตอนนี้ใช้เพลง Lovefool ของ The Cardigans
(ที่เค้าร้องว่า…..Love me love me
Say that you love me
Fool me fool me
Go on and fool me….)
7. เพลงที่อยากให้เป็นเสียงเรียกเข้ามากที่สุ
ความเจ็บปวด ของปาล์มมี่ (ซึ่งยังไม่มีไฟล์)
8. เพลงใหม่ที่สุดเท่าที่ฟังตอนนี้
สงสัยจะเป็นเพลง “ผู้ชายห่วยๆ” (ชื่อประมาณนี้) ของเจ้ช่า ได้ยินตอนไปกินข้าวเที่ยง
9. เล่นเครื่องดนตรีอะไรเป็นมั่ง
เล่นไรไม่เป็นสักอย่าง แต่เด็กๆ เคยเรียนจะเข้นะ ขอบอก
10. คิดว่าตัวเองเล่นเก่งไหม
ก็บอกแล้วว่าเล่นไม่เป็น
11. ดารานักร้องที่คิดว่า look ดีที่สุดในสายตาคุณ
STING, BB KING แล้วก็ Clapton ดาราชอบ Clive Owen กับ Jamie Foxx
12. สไตล์การแต่งตัวของคุณ
แล้วแต่ว่าวันนั้นองค์ไหนจะประทับ
13. ถ้าไม่มีของสิ่งนี้แล้วจะไม่ยอมออกจากบ้านไปไหนเลย
okane
14. ในกระเป๋าตังค์ใส่อะไรไว้บ้าง
สลิปเอทีเอ็ม เงิน รูป บัตรต่างๆ นามบัตรสำรอง
15. คำพูดที่ติดปากที่สุด
แบบว่า...
16. ปีใหม่ที่ผ่านมาไปเที่ยวไหนมา
จำไม่ได้แล้วอะ
17. อาหารที่กินได้ไม่มีวันเบื่อ
ข้าวไข่เจียว
18. เกมที่คิดว่าตัวเองถนัดที่สุด
Game of Love (ฮิ)
19. เกมที่เล่นประจำตอนนี้
ไม่ค่อยเล่น ส่วนใหญ่จะเอาจริงเลย
20. เพื่อนที่สนิทที่สุดคือ
ไม่บอก เดี๋ยวมีคนน้อยใจ
21. อยากบอกอะไรกับเค้า
ดีใจที่มีแก(เอ็ง)เป็นเพื่อน
22. เป้าหมายตอนนี้
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เลิกทุกข์กังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
23. ขับรถเป็นไหม
ไม่อะ นั่งเป็นคุณนายอย่างเดียว
24. แล้วตอนนี้มีรถขับอยู่หรือป่าว
ขับไม่เป็นจะมีไว้ให้เช่าหรอ
25. รถยนต์ที่อยากเป็นเจ้าของที่สุด
ยุคนี้ต้องพลังงานสะอาด ขอจักรยานเสือภูเขาดีๆ สักคัน สำหรับการปลดปล่อยตัวเองจากความเครียด แล้วก็เอ็นจอยกับธรรมชาติ (ไม่ขี่ในกทม. แน่นอน)
26. เครื่องดื่มที่โปรดปรานเป็นอันดับแรก
โค้กเท่านั้น แต่ถ้าให้เลือกดื่ม ขอน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล
27. สูบบุหรี่ไหมอ่ะ
ไม่
28. ร้านตัดผมร้านประจำ
ร้านพี่หมู วังหลัง เค้าเข้าใจธรรมชาติผมดิฉันดี ตัดแล้วเกิด แต่ไม่ได้ไปตัด ๓ เดือนได้แล้ว
29. ร้านอาหารที่ทานประจำ
ถ้าประจำหมายถึงความสม่ำเสมอ ก็คงจาเป็น มาม่า Oriental รสกิมจิ T T
30. เวลาอยู่ที่ทำงานว่าง ๆ จะทำอะไร
เม้าท์แตก ไม่ก็นั่งทำงานฝีมือ (...อะไรน่าเชื่อมากกว่ากัน?)
31. เวปไซต์ ที่ต้องเข้าเวลาเล่น อินเตอร์เนต
ตั้ง www.thairath.com เป็นหน้าแรกที่เข้า IE ต้องอ่านคุณหลีกับคัทลียาก่อน แล้วก็เปิด Gmail (ก่อน outlook เช็คเมล์ออฟฟิศซะอีก) ดูความเคลื่อนไหวใน Multiply และถ้าวันไหนเข้า google.co.th ไม่ได้ วันนั้นจะง่อยมาก
32. แอบปลื้มใครอยู่หรือป่าว
จะเหลือหรอ?
33. ทำไมถึงปลื้มเขาล่ะ
I love you for sentimental reasons.... คำเดียวว่า “โดน”
34. เคยหาเพื่อนทางจดหมายหรือป่าว
คงจะเคย
35. แล้วเคยหาเพื่อนทาง อินเตอร์เน็ต
อือ เคยเล่น Thaimate.com ด้วย
36. ถ้าสามารถขอของวิเศษจากโดเรม่อนได้อย่างนึงจะขออะไร
โดเรม่อนมีของวิเศษสร้างสันติภาพไหม?
37. การ์ตูนเรื่องที่ติดอยู่ตอนนี้
NANA รออยู่เมื่อไหร่จะได้อ่านเล่ม ๑๗
38. ชอบทานก๊วยเตี๋ยวเส้นอะไร
เส้นใหญ่ มันนิ่มปากดี
39. ห้องนอนติดโพสเตอร์ของดาราบ้างหรือป่าว
ไม่อะ แต่มีโปสเตอร์จากปกซีดีกับรูป Jamie Foxx ที่ตัดมาจากนิตยสาร OK! ติดอยู่บนตู้เย็น
40. หนังเรื่องที่ดูเรื่องล่าสุด
the Kite Runner หนังดีนะ
41. แล้วหนังสนุกไหม
มาก
42. อยากเรียนต่อด้านไหน
เคยอยากเรียนเศรษฐศาสตร์ (บ้าเนอะ) แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นปรัชญากับจิตวิทยา
43. แล้วอยากเรียนต่อที่ไหนล่ะ
ญี่ปุ่นมั้ง คิดว่าประเทศญี่ปุ่นมีอะไรน่าเรียนรู้มากกว่าวิชาในมหาลัย
44. เรื่องที่รู้สึกแย่ตอนนี้
นอกจากเรื่องสงสารน้องที่ออฟฟิศที่อยู่ในโรงพยาบาลแล้วก็เหมือนจะไม่มีเรื่องอะไร
45. เวลาไปทำงาน ไปยังไงอ่ะ
รถสองแถว-บีทีเอส-เดิน วันไหนสายจะเปลี่ยนเป็น มอเตอร์ไซค์(วิน)-บีทีเอส-มอเตอร์ไซค์(วิน)
46. ปกติแล้วใช้น้ำหอมอะไรอยู่
Calvin Klien Eternity, Christian Dior Fahrenheit, Joop All about Eve, รามรัมภา ของร้านภูฟ้า (ถามทำไมเนี่ย)
47. แล้วเรื่องความรักตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างอ่ะ
รักทุกคน แต่ตอนนี้ไม่มี “คนรัก”
48. ภาษาที่อยากพูดได้มากที่สุด
สเปน แต่ที่อยากฟังเข้าใจคือ ญี่ปุ่น
49. คิดยังไงกับนิยามรัก
ถ้าคิดจะนิยามความรัก ก็ควรนิยามให้แฟร์ๆ หน่อย
50. ตอนอาบน้ำร้องเพลงด้วยหรือป่าว
รู้สึกจะไม่
51. คิดว่าการแต่งงานขึ้นอยู่กับอะไร
ความอยากมั๊ง ก็ถ้าไม่อยาก จะแต่งไปทำไม
52. บอกรักครั้งสุดท้าย กับใคร เมื่อไหร่
จำไม่ได้ คนฟังเค้าก็คงไม่ได้จำเหมือนกัน
53. แฟนนอกใจจะทำยังไง
ลบเขาออกไปจากชีวิต (เหมือนใน Eternal Sunshineฯ)
54. ถ้าคุณเป็นนกจะบินไปไหน
ไม่ชอบสัตว์ปีกอะ ขอเป็นหมาได้ป่าว?
55. ถ้าโลกเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมอยากอยู่ส่วนไหนของโลก
อยู่ริมๆ โลก
56. เบอร์มือถือลงท้ายด้วยเลขอะไร
๔ กับ ๑
57. ชอบวิชาอะไร
ภูมิศาสตร์ เพราะมันทำให้เราเข้าใจธรรมชาติ แต่ได้เรียนตัวเดียวเอง
58. หาก ขา ไม่ใช่อวัยวะที่คุณเดิน คุณคิดว่าจะใช้อะไรเดินแทนขา
อาจต้องกลิ้งแทนเิดินนะนั่น
59. คนรักที่คบตอนนี้เป็นอย่างไร
อยากตอบจัง
60. วันนี้กินอะไรไปแล้วบ้าง
กินหลายอย่าง แต่ที่ประทับใจคือ ขนมปังโฮลวีทป้ายน้ำพริกเผาลำใยแผ่นนึง อีกแผ่นป้ายเนยถั่ว แล้วก็แคบหมูแบบมีมัน น้องเอามาฝากจากเชียงใหม่
61. เพื่อนอกหักจะปลอบใจว่ายังไง
ชั้นรักแกนะ (ทั้งที่ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าปลอบอย่างนี้จะดีไหม)
62. ถ้าลมพัดสิ่งหนึ่งออกไปจากชีวิตคุณได้ จะให้พัดอะไรไปอ่ะ
อคติ
63. ถ้าเพื่อนแย่งแฟนคุณไปทำไง
ยกให้ จะดีใจ ถ้าเพื่อนและแฟนพบคนที่ "ใช่"
64. หนังสือที่ชอบอ่านคือหนังสืออะไร
หมายถึงแมกกาซีนใช่ปะ ชอบ Penthouse, ขวัญเรือน, สารคดี, มติชนสุดสัปดาห์ จริงๆ มีอะไรก็อ่านนะ ถ้าเป็นของฟรีชอบอ่านหมดแหละ
65. ถ้าคุณทำผิดคุณจะขอโทษด้วยคำพูดแบบไหน
คำพูดน่ะ แล้วแต่ว่าพูดกับใคร ขอโทษเรื่องอะไร แต่ถ้าตั้งใจจะขอโทษก็จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ “ขอโทษ” จริงๆ
66. ขอเนื้อเพลงที่คุณชอบที่สุด
เธอ เธอเคยเป็นทุกสิ่ง
จะขอขอบคุนทุกอย่าง
ที่เคยให้ฉันจนวันนี้
67. อยากไปเที่ยวที่ไหนตอนนี้
บาหลี
68. อยากจะบอกอะไรกะคนที่คุณจะส่ง เมล์ไปให้
รักคนอ่าน
69. ส่งให้เพื่อน 7 คนมีใครบ้าง
กว่าจะตอบหมด ๗๐ ข้อยังเกือบเป็นลม ไม่ส่งให้ใครละ ใครอยากทำมั่งก็ทำมาแล้วกัน
70. เขาแต่ละคนเป็นแรงบันดาลใจให้คุณในเรื่องไหนบ้างถึงส่งให้เขาอ่ะ....
.....ความลับ