วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

ถ่างใจให้กว้าง : ถ้าไม่อยากเป็น "ชนชั้นกลาง" ต้องเป็น "ไพร่" งั้นหรอ?


อาหารสมอง
อ่านเพิ่มเติม(รวมทั้งความคิดเห็นต่อบทความนี้)ได้ที่ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1271232137&grpid=01&catid

........................................................................................

วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553
 เวลา 21:00:00 น.  มติชนออนไลน์


เมื่อผู้กำกับ "รักแห่งสยาม" เขียนจดหมายตอบน้องเรื่องผลกระทบจากเหตุการณ์ 10 เมษายน

... เพราะภราดรภาพในใจของคนถูกปลุกขึ้นมาแล้ว อุดมคติแห่งความเท่าเทียมเริ่มคุกครุ่นในใจของผู้คนที่ถูกกดขี่ข่มเหง และถูกปลุกเร้าด้วยความชิงชังของชนชั้นกลางที่ถูกดึงไปเปนเครื่องมือของชน ชั้นสูงอย่างเต็มตัว...

หมายเหตุ "ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล" หรือ "มะเดี่ยว" ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "รักแห่งสยาม" รวมทั้งหนังสะท้อนปัญหาสังคมไทยในยุคปลายรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร หลาย ๆ เรื่อง เช่น "คน ผี ปีศาจ" และ "13 เกมสยอง" ได้เขียนจดหมายตอบกลับไปยังเพื่อนรุ่นน้องที่เข้ามาระบายอารมณ์ความรู้สึก ผิดหวังเสียใจกับปฏิกิริยาของคนรอบข้างที่มีต่อเหตุการณ์นองเลือดในวันที่10 เมษายน โดยเขาได้นำเนื้อหาในจดหมายดังกล่าวไปโพสต์ไว้ในเว็บล็อกส่วนตัว http://mdsponx.spaces.live.com มติชนออนไลน์เห็นว่าจดหมายของชูเกียรติมีเนื้อหาน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ดังต่อไปนี้

 

//////////


13 เมษายน


โยนิโสมนสิการ
 

จากที่ได้ป่าวประกาศไปในเฟศบุคว่าจะทำรายการตอบคำถาม ก็มีผู้คนส่งคำถามมามากมาย มีไม่น้อยที่เปนคำถามเกี่ยวกับสังคมและการเมือง จะอ่านตอบลงไปในยูทูปก็เกรงใจเพราะว่าในการดำเนินรายการหมายมุ่งว่าทำเพื่อความบันเทิงเริงใจ การค้นหาความจริงทางสังคมและการเมืองตอนนี้มีผู้คนออกมาแสดงความเห็นกันมากมายอยู่แล้วจึงปล่อยให้เปนหน้าที่ของท่านเหล่านั้นไป


หาก แต่ก็ยังมีความกลัดใจอยู่ไม่น้อยในประเด็นความขัดแย้งแลความเศร้าที่ต้องมี ผู้คนเสียชีวิตบาดเจ็บไปในเหตุการณ์จึงหยิบจดหมายของน้องคนหนึ่งที่เขียนมา ในใจความถามว่า เขาควรทำอย่างไรดีเมื่อเริ่มขัดแย้งกับเพื่อนในเฟศบุคเกี่ยวกับการเมือง ทั้งที่เปนเพื่อนสนิทที่นิสัยดี พอความขัดแย้งเกิดขึ้นเขาและเธอว์เหล่านั้นต่างแสดงตัวตนที่โหดเหี้ยมอำมหิต ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อจดหมายส่งมาถึงข้าพเจ้าหลายวันหากแต่ยังไม่ได้ตอบ แล้วไม่นาน น้องคนนั้นก็นำไปเขียนลงบลอกด้วยความสับสนว้าวุ่นใจ แฝงความทุกข์ใจที่เสียเพื่อนอยู่ในที เจือระคนด้วยความโกรธเคืองอยู่บ้าง ข้าพเจ้าเชื่อว่าความโกรธนั้นไม่ได้มุ่งหมายไปที่ตัวบุคคล แต่ยังแผ่ลามไปถึงสังคม แลทุกสิ่งที่ปลูกความคิดอัปยศเหล่านั้นให้เพื่อนของเขา จึงขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านในบลอกนี้ ก่อนที่จะอ่านจดหมายตอบกลับของข้าพเจ้าต่อไป


http://nanoguy.exteen.com/20100412/entry


จดหมายถึงน้อง


ตี้น้องรัก


จากคำถามสั้น ๆ วันก่อนที่เธอว์ได้ถามพี่มา บัดนี้ได้แจกแจงรายละเอียดจนเห็นภาพชัดแจ้ง โดยที่ไม่ต้องจินตนาการใด ๆ เพราะรอบข้างตัวพี่ ตัวเรา ตัวเขา ตัวเธอว์ เหล่านั้นเราต่างประสบปัญหานี้กันทั้งสิ้น แม้แต่ตัวพี่เองที่วันนี้คงพูดไม่ได้แล้วว่าเปนกลางทางการเมือง


การออกตัวว่าเห็นด้วยกับกลุ่มคนเสื้อแดงเปนเรื่องที่สุ่มเสี่ยงอย่างมากในสังคมกรุงเทพสาธารณะ(ในที่นี้หมายถึงในโลกไซเบอร์นี้ด้วย) เพราะเราจะถูกชี้หน้าด่าทันทีว่าเปนลิ่วล้อของทักษิณ เปนคนโง่ที่ถูกล้างสมอง ไร้การศึกษา ชีวิตมีค่าเพียงธุลีดิน และถูกเกลียดชังไปในทันที แต่พี่ว่าการออกตัวอย่างชัดเจนยังดีกว่าการออกตัวว่าเปนกลางแล้วซ่อนความยินดีอำมหิตอยู่ภายในอย่างคนที่ตี้ได้เจอคนพวกนี้เขาไม่ถามเราหรอกว่าทำไมเราถึงเห็นด้วยกับเสื้อแดง เหมือนที่เขาตอบเราไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงเกลียดทักษิณ แล้วส่วนใหญ่ก็จะอธิบายไม่ได้ด้วยว่าทักษิณทำผิดอะไร มักจะเชื่อเพราะเขาบอกมา เชื่อเพราะเขาพูดกัน เชื่อเพราะสื่อชี้ให้เห็นเปนแบบนี้ และที่น่าเศร้า เชื่อ เพราะกลัวจะถูกหาว่าไม่ฉลาดทันคน


พี่ทำหนังวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรัฐบาลทักษิณมาตั้งแต่ก่อนเรียนจบ มหาวิทยาลัยจนถึงเรื่องสิบสามเกมสยองก่อนที่รัฐบาลของเขาจะถูกรัฐประหารใน คืนที่ถ่ายทำมิวสิควีดีโอเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ส่วนใหญ่ที่พูดถึงในเนื้องานคือเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสงครามยาบ้า อันเปนนโยบายของรัฐบาล เรื่องการแทรกแซงสื่อและนโยบายประชานิยม พี่ไม่ค่อยกล้าแตะเรื่องการเลี่ยงภาษีหรือการทุจริตต่าง ๆ ที่เขายกมาเปนประเด็นในช่วงท้าย ๆ ของการดำรงตำแหน่งนั่นเปนเพราะว่าพี่ไม่เข้าใจระบบภาษี ไม่เข้าใจวิธีการฟอกเงิน การวิพากษ์วิจารณ์สิ่งใดที่เราไม่รู้แจ้งจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นักเพราะวันหนึ่งสิ่งต่าง ๆ อาจจะย้อนมาหาตัวเราเอง อนึ่ง หากจะพูดเรื่องภาษี พี่ก็ยังเห็นคนรอบข้างตั้งหลายคนพยายามหลบเลี่ยงภาษีด้วยวิธีต่าง ๆ นานาเช่นกันและที่ไม่น่าพูดถึงเลยก็มีคนในประเทศนี้ตั้งหลายคนที่ไม่ต้องเสียภาษีและก็ใช้ทรัพยากรเดียวกันบนผืนแผ่นดินไทยรวมถึงพี่ด้วย ที่บางอารมณ์เมื่อนึกถึงความทุจริตที่เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าในหน่วยงานของรัฐ พี่ก็ไม่อยากจะเสียภาษีเหมือนกัน แต่ก็เลี่ยงไมได้เพราะหัก ณ ที่จ่ายเงินทุกครั้งเมื่อพี่ได้รับค่าจ้าง


เราคงไม่ต้องอธิบายแรงผลักดันในการออกมาต่อสู้ของชนชั้น รากหญ้าให้เสียเวลาเพราะมีคนได้อธิบายไปแทบจนหมดสิ้นแล้วแต่คนส่วนใหญ่ใน เมืองก็ยังเลือกที่จะไม่เข้าใจอาจจะเปนเพราะชาวนาในความคิดเขาก็ยังเอาควาย ไถนาเกี่ยวข้าว สวมงอบกันเหมือนในโปสการ์ดของการท่องเที่ยวฯ ความยากจนและการถูกกดขี่มันเปนอย่างไรคงยากจะจินตนาการถึงในสังคมของผู้ที่ ร้องเรียนทุกอย่างได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตตั้งแต่เรื่องของแถมจากการชิงโชค สินค้าไปจนถึงโดยแย่งอาหารในชาบูชิบุฟเฟต์ ไม่ว่าจะให้ข้อมูลอย่างไร การชุมนุมของคนเสื้อแดงเปนการทำลายธุรกิจ การใช้จ่ายอันศรีวิไลซ์และความสำราญสะดวกสบายของเขาเหล่านั้น มากกว่าจะเปนการเรียกร้องความเปนธรรมทางการเมืองที่เขาถูกลิดรอนมาหลาย ทศวรรษแล้ว


มีคำถามของน้องคนหนึ่งชื่อ "ปาริณ" ถามได้น่าสนใจว่า "ใครคือชนชั้นกลาง" เปนคำถามที่ดีมากสำหรับเด็กมัธยมผู้ใฝ่รู้ จริงแล้วแต่ละสาขาก็มีอรรถาธิบายต่อคำว่าชนชั้นกลางของตัวเอง ทางรัฐศาสตร์ก็แบบนึง เศรษฐศาสตร์ก็แบบนึง สังคมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ก็อีกแบบนึงแล้วแต่จะพูดไป แต่สรุปรวมคำอธิบายในแบบของพี่ ชนชั้นกลางคือผู้ที่อยู่อาศัยในเขตเมือง ทำงานอยู่ในระบบธุรกิจ จุดมุ่งหมายของชนชั้นกลางคือการถีบตัวไปสู่ชีวิตที่สูงขึ้นในระดับชนชั้นสูง คนพวกนี้มีความอ่อนไหวเปราะบางทางความรู้สึกเพราะชีวิตของพวกเขาไม่มีความ มั่นคง เกือบทั้งหมดมีหนี้สิ้น ไม่ว่าจะเปนบ้านหรือรถ หรือธุรกิจ ดังนั้นไม่แปลกที่พวกเขาจะมีความกังวลในใจตลอดเวลาเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการ เมืองและต้องการหาแหล่งอำนาจไว้พึ่งพิงชนชั้นกลางอ่อนไหวกับข่าว เชื่อสื่อง่ายโดยเฉพาะสื่อทางเลือกอย่างเช่น อินเตอร์เน็ต และเคเบิลทีวีพวกเขาพร้อมใจจะเชื่อฟอร์เวิร์ดเมล์ ข่าวซุบซิบ หรืออะไรก็ตามที่ขึ้นต้นว่า "ข่าววงใน" สิ่งที่พวกเขากลัวคือการตามไม่ทันกระแส โดยเฉพาะยุคแห่งข้อมูลข่าวสารนี้ใครรู้ก่อน ปล่อยข่าวได้ก่อน ย่อมได้รับการยกย่องราวกับเปนกูรู ข้อพิสูจน์นี้เห็นได้จากรายการแฉที่ได้รับความนิยมมากมาย พิธีกรหรือนักเขียนที่มีชื่อเสียงในการแฉไม่ว่าจะเปน มดดำ ซ้อเจ็ด หรือช่องเคเบิลใด ๆ ที่เปิดแล้วมีแต่กระเทยมาเม้าธ์กัน ตอนนี้มีมากมายและได้รับการยกย่องเสียด้วย ในขณะที่เราถูกสอนว่าการนินทาผู้อื่นนั้นไม่ดี โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จัก แต่ทำไมถึง...


ช่างมัน เรามานินทาชนชั้นกลางกันต่อ ด้วยรู้จุดอ่อนข้างต้น ชนชั้นปกครองจึงหลอกเอาขนมผสมน้ำยาได้โดยง่าย ด้วยสื่อที่เปนของทหารและรัฐเกือบทั้งหมดเขาจะทำให้เราเชื่ออะไร รักอะไร เกลียดอะไรได้โดยง่าย เรียนนิเทศมาสื่อแบบนี้เขาบอกว่าเปนสื่อของรัฐบาลเผด็จการทหาร ไม่ใช่สื่อของเสรีนิยมประชาธิปไตยอย่างที่เราเชื่อกัน เพราะถ้าเปนเช่นนั้นจริง ฟรีทีวีเราคงมีมากกว่าสิบช่องให้มีการแข่งขันเสรีมากกว่าจะต้องทนดูอะไรห่วย ๆ โง่ ๆ ไร้รสนิยม ที่รัฐและนายทุนสื่อที่มีอยู่ไม่กี่เจ้ายัดเยียดให้เราดูแล้วบอกว่า "ชาวบ้านเขาต้องการแบบนี้" ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยากดูแบบนี้หรือไม่มีปัญญาทำแบบอื่น หรือกลัวเขาจะฉลาดขึ้นมา


นอกเรื่องอีกแล้ว มาเรื่องชนชั้นกลางต่อ อย่าหาว่าเม้าธ์เลย ชนชั้นกลางไม่ค่อยแคร์ต่อความเปนไปของโลกมากนักจนกว่าจะมีปัญหาเดือดร้อนมาถึงตัว ในวัยมหาลัยเขาไปค่ายอาสากัน แต่ก็เหมือนไปเที่ยวไปกอบโกยความสนุกจากชาวบ้านแล้วก็สร้างห้องสมุด ห้องน้ำ โรงอาหารให้เขาอย่างที่เขาต้องการหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วทุกคนก็ลืมไปสิ้นเมื่อตอนแวะตลาดซื้อของฝาก เขาไปเที่ยวชนบทเพื่อดูความเรียบง่าย พอเพียง ทางอุดมคติก่อนจะกลับมาชอปปิ้งในห้างหรูด้วยบัตรเครดิตที่หมุนเดือนชนเดือน แล้วเขาก็ด่าคนที่มาชุมนุมเหยียดหยามเขาเหมือนไม่ใช่คน ทั้งที่ผู้คนเหล่านั้นอาจจะเปนลุงป้าน้าอาที่เคยไปสร้างห้องสมุด โรงอาหารให้กับเขาเมื่อไปค่ายก็เปนได้ เขาไปวัดปล่อยนกปล่อยปลาถวายสังฆทาน แต่ไม่ฟังเทศน์ หลายคนอ่านหนังสือพระดังแต่ไม่รู้จัก "กาลามสูตร" เข้าใจว่าเปน "กามสูตร" หากลองปฏิบัติตาม กาลามสูตรที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ พี่เชื่อว่าหลายคนคงเปนอิสระจากการครอบงำทางความคิดและเกิด "โยนิโสมนสิการ" ซึ่งไม่ใช่ความยินดีในโยนี แต่ลองไปเปิดหาความหมายเอาเองเถิด


แล้วที่เม้าธ์ชนชั้นกลางมาหลายย่อหน้านี้มันตอบคำถามใดของตี้ หากตี้มีโยนิโสมนสิการแล้วก็จะเข้าใจว่า น้องคนที่เขามีความยินดีในความตายของผู้คนเหล่านั้นเขาเปนชนชั้นกลางที่ขาดซึ่งวิจารณญาณโดยแท้ อาจจะเปนความเยาว์ความเขลาของนาง หรือสื่อที่บิดเบือนโลกของนางไปให้เห็นกงจักรเปนดอกบัว เห็นความตายเปนเรื่องน่ายินดี เห็นความแตกต่างทางการเมืองเปนเรื่องที่ต้องเอามาตัดสินคนว่าโง่เง่าต่ำตม ถ้าเปนพี่ก็คงช็อคมิใช่น้อยถ้าได้เห็นการเอารูปคนตายมาหยามเกียรติและชี้ชวนกันวิพากษ์วิจารณ์ เหตุการณ์นี้มองในแง่ดีเราก็จะเห็นตัวตนที่แท้จริงของคนเหล่านั้นเหมือนกันนะตี้ มันทำให้เรามีตาทิพย์ เพราะขณะที่คนอื่นมองเห็นความศรีวิไลซ์ของน้อง ๆ เหล่านั้นว่าเปนคนรุ่นใหม่ ทันสมัย มีการศึกษาและเปนอนาคตของชาติ แต่เรามองเห็นด้านของปีศาจร้าย ความกักฬะโสมม ที่อยู่ในใจนาง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องความเชื่อทางการเมือง แต่เปนเรื่องของสภาพจิตใจมากกว่า


เมื่อไหร่ที่เรามองเห็นมนุษย์ไม่ใช่มนุษย์ เรายังเชื่อในอำนาจนิยม วันหนึ่งที่เรามีอำนาจเราก็จะกลายเปนปีศาจร้ายทำลายได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิตคนได้อย่างสนุกสนาน คิดดูว่าแค่มีอำนาจในมือในการพิมพ์คีย์บอร์ดยังเปนได้ขนาดนี้ วันหนึ่งที่เขามีสิทธิ์ชี้เปนชี้ตายคนพวกเขาจะสนุกสนานขนาดไหน แล้วเราจะหวังอะไรกับอนาคตของชาติที่เปนแบบนี้


ความหวังเรื่องสันติยังคงมืดมน แม้ขณะที่นั่งพิมพ์อยู่นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งก็มีมติให้ยุบพรรคประชาธิปปัตย์แล้วก็ยังไม่มีสัญญาณอะไรว่าการชุมนุมจะเลิกรา พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังขออุทธรณ์ดิ้นรนเอาชีวิตรอด หรือถึงแม้จะเลิกชุมนุมไปแล้วการหวนกลับมาของทักษิณก็อาจจะมีการชุมนุมครั้งใหม่ของอีกฝ่าย หรือแม้แต่ทักษิณถูกประหัตประหารไป แต่เชื่อไหม ความขัดแย้งในสังคมก็จะยังดำเนินต่อไป นายกรัฐมนตรีสุดหล่อเคยออกมาบอกว่าอย่าเอาความขัดแย้งระหว่างชนชั้นมาเปนเงื่อนไขในการชุมนุม แต่ในความเปนจริง ความแตกต่างระหว่างชนชั้นนั่นแหละคือปัญหาหลักของประเทศนี้


ชนชั้นสูงรู้ดี ว่าตัวเองมีอะไรอยู่ในมือและชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรหากเกิดความ เปลี่ยนแปลงชนชั้นล่างรู้ดีว่าพวกเขาต้องการอะไรและชีวิตของพวกเขามันต่ำ ต้อยแค่ไหนในระบบเผด็จการทหารห่อประชาธิปไตย (เหมือนผัดไทห่อไข่) ทุกประเทศเปลี่ยนไปหมดแล้วไม่เว้นเวียตนามและกัมพูชา เมื่อคนที่ยากแค้นลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมและพวกเขาก็ชนะ พี่เชื่อว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่วันหนึ่งมันก็เกิดขึ้นแน่นอน เพราะภราดรภาพในใจของคนถูกปลุกขึ้นมาแล้ว อุดมคติแห่งความเท่าเทียมเริ่มคุกครุ่นในใจของผู้คนที่ถูกกดขี่ข่มเหง และถูกปลุกเร้าด้วยความชิงชังของชนชั้นกลางที่ถูกดึงไปเปนเครื่องมือของชน ชั้นสูงอย่างเต็มตัว


ประเทศเราไม่มีทางเปนเหมือนเดิมอีกต่อไป ในเมื่อคนถูกเสี้ยมให้เกลียดกันแล้วรอยร้าวนี้ก็ยากจะสมาน ต้องให้เครดิตรัฐบาลชุดนี้ไว้ด้วยตรงที่ขยันออกข่าวสร้างภาพความเลวร้ายของคนเสื้อแดง ใส่สีตีไข่ จนทำให้คนเกลียดกันได้มากถึงเพียงนี้ รัฐอาจจะต้องการรักษาอำนาจของตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น สิ่งนั้นอาจจะสำคัญมากกว่าความเข้าอกเข้าใจกันของคนในชาติ


มันอาจจะฟังดูอุดมคติ แต่จริงแล้วเมื่อคนเข้าใจกันว่าเราต่างมีหน้าที่ของตัวเองในสังคม ไม่ได้มีใครสำคัญกว่าใครเราเปนฟันเฟืองตัวหนึ่งที่มีหน้าที่ที่เท่าเทียมกันคือหมุนประเทศนี้ต่อไปข้างหน้าเราเข้าใจว่าเราเองก็ไม่อยากจน ไม่อยากลำบาก และคนอื่นก็เช่นกัน ใครก็อยากรวย อยากสุขสบาย เราจะไปบอกคนอื่นว่าเกิดมาจนก็ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไปสิมันไม่ได้หรอก เพราะลองถามตัวเองจะให้ไปอยู่อย่างนั้นเอาไหม เราก็ไม่เอาเหมือนกัน ฉะนั้น กรุงเทพไม่ใช่ประเทศไทย คนกรุงเทพไม่ใช่เจ้าของประเทศ คนต่างจังหวัดไม่ใช่คนโง่ เขาตื่นแล้ว ความยากจนข้นแค้น มันเรียกร้องให้เขาหาคำตอบว่าทำไมชีวิตเขาถึงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้สักที วันหนึ่งเมื่อเขาเจอคำตอบเขาก็ไม่เชื่อสื่อของรัฐอีกต่อไป พวกเขาไม่ได้เกียจคร้านและแบมือขอ พวกเขาทำงานหนักกว่าเราที่ทำงานในเมือง แต่ค่าตอบแทนมันต่างกันลิบลับ เราร้อนเราเปิดแอร์ แต่เขาร้อนนั่นคือพืชผลถูกทำลายและหมายถึงเจ๊งๆ ๆ ไม่มีจะแดก นี่คือเรื่องจริง อย่างที่สุดไม่ใช่นิยายที่แต่งขึ้นมาประโลมโลกย์ และไม่ตื้นเขินเหมือนคำตอบที่ว่าคนเสื้อแดงทั้งหมดมาเพื่อทักษิณ


เขียนมาถึงขั้นนี้ คงมีหลายคนที่เกลียดชังพี่ที่มีความเห็นทางการเมืองแตกต่างออกไป ซึ่งพี่ไม่ได้โกรธคนเหล่านั้น เพราะคนเรามีความเชื่อต่างกันได้ และจะเกลียดกันก็ไม่ว่ากระไรแต่ให้ลองถามว่า คุณเกลียดชังคนมีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างจากคุณด้วยเหตุผลอะไร หากคุณรักชาติหวงแหนผลประโยชน์ของชาติ ลองนึกถึงคำตอบหน่อยว่า ผลประโยชน์ของชาติ คืออะไร ถ้าตริตรองดูด้วยเหตุผลด้วยข้อมูลต่าง ๆ มาประสมกัน คิดโดย "ไม่ควรเชื่อ เพียงเพราะ..." แล้วยังยึดมั่นอุดมการณ์เดิมด้วยเหตุผลที่หนักแน่น เราก็ยินดีให้ด่า


พี่หวังว่าจดหมายนี้จะเปนคำตอบที่ดีให้กับตี้และน้องปาริณอยู่ไม่น้อย หวังว่าสิ่งที่กลัดใจอยู่คงจะคลายความเครียดของมันลงไปได้ในเร็ววัน อาจจะสงสัยว่าทำไมพี่ถึงเรียกชนชั้นกลางว่าพวกเขา แล้วพี่เปนชนชั้นอะไร จริง ๆ แล้วพี่ก็เปนชนชั้นกลางเหมือนกับทุก ๆ คนที่เล่นเน็ตอยู่ ณ ที่นี้แหละจ้ะ เพียงแต่บางครั้งเราก็ไม่อยากถูกเหมารวมไปอยู่ในหมวดชนชั้นกลางที่เหยียดวรรณะ เพราะถ้าเปนเช่นนั้นแล้ว พี่ยอมเปน "ไพร่" มากกว่าจะเปนคนในแดนศริวิไลซ์ที่มองเห็นคนไม่เห็นเปนคน


วิงวอนให้ทุกคนได้มี "โยนิโสมนสิการ" ในเร็ววัน


แมวโพง สีสวยดี

60 ความคิดเห็น:

  1. ตกลง "โยนิโสมนสิการ" คืออาราย

    นอกจากไม่ได้เป็นไพร่แล้ว ฉันยังไกลศาสนาอีกด้วย ( -___-')

    ตอบลบ
  2. ยาวจังคงต้องหาสมาธิอ่านซะแล้ว... แต่ไม่ว่าจะยังไงคนไทยวัยรุ่น (ที่จะมาเป็นอนาคตของชาติ) จำนวนมากก็มาแว้น มาโชว์นม โชว์ก้นเต้นกันริมถนนวันสงกรานต์อย่างไม่กลัวเลยว่าผู้ใหญ่อย่างเราจะกล้าวาดอนาคตของตนในตอนแก่ไว้อย่างไร

    ตอบลบ
  3. สั้นกว่าข่าวในมติชนรายวันนั่นตั้งเยอะ

    ตอบลบ
  4. การแสดงสิ่งที่คิดแสดงจุดยืน มีราคาที่ต้องแลก ตอนนี้พี่มะเดี่ยวโดนประชาทัณฑ์ทางเนต จากกลุ่มคนที่เห็นต่างไปเรียบร้อย

    ตอบลบ
  5. คนเราก็ยืนบนจุดเดียวเท่านั้น จุดนั้นก็คือจุดที่เรายืนอยู่ ไม่ว่าเราจะเดินไปไหนมาไหนเมื่อเราหยุดจุดนั้นก็อยู่ใต้ที่ยืน

    ...จุดยืนมันเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ...จะไปวิตกวุ่นวายหาความแตกต่างกันทำไมเน้อคนเรา

    ตอบลบ
  6. ...อ้ออีกนิด เว้นแต่เราจะป่วยใกล้ตายนอนให้น้ำเกลือ เราก็จะมีเพียงจุดนอนที่ไม่เปลี่ยน (เว้นแต่อีก..คือ จะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปที่อื่น)

    ตอบลบ
  7. ....อ่านกันหรือยังเนี่ย?

    ตอบลบ
  8. ไม่รู้ว่า "โยนิโสมนสิการ" คำนี้คืออะไรเหมือนกัน ต้องกูเกิ้ลหาถึงพอจะรู้คำจำกัดความ

    ตอบลบ
  9. แต่เราอ่านจนจบแล้วนะจ๊ะ

    เราว่าข้อเขียนนี้ ถ้าเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับทางเสื้อแดง ก็คงรู้สึกกับข้อเขียนนี้แบบเดียวกันกับเวลาที่คนเสื้อแดงรู้สึกตอนที่ฟังนายกอภิสิทธิ์พูดถึงเรื่องสถานการณ์ความวุ่นวายแน่ๆ

    ตอบลบ
  10. พอถ่างใจให้กว้างแล้วก็อดอึ้งไม่ได้เหมือนกันแหละ

    ตอบลบ
  11. อยากเป็นโบฮีเมี่ยนอะ

    ตอบลบ
  12. ในข้อเขียนนี้มีทั้งสิ่งที่เราเห็นด้วยว่า ใช่ นั่นมันเป็นปัญหา
    และสิ่งที่เราก็รู้สึกว่าเป็นปัญหาคือ

    "...เมื่อไหร่ที่เรามองเห็นมนุษย์ไม่ใช่มนุษย์ เรายังเชื่อในอำนาจนิยม วันหนึ่งที่เรามีอำนาจเราก็จะกลายเปนปีศาจร้ายทำลายได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิตคนได้อย่างสนุกสนาน คิดดูว่าแค่มีอำนาจในมือในการพิมพ์คีย์บอร์ดยังเปนได้ขนาดนี้ วันหนึ่งที่เขามีสิทธิ์ชี้เปนชี้ตายคนพวกเขาจะสนุกสนานขนาดไหน แล้วเราจะหวังอะไรกับอนาคตของชาติที่เปนแบบนี้ ..."

    เราว่านอกจากสงครามคีย์บอร์ดที่เขาว่าแล้ว ไอ้ข้อความเหล่านี้กลับสะท้อนสิ่งที่แกนนำเสื้อแดงและเสื้อแดงอันธพาลแสดงออก (เราไม่ได้เหมารวมคนที่มาด้วยใจ สงบ สติ อหิงสา) เพราะหลายอย่างที่แสดงตัวออกมาก็ดันส่อเค้าถึงการใช้อำนาจและสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายเหมือนกัน

    ตอบลบ
  13. อย่างย่อ โยนิโสมนสิการ เป็นการฝึกใช้ความคิด ให้รู้จักคิดอย่างถูกวิธี คิดอย่างมีระเบียบรู้จักคิดวิเคราะห์ไม่มองเห็นสิ่งต่างๆ อย่างตื้นผิวเผิน เป็นขั้นสำคัญในการสร้างปัญหาที่บริสุทธิ์ เป็นอิสระทำให้ทุกคนช่วยตนเองได้ และนำไปสู่จุดมุ่งหมายของพุทธธรรมอย่างถ่องแท้”

    อย่างยาว
    http://www.m-culture.go.th/detail_page.php?sub_id=588

    ตอบลบ
  14. เอาแบบศิลปินในฝรั่งเศสยุคศตวรรษที่ 19 หรือไปเป็นยิปซีอ่ะ

    ตอบลบ
  15. เอาแบบที่ไม่ต้องเป็นทั้งไพร่และชนชั้นกลางอะ

    เราว่าเราไม่ได้เป็นทั้งสองอย่าง
    เราเป็นลูกชาวบ้านที่พ่อแม่ส่งเรียนหนังสือ เรื่องกริยามารยาทที่ควรรู้พ่อแม่ก็สอนมาครบ
    รวมทั้ง(ความเกรงใจเป็น)สมบัติ(ของ)ผู้ดีด้วย

    เราเคารพกติกา เข้าแถวอย่างอดทน(ถ้าจำเป็น) แต่เราไม่รีรอจะเขียนอีเมล์ไปคอมเพลน ถ้าเราเห็นว่าเราไม่ได้รับความยุติธรรม หรือการปฏิบัติอย่างถูกต้อง

    เรายอมรับการต่อสู้กันด้วยการยกเหตุผลมาสู้ ถ้าเราไม่ชนะ เรารับได้
    แต่ถ้าเหตุผลเรามี เราไม่ยอม-ฉะนั้น การเขียนอีเมล์ยกเหตุผลมาอ้างเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นวิธีที่เราชอบ
    เราไม่ชอบใช้กำลัง เพราะว่าเรายังไม่ได้ไปเรียนมวยไทย อีกอย่าง ยังไม่อยากได้จมูกใหม่

    อย่างไรก็ตาม เราว่าเราไม่ใช่ชนชั้นกลางนะ เราไม่ได้อยู่ห่างไกลคนกลุ่มที่หลายคนจัดเป็น "รากหญ้า" อย่างนั้น
    ตอนไปค่าย ก็ไม่ได้ไปแล้วกลับมาโดยไม่คิดว่าแล้วไอ้อาคารอเนกประสงค์ที่ตูบากบั่นมาสร้างนี่ต่อไปมันจะเป็นไงวะ
    ถ้าปีต่อๆ ไปไม่มีค่ายมาแล้วชาวบ้านเค้าจะอยู่กันยังไง

    (ที่จริงชาวบ้านเค้าก็ไม่ได้งอมืองอเท้ารอค่ายมาสร้างมาทำให้อย่างเดียวซะที่ไหน)

    ทำไมจะต้องมีใครมาจับ มาจัดให้เราอยู่กลุ่มไหน
    คิดแบบนี้ต้องใส่เสื้อสีนี้ เราไม่ชอบใส่เสื้อสีเดียว เราชอบเปลี่ยนไปตามอารมณ์

    ตอนเรียนธรรมศาสตร์ยังไม่ยอมใส่ชุดนักศึกษาไปเรียนเลย-แต่ก็ใช่ว่าเราไม่เคารพกติกาหนิ จิงมะ


    (จบแบบงงๆ แต่เราว่าบางทีธรรมศาสตร์(ยุคเรานะ-ยุคอื่นไม่ทราบ)นี่แหละ ที่ spoiled จน 'พวกเรา' เป็นโบฮีเมียนกันไปตั้งนานแล้ว)

    ตอบลบ
  16. อ่ะ มีคอนเม้นท์หายไป เจ้าของเค้าลบเอง
    กำลังจะไปบอกว่าขอบคุณที่เอามาแปะบอกไว้อยู่พอดี -_-')

    ตอบลบ
  17. กติกาเป็นสิ่งสำคัญที่ข้อเขียนนั้นไม่ได้พูดถึงด้วย
    แต่ก็อีกล่ะ ก็อาจจะมีคนว่าอีกว่าใครกันนะเป็นผู้กำหนดกติกา กติกาเอียงกะเท่เร่มั้ย

    ซึ่งเราว่า..อย่างน้อย มันมีกติกาสากลโลกอยู่นะ...เพียงแต่จะเคารพกันมั้ย

    ตอบลบ
  18. โดยส่วนตัว เราว่า กติกาที่ไม่ต้องเขียนเนี่ย ยิ่งใหญ่กว่ากติกาที่เขียนกันขึ้นมาซะอีกอะโม่

    เหมือนว่าคนเราต้องรู้จักเกรงใจคนอื่น ก่อนที่เค้าจะเอ่ยปากเตือนว่า คุณคะ ช่วยพูดโทรศัพท์เบากว่านี้ได้ไหม ไรเงี้ย

    เหมือนกับที่สื่อมวลชนต้องรักษาจริยธรรมของตัวเองให้ดี รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร และภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ
    ไม่ใช่ไม่สนว่าจะเป็นเครื่องมือให้ใคร อยากลงข่าวอะไรก็ลง เอียงแค่ไหนก็ไม่สนใจ

    ตอบลบ
  19. เห็นด้วยว่าเรา (อันหมายถึงตัวเราเองด้วย) ไม่ได้อยู่ห่างไกลคนกลุ่มที่หลายคนจัดเป็น "รากหญ้า" อย่างนั้น

    ตอบลบ
  20. ผมไปเจอในเฟสบุ๊ค มีคนให้คอมเมนต์ว่า

    แหม ผู้กำกับ วิศิษฎ์ เขาก็พูดนะ หรือผู้กำกับศพ 19 เขาก็มีความเห็นว่าให้ไปเล่นเกมยิงเสื้อแดง ไม่เอามาลงรวมกันล่ะ หลากหลายดีนะ ผมว่า

    ผมว่ามันก็น่าสนดีอยู่นา

    ตอบลบ
  21. อ่านแล้วก็ยังไม่เข้าจวยอยู่ดี

    ตอบลบ
  22. จริงเลยม้อย

    ตรงนี้ทำให้เราดันไปนึกถึงที่ทำงานเก่าเรา (คิโนะฯ) เกี่ยวกับเรื่อง Common Sense
    นายญี่ปุ่นบอกว่าคนทำงานที่เค้าต้องการเลือกมาทำงานด้วยคือคนที่มีคอมม่อนเซ้นส์
    ตอนแรก เราก็ เออ ไอ้คอมม่อนเซ้นส์นี่มันก็มีกันทุกคนนี่
    จนได้ประจักษ์กับตัวเอง และเห็นด้วยกะนายจริงๆว่า คอมม่อนเซ้นส์ ของแต่ละคนไม่เท่ากัน -_-')

    อ่ะ นอกเรื่องไปอีกแล้วเรา...

    ตอบลบ
  23. เอ คอมมอนเซ้นส์นี่ใช่ "สำนึก" มั๊ยนะ?

    ตอบลบ
  24. โยนิโสฯสรุปสั้นๆก็ประมาณว่าการมีสัมมาทิฐิ หรือความเห็นถูกหน่ะ แต่จะมีความเห็นถูกได้ก็ต้องเข้าใจความจริงเสียก่อน

    จะว่าไปมันก็มันก็หนีไม่พ้นหลักการของ "ความจริง" กับการ "แสวงหาความจริง"
    ปุถุชนอย่างเรามันก็ยากอยู่ในการที่เราจะเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องของความจริงที่เราควรยึดไว้เป็นหลัก


    วิธีเข้าถึงความจริง

    http://dharma-gateway.com/monk/preach/lp-prayuth/lp-prayuth-22-25.htm

    ตอบลบ
  25. อย่าหลับนาน

    ตื่นมาประเทศหายไม่รุ้นา

    ตอบลบ
  26. มีคนเอามาให้อ่านในเฟสบุคเหมือนกัน เราก็อ่านนะ ไปคอมเม้นท์เค้าซะยาวเลย
    เลยเหนื่อยเขียนอีก 55

    ตอบลบ
  27. Yrcoala Yui
    เรา่ว่าตอนนี้เรื่องทุกอย่างมันปะปนกันไปหมด ทุกคนต้องรู้จักวิเคราะห์ว่าแต่ล ะประเด็นมันอยู่ตรงไหนกัน บ้าง เช่น การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่อ้าง ว่าเป็นชุมนุมตามหลักประชาธิปไตย นั้นอันที่จริงมันก้ไม่ ใช่ เพราะถ้าใช่เค้าก็ไม่ทำกันแบบนี้ // เรื่องการเลี่ยงภาษี ไม่ว่าจะเป็นของใคร มันก็ผิดกฏหมายทั้งสิ้น // การที่ชาวนาถูกว่าจ้างมาให้รวม ตัวกันโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไม่ได้แปลว่าเค้าโง่ แต่เงิน 2000 บาทต่อวัน เค้าหาไม่ได้จากการทำนา // การที่แกนนำเสื้อแดงเอาเรื่องอำมาตย์และไพร่มาปลุึกปั่นประชาชนก็เป็นเรื่องผิด ในแง่การนสื่อสารมวลชน เรามีหน้าที่ดำรงไว้ซึ่้ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่เป็นจรรยาบรรณข้อแรก ในวิชาการสื่้อสารมวลชนเบื้องต้น //
    ไพร่และอำมาตย์เป็นคำที่ถูกบิดเบือนความหมายไปแล้วในกาลนี้ เพราะไพร่ฟ้าหน้าใส คือประชาชนทุกคน ไม่เกี่ยวกับชนชั้น ... //
    การชุมนุมเรื่องเรียกร้องประชาธิปไตย กับ การล้มเจ้า เป็นคนละเรื่องกัน // ผู้รับฝฟังสื่อพึงพิจารณากันให้ดีก่อนการตัดสินเลือกข้างใด

    ตอบลบ
  28. ยาวอ้ะม้อย...ฮ่าฮ่า

    ตอบลบ
  29. ...ง่า ลืมไปแล้วเหมือนกัน
    (หมายถึงจรรยาบรรณข้อแรก อิอิ)


    จี้เขียนดีออก ชัดดี
    การชุมนุมนั่นตะหาก ที่ไม่ชัด

    ตอบลบ
  30. เราว่าตอนนี้ใคร ๆ ก็เอาทุกเรื่องมาปนกันหมดแล้ว เลยทะเลาะไปกันใหม่
    มันไม่ใช่การเอาแต่ละเรื่องมาตัดสิน ตอนนี้กลายเป็นใครไม่ชอบใคร
    เป็นเรื่องของอารมณ์มากกว่าเหตุผลอ้ะ
    เศร้าจัง...

    ตอบลบ
  31. อืมม์ จริง

    พ่อแม่ที่พาเด็กไปม๊อบเนี่ย ไม่ควรเล้ย

    ตอบลบ
  32. หยั่งกะพาไปเที่ยวดรีมเวิร์ดแน่ะ ตะเอง

    ตอบลบ
  33. อ่านแล้ว..
    บางอย่างใช่ บางอย่างไม่ใช่
    ที่สำคัญคือ เขาพยายามลืมเขียนอะไรบางอย่าง
    ใช้วิธี "พูดความจริงแค่ครึ่งเดียว" แบบที่นักการเมืองชอบทำกันนั่นแหละ

    ตอบลบ
  34. คนคนนี้ทำหนัง เขาก็ต้องอิงอยู่กับทุนนิยมกระแสหลัก
    หนังของเขาก็ตลาดเหลือเกิน
    ไม่เห็นทำเรื่องชาวนายากจนค่นแค้นอะไรเลย

    แต่ก็โอเคนะ ผมเข้าใจ ไม่ว่ากัน
    ผมก็ดูหนังของเขาด้วย

    ตอบลบ
  35. กลัวว่าจะมีอะไรมากกว่าเรื่องทุนนิยม

    ส่วนตัวมะเดี่ยวใช้คำว่า โยนิโสมนสิการ ไม่ได้แน่แน่ เพราะเลือกเขียนเฉพาะด้านที่ตนเองคิดเห็น(แต่มัน blog เค้านี่หว่า)

    เอาเป็นว่ามองผู้ชายคนนี้ต่างไปจากเดิมและคงไม่กล้าเข้าไปดูหนังของเค้าอีกต่อไป...

    ปล. วันนี้เพื่อนชั้นคนที่โพสต์บทความนี้ใน FB มาตอบต่อและมันเป็นคำพูดที่ทำให้ชั้นอึ้งไปเลย

    ตอบลบ
  36. เฮ้ย ขนาด "ไม่กล้าดูหนังเขาอีกต่อไป" เลยหรอ?

    น่าสนใจมาก

    ชั้นสงสัยต่อนะ ในขณะที่เรายังสามารถดูหนังจากโลกคอมมิวนิสต์ ฟาสซิสม์ สังคมนิยม อยากดูหนังทุนนิยม หนังเกย์ หนังเฟมินิสต์ หนังซาโด-มาโซคิสต์ บางทีก็เผลอไปดูพจน์ อานนท์บ้าง หนังหม่ำบ้าง ปอปบ้าง

    แต่กะมะเดี่ยว แกถึงขนาดไม่กล้าดูหนังของเค้าอีกต่อไปงั้นหรอ??

    ชั้นเดาว่าเค้าคงทำแกผิดหวังมากเลยงั้นสิ

    ไว้ไปคุยกันหลังไมค์ อยากรู้ว่าเพื่อนแกตอบอะไร หวังว่าเพื่อนคนนั้นจะไม่ใช่คนที่ชั้นคิดนะ

    เหอเหอ

    ตอบลบ
  37. หนังมะเดี่ยว ชั้นได้ดูเรื่องเดียวคือรักแห่งสยาม (อันขาดวิ่น) นี่แหละว่ะ

    มันออกจะป๊อปใช่ไหม หนังเรื่องนี้

    ตอบลบ
  38. ไม่รู้มันเกี่ยวกันไหม แต่สงสัยจังว่าตอนที่รู้ว่าพี่ตั้ว ศรัญญู กระโดดขึ้นเวทีเสื้อเหลืองนั่น แก (และคนอื่นๆ) คิดยังไง?

    มองเค้าเป็น "แกนนำเสื้อเหลือง" ไปแล้ว หรือยังชื่นชม กล้าชมและอยากติดตามผลงานเค้าอยู่ไหม (ได้ข่าวพี่ตั้วก็กำกับอะไรๆ เป็นครั้งคราวนิ)

    (กรณีนี้ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับคนเคยมีผู้ประกาศตัวเป็นศัตรูสำคัญของรัฐบาลชื่อ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เป็นนักร้องในดวงใจ ด้วยนะ- อาเมน)

    ตอบลบ
  39. ตอนแรกว่าจะไม่พิมพ์ตอบข้อเขียนมะเดี่ยวในนี้......แต่ขอสั้นๆ.....

    อยากรู้ว่าทักษิณผิดยังไงลองไปหาคำพิพากษาของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาอ่าน......ประเด็นหลักของคำตัดสินไม่น่าจะอยู่ในเรื่องขายหุ้นแล้วไม่เสียภาษี.......ขายหุ้นในตลาด-หลอก-ทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี......ย้ำว่าไม่ต้องเสียภาษี......ประเด็นคือเหตุที่มาแห่งหุ้น.....ธุรกรรมอำพรางระหว่างบริษัทเล็กน้อยที่เกาะอันไกลโพ้น......โยนหุ้นกันไปมาให้คนงงเล่นพ่อขายลูก.....ลูกโอนเงินจากการขายเข้าบัญชีพ่อแม่อะไรเทือกนั้น.....

    ถ้าจะไปว่าคนอื่นว่าทักษิณชั่วเลวยังไงคนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้เนี่ย......ลองหันมองดูตัวเองก่อน.....มองดูข้อมูลรอบๆตัวเองก่อน....ไม่ใช่ตาข้างนึงเปิดรับแต่ตาข้างนึงหรี่ๆปิดไว้.......โอว์.......เธอว์......โยนิโสมนสิการ

    คำตอบโต้นี้เกิดขึ้นด้วยความชิงชังทักษิณล้วนๆและรู้แน่ว่าชิงชังเพราะอะไร.......ในปีที่มันขายหุ้นเรียบ......เราโดนภาษีเพิ่มไปสองแสนเกือบสามแสนบาทแทบหมดตัวในปีเดียว......นี่คือเศษเงินของมันบนความเท่าเทียมเหรอ

    เรามีหน้าที่ปฏิบัติตามกฏหมายแต่มันมีหน้าที่ออกกฎหมายเข้าข้างตัวเองเหรอวะ.......

    โยนิโสมนสิการ.......อีกที........

    ตอบลบ
  40. สอง.....เสื้อแดงนี่ดูถูกบางคนนะ...ระดับแกนนำอย่างกี้ลอยฟ้าหรือ...เต้น...น้ำท่วมทุ่ง......ตู่...หนีตาย......หรือเพ็ญแข...แบตลอดศก......เว้นอาวีระไว้คนเพราะดูเป็นคนพูดรู้เรื่องสุด......ส่วนเสื้อแดงจริงๆเราไม่ได้คิดว่าเค้าโง่หรอกนะ......แต่ละคนมีอุดมการณ์ความคิดเป็นของตัวเอง.....เรามีเพื่อนที่เรียนกันมาตั้งแต่ป.หนึ่งเป็นการ์ดเสื้อแดง...เรามีเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยหลายคนเป็นเสื้อแดง....จะแดงต้อย...แดงเข้มไม่ประเมิณ....เราซะอีกที่คิดว่าตัวเองไม่มีอุดมการณ์ใดๆนอกจากต้องทำงานแบกภาระเลี้ยงดูลูกน้อง.......ถ้าจะมองว่าชนชั้นกลางมีอุดมการณ์สูงส่งกว่าคนต่างจังหวัดหรือเปล่าคงตอบว่าไม่เพราะไอ้วันๆที่สาละวนทำงานก็แย่พออยู่แล้ว......

    โยนิโสมนสิการ.......อีกทีวะ

    ตอบลบ
  41. ประการที่สาม......ใครเค้าจะยินดี....ถ้ามีคนตาย....คงมีแต่พวกโรคจิตทั้งนั้น....แค่นี้ยังไม่แย่พอใช่ไหม.....ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา....ถ้าคิดว่าสังคมเริ่มแตกแยกเพราะว่ามีคนเสี้ยม....ก็ถูกครึ่งนึง......แต่ถ้าไอ้คนที่มันเอามาประจานสันหลังมันไม่หวะทำยังไงมันก็จุดไม่ติดหรอก.......

    แต่ยังไงก็แล้วแต่......ผมเป็นคนนึงที่รอเอารองเท้าตบหน้าคุณอยู่เหมือนกันนะครับ.....สนธิ ลิ้มทองกุล.....

    ณ.ปัจจุบัน...เราเห็นด้วยว่ารัฐใช้สื่อของตัวเองมุ่งหวังผลให้เกิดความเกลียดชังมากเกินไป....การปิดกั้นสื่อต่างๆที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลทั้งหมดเป็นเรื่องที่โง่เง่ามากหากรองนายกฝ่ายความมั่นคงมันมีสติปัญญาแค่นี้.....สิ่งที่ควรทำคือต้องเปิดให้หมด....ให้ข่าวสารทุกๆด้านมันได้กระจายไปยังผู้คนที่ยังอยากเสพย์อยู่.......




    ตอบลบ
  42. ประการที่สี่......อย่าให้เจอทักษิณแถวบ้านนะ.....มาคนเดียวด้วยนะ....มือเปล่าๆด้วย.....แต่เราขอติดอาวุธ
    จะเอาไม้หน้าสามแพ่นกบาลมันให้แยกเลย.......นี่คือความกักฬะโสมมของชนชั้นกลางอย่างเรา....

    ตอบลบ
  43. ประการที่ห้า.......

    ไม่เกี่ยวกับมะเดี่ยว....

    เพิ่งดูทีวี.....เห็นเสื้อชมพู แล้วเห็นว่ามีเสื้องเหลืองเข้าไปแจม นี่จะทำให้เหตุการณ์จะวุ่นวายกันเข้าไปใหญ่

    เฮ้อ.......

    ตอบลบ
  44. มาป็นโบฮีเมียนกันดีก่า..เย้

    ตอบลบ
  45. พี่ตั้ว นี่ไม่อยากพูดถึง แค่เห็นหน้าก็อาจจะอ๊วกแตกได้


    ปล. ชอบหนังเรื่องรักแห่งสยามมาก

    ตอบลบ
  46. พี่เหม่ง...ไหนว่าขอสั้น ๆ ไง ฮ่า ฮ่า

    ตอบลบ
  47. พี่เหม่งอัดอั้น... :)

    ตอบลบ
  48. มะเดี่ยวไม่ใช่รุ่นน้องคณะเราใช่ป่ะ ไม่ใช่รุ่นน้องเอกพี่เหม่งด้วยใช่ป่ะ???

    ตอบลบ
  49. อ่ะ ไม่ใช่จ้า เป็นอีกที่ที่จ๊ะเอ๋ลูกนกกะเราอ่ะ

    ตอบลบ
  50. เขียนเก่งและกล้าเขียน .. ชอบ

    ตอบลบ
  51. เป็นจดหมายตอบที่ฟังแล้วรู้สึกถึงน้ำหนักของเหตุผล
    แต่ว่าเริ่มมางงเอาตอนจบว่า
    เราต้องเลือกจริงๆเหรอว่าจะ็เป็นอะไร

    โนเป็นคนไม่ชอบการเมือง
    จำชื่อ จำหน้ารัฐมนตรี ส.ส. ยังไม่ถึง 10 คนเลย
    ไม่ต้องเฉพาะการเมืองหรือสื่อหรอกค่ะ
    ที่จะนำเสนออะไรด้านเดียว
    เอาแค่วงแคบๆ พ่อ แม่ พี่ น้อง พ้องเพื่อน
    เราก็ยังเห็นกันไม่ครบด้าน
    (ขนาดถุงเงินคิดอะไร บางทีโนยังไม่เข้าใจเลย)

    ไม่ใช่ว่าเราไม่เลือกฝ่ายไหน เป็นการนิ่งดูดายสักหน่อย
    เห็นเพื่อนๆในเฟซบุคแสดงความคิดเห็นแบบโหดร้าย
    ไม่ว่าจะเสื้อสีอะไร...........นั่นเป็นทางออกที่ดีแล้วเหรอ
    สิ่งที่เรา"คิด"ว่าเราทำเพื่อคนอื่น
    มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คนอื่น"ต้องการ" ก็ได้เนอะ

    สรุปว่าจดหมายฉบับนี้เห็นด้วยกับครึ่งแรกที่ว่าด้วย
    เรื่องการนินทา สันดานดิบของมนุษย์
    แต่ไม่เห็นด้วยกะครึ่งท่อนหลัง
    ที่ว่าด้วยไพร่ อำมาตย์

    เอวังด้วยประการฉะนี้

    ตอบลบ
  52. ลูกชาวบ้านอย่างพี่ที่พ่อแม่ส่งเสียให้เรียนมากหน่อยเหมือนน้องม้อย
    (ไม่ค่อยรู้ตัวว่าอยู่ชั้นไหน) พี่อาจจะพยายามถีบตัวเองให้ขึ้นมาอยู่กลาง ๆ มั้ง
    อ่านจดหมายแล้วก็ งงเล็ก ๆ (ศัพท์บางคำก็ไม่รู้เรื่อง)
    แต่ก็เข้าใจว่าคนเขียนเค้าเป็นฝ่ายแดง แบบชนชั้นกลาง

    พี่ไม่เชื่อว่าหากมีการตั้งระบบใหม่ เลือกตั้งใหม่ หรือล้มระบบเก่าในบ้านเราแล้ว
    ชนชั้น หรือความเหลื่อมล้ำ(แบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา) ที่มีอยู่ในเมืองไทย จะหายไป
    ชนชั้นต่าง ๆ อาจกลายเป็น จนมาก จนน้อย รวยมาก รวยมากที่สุด อะไรทำนองนี้
    เห็นเลือกตั้งเข้าไปกี่ครั้ง ท่านสส. ผู้ทรงเกือก ก็หน้าเดิม ๆ

    ไปดูสิตามต่างจังหวัด ตระกูลนี้เล่นการเมือง
    มองไปทางไหน ก็เจอ ท่าน สส. สจ. สท. อบต. ที่นับญาติกันได้ทั้งนั้น

    การดำเนินของกฎกติกาของสังคมนี้ก็วนเวียนอยู่ที่เดิม

    พี่ไม่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่ดี
    จะมาจากการเปลี่ยนแปลงเฉพาะนักการเมือง หรือชนชั้นปกครอง
    แต่ก็ไม่รู้อีกว่ามันจะไปเปลี่ยนตรงไหนบ้าง และก่อนหลังยังไง
    (ถ้ารู้จะมีใครเชิญไปเป็นนายกมั้ยเนี่ย)
    รู้แต่ว่าตอนนี้เราคนไทยควรรักกันไว้ และใจเย็น ๆ

    พรุ่งนี้ไม่ว่าฝ่ายเหลืองหรือฝ่ายแดง หรือฝ่ายไหน ๆ จะชนะ
    (พอไม่มีสี ก็โดนดักคออีกว่าเราเป็นพวกชนชั้นกลางที่กลัวการเปลี่ยนแปลง)
    ขอให้ประเทศไทยที่รักอย่าเสียหายมากไปกว่านี้เลย

    (เขียนยาว เพราะเพิ่งตื่น จากข่าวบุกโรงพยาบาล)

    ตอบลบ
  53. เรื่องที่มันเป็นเกมการเมืองนั่นเอง พี่แจ๋ว

    เค้าเล่นเกมกัน โดยเอาพวกเราชาวไทยเป็นหมาก
    ทำให้คนกลุ่มหนึ่งรักและบูชา
    แล้วปลุกกลุ่มนั้นให้โกรธกลุ่มนี้
    แล้วก็ปลุกกลุ่มนี้ให้รับไม่ได้กับการกระทำของกลุ่มนั้น

    พลเมืองซื่อใสอย่างพวกเราหรือจะรู้ทันเกมนักการเมืองร้อยเล่ห์
    ทุกวันนี้ออกจากบ้านมา มองไปก็ได้แต่นึกอดสูใจ
    ทำไมคนกลุ่มนั้นต้องมากินนอนบนถนน อาบน้ำในห้องอาบน้ำแบบโอเพ่นแอร์ที่แสนจะน่าเกลียด
    ฉี่ใส่กำแพง (คงมีหลายคนได้ริดสีดวงและกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นของแถม) ฝนตกก็เปียกฝน (ในขณะที่บางคนได้นอนโรงแรมสบาย)
    ทำไมทหารต้องมาเฝ้าสถานีบีทีเอส
    ทำไมเราต้องรีบกลับบ้านก่อนสองทุ่ม (เพราะบีืทีเอสเปิดแค่นั้น) อดนัดเพื่อน นัดหมอ หรือนัดหมาที่ไหน
    ทำไมเราต้องฝันร้ายเรื่องระเบิด ทำไมต่อแม่พี่น้องต้องคอยโทรถามว่าวันนี้อยู่ไหน ทำอะไร ทำไมเราถึงอดไปดูหนังสยาม ทำไมไม่ได้ไปเดินหาหนังสือในคิโนะคูนิยะเหมือนเคย
    ทำไมถึงไม่ได้ไปไหว้พระพรหม ทำไมพยาบาลโรงพยาบาลจุฬาต้องบอกที่บ้านว่าไม่ได้เข้าเวรบ่ายเวรดึกแล้ว

    นี่เขาจะดีกันแล้ว
    ดีกันง่ายๆ เหมือนเล่นเกมมานาน ชักเหนื่อย
    แล้วไอ้ความขสัวหนีดีฝ่อ ความกลัว ความเคืองกัน โกรธกันแทบจะเป็นบ้า ความไม่สะดวกสบาย ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดก่อนหน้านี้ล่ะ?

    มันจะเป็นแค่ฝันร้ายใช่ไหม

    นอกจากคนที่เราก็รู้ว่าใครแล้ว มีใคร "ได้" อะไรจากเรื่องนี้อีกบ้างละเนี่ย?

    ตอบลบ
  54. นักการเมืองประเทศเราน่ะ ถ้าเขาตกลงผลประโยชน์กันได้ มันก็จบ
    เขาอยากจะเลิกเดินหมาก เขาก็เลิกง่ายๆ อย่างนั้นแหละ

    เลิกเดินหมากบนกระดาน
    เพื่อจะไปเริ่มอีกกระดานหนึ่ง

    เราสรุปการเรียนรู้ได้ไหมว่า เราไว้ใจนักการเมืองไม่ได้
    ทั้งที่อยู่ในคราบรัฐบาล ฝ่ายค้าน
    ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง
    รวมถึง ทหาร ตำรวจ (พวกที่นอกราชการด้วย) บางคน
    นักวิชาการบางคน NGO บางคน สื่อมวลชนบางสื่อ

    ตอบลบ