ความเปลี่ยนแปลงเป็นสัจธรรมของชีวิต ต่อให้ไม่มีอะไรมากระทำต่อวัตถุเลย มันก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะความเสื่อมอยู่ดี
อิฉันเองย้ายมาอยู่บางกอกนานจนอนุญาตให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นคนบางกอกไปเรียบร้อยแล้ว หลังผ่านการปรับตัวจนคุ้นชินกับสภาพแวดล้อม จังหวะชีวิตของเมืองที่เป็นส่วนผสมนัวๆ จากความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติของผู้อยู่อาศัยอย่างเนียนๆ หาความสุขได้ตามอัตภาพ และแทบไม่รู้สึกว่าชีวิตในบางกอกไร้คุณภาพ ต่ำต้อย หรือขาดอะไรเลยไปเลย
ต่อเมื่อมีโอกาสเดินทางไปทำงานบนเกาะสมุยเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมานั่นแหละ จึงได้ตระหนักถึงบางสิ่งของเกาะสมุยที่บางกอกไม่มี และเชื่อว่าต้องใช่สิ่งนี้แน่ๆ ที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เดินทางมายังเกาะสมุย
มันคือ “ฟ้าใส-ทะเลสวย” ของสมุย เกาะเมืองร้อนที่มีอากาศโปร่ง หายใจสะดวก ถึงจะร้อนแต่เดี๋ยวๆ ฝนก็จะตกลงมาช่วยปรับดีกรีของอากาศให้เย็นลงมาหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง เพราะอีกเดี๋ยวแดดก็ออก อากาศกลับแจ่มใสเหมือนเดิม
สิ่งที่สมุยมีแต่บางกอกไม่มีนี้ จริงๆ มันมีมาแสนนานแล้ว สิ่งที่สมุยมีเหมือนบางกอกต่างหาก ที่เพิ่งเกิดขึ้นพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง
ความเปลี่ยนแปลงมาถึงเกาะสมุยด้วยพลานุภาพแห่งเสน่ห์ดึงดูดของฟ้าใส-ทะเลสวยนั่นแหละ อิฉันว่ามันทั้งดึง ทั้งดูดทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นเงิน และคน
ช่างน่าสงสัยนัก ว่าตลอด 3 วันของการทำงานบนเกาะ ไฉนอิฉันจึงแทบไม่ได้พบปะพูดจากับคนท้องถิ่นสมุยเลย
พนักงานหน้าตาสวยคมที่ฟร้อนต์ออฟฟิศเป็นลูกผสมอินเดีย-จีน-อังกฤษ ไม่มีส่วนที่เป็นไทย แต่เธอพูดไทยคล่องปรื๋อเพราะย้ายมาอยู่เกาะสมุยได้ 13 ปีแล้ว อีกคนสวยอวบ ผิวดีแบบคนทางเหนือ ส่วนคนผู้ชายบุคลิกอ่อนหวานมีสำเนียงเหมือนคนกรุงเทพ สปาเธอราปิสต์น้ำใสใจคอน่ารักคนนั้นเป็นชาวกาฬสินธุ์ อิฉันแอบได้ยินช่างไฟอู้กำเมืองกันอย่างออกรส คนสวนที่ทำงานกลางแจ้งเป็นชาวต่างชาติ (ไม่แน่ใจว่าใช่พม่าไหม) พนักงานเสิร์ฟในห้องอาหารเป็นคนใต้ล่าง (เดาจากสำเนียง) พอได้ออกจากที่พัก ไปย่านการค้าแถวหาดเฉวงยิ่งรับประกันได้เลยว่า 90% ไม่ใช่คนสมุย แม้กระทั่งในร้านขายขนมฝรั่งที่เพื่อนพาไปกินนั่น คุณเชฟก็ยังเป็นฝรั่ง คนขับรถโรงแรมที่พากลับสนามบินไม่มีสำเนียงทองแดงติดแม้แต่นิด แม้กระทั่งพนักงานรับเช็คอินก่อนขึ้นเครื่องก็สำเนียงเหน่อแบบวัยรุ่นบางกอก
เก็บข้อมูลจากการสังเกตแล้วอิฉันก็สงสัยมันต่อไปตามประสา คนจากถิ่นอื่นเหล่านี้มาอยู่ (มาทำงาน) บนเกาะสมุยนานแค่ไหนแล้ว? แต่ละคนอยู่นานไหม? เขากิน-อยู่กันอย่างไร? มีการรวมกลุ่มกันไหม? แล้วพอถึงวันประเพณีประจำถิ่นของเขา เขาฉลองอย่างไร? หรือที่จริงแล้วคนต่างที่ต่างถิ่นที่พลัดมาอยู่บนเกาะสมุยเขาต่างคนต่างอยู่ เพราะนี่มาอยู่เพื่อทำงาน ไม่ได้มาตั้งรกราก???
คนสมุยจริงๆ ชนิดที่เกิดบนเกาะ ใช้ชีวิตบนเกาะ พูดจากภาษาถิ่นใต้สำเนียงเพี้ยนหูแบบคนสมุยที่อิฉันได้สัมผัสระหว่าง 3 วันบนเกาะสมุย ดูเหมือนจะมีแค่เพื่อนกับครอบครัวของเพื่อนเท่านั้นเอง
แล้วคนสมุยจริงๆ ไปอยู่ที่ไหนกันหมด?
บ้านเรือนจริงๆ ของคนสมุยเป็นแบบไหน? อาหารการกินล่ะ? ประเพณีประจำถิ่นของคนสมัยยังมีอยู่ไหม? (ที่นี่เขาชักพระเหมือนที่สุราษฎร์หรือเปล่า?) แล้วสมัยนี้คนสมุยเขาทำอาชีพอะไรกัน?
คนสมุยยังอยู่บนเกาะสมุย แต่อยู่ในที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ได้เจอ หรือว่าย้ายไปอยู่ที่ไหนแล้ว? เกาะสมุยล่ะ เลี้ยงคนที่ไหลมาเทมาตามแรงดึงดูดของ ฟ้าใส-ทะเลสวย ไหวหรือเปล่า? น้ำพอไหม? แล้วไฟล่ะ? เหตุการณ์บ้านเมืองความสงบสุขของเมืองสงบ ทำสวน ทำประมง เปลี่ยนไปเป็นเมืองท่องเที่ยว อยู่ได้ด้วยงานบริการ และการค้า
ความเปลี่ยนแปลงทำให้คนสมุยเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง???
สงสัยเสียจริง
คนสมุย นั่นสิ น่าสงสัย
ตอบลบแวะมาอ่านบทความ ไปอยู่สมุย 4 เดือนกว่า ก้อแทบจะไม่ได้พบคนสมุยเหมือนกัน
ตอบลบนึกถึงเรื่องคุณฉุย...
ตอบลบ..อ่านแล้ว ผมขอมีทัศนะแบบเอ็นจีโอตาขวางผีบ้าบ้างอ่ะนะ....
ตอบลบเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเมืองท่องเที่ยว หรือย่านท่องเที่ยวทุกที่ในประเทศไทย ที่ชุมชนไม่เข้มแข็ง
ไม่มีการวางแผนรองรับที่ดีพอ ไม่มีการพูดคุยถกเถียงกันในกลุ่มชาวบ้านมากพอ
ไม่ว่าจะเป็น..เกาะช้าง เกาะเสม็ด เกาะสมุย ปาย พัทยา ป่าตอง ถนนข้าวสาร ถนนพระอาทิตย์ ย่านนิมมานเหมินทร์ ฯลฯ
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ
คนใหม่ๆ ทุนหนา ที่มีเงินมากกว่าชาวบ้าน ถือเงินเข้ามาลงทุน
เพราะมองเห็นถึงกระแสการท่องเที่ยวของคนจากกรุงเทพฯ ที่แห่กันเข้ามา
พอคนใหม่ๆ พวกนี้เข้ามาแล้ว ก็เข้ามากว้านซื้อที่ดินในราคาถูกๆ เพื่อสร้างรีสอร์ท โรงแรมที่พักหรู
เปิดร้านขายของแพงๆ ที่ชาวบ้านเขาไม่ใช้ ไม่ซื้อ ไม่มีปัญญาจะกิน
แล้วเตะคนเก่าๆ ที่อยู่มาก่อนทิ้งไป
พอคนกลุ่มหลังพวกนี้หลุดออกไป
ก็หมายถึงว่า วัฒนธรรม ประเพณี สถาปัตยกรรม ภาษา รวมถึงน้ำใจของคนพื้นถิ่นก็หลุดออกไปด้วย
เหลือแต่สิ่งใหม่ๆ แพงๆ หรูๆ ที่คนไทยส่วนใหญ่ ไม่มีสิทธิเข้าไปแตะ
ต่อไปจากนี้ จะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นที่ไหนอีกล่ะ.... เชียงคานเหรอ..หรือว่าเปียงหลวง..หรือว่าปางมะผ้า..
ทีนี้เราพอจะมีส่วนช่วยป้องกันปัญหานี้ได้บ้างอย่างไร...
ที่จริงมันก็ไม่ยากหรอกครับ ถ้าเราจะลงมือทำ
ไปอยู่สมุย 4 เดือน ไปทำอะไรเอ่ยคะ?
ตอบลบไม่ใช่แค่คนสมุย ที่อิฉันหาไม่เจอ
ตอบลบลิงสมุยด้วยแหละ
ถ้าอย่างนั้น
ตอบลบการที่ม้อยหาคนสมุยไม่เจอมันเป็นเพราะดีมานด์ หรือซัพพลายกันแน่นะ?
หรือที่จริงมันก็แค่ ม้อยไปไม่ถูกที่ก็เลยไม่เจอคนสมุย (ฮา)
ที่หาไม่เจอก็คงเพราะ Demand กับ Supply ทั้งสองอย่างนั่นแหละ
ตอบลบDemand ของนักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยว กับ Supply ที่เป็นรีสอร์ทที่มันสวยๆ หรูๆ ชิลๆ ที่เข้ามาแย่งพื้นที่ของชาวบ้านเดิม
ถ้าอยากหาคนสมุยให้เจอ ก็ลองไปหาตามที่ที่วิวมันไม่สวย เข้าไปถึงยากๆ สิครับ ผมเดาว่า เขาน่าจะอยู่กันตามที่แบบนั้น
ถ้าเป้นคนสมุย คงจะไม่สบายใจ ไม่ยินดีเหมือนกัน
ตอบลบเพราะม้อยอยู่บริเวณที่พักและสถานที่เที่ยวเป็นหลักรึเปล่าเลยไม่เห็นคนสมุย???
ตอบลบคงอย่างที่คุณ pba บอก...คนสมุยจริงๆอาจต้องแลกพื้นที่ทำเลดีๆนั้น แล้วย้ายตัวเองไปอยู่พื้นที่ห่างไกลแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้น...ซึ่ง เสน่ห์ในการท่องเที่ยวที่เราจะได้รับจากความหลากหลายของผู้คนที่ต่างถิ่นต่างท้องถิ่น...ก็คงค่อยๆหมดไป
พอเสน่ห์ของที่เที่ยวลดไป...นักท่องเที่ยวก็อาจจะน้อยลงตามไปด้วย???...เฮ้อ เฮ้อ
ตอบลบจุดขายของสมุยไม่ใช่วัฒนธรรมเหมือนเชียงใหม่
แต่คือ sea, sand, sun
แต่้เราสงสัยอย่างนึงนะ เอ็มโม่
ว่าแทบไม่มีเลยหรอ นักท่องเที่ยวที่ไปสมุย ที่ไปเอ็นจอย 3 s ข้างบนด้วย แล้วก็สนใจวัฒนธรรมคนเกาะ แล้วก็อยากกินอาหารท้่องถิ่นด้วย (เหมือนเรา)
อันนี้ขอแย้ง
ตอบลบตอนเขาซื้อขาย มันก็แฮปปี้ทั้งสองฝ่ายนะ
ไม่ใช่มาซื้อแบบบังคับให้ขาย
เพียงแต่คนขายอาจนึกไม่ถึงว่าที่ของตัวเองมันจะมีราคาได้ถึงขนาดนั้น
และถ้าจะขายให้ได้ราคาก็ต้องขายนักลงทุนรายใหญ่ ไม่สนใจหรอกว่าจะสัญชาติไหน
มีที่แปลงหนึ่ง สมมติคิดจะทำที่พัก ชาวบ้านธรรมดาที่เคยนอนโรงแรมอย่างเก่งคืนละพันสองพันจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้ที่แปลงนั้นได้สักเท่าไหร่ คิดไปคิดมาเทียบกับที่เหล่ามืออาชีพมาขอเช่าหรือมาขอซื้อ เลือกรับเงินดีกว่า อย่าไปทำมันเลย
อ่อ คนสมุยอยู่นี่เอง
ตอบลบเราว่า คนที่มาใหม่เขาก็มีน้ำใจในแบบของเขานะ
ตอบลบแล้วอีกอย่าง เมืองมันต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว
ปัญหาเรื่อง จะเปลี่ยนยังไงคงเถียงกันได้ และควรเปิดโอกาสให้ถกเถียงกัน
แล้วคนบางกอก อยู่ตรงไหน
ตอบลบย้อนหลังไปสองรุ่น พวกเราก็ไม่ใช่คนสมุย (ไม่ได้เกิดที่สมุย)
นับล่วงหน้าไปหนึ่งรุ่น คนที่ตอนนี้อาจดูเป็นคนต่างถิ่นเขาก็จะมีลูกหลานเป็นคนสมุย (เกิดที่สมุย)
ไม่ต้องไปหาหรอกคนสมุย แต่ถ้าอยากจะดูว่าในสมุยมีอะไรอื่นบ้าง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ชักจาเหมือนการตามหา "คนไทย" เข้าไปทุกที
ตอบลบฮิ ฮิ
ดังนั้น ก็ไม่ต้องซีเรียสว่าคนสมุยจะหมดไป
ตอบลบยิ่งอินเตอร์เท่าไหร่ คนก็ยิ่งหลากหลายขึ้นเท่านั้น
ผู้อ่านที่รัก
ตอบลบขณะนี้ท่านกำลังชิลล์อยู่ในตู้ปลา ฉะนั้น ใจเย็นๆ นะฮะ
นี่เป็นแค่การ share กันทะนั้นเอง
เราต่างรักเกาะสมุยอะเนอะ
ตอบลบ(พูดจริงนะเนี่ย)
นักท่องเที่ยวก็มีหลายแบบนะม้อย...บางคนสนใจดื่มด่ำแค่ 3 s บางคนก็สนรายละเอียดระหว่างทางด้วย...นานาจิตตัง ไม่มีใครผิด....แต่เราก็เชื่อว่าก็มีหลายคนมีรสนิยมแบบม้อยนะ เพียงแต่ 3 s มันเป็นอาหารจานหลักอย่างที่ม้อยว่าไง ...วัฒนธรรมเป็นเครื่องปรุง เครื่องเทศให้อาหารอร่อยขึ้น รสชาติละเอียดขึ้น...เค้าเลยเอ็นจอยมันแบบเงียบๆ 555 :)
ตอบลบอืมมมม์ ดูละเมียดดีจัง
ตอบลบแหม...ขอให้มีความหลากหลายที่เป็นแบบสมุยๆผสมลงเป็นหลักก็ดีนะคะ :)
ตอบลบก็พูดถึงเรื่องกินนี่ 555 :P
ตอบลบเราเห็นด้วย
ตอบลบเพราะถ้าเราไปเที่ยวสมุย เราก็ย่อมอยากจะสัมผัสอะไรที่มันมีกลิ่นของสมุยมั่ง นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี
ไม่งั้นก็อยู่อินเตอร์มันที่บางกอกนี่ก็ดีนะ ไม่ต้องเสียตังให้เอเชียบูตีคแอร์ไลน์
กลิ่นไอ วัฒนธรรมความเป็น"สมุย"ที่นักท่องเที่ยวอยากสัมผัส(หรือเปล่า)นี่มันคืออะไรหว่า
ตอบลบนักท่องเที่ยว(อย่างตัวเราเอง) อยากสัมผัสความเป็นสมุยจริงๆแบบสื่อสารกับชาวบ้านไม่ค่อยเข้าใจ ที่พักสกปรกๆเพราะชาวบ้านทำแบบบ้านๆ โดนโขกค่ารถเพราะเป็นคนแปลกหน้าฯลฯ
หรือความจริงแค่อยากมีความภูมิใจที่ได้ไปสำรวจดินแดนที่ยังบริสุทธิ์แบบพื้นถิ่น ก่อนที่คนอื่นๆจะมาถึง คล้ายกับนักสำรวจดินแดนสมัยก่อน แล้วก็มาคุยให้เพื่อนฟังว่าตอนที่ชั้นไปนะ(สักสิบปีที่แล้ว)มันสวยกว่านี้เยอะเลย
ขอกลับไปนอนคิดก่อนนะ
ตอบลบโคตรหมั่นไส้คนพวกนี้เลยว่ะป้า ขอบอก
บอกตรงๆ น้องเองก็ไม่เคยไปเหยียบสมุยแบบนักท่องเที่ยวจริงๆ สักที
ไปทีไรก็เหมือนไปเที่ยวบ้านเพื่อน
กะครั้งนี้แหละ ที่ไปทำงาน
อ้อ มีไปให้เพื่อนพาสมัครงานครั้งนึง
นั่นก็เกือบกลายเป็นหนึ่งในส่วนหนึ่งของสมุึยแต่ไม่ใช่คนสมุยแล้วเนอะ
อันนี้ เป็นโจทย์ทางการตลาด
ตอบลบแล้วค่อยเลือกวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์เอา
เหมือนแต่ก่อนเราใช้ amazing thailand แล้วปรับมาเรื่อยๆ
"กลิ่น" มันปรุงกันได้
อ่า..ตัวจริงในพื้นที่มาแล้วครับ..
ตอบลบขอบคุณที่ทักท้วง..
ราคาถูกๆ ที่ผมว่าเนี่ย ผมเขียนไม่เคลียร์ครับ
ที่เคยไปเจอมาก็อย่างที่คุณ korndola ว่ามานั่นแหละ
ราคาถูกๆ ที่ว่านั่นก็คือ มันถูกเมื่อเทียบกับราคาที่ดินหลังการ "พัฒนา" พื้นที่ไปแล้ว
สมมุติว่าซื้อมาไร่ละ 5 ล้าน ทำเสร็จแล้วได้โรงแรมค่าห้องห้องละ 3000 บาทต่อคืน ทั้งโรงแรมมีอยู๋ 100 ห้อง ปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการกี่ห้อง นับได้เท่าไร ก็คูณเข้าไป
ชาวบ้านขายที่ดินแล้วก็ Happy จริงๆ ครับ ขายที่ดินให้นายทุนเขาไป เพราะตัวเองก็ไม่มีปัญญาจะทำธุรกิจแบบเขานี่นา ขายที่ดินไปแล้ว ก็เอาเงินไปสร้างบ้านใหม่ ไปซื้อมอเตอร์ไซค์ ไปซื้อรถยนต์ ไปซื้อที่ดินที่อื่นๆ ที่มันถูกกว่า แต่ไกลกว่า ซึ่งหลายๆ กรณีมันก็เป็นที่ดินในป่า คนถางป่าก็ถางที่ใหม่ไปเรื่อย
ทีนี้ก็สนุกละครับ
เห็นด้วยครับ..
ตอบลบเมืองต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว แต่จะเปลี่ยนยังไงก็ต้องคุยกัน
ไม่ใช่เปลี่ยนเพราะเงินของนายทุน แล้วทำให้ทุกอย่างโดยรวมมันพัง
อือม์...กระทู้ล่อเป้า..
ตอบลบอยากให้ลองดูกรณีการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่ชาวบ้านเขาผ่านการพูดคุยกันเยอะๆ ถกเถียงกันมานานๆ มากพอจนได้ทางออกที่ดี ตั้งรับผลกระทบที่เข้ามาพร้อมกับนักท่องเที่ยวได้ เป็นการท่องเที่ยวที่สร้างประโยชน์ให้คนทั้งชุมชนร่วมกันแบบนานๆ ยั่งยืน แบบที่เรียกว่า การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือบางที่ก็อาจจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
มันอาจจะไม่หรู ไม่สบาย อาหารไม่อร่อย บางที่อาจจะสกปรกบ้างนิดหน่อย แต่มันเป็นเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไป ชาวบ้านค่อยๆ เรียนรู้ ชาวบ้านก็อยู่กันได้เป็นชุมชน ไม่ต้องขายที่ดินให้นายทุน แล้วไปอยู่ที่อื่น คนมาเที่ยวก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้าน วัฒนธรรมพื้นบ้านก็อยู่ได้ ไม่ใช่ว่าหายไปแล้วก็มาเสียดายทีหลัง เพราะไม่มีการจัดการที่ดีพอในปัจจุบันนี้
มันมีตัวอย่างแบบนี้เยอะแยะเลยครับ อย่างเช่นที่ บ้านเปร็ดใน จ.ตราด ชุมชนคอยรุตตั๊กวา เขตหนองจอก กรุงเทพฯ หรืออย่างทางหมู่บ้านปกากญอบางแห่งที่เชียงใหม่ อย่าง บ้านเซโดซา อ.แม่แจ่ม (สนใจลอง search หา "ชุมชนคนรักป่า" นะครับ) ฯลฯ เขาทำกันมานานแล้ว
ทีนี้ คนทำหนังสือเผยแพร่สู่วงกว้างอย่างคุณม้อย ช่วยไปทำสกู๊ปเรื่องแบบนี้ได้หรือเปล่าครับ
เป็นเรื่องปกติของทุนนิยม ใครมีตังค์ก็มีโอกาส คนท้องถิ่นไม่มีเงินก็ขายที่ขายทางย้ายไปทำงานที่อื่น
ตอบลบเดิมที ปลูกมะพร้าว ปลูกผัก ได้เงินเดือนละ ห้า หกพัน ต่อไร่ สำหรับคน 1 ครอบครัว แต่นายทุนเข้าไปลงทุน สร้างเป็นรีสอร์ท โรงแรม ได้เงินเดือนละแสนหรือล้านบาทต่อไร่ มีการจ้างงานให้คนอีก สิบยี่สิบคน ทั้งฟรอนท์หน้าใส ช่างไฟ คนสวน แม่บ้าน พ่อครัว เด็กเสริฟ เบลบอย คนขับรถ พนักงานบัญชี ฝ่ายบุคคล ผุ้รับเหมาก่อสร้าง เงินที่ได้ เอาไปเลี้ยงคนอีกสิบถึงยี่สิบครอบครัว ไม่ต้องไปเร่ร่อนขายแรงงาน ขายบริการ ขายยาเสพติด บางรีสอร์ทก็นำเอาศิลปะท้องถิ่นมาแสดงให้ชาวต่างชาตได้ดูได้ชม ไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้บ้างเลย ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย แต่ส่วนใหญ่เรามันจะเห็นแต่ข้อเสียของคนอื่น ลองคิดดูว่า ถ้าที่ท่องเที่ยวไม่มีคนมาลงทุน ชาวบ้านทำกันเอง ก็คงซึ่งศิลปะท้องถิ่นไว้ได้ แต่ปริมาณคนมาท่องเที่ยวคงไม่เยอะเท่าเพราะจะขาดการโปรโมท เพราะชาวบ้านเองคงไม่มีเงินจะโปรโมทให้ไกลไปถึงเมืองนอก ไม่มีการจ้างงาน แล้วคนที่อยู่ในท้องถิ่นอื่นซึ่งไม่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เค้าจะทำอะไรกินล่ะ ทำนาน้ำก็ท่วม บ้างก็แล้ง ไม่มีเงินจะเรียน ก็มาขายแรงงาน ขายบริการ ขอทานบ้าง ลักขโมย จะว่าคนเหล่านี้ผิด ผมก็ว่ามันก็ไม่ถูกซักเท่าไร ถ้าคนเรามีทางเลือก คงไม่มีใครอยากทำเลวหรอก
ตอนนี้อยากรู้ว่าคนกรุงเทพที่อยู่กรุงเทพมีซักกีคน?
ตอบลบถ้าเราทำที่พักโดยคนท้องถิ่นให้เหมือนกับโซนยุโรป ที่เค้าเป็นแบบ B&B ได้ก็เยี่ยมเลยนะ
มีห้องนอน มีอาหารเช้าแบบท้องถิ่น ไม่แพงเกินไป สะอาด อบอุ่น น่าพักออก
โรงแรมใหญ่ ๆ มักขาดเสน่ห์ ประดิษฐ์เกินไป
ของไทยเราก็มีโฮมสเตย์ที่กำลังพัฒนากันอยู่ ต้องให้กำลังใจและช่วยกันสนับสนุนและอุดหนุนกันเน๊อะ
ปล. ยังไม่เคยไปพักโฮมสเตย์เลยอ่ะ...ว่าแล้วก็ไปเที่ยวโฮมสเตย์กันดีกว่า
สมุยไม่ค่อยมีกรณี ขายแล้วไปรุกป่าใหม่
ตอบลบเพราะว่า พื้นที่มันเล็ก ทุกที่ที่พอจะจับจองได้ก็จับจองกันหมดแล้ว
ส่วนมากถ้าจะซื้อจริงเขาจะไปซื้อฝั่งแผนดินใหญ่ครับ
ก่อนยุคท่องเที่ยวบูม มีขายที่ไปซื้อสวนกาแฟ
ช่วงหลังก็ทำสวนยาง
จริงๆ เราก็ไม่รู้นะพี่ว่าบ้านเมืองเขาเซ็ทเงื่อนไขยังไงที่เอื้อให้คนตัวเล็กๆทำอย่างนั้นได้
ตอบลบทั้งเรื่องกฏหมาย หรือ เงื่อนไขทางสังคมอื่นๆ
วันก่อนอ่านผ่านๆ ว่าเจ้าของคฤหาสน์ในออสเตรีย หลังที่ถ่ายเรื่อง The Sound of Music อยากเปลี่ยนเป็นโรงแรม
แต่ชาวบ้าน สภาเมือง เขาไม่อนุมัติ กลัวความวุ่นวายที่จะตามมา (จำไม่ได้ว่าจากหนังสืออะไร NG หรือ สารคดี)
..บ้านเราทำอย่างนี้ได้หรือ
ยังไม่นับเรื่องความพร้อมของคนที่ต่างกัน
คิดว่าค่อยๆ เริ่มไปทีละน้อย ค่อยๆเรียนรู้ไปอย่างนี้ ก็ดีแล้วครับ
ตอบลบผมกลัวที่สุดเลยว่า ททท.จะเข้ามาทำให้มันบูม ทีนี้ก็จะควบคุมอะไรไม่ได้เลย
เอ...ว่าแต่ว่า ที่สมุยเนี่ย คนที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินรายใหญ่นี่ใช่คุณหญิง ส. หรือเปล่าครับ หรือว่าเป็นคนอื่น
ตอบลบมีกรณีของญี่ปุ่นที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่ทำที่พักโฮมสเตย์นะครับ
ตอบลบแต่เป็นการสร้างแมนชั่นในเขตชุมชนชาวบ้านที่อยู่ในย่านเมืองเก่าเกียวโต ที่เป็นบ้านไม้
เวลาที่จะสร้างแมนชั่นสูงๆ เจ้าของแมนชั่นจะต้องไปขออนุญาตจากเจ้าของบ้านที่อยู่รอบๆ 11 หลัง ว่ายินยอมหรือเปล่า
ถ้าไม่ยินยอมก็สร้างไม่ได้ครับ
มันเป็นวัฒนธรรมด้วยป่าว
ตอบลบฝรั่งแถบยุโรป มักจะแบ่งบ้านตัวเองให้เช่า แบบยอมให้คนแปลกหน้ามาพักในบ้านตัวเองได้
ไม่ว่าจะเป็นรายเดือน หรือรายวัน
แต่คนไทยเนี่ย แทบจะไม่เคยเห็นบ้านไหนที่เจ้าของบ้านก็อยู่ แล้วก็แบ่งห้องให้คนอื่นเช่า
แบบอาศัยร่วมกัน แชร์บางอย่างกันเลย
มีแต่สร้างเป็นบ้านให้เช่าต่างหาก
บีและบีของแถบยุโรปเท่าที่เคยไปพักมา เขาเปิดให้เช่าแบบบ้านๆเลย ไม่ได้จัดแต่งอะไรเพิ่มเติมมากนัก อาจจะแบ่งเป็นเจ้าของบ้านอยู่เองชั้นนึง ให้แขกเช่าชั้นนึง
ตอบลบบางแห่ง ประหนึ่งเราไปอยู่ ไปนอนบ้านเพื่อนเลย
เจ้าของไม่มาดูแลอะไรเลย
ปล่อยให้เราอยู่ไป
เตรียมอาหารเช้าไว้ให้อย่างเดียว
แต่โฮมสเตย์ของไทยเนี่ย เคยไปพัก เขามักจะสร้างห้อง หรือสร้างเป็นเรือนแยกออกมา
แบบลงทุนเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
รู้แต่ว่ามีบ้าน เรื่องที่ดินฟังเขามาอีกที เท็จจริงเป็นไงไม่รู้ แต่คงมีแหละ
ตอบลบอ.ชัยวัฒน์ มาสมุยนิ คลาดกันไม่ได้เจอ
บางทีวันจันทร์ อ.อาจได้แวะมาดูหน้าทอนบ้าง
นั่นดิ ทำไมถึงเป็นงั้น
ตอบลบพี่คะ จริงๆ ชีวิตเดิมเค้าอาจจะแฮปปี้อยู่แล้วก็ได้ แต่รำคาญนัก ก็เลยขายซะ
ตอบลบคนสมุยน่ะ ไม่ใช่คนแร้นแค้นนะพี่
สมัยก่อนเค้าทำสวนมะพร้าวกัน เค้าก็มีตังค์
ไม่ได้ยากไร้อะไร
ถ้าพี่จะ especailly ถึง "สื่อ" ที่ม้อยทำเลยเนี่ย
ตอบลบบอกตรงๆ ว่าเห็นทีจะไม่ได้หรอกค่ะ
เพราะว่ามันเป็นสื่อที่ช่วยให้เกิดการใช้เงินโดยแท้้เลยแหละ
ที่ที่จะได้ไปจะมีแค่รีสอร์ตห้าดาว หกดาว อย่างที่ไปๆ มาเท่านั้นแหละ
สามดาวยังไม่ได้เหยียบเลยพี่
(มีข้อสังเกตตรงนี้คือ ไม่มีใครรู้ว่าที่จริงแล้วผู้อ่านเขาสนใจการท่องเที่ยวแบบอีโคหรือเปล่าก็ตามนะคะ)
แต่โดยส่วนตัว และโดยสื่อส่วนตัว (อย่้างในมัลติพลายหน้าเนี้ย) ม้อยยินดีนะพี่
แนวทางที่พี่ป๊อกพูดมามันเป็นเรื่องที่ม้อยสนใจมากๆ เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
ถ้าการเขียนพอจะช่วยเปิดหูเปิดตาให้คนอ่านได้บ้าง
เราก็คงต้องหาโอกาสไปเอง และหา channal ของเราเองน่ะค่ะ
(หวังว่าทุกคนจะเข้าใจอิฉัน)
หนูนามองได้น่าสนใจ
ตอบลบแต่พี่มีข้อสังเกตลางประการ
๑.พี่ว่าคนสมุยไม่ใช่คนไม่มีตังค์
แล้วลองสังเกตดู ในอุตสาหกรรมบริการท่องเที่ยว
พนักงาน หรือแรงงานในโรงแรมแทบไม่มีคนเกาะเลยนะหนูนา
๒.ศิลปะท้องถิ่นที่รีสอร์ตที่พี่พักเอามาโชว์คือ Polynesian Dance (ไอ้ชนิดที่่เอาไฟมาควงๆๆๆ น่ะ) มันไม่เกี่ยวกะสมุยนี่หว่า
๓.ชาวบ้านสมัยนี้มีการศึกษา แถมไฟฟ้า อินเทอร์ตเน็ต และเครือข่ายมือถือก็เข้าถึงพื้นที่ไม่น้อยของเกาะสมุย
พี่ว่าสมัยนี้ชาวบ้านก็ทำเองได้ (เชื่อไหมว่าแค่มีเน็ต ระบบจองโรงแรมก็ไม่ต้องพึ่งเอเย่นต์แล้ว) แต่พี่ยังเชื่อถือระบบบริหารของเชนโรงแรมใหญ่ๆ อยู่ พี่ว่ามันแน่นอนมาก
๔.คนแต่ละท้องถิ่นมีทรัพยากรต่างกัน บ้างก็มีมาก เหลื อเฟือ บ้างก็ออกจะแร้นแค้น อันนี้หน่วยงานรัฐต้องช่วยเหลือ ชี้แนะ ช่วยกันพัฒนารูปแบบที่เหมาะสมกับชุมชนนั้นว่ะ ถ้าจะอพยพเข้ากรุงเทพกันอย่างเดียวมันก็น่าเสียดายทรัพยากรในท้องถิ่น ซึ่งจริงๆ พัฒนากันได้ ไม่ใช่พัฒนากันไม่ได้
(กระทู้นี้นี่แม่ง โคตรไอดีลเลย)
เจ้ไม่เคยไปค่ายหรอ
ตอบลบหุย เจ้คนนี้เค้าเข้าไปช้าไปแล้วมั้งคะ
ตอบลบprivacy ไง
ตอบลบคนไทยมีพื้นที่ส่วนตัวเยอะ
ไม่ใช่ว่ารังเกียจคนอื่นนะ แต่เพราะว่าคนไทยเกรงใจคนอื่น
ดูจากการเล่นโยคะก็ได้ เคยเห็นรูปคลาสโยคะฝรั่ง
แม่งปูเสื่อกันชนิดแขนต่อแขน
คนไทยถ้าคลาสไหนแน่นขนาดนั้น ชั้นไม่เข้าก็ได้
รังเกียจด้วยแหละ ไม่อยากได้กลิ่นลมหายใจ กลิ่นปาก กลิ่นตัวฯลฯ แบบอยากมีพื้นที่ของตัวพอสมควร
ตอบลบฝรั่งเนี่ยจริงๆมันมีความเป็นส่วนตัวสูงงงงงงมากกกกกก แบบสูงจากข้างในอะ มันไม่ต้องการพื้นที่ภายนอกแล้ว
เค้าสามารถนั่งติดกับคนอื่นๆแบบหายใจรดต้นคอได้ โดยไม่รู้จักกัน และไม่คิดแม้แต่จะหันมาอมยิ้มนิดๆ หรืออะไรทั้งสิ้น
แบบเค้าอยู่กับโลกภายในของเขาเอง
ในขณะที่คนไทยเนี่ย นั่งๆใกล้ๆใครมากๆที่ไม่รู้จัก จะอึดอัด อยากขยับขยายอยากมีที่เพิ่ม
ถึงว่า แนวคิดโฮมสเตย์เนี่ยแนวคิดฝรั่งชัดๆ
ตอบลบมันไม่ใช่วิถีของไทยอะ
คนไทยทำถึงต้องเอามาปรับเยอะ เพราะเจ้าของบ้านก็อึดอัดเวลามีคนนอกมาอยู่ คนไปพักก็อึดอัดเพราะเหมือนไปรบกวนอยู่บ้านคนอื่นที่ไม่สนิท
แถมบีบีฝรั่งเนี่ย มันให้เดินทางไปบ้านมันเองนะ
ช้านเคยเดินขึ้นเขาเป็นลูกๆเพื่อจะไปให้ถึงบีบีที่จองไว้ เหนื่อยโคตร
ถ้าเป็นเมืองไทย ใครจะไปพักว่ะ
มันต้องจัดรถมารับ
ขอสังเกตข้อที่ 1
ตอบลบคนสมุยเดิมพื้นเพ ทำประมง และสวนมะพร้าว ก็มีตังค์บ้าง แต่ถ้าจะให้ลงทุนทำโรงแรม ยังไงก็ไม่พอ
ขายที่แล้ว จะมาเป็นลูกจ้างโรงแรม คงไม่ใช่แน่ๆ มีตังค์แล้วคงไปหาซื้อที่บนฝั่งอยู่เพราะการอยู่เกาะ มันก็ไม่สบายเท่าไร น้ำกินน้ำใช้ก็หายาก การเดินทางก็ลำบาก อีกทั้งพายุอีก การจะส่งลูกหลานให้เรียนสูงๆ ก็ไม่สะดวก
ก็อาจจะย้ายไปทำประมงชายฝั่งต่อ ไปซื้อห้องแถวขายของ หรือไปซื้อทำที่สวนบนฝั่ง เพราะขายที่บนเกาะคงไปซื้อที่บนฝั่งได้อีกหลายไร่
ข้อสังเกตุ ข้อ2
ศิลปะท้องถิ่นมีหลายแบบ ไอ้ระบำควงไฟ นั่นคงไม่ใช่ของพื้นเพที่นี้ แต่อย่างเช่น รำมโนรา อะไรทำนองนี้น่าจะเป็นของคนใต้ ก็เป็นที่แพร่หลายในการเรียนรู้ที่จะนำมาแสดงสำหรับการท่องเที่ยว แต่ของสมุยนี้คืออะไรผมก็ไม่รู้นะ ต้องให้เจ้าของพื้นที่เค้าแสดงออกมา
ข้อสังเกตุข้อที่ 3
สมุยมีอินเตอร์เนตก็จริง แต่ชาวบ้านพื้นเพ เค้าใช้อินเตอร์เนตไม่เป็นหรอก คนแก่เค้าไม่ถนัดทางด้านเทคโนโลยี
ยิ่งเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ที่ มีการศึกษาน้อยอยู่แล้วยิ่งยาก คนทั่วไปไม่ใช่ง่ายๆที่จะทำเนตเป็น สมัครหาโดเมนเนม อัพโหลดข้อมูล ตกแต่งหน้าตาเวป ไม่ใช่เรื่องง่าย ขนาดคนมีการศึกษาจบปริญญาตรี ปริญญาที จะทำเวปเองยังปวดหัวเลย
ลูกหลานเค้าก็ เข้าไปเรียนในเมืองทำงานในเมือง ไม่ก็ทำงานที่กรุงเทพ หรือหางานทำที่อื่นหมด ไม่ค่อยกลับมาบ้านที่สมุยดังนั้น จะมาช่วยโปรโมทบ้าน ทำการท่องเที่ยวให้ คงยาก มีแต่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นเพราะการเดินทางลำบาก
ข้อสังเกตุที่ 4
บ้านเราพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นการเกษตร มีเมืองใหญ่อยู่ไม่กี่เมือง ที่เป็นเขตอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพและปริมาฑล เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต ดังนั้นคนส่วนใหญ่ ทำเกษตรกรรมทั้งนั้น เราต้องพัฒนาด้านการเกษตร ให้เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก เกษตรกรรวยไม่ใช่จน จะได้ไม่ต้องย้ายเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ แต่ การชลประทานยังไม่ดี ชาวบ้านก็ยังปลูกอะไรตามๆกัน น้ำท่วมบ้าง ภัยแล้งบ้าง ชาวบ้านก็ติดหนี้ ขายที่ขายทาง เข้ามาทำงานเมืองใหญ่ การท่องเที่ยวมีพื้นที่เป็นสวนน้อยเท่านั้นเอง แหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศที่มีโรงแรม รีสอร์ทอยู่ เอาพื้นที่มารวมกันแล้วไม่รู้จะถึง 1 % ของพื้นที่อยู่อาศัยของคนทั้งประเทศรึเปล่า
เห็นด้วย
ตอบลบสมมติว่าเงินพอ ก็ใช่ว่าจะทำได้
ถึงทำได้ ก็ได้ไม่เท่ากับที่คนอื่นมาเสนอซื้อหรือเช่า
ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
ตอบลบมันไม่มีอะไรเด่น ถึงขนาดพูดแล้วเป็นของสมุยจริงๆ
อันนี้ไม่แปลกหรอกเอ็ง
ตอบลบจะเอาคนเกาะที่ไหนไปตอบสนองตรงนั้นได้
แสดงว่าคนเกาะสมุยก็ยังอยู่เกาะสมุยแหละ ไม่ได้หายไปไหน
ตอบลบแต่ไม่ได้ทำงานตามโรงแรมรีสอร์ท คนใต้ไม่ค่อยอพยพย้ายถิ่น ไม่ค่อยเป็นลูกจ้างใคร
อาจจะค้าขายในตลาด หรือแถวหน้าทอน
หรือทำสวน ปลูกมะพร้าว
ขายหนมจีนอยู่ข้างทาง (มีหลายเจ้านะเฟ้ย รอบเกาะเลย อร่อยด้วย)
หรือทำกาละแมขาย (อร่อยว่ะ อยากกิน)
เค้าถึงแก้มแนบแก้ม หรือแม้แต่คิสกันได้ง่ายๆ โดยไม่คิดมากหรือเป่าป้า?
ตอบลบสาวไทย เวลาโดนใครจูบที ถึงได้คิดมาก เป็นวักเป็นเวรยังกะอีตาคนนั้นเป็นพ่อของเด็กในท้องก้อไม่ปาน
ฮิ ฮิ
ตอบลบหนูนาพูดยังกะรู้จักคนสมุยดี
เป็นลูกเขยคนเกาะสมุยหรือป่าวเนี่ย?
ถามจริง ไปมากี่หนแล้ว???
อันนี้เห็นจาก เพื่อนสนิท ดินะ
ตอบลบข้า กับแม่ๆ น้าๆ (คนพวกนี้เป็นคนสุราษฎร์ฯ ฮะ) เคยคุยกันนะ
ตอบลบเราว่าคนสมุยอะ มีตังค์ แล้วก็หยิ่ง
จริงๆ คนใต้เป็นคนมีตังค์ เพราะถ้าไม่มีสวนยางก็มีสวนปาล์ม สวนมะพร้าว สวนเงาะ ฯลฯ
ที่เค้าไม่ไปทำงานโรงแรมกัน คงเพราะว่าแค่มีสวนให้เช่า ขายที่แล้ว ก็ยังไม่ลำบากจนต้องไปทำงานบริการ
ในขณะที่คนเหนือน่ะ อัธยาศัยเข้ากับงานบริการมาก สามารถต้อนรับได้อย่างอ่อนหวานและไม่เคอะเขิน
ขณะที่คนอีสานก็ขยัน สู้งาน
คนสมุยจริงๆ ก็เลยตามตัวได้ตามบ่อนไก่ บ่อนควาย (ใช่ไหมนะ) อย่างที่ได้ยินเสียงแว่วๆ มาบอก
อันนี้ก็เป็นแค่ข้อสังเกตและความคิดจากคนภายนอก
ไม่ได้ด่าคนสมุย
เพราะคนสมุยเท่าที่รู้จักก็ไม่เห็นพูดถึงบ่อนพวกนั้น แต่ใช้เวลาหมดไปกะการนั่งเล่นมัลติพลายมากกว่า
อิ อิ
เห็นด้วยกะป้า คนใต้จะอพยพทำไม ในเมื่อสวนยางยังกรีดได้ หน้าเงาะที่ก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ
ตอบลบเค้าจะอพยพกันก็ต่อเมื่อมีคดีต้องหนีทะนั้นแหละป้า
(เหอ เหอ)
เมื่อวานกินแล้วนะ ม้าม่วงแก้วสุกน่ะ
อยากกินอกร่องมากกว่า วันนี้แม่จะพาไปกินหนมจีนเจ้าอร่อยก่อนกลับล่ะ
คิดถึงจังนะป้า
ไว้เรามาเที่ยวบ้านปกรณ์กันอีกนะป้านะ ^_^
คอมเม้นท์ยจากเว็บบอร์ดท้องถิ่น ที่โพสตอบเรื่องนี้
ตอบลบคุณรวมพลคนเกาะสมุยบอกว่า
คนเกาะสมุย มีมากมายครับ ลองไปงานศพ---หรืองานแต่งงานซิครับ คนเกาะสมุย จะหลั่งไหลมากันไม่ขาดสาย เป็นเจ้าของรีสอร์ท ก็เยอะ..... เจ้าของร้านอาหาร ก็มาก ทำงานโรงแรมก็มีมาก...... คุณมาทำงานแค่ 3 วันบนเกาะ ใจเย็นๆครับ สมุย มีอะไรดีๆกว่าที่คิด
คุณ radiosamui
ตอบลบคนเกาะสมุย อยู่ตามบ่อนไก่ บ่อนควาย ดูทีวีช่องสองของสมุยเคเบิ้ล เวลามีถ่ายทอดไก่ชน ควายชน นั่นแหละครับที่จะเห็นคนเกาะสมุย
for get me not โพสว่า
ตอบลบแสดงว่า คนท้องถิ่นไม่ได้อยู่ในวงจรธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรง
แต่กลับร่วมแชร์ต้นทุนที่เกิดขึ้น
s_well โพสว่า
อยู่นี่อีกคน และอีกหลายๆคนที่วนเวียนในเวปนี้
หนี้....ทักษิณต้องชดใช้ โพสว่า
เหมือนไป บาหลี ก็คงหาคนบาลหลียาก ไป ฮาวายก็หาคนฮาวายเอี้ยนยาก ที่ไหนในเมืองท่องเที่ยวก็แบบนี้ ที่อยากหาดู อยากรู้เหมือนกันว่าจะดูไปทำไม คนสมุยยังบอกตัวเองว่าเป็นชาวเกาะหมุยเสมอ ในงานวัดโดยเฉพาะงานศพ แหล่งนัดพบมากที่สุด งานที่ต้องประท้วงเรื่องต่างๆ ก็ส่วนใหญ่เป็นคนสมุย คนที่มาอยู่สมุยหลายๆปี เขาก็คือคนสมุยมีลูกหลานเกิดที่สมุย แต่พอประท้วงหลายคนเขาก็ชอบบอกว่าไม่เกี่ยวเขาแค่มาอาศัยอยู่เท่านั้น ไม่ว่าเรื่องเรือข้ามฝั่ง หรือประท้วงห้างใหญ่ คนสมุยมากที่สุด ยังไงก็ตายอยู่ที่นี่แหละไม่ไปไหนหรอก
anamai โพสว่า
คนหมุย ผมว่ายังอยู่ในพื้นที่..นะครับ *แต่อาจจะพบในภาคบริการฯ ได้น้อยหน่อย เท่านั้นเองครับ***
เดี๊ยวเอาไปฝากที่อังกฤษ แลกกะที่พัก
ตอบลบมาเหอะแก ไม่ต้องเอากาละแมมาฝากก็ให้พักได้
ตอบลบแต่ต้องทำตัวลีบๆนะแก
ห้องพักที่อังกฤษเนี่ย มันแคบได้ใจ
พื้นที่ๆเว้นไว้ให้ว่างๆเนี่ย คือทางเดินแค่นั้นแหละ
ส่วนราคาค่าเช่า บอกทีก็ใจหาย แบบผ่อนบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ๆในกทม.ได้เลย
นะ คนใต้รู้ดี
ตอบลบแถวบ้านช้านหนะ ให้ไปเป็นลูกจ้างคนอื่น ขอนอนอดๆอยากๆอยู่บ้านดีก่า
ไม่เข้าใจเหมือน
เออ อยากกินหนมจีนอย่างแรง แกงไก่ แกงไตปลา น้ำลายไหลห้าหยด
กลับไปจะให้แม่ทำให้กิน
ชอบที่คนพื้นที่เกาะหมุยตอบว่ะ
ตอบลบตอบแบบคนใต้จริงๆ
อยากทำเนียนไปกินด้วย อิอิ
ตอบลบรีพลายที่ปกรณ์เอามาโพสแสดงให้เห็นว่า
ตอบลบ๑.คนสมุยยังอยู่
๒.คนสมุยเล่นเน็ต
๓.คนสมุยปากจัด
จริงๆ มันก็เอาไปไม่ได้ด้วยแหละพี่
ตอบลบเพิ่งรู้ว่า มันเก็บได้แค่ 7 วัน แต่ถ้าจะให้อร่อยต้อง 3 วัน
ว่างๆ จะถ่ายรูปขนมจีนไปฝาก
คนนี้ทำดีขึ้นมาเชีย
ตอบลบเดี๋ยวไม่มีที่พัก
ตอบลบได้ข่าวว่าแอร์เอเชียตั๋วถู้กถูกนะ
ตอบลบ