"ขอบคุณนะ”
ภารดีเอ่ยกับปลายสายอย่างแผ่วเบา ก่อนจะกดปุ่มวางสายโทรศัพท์
เสียงไก่ขันแว่วมาจากที่ไกล
เช้าแล้วหรือ? นี่เธอคุยกับคนแปลกหน้าคนนี้ได้จนสว่างเลยหรือ
ความคิดนี้เรียกรอยยิ้มบางเบาที่ริมฝีปาก
ซุกหน้าลงกับหมอน พลางคิดถึงความไม่ปกติที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมา
เธอและเขาเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน แม้จะเคยใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เหลื่อมกัน เธอจากที่แห่งนั้นมาเมื่อเขาไปถึง ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป นานแสนนาน ก่อนที่จะได้มาเจอกัน และรู้จักกันเมื่อไม่นานนี้
แปลกดีที่คนเก็บตัวอย่างเธอยอมเปิดใจกับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักในโลกอินเทอร์เน็ต และยิ่งแปลกที่เขาคนนี้เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง
‘กล้าเหลือเกิน’ เธอตำหนิตัวเอง พร้อมอาการร้อนผ่าวบนใบหน้า เมื่อนึกถึงหัวสนทนาทั้งหมด
พยายามนึก ว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน จากการพูดคุยในวงใหญ่ มาสู่การคุยส่วนตัว การตัดสินใจแลกหมายเลขโทรศัพท์ จากความคิดแค่จะโทรคุยกันก่อนนอน กลายเป็นใช้ชั่วโมงอันยาวนาน ฟังเรื่องที่อีกฝ่ายเล่า สลับกับเล่าเรื่องของตัวเองให้อีกฝ่ายฟังได้อย่างไร
‘หรือเพราะว่าเราต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน?’
เมื่อต่างเป็นคนแปลกหน้า จึงไร้ความกังวลที่จะคุย ทั้งเรื่องที่ภูมิใจ เรื่องไม่ภูมิใจ เรื่องที่คาใจ
เมื่อต่างเป็นคนแปลกหน้า จึงไร้อคติที่จะมองปัญหาและออกความเห็นต่อเรื่องราวที่ได้รับรู้
เมื่อต่างเป็นคนแปลกหน้า จึงสามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมา และตรงใจ
ลมเย็นใกล้รุ่งพากลิ่นดอกแก้วหอมเย็นมาถึงบนเตียง
‘ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริงๆ หรือ?’ ภารดีถามตัวเองในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ก่อนจะปิดตา หลับไปอย่างอ่อนเพลีย ทว่าเปี่ยมสุข
ใกล้เที่ยงวันนั้น หลังตื่นนอน ขณะกะพริบตาอยู่บนเตียง ทบทวนความทรงจำถึงค่ำคืนที่ผ่านมา
เธอไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง.. หรือแค่ความฝัน
หมายเหตุ:
นี้เป็นเรื่องอ่านเล่น
เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจที่บังเอิญเก็บตกระหว่างเดินทาง
ยังไม่แน่ใจว่าจะแต่งได้เรื่อยๆ ไหม
เอาเป็นว่า ลองแต่ง-ลองอ่าน กันไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะ
no comment ว่ะ
ตอบลบบางทีการคุยกับคนที่ไม่รู้จักที่สุด ก็ให้ความสบายใจ เทียบเท่า คุยกับคนที่สนิทมากที่สุด คนหนึ่งรู้จักมากเราพอที่จะไม่ติติงอะไร กับอีกคนหนึ่งที่ ไม่รู้จักเรามากพอที่จะติติงอะไร
ตอบลบเห็นด้วยกับ comment ข้างบนครับ
ตอบลบตอนแรกหลงนึกว่าพี่รันตีของผมจะ in luv รอบใหม่ซะละ
เมื่อต่างเป็นคนแปลกหน้า จึงไร้ความกังวลที่จะคุย ทั้งเรื่องที่ภูมิใจ เรื่องไม่ภูมิใจ เรื่องที่คาใจ
ตอบลบเมื่อต่างเป็นคนแปลกหน้า จึงไร้อคติที่จะมองปัญหาและออกความเห็นต่อเรื่องราวที่ได้รับรู้
เมื่อต่างเป็นคนแปลกหน้า จึงสามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมา และตรงใจ
------------------------------------------------
เป็นอยู่เลยเนี่ยตอนนี้ พูดกับใครมั่งก็ไม่รู้คุยจากหน้าคอมพ์ทุกวัน ....วันนี้ก็เหมือนไปแรลรี่แถวลาดหลุมแก้วมากะพี่หญิง ร่วมผจญภัยกันแบบหลงๆแถวปทุม-มีนบุรี ราวกับคุ้นเคยกันมาหลายปี
ว่าแต่ ....ภารดี นี่มาจากศรีริต้า เอ้ย ศรีรันตีอ๊ะป่าว
มีคนบอกว่า
ตอบลบการคุยผ่านตัวอักษร
ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความเป็นตัวเอง
เรื่องแต่งที่ว่า...นุ่มนวล งดงาม...อยากอ่านต่อ แต่งต่อนะ
ตอบลบไม่ไว้ใจคนไม่รู้จัก
ตอบลบและก็ไม่คุยอะไรมากด้วย คุยเท่าที่จำเป็น
ชอบสำนวนค่ะ ... ^^
ตอบลบฝีมือแต่งนิยายรักเข้าขั้นเลยนะป้าม้อย
ตอบลบอิอิ
ตอบลบอ่านละเพลินดี
เค้าว่ากันว่า...เรื่องอ่านเล่นๆ
ตอบลบมักจะมี...เรื่องจริงของผู้แต่ง แฝงอยู่ :)
รอ ร้อ รอ
ตอบลบปล. อย่าว่าเรานะนะ ขอทำหน้าที่เด็กพิสูจน์อักษร (ไม่ได้จับผิดนา) ---กะพริบ- นะ
ตอบลบโอ้ว ขอบคุณฮ่าพี่
ตอบลบ(ว่าจะไม่แทรกแซงรีพลายแล้วเชียว)
แก้เดี๋ยวนี้เลยฮ่า
inspired by (2) stories ป่าวคับ
ตอบลบอ้าวนึกว่าเรื่องจริง ไม่ใช่เหรอค่ะ
ตอบลบติดตามๆครับ
ตอบลบรูปสวยอีกแล้ว