Rating: | ★★★★★ |
Category: | Movies |
Genre: | Drama |
เพราะว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมใช่ไหม เราถึงได้ยี้ ขยะแขยง เข็ดขยาด หวาดกลัวกับสภาวะที่ต้องอยู่คนเดียว โดดเดี่ยว ไร้คนรู้ใจนัก
ไม่ว่ายุคใด สมัยไหน การอยู่แบบ lonely heart มันเป็นอะไรที่เกินจะทน หลายคนไม่อยากทน ก็เลยลุกขึ้นมาไขว่คว้าหารักกันด้วยวิธีต่างๆ กัน ทั้งรุกและรับ ..อย่าปฏิเสธเลยว่า การพูดคุยในโลกไซเบอร์นี่ก็ใช่
เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Lonely Hearts (2006) เป็นเรื่อง base on true story แม้จะเกิดราวๆ ปลายปีทศวรรษที่ 1940s นับย้อนหลังไปได้เกือบ 50 ปี แต่ก็แสดงให้เห็นว่าคนยุคนั้นก็สุดทนกับการอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายจนต้องดิ้นรนหาคนรู้ใจผ่านจดหมาย (คล้ายๆ เว็บนัดเดตในสมัยนี้นั่นแหละ) เป็นช่องให้มิจฉาชีพเลือกหลอก ปอกลอกเป็นรายตัวได้ (ยุคสมัยผ่านมาครึ่งร้อยปีแล้ว แต่เหตุการณ์ยังเหมือนเดิมเลยเนอะ)
พล็อต (เรียกงี้กับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องแต่งได้ไหม) คือ เรย์ (Jared Leto) ชายโฉด ที่กะหลอกเอาทั้งตัวและเงินของสาวแก่แม่ม่ายหัวใจเปลี่ยว ได้มาเจอกับมาร์ธา (Salma Hayek) หญิงชั่ว ผู้มีเสน่ห์ยั่วยวน เป็นอะไรที่สมน้ำสมเนื้อมาก คนหนึ่งมีพรสวรรค์ในการหลอกผู้หญิง ไม่มีมโนธรรมในสำนึก อีกคนเป็นคนสวยแต่ประสาท เป็นจอมบงการ ใจร้าย และสามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่แคร์อะไรเลย แค่อยากทำ ฉันก็จะทำ
คนชั่วคู่นี้ดึงดูดกันอย่างดื่มด่ำ ยอมรับในกันและกัน ยินยอมที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่ร่วมมือกันหลอกผู้หญิงคนแล้วคนเล่า แล้วก็ทำให้ผู้หญิงหลายคนตาย ไม่ตายเพราะฆ่าตัวตาย เนื่องจากไม่อาจทนความอัปยศของการถูกหลอกได้ ก็ตายเพราะถูกสองคนนี้ฆ่า
แล้วไอ้ที่ฆ่าเขาน่ะ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะว่าหึงหวงกันเองทั้งนั้น
คุณนักสืบเอลเมอร์ โรบินสัน หรือพี่ John Travolta ของอิฉันโดดเข้ามาในวงจนอุบาทว์ของคู่รักที่ใช้ความรักเป็นเหยื่อล่อสาวๆ คู่นี้เพียงเพราะการฆ่าตัวตายอันแสนสวยงาม (กรีดข้อมือ ตายเปลือย ลอยอยู่ในเลือดละลายน้ำ) ของเหยื่อรายหนึ่ง ที่แกสะดุดใจ เพราะเมื่อ 3 ปีก่อน เมียของแกก็ฆ่าตัวตายโดยการระเบิดหัวด้วย .38 ให้เลือด (+มันสมอง) กระจุยกระจายอยู่ในบริเวณอ่างอาบน้ำ ทำเอาแกหดหู่ไป 3 ปี วางงานนักสืบไปนั่งโต๊ะ รับโทรศัพท์ (จนอ้วนปุ๊กหยั่งที่เห็น) และเกือบหมดไฟไปแล้ว
อาจเพราะปริศนาว่า เมียฆ่าตัวตายทำไม ที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย ทำให้พี่เขาสนใจว่าทำไมสาวสวยวัย 25 ที่มีงาน มีเงิน มีบ้าน ถึงตัดสินใจฆ่าตัวตายอย่างนี้ พอเริ่มได้กลิ่นพิกลๆ ว่าการฆ่าตัวตายของสาวสวยมีเบื้องหลังที่ไม่ปกตินัก พี่ก็เริ่มลงมือสืบ
หนังเรื่องนี้มันเป็นหนังสืบสวนสอบสวน ผสมฆาตกรรมแบบย้อนยุค ที่ทำได้สวย คือสวยทั้งภาพ ไดอาลอก และบท ไอ้โหดน่ะ โหด แต่..โว้ว ตายได้สวยจังพี่ บทหนังจัดสัดส่วนและให้น้ำหนักกับพาร์ทต่างๆ รอบตัวของตัวละครเอกอย่างสมดุล
ในส่วนของการ perform ต้องบอกว่าบทส่งความสามารถของซัลมาสุดๆ มาร์ธาเป็นสตรีมีอดีตอันเลวร้ายที่ส่งผลต่อจิต เข้าข่ายฮิสทีเรีย ต้องการความรัก แต่เสียใจ ไม่ใช่ฮิสทีเรียแบบช่อง 7 เขาเขียนบทให้เธอได้แสดงลึกๆ แต่มีมิติซับซ้อน น่าสนใจมาก
ถ้ามีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ น่าจะจับตาตัวมาร์ธาให้ดี ก็ยัยคนนี้แหละที่เค้นให้เรื่องมันร้ายได้น่าสลดขนาดนี้
ตอนรับสารภาพ (โอ..มีคนคิดว่าผู้ร้ายจะลอยนวลด้วยหรอ?) ชีถามพี่ทราโวลต้าว่า ทำไม (ทำได้ขนาดนี้) รู้ไหม?
..เพราะว่าเรย์ ‘belongs to me’ เรย์ทำทุกอย่างเพราะรักฉัน เรารักกัน
คิดดูสิคุณนักสืบ การที่เรารักใครสักคนมากพอที่จะฆ่าคนตาย หรือยอมตายเพื่อคนที่เรารักได้
อิฉันมองตาซัลมา (คือจริงๆ เธอคือมาร์ธา) ตอนนั้นแล้วรู้สึกหนาวว่ะ
บันทึก
• ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึง Black Dahlia (ก็มันยุคเดียวกันหนิ)
• ซัลมาสวยจัง ต้องเป็นสาวละตินใช่มะ ถึงจะสวยคมได้ขนาดนี้
• เห็นหุ่นนกเพนกวินของพี่ทราโวลต้าแล้วนึกถึงก้นเด้งๆ ของแกใน
• อารมณ์ไหนหรอ ที่ทำให้คนสมัครใจเข้าไปดูเขาประหารชีวิตด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า?
• เมียพี่ทราโวลต้า (ในเรื่อง) เป็นแม่บ้านยุค ‘50s อีกรายที่ฆ่าตัวตาย โดยที่ฐานะความเป็นอยู่ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ทำไมนะ ยุคสมัยนั้นมันกดดันแม่บ้านอเมริกันมากนักหรอ
• ดูมาร์ธารักเรย์สุดๆ และเพราะรักนี่แหละทำให้หวง แล้วก็หึงจนเป็นบ้าไปขนาดนี้ แต่อิฉันไม่คิดว่าเรย์จะรักมาร์ธาอะไรนักหรอกนะ พ่อคนนี้เค้าสันดานกะล่อน แล้วรักตัวเองมาก ที่คลิ๊กกับมาร์ธาก็เพราะว่ามาร์ธาเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ด้วยได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก และวิกผมมากกว่า (ฮา)
• ผู้กำกับและคนเขียนเรื่องนี้คือ Todd Robinson เห็นว่ามีการทำเพื่ออุทิศให้พ่อด้วย (แต่ลูกพี่ทราโวลต้าในเรื่องไม่ได้ชื่อ Todd นิหว่า เหมือนจะชื่อเอ็ดดี้นะ)
• ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็ต้องมาขบคิดถึงความรัก-ความสัมพันธ์ในอุดมคติเหมือนกัน ว่ามันควรไหมที่คนรักของเราควรจะ ‘belongs to me’ แล้วมันควรไหมที่จะต้องฆ่าตัวตายเมื่อรู้ว่าแม่งหลอกให้เรารัก
• ยังคงคิด-แบบไม่องุ่นเปรี้ยวด้วย-ว่า รักคนอื่นมากแค่ไหนก็ต้องไม่ลืมรักตัวเองด้วย กรณีนี้นึกนิยมเจ้เรอเน่ (Laura Dern) secret lover ของพี่ทราโวลต้ามากอยู่ ชีคนนี้ดูมีวุฒิภาวะพอที่จะมีความสัมพันธ์แบบนี้ สัมผัสได้ว่าชีรักผู้ชายของชีไม่น้อย แต่ระหว่างที่รัก ชียังคงความเป็นตัวของตัวเองไว้ได้อย่างน่านับถือ
• เข้าใจนะ ว่าคนที่ฆ่าตัวตายน่ะ เพราะว่าเค้าอยากตาย แต่ก็ยังสงสัยนะว่า จริงๆ แล้วเค้าได้เทียบกันดีแล้วใช่ไหม ว่าอยากตายมากกว่าอยากอยู่
• ว่าแต่ว่าเค้าทำใจยังไงกับภาระที่ทิ้งไว้? ห่วงมั่งไหม หรือว่าปลงเรียบร้อยแล้ว?
เข้าโรงไหน บางคนทีรามามีป่ะ
ตอบลบตัวมาดูบ้านเค้าฉิ
ตอบลบหรือจะให้เค้าเอาไปให้ดูที่บ้านตัว?
เห...ลิโด้เหรอ?
ตอบลบไม่มีฉายนี่นา
Salma Hayek ... สวยเนอะ
ตอบลบ"ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็ต้องมาขบคิดถึงความรัก-ความสัมพันธ์ในอุดมคติเหมือนกัน ว่ามันควรไหมที่คนรักของเราควรจะ ‘belongs to me’
.
มันยากนะม้อยที่จะให้...คนรักของเรา ...belongs to you...เป็นของคนอื่นๆในขณะที่คบกับเราอยู่
(ทำได้อย่างนั้นก็ไปบวชเหอะ)
.
แล้วมันควรไหมที่จะต้องฆ่าตัวตายเมื่อรู้ว่าแม่งหลอกให้เรารัก
มันอาจจะไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น...ความอดทนอดกลั้น...ของผู้หญิง มีขีดจำกัดไม่เท่ากัน
เป็นเรา...ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลกซะเมื่อไหร่...
น่าดูนิ ว่าแต่ไขว่ขว้าเลยเหรอ... อิอิ แอบแซว
ตอบลบหนังปี 2006
ตอบลบดูจากแผ่นฮะพี่
คือว่า ม้อยก็คิดนะ ว่ารักในอุดมคติมันควรจะมีความ ซื่อสัตย์+ไว้วางใจ ต่อกัน
ตอบลบมีความเข้าใจกัน อยากเดินทางไปด้วยกัน
แต่คนเราไม่ใช่สิ่งของหรือสัตว์เลี้ยง
จะกลายเป็น "ของ" ของใครได้ไง
และแต่ละคนก็ควรเป็นตัวของตัวเองสิ ถึงจะถูก
ฉันเป็นฉัน แต่ฉันรักเขา อะไรเงี้ยฮะ
ไม่รู้นะฮะ ถ้าม้อยรักใคร ม้อยไม่อยากจะผูกเขาไว้กับเชือก แล้วจูงไว้ ไม่ให้เขาทิ้ง
ม้อยไม่อยากบังคัับ ไม่อยากบอก 1-2-3-4 ชีวิตนี้เธอต้องทำไง ถ้าเธอรักฉันเธอต้องทำอันนี้ เธออย่าทำอันนั้น
ฯลฯ
ก็อยากจะรักเขาเพราะเขาสง่างาม อยากจะรักศักดิ์ศรีของเขา
แต่ถ้าไม่จูงแล้วเขาเดินออกนอกทาง นอกใจเราไป ม้อยก็คงไม่วิ่งตามนะฮะ
เสียเวลาด้วย เสียสติด้วย
ใช่..กับเหยื่อในหนัง ต้องใช้คำนี้ิแหละฮะ
ตอบลบแต่เขินจัง
น้าว่าเค้าไขว่ขว้าหรอ...ป่าวซะหน่อย
สงสัยเราจะแปลความหมาย...คำว่าของ...กันไปคนละแบบ คนละทางซะแล้วล่ะม้อย
ตอบลบคำว่า...ของ...ในความหมายของเรา มันไม่ได้หมายถึง อีกฝ่ายจะกลายเป็น...สิ่งของหรือสัตว์เลี้ยง
...ใจของทั้งสองฝ่ายต่างหากล่ะที่เป็น...
ในทางกลับกันตัวเราเองก็คงไม่ต้องการที่จะเป็น...สิ่งของ...(ที่รอเก็บเข้าตู้หรือขึ้นหิ้ง) หรือสัตว์เลี้ยง
ที่เอาไว้โชว์หรือจูง เพราะเราไม่ได้คิดในแง่นี้ตั้งแต่แรกแล้ว
ถ้าคนสองคนคบกันอยู่แต่...ปันใจ...ไปให้...คนอื่นๆ แล้ว
ต่อให้เอาโซ่ล่ามเอาไว้ ก็คงเอาไว้ไม่อยู่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...มันก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ...อะไรๆ...อีกหลายอย่าง
ที่จะทำให้....ใจเธอและใจฉัน...มันเป็นของกันและกันได้ยาวนานแค่ไหน
เพราะเราคิดว่า...ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่จีรังยั้งยืน มีรัก-->สักวันก็หมดรัก
เพราะฉะนั้น...ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลกซะเมื่อไหร่...หุหุ
เหนื่อยที่จะคิด
ตอบลบคิดไปก็ไม่มีประโยชน์
เพราะพอถึงเวลาก็ทำไม่ได้อย่างที่คิดสักที
แถมจะมีโอกาสอีกหรือป่าวก็ไม่ทราบ
ไม่คิดแล้วฮะ
by the way
ตอบลบเกี่ยวกับเรื่องรัก ถ้าเป็น "รัก" ในอุดมคติแล้ว
ม้อยไม่คิดจะเป็นเจ้าของอะไรสักอย่างเลย ไม่ว่าตัวเค้า เงินของเค้า (ฮา) หรือแม้แต่ใจเค้า
เวลาที่รู้สึกว่ารัก ม้อยไม่เคยรู้เลยว่าเค้ารักเราบ้างไหม หรือรักเราแค่ไหน
ทุกครั้งที่ผ่านมาก็รู้เพียงแค่ว่า ม้อยรักเค้า
เท่านั้นเองฮะ
(หรือบางทีถ้าหันมารักคนที่เขารักเราแน่ๆ มั่ง ความสัมพันธ์มันจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้ก็ไม่รู้นะ)
เรื่องนี้ เราเคยเปิดมาเจอตอนใกล้ๆจบ (ใน UBC)
ตอบลบน่าสนใจจัง ต้องไปเช่ามาดูบ้างละ
มันมีจริงๆเหรอ...รักในอุดมคติเนี่ย!
ตอบลบถามจริงๆเหอะ...เคยรักใครแบบที่ว่า(รักจริงๆนะ ไม่ใช่แค่วูบวาบไปตามประสาสาวโสด,ไม่ใช่หลงแค่เพียงรูปกายภายนอก) รักจนคิดว่าชีวิตนี้ฉันตายแทนได้(ไม่เกี่ยวกับรักพ่อ,แม่)
เคยซีฮะ
ตอบลบตอนอายุน้อยกว่านี้ เคยรักผู้ชายคนหนึ่ง
รักมากจนยอมซวนเซ เสียความเป็นตัวของตัวเอง
เดินออกนอกเส้นทางไปไม่น้อย
แต่ไม่เคยคิดจะตายแทนหรอกนะ (สงสัยยังรักไม่มากพอ)
แค่คิดว่าถ้าได้อยู่กับเขาจนแก่ จะเกิดอะไรก็จะทน
แค่คิดว่าถ้าวันหนึ่งอยู่กันไปแล้วเขาป่วย หรือพิการ ก็จะดูแลเขาไปจนตาย
ว่าแต่ทำไมถึงต้องถามกันด้วยว่าเคยรักใครจริงๆ ไหม
ม้อยดูไม่เข้าใจความรักขนาดนั้นเลยหรอฮะ
เออ แล้วอันที่จริงม้อยก็ไม่ได้วูบวาบ ชอบใครไปตามประสาสาวโสดนานแล้วนะฮะ
ืแล้วที่สำคัญคือ แทบไม่เคยหลงผู้ชายจากรูปกายภายนอกเลยด้วย
เพื่อนคนนึงเคยให้คำจำกัดความสั้นๆ ว่า
ตอบลบ"รักเหมือนโคถึกฯ" ฮะ
Salma Hayek เป็นคนที่ตาสวยและเต็มไปด้วยความรู้สึกมากๆ
ตอบลบอ่านที่พี่ม้อยเขียนแล้วก็อยากดู แต่ปิ๋มก็ยอมรับว่าดูหนังของ Salma Hayek น้อยมาก ทั้งๆที่เธอก็แสดงดี หนังที่เธอแสดงทั้งหมด มีแค่เรื่อง Frida เรื่องเดียวที่ตั้งใจไปดูในโรงหนัง (อันนี้ไปดูเพราะชอบตัวและผลงานของ Frida) ชักจะอยากดูให้มากขึ้นแล้วสิ
เชื่อว่าคนเราทุกคนเคย...ผ่านความรักในช่วงวัยหนุ่มวัยสาว(อาจะสิบกว่าๆหรือ 20 กว่าๆ) กันมาบ้าง
ตอบลบไม่มากก็น้อย แต่ละครั้งที่ความรักพัดผ่านเข้ามา เรารักใครจริงๆที่เราสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า
เราเสียสละให้คนที่เรารักได้ทุกอย่างแม้กระทั่งความตาย บางทีเราอาจจะได้คำตอบที่ตัวเราอาจจะอึ้งไป
ได้เหมือนกัน(ถ้าเราจะไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปนัก)
ตราบใดก็ตามที่คนทั้งคู่ยังไม่มีโอกาสได้อยู่ร่วมกันจนตายจาก
ก็ยังด่วยสรุปไม่ได้หรอกว่า...จะดูแลเขาไปจนตาย
อืมมม...บางขณะ ก็ดูจะเป็นอย่างนั้นนะฮะ
พี่จะให้น้องปิ๋มยืม
ตอบลบส่งที่อยู่มาซิฮะ
ใช่ฮะ พระจันทร์ ม้อยน่ะ เคยมีความรักมาบ้าง
ตอบลบอาจจะไม่มากนัก แต่ก็พอจะทำให้รู้ความแตกต่างว่า
เวลาเรารักใครจริงๆ เป็นยังไง
ตอนไหนที่เป็นการอยู่ด้วยเพียงเพราะชอบเค้า
ต่างกับการอยู่ด้วย ไม่ทิ้งเขา เพียงเพราะเรายังห่วงเขายังไง
แต่ในรักหลายๆ วาระที่ผ่านมา กระทั่งถึงตอนนี้
ไม่มีครั้งไหนที่ม้อยคิดจะตายแทนคนรักเลยฮะ
ถ้าเราตายแทนเค้าแล้วไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะรับผิดชอบสิ่งที่เราทำเหลือไว้แทนเราได้ไหม
เอางี้ดีกว่า
เดี๋ยวกลับบ้านจะลองถามแม่ดูนะฮะ
แม่รักพ่อจนยอมตายแทนพ่อได้ไหม
(เดาว่าแม่ตอบว่าไม่มีทาง ถ้าฉันตายไป ใครจะเลี้ยงลูกฉัน นะฮะ)
ไม่แน่นะฮะ
ตอบลบแม่อาจจะตอบว่า...รู้งี้ ฉันตายแทนดีกว่า
ปล่อยให้พ่อแก เลี้ยงแกแทนฉัน(อะไรประมาณนั้น)
แซวเล่นนะฮะ...อย่างอนไปซะก่อนล่ะ
แบกอะไรไว้เต็มบ่าล่ะ ถึงต้องไปพะวงว่าจะมีใครมารับผิดชอบสิ่งที่เราทำค้างไว้
ตอบลบถ้ามันถึงเวลานั้นจริงๆ คนที่อยู่ข้างหลัง เค้าคงมีวิธีจัดการของเค้าได้เองล่ะ
ก็ไม่ได้แบกไรมากหรอกฮะ
ตอบลบเหลือแม่ต้องเลี้ยงอีกคนเดียว
ไม่รู้ถ้าตายแทนมันแล้ว ผู้ชายมันจะมาเลี้ยงแม่ให้เราไหม
เขาไม่มีทางยอมหรอกฮะ
ตอบลบหุ หุ
เย้เย ขอบคุณคร้าบบบบบบ
ตอบลบเดี๋ยวรอ PM เลยค่าพี่ม้อย
เพิ่งได้ดูเต็มๆเมื่อวานนี้เอง ประทับใจในหลายอย่าง
ตอบลบแต่อยากรู้อดีตอันเลวร้ายของมาร์ธาให้มากกว่านี้
ไม่รู้เป็นไง เห็นพี่จอห์นแสดงบทคนมีปมแล้วมันขำหน้าตุๆของแก ดูมันตุ่ยๆตันๆ (คล้ายกับ Face/Off )
แต่บทที่เราชอบมากคือที่แกโดนยิงตายแบบบื้อๆ หลังอึเสร็จ ในเรื่อง Pulp Fiction
..ใจร้ายจัง
ตอบลบ