Rating: | ★★★★★ |
Category: | Movies |
Genre: | Comedy |
หนังเรื่องนี้ไม่มีสปอนเซอร์สนับสนุน แต่พาตัวเองไปดู ทั้งที่ช่วงนี้ห่างสกาล่ามาไกล แทบไม่ได้ขวนขวายติดตามว่าเขากำลังฉายอะไรอยู่ แต่เมื่อหลายวันก่อน เพื่อนชาวเกาะเขียนเล่ามาว่า
....วันนั้นไปดูเรื่อง departures ก็ดีนะ
เพลงก็เพราะดี เอ็งดูยัง
(?)
หนังญี่ปุ่น
ฉายที่สกาล่า
ชอบเมียพระเอก…
อ่านแล้วมันอยากรู้ ว่า “ดี” ของเพื่อนนี่มันดียังไง (เพื่อนอิฉันคนนี้ชอบอะไรได้ยากอยู่) แล้วเมียพระเอกมีอะไร ทำไมเพื่อนถึง “ชอบ” ลองสืบเสาะดูได้ความว่า The Departures (2008) ยังฉายที่โรงหนังสยาม (ไม่ใช่สกาล่า) วันนี้นัดน้องสาว เลยชวนดูด้วยกันซะเลย
ดูแล้วก็บอกไม่ถูกหรอกว่าที่เพื่อนว่าดีน่ะ ดีตรงไหน รู้แต่ว่าน้ำตาไหลได้ตลอดตั้งแต่ต้นเรื่อง
หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิต ..ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นหนังเศร้า แต่หมายถึงว่า มันเป็นหนังที่พูดถึงชีวิต การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตและความฝันของคนคนหนึ่ง นำพาเขาอำลาเมืองหลวงกลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิด ในบ้านที่แม่ทิ้งไว้หลังจากลาโลกนี้ไปแล้ว
เขาจับพลัดจับพลูไปได้งานเงินดี ที่คนดีๆ แต่คนดีๆ เขาไม่นึกอยากทำกัน มันคืองานแต่งศพก่อนนำลงโลง แล้วก็เผาหรือฝังตามประเพณี
ความน่าสนใจของเรื่องที่เขาเล่าไม่ได้มีเพียงขั้นตอน ธรรมเนียมในการแต่งศพ และพิธีกรรมงานศพ (ประณีตมาก) แต่ยังเป็นชีวิตของผู้จากไปและครอบครัว และชีวิตของคนทำศพคนนั้นด้วย
แปลกดี... ตลอดเวลาที่เรายังมีชีวิต เราแต่ละคนช่างไม่หนัก และไม่เหนื่อยที่จะ “ถือ” อะไรต่างๆ ไว้ในมือมากมาย ทั้งที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้อย่างทิฐิ อัตตา และความภาคภูมิใจในตัวเอง ทั้งๆ ที่ของพวกนี้มันออกจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำให้เราดูฟู่ฟ่าอย่างลวงโลก (เออ แต่สไตล์นี้บางคนเขาก็ชอบนิเนอะ) และทั้งๆ ที่มันนั้นพอกหนาจนกลายเป็นเกราะ กั้นไม่ให้คนที่รักเราและเรารักเข้าถึงตัวเราได้
ต้องให้ความตายเรียกน้ำตามาชะล้าง ละลายเกราะพวกนั้นเสียก่อน เนื้อแท้ของความรู้สึกจึงจะปรากฏ เปิดประตูให้ความรู้สึกในใจหลั่งไหลออกมา
แล้วทำไมต้องรอให้น้ำตาหลังความตายมาทำหน้าที่นี้?
ตอนที่ทุกคนยังมีลมหายใจ ทำไมเราไม่ปลอดปล่อยตัวเอง ด้วยตัวของเราเอง
ปล่อยเหมือนที่ไดจังยอมขายเชลโล่ไฮโซ ราคา ๑๘ ล้านเยนตัวนั้นเสีย ปล่อยเหมือนที่ผัวเมียคู้่นี้ปล่อยทะโกะ (หมึกยักษ์) ที่ยังไม่ยอมตายตัวนั้นกลับทะเล
...เป็นอิสระและเผยความรู้สึกต่อคนรัก เหมือนที่ไดจังแกะ ปล่อยหินก้อนนั้นจากมือพ่อ
บันทึก:
• หลังจากตาปูดออกจากโรงกันทั้งพี่ทั้งน้อง น้องสาวอิฉันหันมาบอกว่า “ดูหนังกะแกทีไร ร้องไห้ทุกที” (ขอโทษนะ ก้อเค้าไม่รู้นี่นา ว่ามันจะ...มากขนาดนี้)
• ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ชื่อ โยจิโระ ทากิตะ เจ้าของผลงาน The City That Never Sleeps: Shinjuku Shark (1993), Himitsu (1999), The Yin Yang Master (2001), When the Last Sword Is Drawn (2003) (....ไม่เคยดูเลย :-P)
• พระเอกในเรื่องชื่อไดโกะ (เมียเรียกไดจัง) คือ มาซาฮิโระ โมโทกิ เห็นว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ชื่อ ชิบุงากิไท ซึ่งเป็นที่รู้จักของวัยรุ่นญี่ปุ่นในยุค’80s (เกิดไม่ทัน)
• น้องนางเอกในเรื่องชื่อมิกะ เล่นโดย เรียวโกะ ฮิโรสุเอะ (น้องคนนี้ก็คุ้นหน้าจัง) น้องเค้ายิ้มได้พิมพ์ใจ ทั้งตาและปาก ถ้าเราเป็นผัว เห็นยิ้มเมียอย่างนี้คงชื่นใจ ก็เธอซัพพอร์ตสุดๆ (หรือเพื่อนชาวเกาะจะชอบเมียพระเอกเพราะเธอเป็นผู้หนับหนุนที่ดี??)
• นึกชอบการเล่าถึงความรู้สึกในใจของไดจังที่ถูกสะเทือนด้วยประสบการณ์การทำงานวันแรก ที่กลับบ้านมากอดจูบ สัมผัสเลือดเนื้อของเมียได้ดื่มด่ำและร้อนแรงกว่าเดิม (เชื่อว่างั้นนะ)
• ในญี่ปุ่น หนังเรื่องนี้กวาดรางวัลมาเป็นกอง แต่ที่น่าประทับใจมากคือ ได้รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมไปครองด้วย
• มันยาวถึง ๑๓๐ นาที เพราะมีรายละเอียดอันน่าอภิรมย์ร้อยเรียงอยู่ในนั้น ก่อนเข้าชมควรเข้าห้องน้ำและกินอะไรรองท้องไม่ให้ว่างเปล่าเสียก่อน จะได้ไม่ขาดอรรถรสในการชม
• อ้อ ถ้าอยากช่วยลดโลกร้อน อย่าลืมพกผ้าเช็ดหน้าไปด้วยล่ะ
• ที่ House RCA เขาก็ฉายนะ ใกล้โรงไหนไปดูได้จ้า
หนังสนุกนะครับ ... สำหรับผมไม่ได้เศร้าอย่างที่บอกเลย
ตอบลบแต่กระตุกอารมณ์พอประมาณ
ก็ไม่เชิงเศร้านะคะ
ตอบลบร้องไห้มากเพราะซึ้งมากกว่าอะ
ตอบลบเวลาอ่านที่ม้อยเขียน เรื่องหนัง
ทำให้อยากไปดูหนังทุกทีเลย
แต่ หมอบอกว่า พี่ไม่ควรอยู่ใน โรงหนังอะ มันอากาศไม่ถ่ายเท ว่างั้น เพราะพี่ ภูมิน้อย
ขนาดห้าง พี่ยังไม่ค่อยเดินเลยอะ
ไว้เช่าแผ่นมาดู ถ้าว่าง และ ถ้าพี่นิ่ง เป็นนะ ดูหนังแต่ละเรื่อง มัน น้านน นาน
แต่ อยากดู เพราะ ม้อย เล่าเนี่ยแหละ
กำลังจะหาโอกาสไปดูครับ
ตอบลบม้อยอาจจะเว่อร์ไปกะด้ายพี่บุ๋ม
ตอบลบแต่ว่า"เรื่อง" ในเรื่องนี้เขา้ดีจริงนะ
ดีค่ะ ตอนนี้ยังอยู่โรงสยาม
ตอบลบตั๋วถูกค่ะ ๑๐๐ บาท
รอบเช้าเสาร์-อาทิตย์เหลือ ๘๐
อิ อิ
น่าดูจัง ตอนนี้ปิ๋มกำลังพยายามทำหน้าที่ให้ดี ก่อนความตายจะมา...
ตอบลบไม่รู้มันจะดีพอรึเปล่า สำหรับ 30 กว่าปีที่ได้รับมา
ช่ายยยยเรยยยยยยยยย
ตอบลบแต่ร้องไห้แล้วไม่อัดอั้นหลอกหลอนความรู้สึกต่อนะเรื่องนี้
ตอนดูเรื่องนี้ เรากะพี่เหม่งนั่งร้องไห้กันไปตลอดเรื่องอย่างที่เล่าให้ม้อยฟัง
ตอบลบโคตรประทับใจการดูแลศพอย่างประณีตและด้วยความเคารพในชีวิตที่ผ่านมาของ(ศพ)คนๆนั้นเลย...พอดูแบบประณีตทั้งเรื่องแล้วมาเจอตอนฉากนั้นที่ปฏิบัติกับศพแบบเป็นแค่ศพนี่เราฉุนขึ้นมาเลยนะ ทั้งๆที่มันก็เห็นแบบนั้นอยู่บ่อยๆมาตลอด
ชอบฉากนี้เหมือนกัน :)
ตอบลบ//น้องนางเอกนี่ม้อยน่าจะคุ้นอยู่...เล่นซี่รี่ส์กะมีโฆษณามาแล้วอย่างเยอะ...ดังตั้งแต่ยังเด็กๆน่ะ ส่วนคุณพี่พระเอกนี่ เราคุ้นแต่ชื่อวง...อย่างอื่นเลือนลางเพราะตอนนั้น เรามองแต่ ฮิงาชิ โชเนนไตอ่ะ...ฮิๆๆๆ
ดูมาแล้ววันนี้ ยอดเยี่ยมจริงๆ
ตอบลบอ๊ะ..เสียน้ำตาไปกี่จอกฮะ?
ตอบลบคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วตายได้สวยเนอะโม่
ตอบลบเกือบไปเหมือนกันอ่ะนะ :p
ตอบลบตะก่อนมีรุ่นพี่เฉิ่มๆ คนนึง
ตอบลบ(พี่กรี๊ดเค้าเมื่อพี่ยังเอ๊่าะๆ -ทำไปได้นะกรู)
ชอบพูดเท่ๆ ว่า
ให้ทำทุกอย่างเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
แต่พี่ว่าคนแบบพี่คิดแบบนี้คงไม่ได้ผลว่ะ
ฮี่ฮี่
เมื่อวานผ่านไปแถวลิโด้ ก็กะว่าจะไปดู
ตอบลบแต่ปรากฏว่า แฟนผมเธอติดธุระที่อื่นต่อ ก็เลยอดดูตามระเบียบ
หวังว่ากลับมาจากภาคเหนืออาทิตย์หน้า หนังจะยังฉายอยู่นะ
น่าจะอยู่นานนะพี่
ตอบลบตามเสต็ปถ้าออกจากสยามก็จะไปอยู่ลิโด้ต่ออีกพัก
แต่ขอบอกว่าเดือนหน้ามีหนังน่าดูทั้งน้านนน เลย
วันที่ไปดู มันฉายทั้งสยาม และ สกาล่า
ตอบลบเห็นชัด เรากับเขา มีวิธีการจัดการกับศพต่างกันมากๆ
ของเราเหมือนจะใ่ส่ใจคนอยู่ ญาติเพื่อนมากันเต็ม กินเลี้ยไม่อั้น เหมือนกับว่างานวุ่นๆเหล่านั้นจะช่วยทำให้ลืมความเศร้า
ใช่ ดูเข้มแข็งดีด้วย
ตอบลบไหนว่าอยากเป็นผู้ตาม?
ตอบลบเห็นแล้วบอกได้ว่า ชอบแบบนั้นนะ
ตอบลบแสดงว่าก่อนหน้านี้อาจสับสน
สรุปว่าชอบแบบ
ตอบลบผลัดกันรุก ผลัดกันรับ
ใครๆ ก็อยากมี ผ (หรือ ม) ที่คอยเข้าใจ
ตอบลบและหนับหนุนให้กำลังใจเวลาเราทำดีๆ ทั้งนั้นแหละ
ม ที่คอยเอาแต่ด่าว่า เยาะเย้ย ทับถม ใครมันจะไปทนอยู่ด้วยด้าย
เล็งไว้ สองทุ่มวันนี้เลย
ตอบลบไปดูมาเหมือนกัน เพิ่งหาโอกาสเขียนได้
ตอบลบเด๋วมาแชร์กันนะ
อือ
ตอบลบไปดูมาเหมือนกันแหล่ะ ที่สกาล่า
ตอบลบ( ปล.ชอบโรงหนังมากอยู่ชลบุรียังพยายามตะเกียกตะกายมา เอิ๊กกก )
โดยรวมชอบนะ หนังมีครบรสเลยแหล่ะ
สนุกสนาน และฉากกระตุ้นต่อมน้ำตา
ถึงหนังจายาว แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีนะ ไม่น่าเบื่อ
เราว่าเราคนไทย เราดูแล้วอินกว่าฝรั่งด้วยแหละ
ตอบลบไม่เป็นไร ..
ตอบลบดีที่ก่อนออกมาพกทิชชู่มาด้วย 1 ห่อ เผื่อว่าฉุกละหุก T T
จะว่าไป หนังเขาดีจริงๆ นะ
เมื่อวานนี้ ผมไปดูมาแล้วครับ..
ตอบลบเป็นหนังญี่ปุ่นที่ดีนะ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ
นอกจากเรื่องการปลดปล่อยที่คุณม้อยเขียน เรื่องความประณีตในพิธีกรรมที่หลายๆ คนเขียนถึงแล้ว
ผมชอบที่หนังเล่นประเด็น สิ่งที่รัก-ชอบ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่สร้างรายได้
แต่สิ่งที่สร้างรายได้ อาจจะเป็นสื่งที่ไม่ชอบเลย สังคมรังเกียจด้วย แต่ก็ต้องทำ
"เราทุกคนกินสิ่งที่ตายแล้วเป็นอาหารกันทั้งนั้น" คำนี้ ถ้าเอามาเปรียบเทียบด้วยแล้ว ก็ใช่เลยครับ
แถมอีกหน่อย..
ตอบลบชอบตรงที่ หนังเรื่องนี้ทำให้ตัวละครบางตัว (เพื่อนของไดโกะ) ได้เข้าใจในภายหลังว่า..
จริงๆ แล้วอาชีพของไดโกะ เป็นอาชีพที่มีคุณค่ามาก
อือ ม้อยว่าคุณผู้กำกับแกใส่เข้าไปยังกะมันเป็นซีรีส์
ตอบลบไม่ใช่หนัง (แต่ก็คุ้มดีนะพี่)
หุ หุ
ไอ้เรื่องงานนั่นน่ะ โดนใจพี่อะสิ
ถ้างาน NGO ที่ทำอยู่ได้เงินเดือน เดือนละ 5 แสนเยนอย่างนั้นบ้าง ก็คงจะสุดยอดไปเลย..
ตอบลบฝันไปเหอะ..
เดี๋ยวเดือนตุลาคม ก็คงจะตกงานแล้วมั้ง
สมมติว่าความสุขที่ได้จากการทำงานมันตีมูลค่าไม่ได้สิพี่
ตอบลบม้อยก็สมมติอยู่ทุกวันเนี้ย
สมมติว่าความสุขที่ได้จากการทำงานมันตีมูลค่าไม่ได้สิพี่
ตอบลบม้อยก็สมมติอยู่ทุกวันเนี้ย
เพิ่งดูจบ แล้วคิดว่า ถ้าเป็นจากสร้างหนังเรื่องเดียวกันนี้ (เรื่องสัปเร่อแทน)ในมุมมองของคนไทย เราจะทำออกมาให้ดูแล้วงดงามอย่างนี้ได้ไหม??
ตอบลบ