Rating: | ★★★★★ |
Category: | Other |
Engine (2005) เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่เล่าเรื่องของหนุ่มนักแข่งรถ F3000 ที่ผิดหวังจากการทำงานที่อิตาลี บ่ายหน้ากลับมาบ้านในโตเกียว ซึ่งกลายสภาพเป็นบ้านเด็กกำพร้าไปแล้ว ระหว่างที่เขาดิ้นรนเพื่อให้ได้ขับรถแข่งอีกครั้ง ทั้งๆ ที่อายุมากขึ้น บรรดาเด็กๆ รวมถึงผู้ใหญ่ในบ้านก็ดิ้นรนต่อสู้กับปัญหาของตัวเองไปพร้อมกัน
'ชีวิตคือการต่อสู้'
Engine บอกอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกคนต่างก็มีความฝัน มีปัญหาของตัวเอง
และทุกคนต้องต่อสู้เพื่อทำฝันให้เป็นจริง ต้องแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ในสนามแข่งขันแห่งชีวิตของตัวเอง จะชนะได้ไม่ใช่แค่ต้องเฮง ตัวใหญ่ รูปร่างได้เปรียบ แต่ต้องกล้าหาญ มุ่งมั่นอยากชนะ ถ้าจะให้ดีต้องมีกำลังใจจากคนรอบข้าง (โดยเฉพาะคนที่ตัวเองรัก) ด้วย
เป็นแนวคิด (แบบญี่ปุ่น?) ที่แจ่มแจ๋วมาก สำหรับคนในโลกที่ผู้ใหญ่คอยแต่จะโอ๋ โอบอุ้มประคับประคอง ช่วยเด็กๆ ทำ (ไปเสียทุกเรื่อง) อย่างอิฉัน
ซีรีส์เรื่องนี้มาถึงมือหลังการพูดคุยกับสปอนเซอร์ส่วนตัวถึงซีรีส์ Change ที่เพิ่งลาจอทีวีไทยไป ใช่แล้ว ดารานำใน Engine คือคนเดียวกันที่แสดงเป็นนายกมือใหม่ในเวทีการเมืองคนนั้น แต่บุคลิกในสองเรื่องนี้ต่างกันมากเชียวแหละ
สิ่งที่ชอบเกี่ยวกับตัวละคร Jiro Kanzaki (Takuya Kimura) นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เท่แบบแบดบอย (สเปค) อันได้แก่ ผมยุ่ง ผิวสีกร้านแดด สบถเป็นนิสัย ไร้หางเสียง จะกินจะนอนสุดเป็นธรรมชาติ (อีกนัยคือมูมมาม) แล้ว ยังเป็นทัศนคติ และวิธีเทคแคร์เด็กของเขา
จิโร่ไม่เคยมองเด็กว่า ‘เป็นเด็กก็อยู่ส่วนเด็ก อย่าสอดตอนผู้ใหญ่พูด’ หรือ ‘เขายังเป็นเด็กอยู่ เขาทำไม่ได้หรอก’ หรืออะไรอย่างนั้น อย่างที่ผู้ใหญ่หลายๆ คนเป็น แต่จิโร่เป็นผู้ใหญ่ที่ respect เด็ก เช่นเดียวกับที่เขา respect ผู้ใหญ่ จะเรียกว่าให้เกียรติเด็กก็ได้ (แต่ใช้คำนี้คงไม่เข้ากับบุคลิกของจิโร่) เขาเล่นกับเด็กแบบที่เด็กจะเล่นกับเด็ก ฟังเด็กพูด เถียงกับเด็ก และลุ้นให้เด็กตัดสินใจเอง แล้วยืนกราน บอกผู้ใหญ่อย่างที่เขาต้องการ
เด็กๆ ในบ้านรักจิโร่ หัวบันไดห้องใต้หลังคาของจิโร่-ถ้ามี-มันคงเป็นบริเวณที่ไม่เคยแห้ง เพราะใครๆ ก็อยากจะมาหาจิโร่ บางที ได้แค่ยั่วเย้าเขาก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว จิโร่กลายเป็นไอดอลของเด็กๆ แต่ในทางกลับกัน เราพบว่าบ่อยไปที่จิโร่ได้แรงบันดาลใจในการแก้ไขปัญหาของตัวเองจากเด็ก
อิฉันว่า ผู้ใหญ่อย่างเราจะได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะเลย จากการดูซีรีส์เรื่องนี้
ขอขอบคุณสปอนเซอร์ส่วนตัว ผู้ให้ยืมซีรีส์ชุดนี้มาให้ฝึกฟังมา ณ ที่นี่
ซีรีส์สนุกมาก ได้ผลมาก (เรื่องการฟังภาษาระดับเป็นกันเอง) และได้น้ำตาไหลไปหลายรอบ
ประทับใจกับความรักที่ผู้ใหญ่และเด็กมีต่อกัน
อ้อ ..ความรักของหนุ่มสาวด้วยจ้ะ
บันทึก:
• ตอนผู้ชายอุ้มเด็กนี่ ดูดีจัง
• ซีรีส์เรื่องนี้จัดแสงสวย แล้วก็ภาพสวย ยังกะหนังแน่ะ
• ผู้ใหญ่ดูแล้วจะได้เรียนรู้ว่าต่อไปต้องปฏิบัติตัวกับเด็กใหม่ อย่างน้อยต้องรู้จักพูดกับเขา เพราะว่าแม้จะเป็นเด็กกำพร้าอายุแค่ ๕ ขวบ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็น 'เด็กน่าสงสาร' ทุกคนไป
• จิโร่สอนว่า จะเข้าใจและเข้าถึงเด็ก ไม่เห็นต้องเข้าใจทฤษฎีอะไรเกี่ยวกับเด็ก แค่รื้อฟื้นความรู้สึกที่ตัวเองเคยรู้สึกเมื่อก่อนเป็นเด็ก ก็จะเข้าใจเด็กได้ไม่ยาก
• กว่าโค้ชจะยอมให้จิโร่ขับรถแข่ง โค้ชทดสอบจิโร่ได้โหดมาก แต่สิ่งที่โค้ชสอนจิโร่น่ะ โคตรจะสำคัญเลย โค้ชให้จิโร่ขับรถแข่งอีกครั้ง เพียงเพราะว่าจิโร่ ‘ได้เรียนรู้ที่จะขับรถให้คนอื่นนั่งแล้ว’
• Koyuki หรือคุณนางเอกนั่น หน้าตาสวยแบบญี่ปุ่น แต่หุ่นอินเตอร์มาก และเขาก็เจ๋งมากนะ ที่ไม่ให้คุณนางเอกขาสวยนุ่งสั้น โชว์ขานอกบทเลย (เธอเล่นเป็นเซนเซนี่นา)
• สำหรับน้อง Ueno Juri หรือน้องโนดาเมะ (ชอบน้องมาตั้งตะ Swing Girl-2004 ละ) ในเรื่องเธอเล่นที่ถูกครอบครัวทอดทิ้ง เลยต้องมาอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า อยากบอกว่าประทับใจความสามารถของน้องมาก น้องเล่นเรื่องนี้ได้แบบเราลืมโนดาเมะไปเลย (น้องเค้าเล่นซีรีส์โนดาเมะปี 2006 ทีหลัง Engine จ้ะ)
• ซีรีส์ญี่ปุ่นนี่ ช่างเขียนบทได้ดีจริง คนเล่นก็เล่นสมจริง จะฉาก จะไฟ จะเมคอัพ อะไรก็ดี เนียนไปหมด (พูดแบบนี้จะมีคนด่าไหมว่าเป็นคนไทยทำไมไม่ดูละครไทย :-P)
น่าสนใจจัง
ตอบลบกี่ชั่วโมงอ่ะ
เคยดู จำได้ว่าชอบเหมือนกันครับพี่ม้อย แต่จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว
ตอบลบเออเค้าถ่ายตอนแข่งรถเจ๋งดีเนอะ น้องเยียร์
ตอบลบเป็นอรัยที่ลงทุนมั่ก
กี่ชั่วโมงไม่แน่ใจฮะ
ตอบลบมี ๑๑ ตอน อยู่ในดีวีดี ๖ แผ่น
ดูกันตาแฉะไปเล้ยยย แต่ท่าทางน่าจะสนุก
ตอบลบม้อยเขียนรีวิวดีจัง ^_*
ตอบลบเมื่อไหร่ จะได้ว่างดูเนี่ย 11 ตอนแหนะ
ได้เปิดแผ่นแรกแล้ว ว่างไม่ว่างก็จะดูแหละพี่บุ๋ม
ตอบลบขอบคุณค่ะ ^_^
ตอบลบม้อยดู ๒ วันจ้ะพี่จุ๊บ
กลัวจะจบเร็วเกินไป
ตอนแข่งรถก็เจ๋งดี ครับพี่ม้อย
ตอบลบถ้าจำไม่ผิด การที่พระเอกได้กลับมาอยู่บ้านเด็กกำพร้า ทำให้ได้ใกล้ชิดเด็ก ๆ
ซึ่งเป็นเหตุให้รู้จักตัวเองมากขึ้น (ใช่ป่าวหว่า หรือว่าจำผิดอะ)
เป็นผู้ใหญ่(ความคิด)ก็ไม่ได้ดีกว่าเด็กไปสักเท่าไหรเนอะ
ประมาณว่า ได้แรงบันดาลใจจากเด็ก
ตอบลบบางที การเป็นผู้ใหญ่ก็ทำให้เราคิดฟุ้งๆ เปรื่องๆ เกินความจำเป็นไปเยอะอะ
กลับมาคิดซื่อๆ ใสๆ แบบเด็กมั่งก็น่าจะดีนะ
ชอบทุกเรื่องของทาคุยะเลยยย
ตอบลบอืม ดูไปได้สองตอนครึ่งก็รู้สึกสนุกแล้วล่ะ
ตอบลบ...
อีกเรื่องของจูริจังที่พลิกบทบาทไปเลย เรื่องนี้น่าดูมาก Last friends ปี 2008
ดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าภาษาอังกฤษดีมาก
เพราะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออก
ปล. โหลดดูจากยูจุ๊บน่ะ
โคดชอบ ดีใจที่ได้ดูมากเลย
ตอบลบ