เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกคนรู้ดี
แต่วันนี้ ถ้าคุณมีเงินพอ คุณอาจไม่ต้อง แก่-เจ็บ และตาย เร็วเกินไปนัก
ฉันรู้มาว่ามีการบำบัดในทาง rejuvenation (การคืนสู่ความเยาว์วัย) อันหนึ่ง เรียกว่า Live Cell Therapy ซึ่งจะเป็นการฉีดเซลล์ใหม่ๆ เข้าไปผลัดกับเซลล์เสื่อมๆ ในตัว ที่เสื่อมทั้งจากวัย สิ่งแวดล้อม ไลฟ์สไตล์ พิษ และอื่นๆ เพื่อเยียวยาให้อวัยวะนั้นๆ กลับสู่การทำงานอันมีประสิทธิภาพดังเดียวกับยามที่มันยังเยาว์
วิธีนี้ไม่ได้ใช้สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด อันเป็นเซลล์ที่ยังเจริญไม่ถึงภาวะที่จะรู้แล้วว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร จะเจริญไปเป็นเซลล์ของอวัยวะไหน
เซลล์ที่ใช้ใน Live Cell Therapy (บ้างก็เรียก Fresh Cell Therapy) เป็นเซลล์เริ่มพัฒนาเป็นอวัยวะต่างๆ แล้ว ถ้าอธิบายกันอย่างง่ายๆ การบำบัดด้วยวิธีนี้ทำโดยหากเซลล์อวัยวะไหนของร่างกายเสื่อม ก็จัดการฉีดไลฟ์เซลล์จากอวัยวะเดียวกันนั้นเข้าไป จากนั้น อวัยวะนั้นๆ ก็จะค่อยๆ ฟื้นฟู กลับสู่ความเยาว์วัย จากความใหม่สด แข็งแรง กระปรี้กระเปร่าของเซลล์ที่ถูกฉีดเข้าไป
อาการข้อเข่าเสื่อมจะดีขึ้นจนไม่เหลือความเจ็บปวดอีกต่อไป อาการกระตุกเพราะพาร์คินสันจะดีขึ้น การทำงานของไตจะฟื้นฟู จนลืมการฟอกไตไปเลย สายตาดีขึ้น ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่นดีขึ้น สีผม สีคิ้วดำขึ้น เส้นเลือดและสมองกลับสู่ความเยาว์วัย
ยิ่งไปกว่านั้น การฉีดแต่ละครั้ง เขาไม่ได้จำเพาะแค่อวัยวะ แต่จะฉีดมาเป็นชุด หลังการวินิจฉัยโรคแบบ holistic (การทำงานของร่างกายแบบองค์รวม ไม่ตรวจแยกระบบการทำงาน) หลังการฉีดเซลล์แต่ละครั้ง คุณจึงได้ประหลาดใจกับความเปลี่ยนแปลงในร่างกายตัวเอง
ยิ่งปีนี้ฉีด ปีหน้าฉีดอีก ปีโน้นและปีต่อไปฉีดอีก แทนที่คุณจะแก่ลงเรื่อยๆ ตามอายุ ในแบบที่ควรจะเป็น แต่จะกลับสดชื่น กระฉับกระเฉง เหมือนเด็กขึ้นเรื่อยๆ
ใครที่ได้รู้เรื่องนี้ นอกจากอยากไปฉีดเอง (เพื่อให้สาวและสวยไปอีกนานๆ) ก็อยากพาพ่อแม่และคนรู้จักไปฉีด เพราะไม่อยากเห็นท่านป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาล ต้องฟอกไต หรือต้องนอนแบบอยู่กับที่หลังอาการเส้นเลือดสมอง ฯลฯ
เป็นความเจริญทางการแพทย์ที่เริ่ด เยี่ยม
..แต่ฉันสงสัย
อะไรทำให้เรามีสิทธิ์ที่จะเป็นหนุ่มเป็นสาว แข็งแรง แล้วก็หายจากโรคอันทรมาน ทั้งๆ ที่เพื่อให้กลับสู่ความเป็นหนุ่มสาว แข็งแรง และหายจากโรค ฯ ของเรา สัตว์ไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัวต้องถูกทำให้แท้งจากท้องแม่ เพียงเพื่อสละเซล์อ่อนๆ ของแต่ละอวัยวะของมัน ให้กับเรา
ทั้งๆ ที่มันบางทีก็อาจจะอยากมีชีวิตอยู่บนโลกสีน้ำเงินนี้เหมือนเรา
เดินเล็มหญ้าในท้องทุ่งกว้าง ใต้ฟ้าสีคราม ฟังเสียงลมกระซิบ
วิ่งตะบึงไปในทะเลทราย เพื่อจะหยุดดื่มน้ำในบ่อกลางโอเอซิส
แหวกว่ายไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อย่างเสรี
อะไรทำให้เรามีสิทธิ์ที่มีจะมีชีวิต แม้ต้องมีชีวิตอื่นสละให้
“เงิน” อย่างนั้นหรือ?
ชอบมาก บล้อกนี้ ขอเอาไป...บอกต่อนะจ๊ะ
ตอบลบ..ว่า เรามีสิทธิ์อะไร (วะ) ^___^
น่าจะคิด ว่า สิทธิ์ ที่แท้จริง คือ สิทธิที่จะตาย
แต่ ควร เลือกว่า จะตาย แบบไหน ...
....ขอบคุณม้อยมาก ๆ
ชอบบบบบบบบบบบ
อยากเลือกตายได้บ้างจัง
ตอบลบถึงตอนนั้น จะเลือกได้ไหม?
ขออนุญาตเจ้าของบล้อกตอบค่ะ
ตอบลบ...
เลือกได้ ถ้าเตรียมตัว ค่ะ ^___^
ชั้นคิดว่า เลือกได้
ตอบลบว่าจะตายดี หรือตายไม่ดี
ม้อยคิดว่าการที่เราได้อยู่มาจนคิดได้ว่า เออ เกิด แล้วต้องแก่ แล้วต้องเจ็บ สักวันก็ตายเนี่ย
ตอบลบจริงๆ มันอาจเป็นกฎธรรมชาติที่เตือนให้เราคิดนะพี่หญิง
ว่าเวลาเรามีจำกัด วันนึงก็ถึงเวลาของเรา
ฉะนั้น มีอะไรควรทำ แต่ยังไม่ได้ทำก็ทำซะ
หรือเรื่องงี่เง่าที่ตะบี้ตะบันทำอยู่เนี่ย จะทำมันอีกนานแค่ไหนหรอ
สิ่งที่เราเห็นว่ามันเิกิดกับคนรุ่นปู่ย่า พ่อแม่เรา ก็น่าจะเตือนเราอีก ว่าเราต้องดูแลเค้าให้เด็กๆ เห็น
เพราะเมื่อถึงเวลาของเรา เด็กๆ มันจะได้รู้หน้าที่ ว่ามันควรจะทำกะเรายังไง
ทุกคนต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเอง
ตอบลบเพราะตอนนี้เราเป็นมนุษย์
ตอบลบเราเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภค
เราตัดป่าเพื่อปลูกบ้าน
เราเลี้ยงไหมเำืพื่อเป็นเสื้อผ้า
เรากินสมุนไพรเพื่อเป็นยา
....
แต่นอกเหนือจากปัจจัย 4 ตอนนี้ยังงงเหมือนกันว่าเราต้องการอะไรกันอีก
อ่า.... ไม่ขำ
สงสัยว่าปากอย่างชั้น จะตายไม่ดี อิอิ
ตอบลบม้อย เพื่อนที่ออฟฟิศก็ได้รับเชิญให้ไปทำข่าวนี้ แต่ she ไม่ได้ไปล่ะ อ่านข่าวหนึ่งเขาบอกว่าทารกยุคใหม่จะอายุยืนยาวเป็น 100 ปีเชียว บางทีการมีชีวิตอย่างยืนยาวก็ไม่ได้หมายความว่านั่นเป็นชีวิตที่ดี
ตอบลบอ่า..ชีวิต 100 ปี รสชาติจะเป็นไงนะ?
ตอบลบอืมม เห็นด้วยๆๆ อันนี้เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมเชียวแหละ ที่จะเลือก (how to) ตายดี หรือไม่ดี
ตอบลบเราไม่ได้ไปทำข่าวนะนุช
ตอบลบเราไปทำเวิร์กชอปมาทีเดียวเชียว
(แต่เค้าไม่ได้ฉีดเซลล์ให้เราหรอกนะ)
(สาธุ-แค่กินแลมป์ชอปก็เศร้ามากแล้ว T-T )
^__^
ตอบลบเลือกได้ด้วยว่า จะตายแล้ว คนสรรเสริญ
ตอบลบหรือตายแล้ว คนถุยน้ำลายใส่
อ่านแล้ว ไม่เห็นด้วยกับการยืดอายุการตายครับ
ตอบลบเชื่อว่า ถ้าเกิดขึ้นจริง ก็จะมีเฉพาะคนรวยเท่านั้นที่เข้าถึง
ซึ่งมันจะเกิดปัญหาแน่ๆ
ขมขื่น
ตอบลบอืมใช่ ที่สุดแล้ว...ทุกคนทำตามหน้าที่ ...
ตอบลบมันก็เท่านั้นเอง ...เนอะ
....
จะไปคิดยืดอายุการตาย ให้เกิดอะไรขึ้นมา
นอกจากเงิน เงิน และเงิน ..บวกโง่
เพราะตกหลุมพรางของซาตาน ติดกับดักทางจิตวิญญาณ
.....
(วันนี้ขอเป็นแม่มดปากร้ายนะจ๊ะ) ^__^
คนเราพยายามจะเอาชนะธรรมชาติอยู่ร่ำไป
ตอบลบเรียนรู้ที่จะอยู่แบบธรรมชาติดีกว่านะ
อะไรทำให้เรามีสิทธิ์ที่จะเป็นหนุ่มเป็นสาว แข็งแรง แล้วก็หายจากโรคอันทรมาน ทั้งๆ ที่เพื่อให้กลับสู่ความเป็นหนุ่มสาว แข็งแรง และหายจากโรค ฯ ของเรา สัตว์ไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัวต้องถูกทำให้แท้งจากท้องแม่ เพียงเพื่อสละเซล์อ่อนๆ ของแต่ละอวัยวะของมัน ให้กับเรา
ตอบลบ*************************************************************************************
พี่คิดว่าถ้าเป็นการเบียดเบียนชีวิตอื่นก็เป็นสิ่งไม่สมควรและไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง
แต่ในกรณีที่เป็นการนำเซลล์ของตัวเองเช่นสเต็มเซลล์มาใช้นั้น ถ้าหากใช้ในทางที่สมควรเช่นเพื่อรักษาโรคร้ายที่ทำให้คนๆนั้นทุกข์ทรมาณพี่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ผิดจริยธรรม ศีลธรรม หรือฝืนธรรมชาติ
เพราะถ้าหากมองในแง่ปัจจัย 4 ก็อาจถือได้ว่าเข้าทางของ"ยา" ที่เป็นเครื่องเยียวยารักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วย
ที่พี่พูดแบบนี้เพราะเป็นคนนึงที่มีโรคประจำตัวที่รักษาไม่หายอยู่ 2 โรค เพียงแต่เป็นโรคที่ควบคุมได้แต่ก็จะมียากินตลอดชีวิตและมีอาการแทรกซ้อนเมื่ออายุมากขึ้น พี่ไม่ใช่คนแข็งแรงเลย แต่ถ้าพี่มีเงินและมีโอกาสพี่ก็อยากเป็นคนนึงที่ไม่ต้องทุกข์ทรมาณจากการเจ็บป่วยและการต้องกินยาที่มีผลข้างเคียง เราก็อยากทำกิจกรรมดีๆอยากไปเที่ยวแบบลุยๆ และมีความสุขกับชีวิตด้วยสุขภาพที่แข็งแรงไปจนแก่ตาย
แต่ถ้าทำเพื่อยืดอายุชีวิตให้ถึง 100 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าสดใสสาวเสมอนั้น พี่ว่าเป็นความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์ที่ฝืนธรรมชาติ เพราะทุกคนต้อง เกิด แก่ เจ็บ(บ้าง) และตาย ในกรณีที่ทำเพื่อความงามนั้นพี่ว่าเกินความจำเป็นและทำให้คนลุ่มหลงกับเทคโนโยและรูปโฉมโนมพรรณจนคิดเพี้ยน ๆ
แม่พี่อายุ 72 สุขภาพแข็งแรงมากๆไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย สดใสดูอ่อนกว่าวัย 5-8 ปี เพราะดื่มน้ำสะอาดทุกวันเยอะๆ ไม่กินน้ำเย็น กินผักผลไม้สดทุกวันจำนวนมากๆ โดยยังกินเนื้อสัตว์ต่างๆตามปกติบางครั้งก็กินเนื้อวัวด้วยซ้ำ ออกกายบริหารวันละ 30 นาทีทุกวัน และเพียงรักษาน้ำหนักให้สมกับความสูง แล้วก็ไม่เครียด ไม่จุกจิกกับเรื่องชาวบ้านไม่นินทาเพื่อนไม่นินทาเพื่อนร่วมงานหรือคนอื่นๆ ....ก้มหน้าก้มตาทำแต่งานตัวเองแล้วก็เลี้ยงลูกดูกับแลบ้านทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว มีตังค์ใช้พอควรแต่ไม่เคยใช้ครีมตลับละหมื่น ตลับละ 4-5 พันยังไม่ยอมใช้ ใช้แค่ครีมตามเคาน์เตอร์มาตรฐานธรรมดาที่ตลับละพันกว่าๆตามสมควร ....แต่หน้าเด้งกว่าคนที่เคยทำศัลยกรรมวัยเดียวกันซะอีก
แค่นี้....ก็แก่อย่างมีความสุข ทุกวันนี้แม่ก็ยังกระฉับกระเฉงได้ทำงานและกิจกรรมสังคมที่ชอบ นั่งยองๆปลูกดอกไม้ในสนามได้ด้วย แถมยังเอาเงินรายได้แบ่งให้ญาติที่ลำบากใช้ได้อีก โดยที่ตัวเองใช้แค่เท่าที่จำเป็น แต่ก็มีความสุข
มีช่วงนึง พี่หน้าใสเด้ง มีแต่คน(ที่ออฟฟิศ)ถามว่าเพราะอะไรทั้งๆที่อายุ 35 แล้ว
ตอบลบคำตอบก็คือ เพราะข้างในมีความสุข ไม่จมกับปัญหาเดิมๆในออฟฟิศ ได้เป็นฟรีแลนซ์ มีงานทำและได้เงินพอสมควร (พี่คิดว่าสุดท้ายคนเราทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเองเรื่องเงินให้ได้ ถ้าเรายังไม่ออกบวช การมีเงินที่พอยังชีพและการอยู่อย่างปราศจากหนี้สินเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ มิฉะนั้นสุดท้ายเราก็ต้องไปเบียดเบียนขอความช่วยเหลือจากคนรอบๆข้าง) แล้วก็
ได้พักผ่อน ไม่สนใจเรื่องชาวบ้าน หมกมุ่นแต่เรื่องปรับปรุงพัฒนาตัวเอง แล้วก็กินอาหารมีประโยชน์ กินวิตามินเสริมบ้าง นอนหลับพอ ได้ออกกำลังทุกวัน ไม่สูบไม่เสพย์
อ่านแล้วนึกถึงปลาทะเล, เต่าทะเล มันออกจากไข่มาทีหลายร้อยตัว บางทีก็หลายพัน
ตอบลบเราว่า 99% จะต้องตายก่อนโตเต็มวัย คือเกิดมาเพื่อเป็นอาหารแก่สัตว์โลกอื่นๆ
เหลืออีก 1% ( หรืออาจน้อยกว่านั้น ) ที่จะรอดชีวิต เติบโต เพื่อสืบพันธ์และออกไข่
เรียกว่าโตไปเพื่อเป็นโรงงานผลิตอาหารนั่นแหละ
มันก็ทำหน้าที่ของมัน แต่หน้าที่เป็นสเตมเซล์นี่ สงสัยจะของใหม่นะ ธรรมชาติไม่ได้กำหนดไว้
ดีใจจังที่มีคนมาอ่านแล้วทิ้งความคิดเห็นดีๆ ไว้
ตอบลบพี่จุ๊บคะ- อยากให้แม่ม้อยเป็นอย่างแม่พี่จัง (อิ อิ)
ezzila- เธอตั้งข้อสังเกตได้น่าสนใจว่ะ
หุหุ จริงๆพี่รู้สึกบาปลึกๆมานานแล้วว่าไม่ได้ให้ตังค์แม่ใช้เท่าไรเลย แถมยังเบียดเบียนแม่บ่อยๆสมัยก่อน แต่ตอนนี้ก็ดูแลแม่ได้ดีขึ้นในด้านอื่นๆ และพยายามไม่ให้แม่กังวลเรื่องเรา
ตอบลบพี่เคยคิดว่าอยากจะหาซื้อที่เล็กๆซัก 30-50 ตรว. ริมน้ำปลูกบ้านจิ๋วๆให้แม่พักผ่อนตากอากาศ เพราะแม่ชอบบ้านริมน้ำ ...แต่สงสัยจะไม่ทัน T-T ...เคยเที่ยวไปถามแถวบางน้อยว่าเค้าขายที่กันวาเท่าไร เพราะแม่ไปแล้วชอบมากๆ
ที่แม่พี่มีความสุขเพราะพอใจในงานที่ได้ทำ มีอาชีพอิสระทำงานได้จากที่บ้านไม่ต้องสุงสิงกับใครเกินความจำเป็น และไม่เหงาเกินไปเพราะได้สอนหนังสือบ้างมีลูกศิษย์พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด แล้วทำงานล่ามก็ได้เดินทางบ่อยๆ ....แต่หลายๆคนก็สงสารแม่พี่เพราะคิดว่าแม่ดูลำบากจังต้องทำงานจนแก่ ..ก็แล้วแต่จะคิดกันไป ....เพราะหลายคนก็อยากเกษียณอย่างสบายๆ.... แต่จริงๆเวลาแม่พี่ทำงานที่บ้านก็มีช่วงนอนพักกลางวันและออกไปดูต้นไม้ทุกวันไม่ได้ทำจนคร่ำเคร่งนัก
จริงๆหน้าที่ของคนเราอีกอย่างนึงก็คือ ดูแลรับผิดชอบตัวเองให้ดีในทุกเรื่องจนแก่ ไม่ต้องเป็นภาระของคนอื่นโดยไม่จำเป็น เพราะสังคมเปลี่ยนไปถึงเราอาจจะมีคู่ชีวิต หรือ ลูกหลาน พี่น้อง ก็ไม่ควรคิดพึ่งเค้าโดยไม่จำเป็นยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยเช่นเจ็บป่วยทำงานไม่ได้ หรือตกงานกระทันหัน อันนั้นคนรอบตัวก็ต้องดูแลกันไปในฐานะคนในครอบครัว
.....หลายอย่างพี่เองก็เพิ่งจะมาคิดได้ไม่นานนี้ เช่นเรื่องที่ต้องระวังเรื่องอาหารและออกกำลังกายเพื่อไม่ให้เป็นโรคร้ายเพิ่มไปกว่านี้ เพราะต่อไปพี่ต้องอยู่ตัวคนเดียว หรือเรื่องเงินที่เราต้องเตรียมเพื่อวัยเกษียณหรือเตรียมไว้สำหรับตอนที่จำเป็นที่เจ็บป่วยทำงานไม่ได้ หรือตกงานนานๆ เพราะประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีสวัสดิการสังคมให้ประชาชนดีเท่าไร
แม้แต่คนที่ถือบวช ก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีตามสถานะภาพเพื่อไม่ให้ต้องเป็นภาระของคนรอบข้างโดยไม่จำเป็น
คนเราจะร้ายก็เพราะความกลัวล่ะนะ กลัวผิด กลัวแก่ กลัวเจ็บ กลัวตาย
ตอบลบนึกถึงตัวเองที่ตีงูจนตายก็เพราะความกลัว กลัวเค้าจะกัดเรา กลัวเค้าจะกัดคนที่เรารัก....(ทั้งๆที่เค้าก็ยังไม่ได้กัด)
มันก็คล้ายๆ เรื่องนี้ (มั้ย)
เพียงแต่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย สังขารร่วงโรยมันเป็นธรรมชาติของชีวิต
ถึงฝืนเกินไป ผลที่ได้หรือชีวิตที่ดำเนินต่อไปก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะดีจริง
แถมความไม่แน่นอนนั้นยังแลกด้วยชีวิตอย่างที่ม้อยว่า (นึกในทางกลับกันว่าถ้าไม่ใช่ตัวอ่อนสัตว์ แต่เป็นตัวอ่อนคน...ชีวิตเหมือนกันแต่มนุษย์ตีค่าไม่เท่ากัน?)
...แค่นึกถึงชีวิตที่ยืดยาวนานขนาดนั้นก็เหนื่อยแล้วนะ ถึงภายนอกจะเต่งตึง แต่ข้างในคงเอือมระอากับชีวิตแล้ว
...การบำบัดในทาง rejuvenation (การคืนสู่ความเยาว์วัย) อันหนึ่ง เรียกว่า Live Cell Therapy ซึ่งจะเป็นการฉีดเซลล์ใหม่ๆ เข้าไปผลัดกับเซลล์เสื่อมๆ ในตัว ที่เสื่อมทั้งจากวัย สิ่งแวดล้อม ไลฟ์สไตล์ พิษ และอื่นๆ เพื่อเยียวยาให้อวัยวะนั้นๆ กลับสู่การทำงานอันมีประสิทธิภาพดังเดียวกับยามที่มันยังเยาว์
ตอบลบ...เซลล์ที่ใช้ใน Live Cell Therapy (บ้างก็เรียก Fresh Cell Therapy) เป็นเซลล์เริ่มพัฒนาเป็นอวัยวะต่างๆ แล้ว ถ้าอธิบายกันอย่างง่ายๆ การบำบัดด้วยวิธีนี้ทำโดยหากเซลล์อวัยวะไหนของร่างกายเสื่อม ก็จัดการฉีดไลฟ์เซลล์จากอวัยวะเดียวกันนั้นเข้าไป จากนั้น อวัยวะนั้นๆ ก็จะค่อยๆ ฟื้นฟู กลับสู่ความเยาว์วัย จากความใหม่สด แข็งแรง กระปรี้กระเปร่าของเซลล์ที่ถูกฉีดเข้าไป
เพราะฉะนั้น ...ยิ่งปีนี้ฉีด ปีหน้าฉีดอีก ปีโน้นและปีต่อไปฉีดอีก แทนที่คุณจะแก่ลงเรื่อยๆ ตามอายุ ในแบบที่ควรจะเป็น แต่จะกลับสดชื่น กระฉับกระเฉง เหมือนเด็กขึ้นเรื่อยๆ...
เป็นวิทยาการที่ดีมากๆ แต่
...มีวิทยาการหนึ่งที่กำลังค้นคว้าอยู่และใกล้จะสำเร็จแล้ว คือ Mind Cell Therapy หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า "เซลส์ฟื้นฟูจิตใจ" ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูจิตใจให้มีความบริสุทธิ์ ทำให้ผู้คนมีความคิดที่ดีๆ ต่อกัน ไม่มีความโลภ โกรธ หลง ซึ่งจะส่งผลต่อการลดความคิดที่ก่อให้เกิดความทุกข์ขึ้นในจิตใจ และทำให้สังคมมีความรัก มีความเอื้ออาทรให้แก่กัน
ซึ่งหวังว่า project นี้จะสำเร็จโดยเร็ว และจะได้ฉีดกันให้ครอบคลุมคนทั่วทั้งโลกสีฟ้าๆ ใบนี้
ถ้าเค้าช่วยเติมส่วนผสมที่ช่วยลด "ความอิจฉาคนอื่น" ลงไปด้วยจะดีมากนะยาม
ตอบลบT-T
ตอบลบสัญชาติญาณไหมโม่?
ประโยคนี้อ่านแล้ว โ ห ว ง เลย
ตอบลบสุดยอดเลยม้อยดี กระตุกต่อมดีมาก
ตอบลบเรามีสิทธิอะไรที่ยื้อยุด ฉุดรั้ง ต้านทานทานธรรมชาติ
เรามีสิทธิ์จริงหรือเพียงเพราะนี่เป็นร่างกายของเราเอง ใช่หรือ
ชอบบทความนี้มากๆ เลยจ้ะ
บ่อยครั้งที่เราเกลียดสัญชาตญาณแบบนี้นะม้อย
ตอบลบ// ดีจังที่ม้อยเอาเรื่องนี้มาเขียน (ลืมชม อิอิ)
คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเนอะ
ตอบลบขอบคุณจ้ะ ทริปปี้
แหม๋ ..โม่ก้อ
ตอบลบน่ากลัว
ตอบลบอายุยืนเพื่อเห็นคนรอบข้างล้มตายไปทีละคนน่ะเหรอ?
ขอตายเป็นคนแรกได้มะ (ถ้ามีสิทธิ์)
เป็นวิวัฒนาการที่น่ากลัว
ตอบลบกลัวใจ ของมนุษย์ปุถุชน
กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพาเนว สหตฺตนา
ตอบลบกาลเวลาย่อมกินสรรพสัตว์กับทั้งตัวมันเอง
อริยทรัพย์เท่านั้นที่อยู่ยั่งยืนยง
(-____-)
ตอบลบ