วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

Grave of the Fireflies : สุสานหิ่งห้อย

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Animation



(คำเตือน : ถ้ายังไม่อยากรู้เรื่อง โปรดอย่าเพิ่งอ่าน)



Grave of Fireflies (1988) หรือชื่อภาษาญี่ปุ่น 火垂るの墓 (Hotaru no Haka) เป็นแอนิเมชั่นที่ไม่ได้เล่าเรื่องแนวจินตนาการ หรือการผจญภัยน่ารักๆ จบอย่างแฮปปี้ที่ดูแล้วต้องยิ้มตามแนวแอนิเมชั่นส่วนใหญ่ของ Studio Ghibli แต่กลับนำเสนอชีวิตที่แสนจะ tragic ในช่วงเวลาที่สุดจะลำบาก อันเป็นภาพที่ดูห่างไกลตัวคนดูยุค 3G มีกินมีใช้เหลือเฟือ แถมผู้คนในสังคมยังเมตตาอารีต่อกันอย่างล้ำเหลือ (!?!) อย่างเรา ชนิดที่แทบนึกไม่ออกว่าก่อนหน้านี้ คนยุคนั้นปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร

มันเป็นชะตากรรมระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองของเด็กญี่ปุ่นคู่หนึ่ง แม้เป็นเด็กเมืองโกเบ หาใช้เมืองฮิโรชิมาหรือนางาซากิที่โดนถล่มเสียราพณาสูรด้วยระเบิดปรมาณู แต่การเป็นกำพร้าแม่ และไม่รู้แห่งหนที่อยู่ของพ่อ ก็ทำให้เด็กสองต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเวทนาที่สุด

ครอบครัวของเซตะและเซตสึโกะที่จริงไม่ใช่ยากไร้ พ่อของเด็กทั้งสองเป็นถึงนายพลทหารเรือแห่งกองทัพพระจักรพรรดิ แต่ในยามสงคราม พ่อก็ไปออกรบ เหลือแต่แม่กับเซตะวัย 14 ปี และเซตสึโกะ น้องน้อยวัย 4 ขวบเพียงลำพัง

วันนั้นมีสัญญาณเตือนภัย เซตะให้แม่ซึ่งเป็นโรคหัวใจไปหลบภัยในอุโมงค์ก่อน ตัวเองค่อยแบกน้องขึ้นหลังตามไป เพราะไม่ได้ไปพร้อมกันนี่เอง เด็กทั้งสองจึงโชคดี รอดพ้นระเบิดลูกที่ถล่มลงมาจนทำให้แม่ถูกไฟคลอก บาดเจ็บสาหัส

บ้านของพวกเขาไหม้ไฟ แม่ก็ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เซตะจึงพาน้องขึ้นรถไฟไปอาศัยอยู่กับป้าที่อีกเมืองหนึ่ง แต่หลังจากกลับไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล เซตะก็กลับมาพร้อมกล่องใส่อัฐิ ก็แม่มีแผลไฟไหม้เยอะขนาดนั้น ในภาวะที่ไม่พร้อมจะให้การรักษาแบบนั้น ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอแบบนั้น ให้ถึงกับรอดคงเป็นอะไรที่สูงเกินหวัง

ในเวลาที่ข้าวยากหมากแพงจากสงคราม การอุปการะเลี้ยงดูเด็กเพิ่มอีกสองปากสองท้องย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจได้ง่าย ก็น่าเห็นใจคุณป้ามากอยู่ แต่คุณป้าจะรู้ไหมว่าการระบายความเครียดไปเป็นคำพูดกดดัน เหน็บแนม ว่ากระทบพ่อกระทบแม่ จนถึงด่าตรงๆ ว่าขี้เกียจ ซึ่งบีบบังคับให้เด็กตาดำๆ ต้องออกไปดิ้นรนหาความสงบ สบายใจ และอาหารกินให้อิ่มท้องนอกบ้านนั้น เป็นบาปกรรมแค่ไหน

เซตะมีแค่เงินในบัญชีของแม่ กิโมโนเพียงชุดเดียวของแม่ก็ให้ป้าไปแลกข้าวสารแล้วแบ่งไว้หุงในบ้านครึ่งหนึ่งแล้ว เขาไม่มีรายชื่อญาติอื่นๆ ที่จะหวังไปพึ่งพิงได้ เท่าที่สติปัญญาของเด็กชายวัย 14 จะนึกออก เขาจึงทำได้แค่พาน้องไปอยู่ในอุโมงค์เหมืองเก่าข้างบึงน้ำ แรกๆ สองพี่น้องดีใจ สนุกและอิสระเหมือนเล่นสร้างบ้าน พากันไปขนของใช้เก่าๆ จากบ้านเรือนพังๆ เพราะระเบิด แล้วก็ถอนเงินในบัญชีของแม่มาซื้อข้าวสาร และของจำเป็นสำหรับการดำรงชีพ

แล้วก็ได้กินอิ่ม อร่อยและสบาย(ใจ)เป็นครั้งแรก

แม้จะยึดอุโมงค์เป็นบ้าน แต่อุโมงค์ก็ไม่ใช่บ้าน ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ตกค่ำ เซตสึโกะตัวน้อยจึงถูกรบกวนด้วยยุงและความมืด เด็กน้อยกลัวความมืด พี่ชายทำได้เพียงออกไปไล่จับหิ่งห้อยที่บินอยู่โดยรอบมาปล่อยไว้ในมุ้ง ให้น้องมองต่างแสงดาว

น้องหลับไปใต้แสงดาวหิ่งห้อย แต่แสงนี้กลับทำให้คนพี่คิดถึงงานวันเฉลิมฉลองกองทัพเรือ เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ยังมีแม่และพ่อ..

หิ่งห้อยที่ให้แสงราวกับดาว แต่เมื่อถึงเช้าก็กลายเป็นซากศพ ตอนที่เซตสึกะจังขุดดินหน้าอุโมงค์ เป็นหลุมฝังกองหิ่งห้อยที่กองอยู่พูน ทำให้ฉันไพล่ไปนึกถึงกองศพจากการทิ้งระเบิดที่ได้เห็นหลังจากเซตะไปเยี่ยมแม่ ในความรู้สึกฉากนี้นับเป็นฉากที่เศร้าที่สุดสำหรับฉัน

ชีวิตที่ส่งแสงระยิบระยับราวกับดวงดาว เมื่อเวลาผ่านพ้นก็กลายเป็นซากศพกองใหญ่
(หรือที่จริงชีวิตเราทุกคนก็เป็นอย่างนี้?)



สภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ ทำให้เซตสึโกะน้อยเริ่มมีอาการผื่นคันตามผิวหนัง แล้วก็เริ่มล้มป่วยเพราะท้องหิว เธอมีชีวิตได้อีกไม่นานก็จากโลกนี้ไปเนื่องจากร่างกายขาดสารอาหาร ..เรื่องนี้จะโทษว่าเป็นความผิดของใครดี ระหว่างพ่อที่ไม่ติดต่อมา แม่ที่ชิงจากโลกนี้ไปก่อน ป้าใจดำเพราะเห็นแก่ปากท้องของครอบครัวตัวเอง พี่ชายที่วิ่งหา ขโมยอาหารให้น้องไม่พอกิน เงินในบัญชีที่เหลือก็ได้แต่เก็บงำไว้จนไม่ทันใช้ หมอที่ไม่ยอมฉีดยาให้น้อง หรือว่า สงคราม?

เซตะเองหลังจากเผาศพน้องแล้วก็เก็บกระดูกไว้ในกล่องลูกอมที่ตัวเองเคยใช้ป้อนตอนน้องงอแง ชีวิตที่เหลือมีแค่ลมหายใจอันไร้ความหวัง ญี่ปุ่นแพ้สงคราม พ่อก็หายไป ไม่มีชายคาอันอบอุ่นและปลอดภัยของบ้าน ไม่มีอาหารจะกิน

ในที่สุด จึงหยุดลมหายใจ กลายเป็นแสงดวงน้อยของหิ่งห้อย ลอยไปสมทบกับดวงวิญญาณของน้อง




หมายเหตุ :
• เป็น DVD อีกเรื่องที่เป็นของฝากจากแม่สาย (หนังแม่สายชัดระดับที่หนึ่งตะวันนา)
• ในบรรดาหนัง Ghibli ที่เพื่อนเอามาฝาก กะว่าจะดูเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย เพราะจำได้ว่าเศร้าที่สุด
• เคยดู Grave of Fireflies ครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน เป็นวิดีโอที่เช่าจากร้านเฟม ท่าพระจันทร์ จำไม่ได้ว่าอะไรดลใจให้เลือกเรื่องนี้ จำได้แค่ว่าดูแล้วรู้สึกเศร้า และหลอนไปนานเชียว
• ดูอีกครั้งตอนแก่ลงกว่าเดิมสิบกว่าปีก็ยังถึงกับเก็บเอาไปฝันร้ายอยู่ (ก็ฝันเห็นศพเรียงรายนั้นแหละ)
• ในความรู้สึก นี่เป็นแอนิเมชั่นที่ดูแล้วเศร้าที่สุดจาก Studio Ghibli เพราะฉะนั้น ถ้าใครไม่อยากปวดใจก็ไม่ควรดูเลย
• เขาวาดเซตสึโกะตอนน้ำตาหล่นน้ำตาไหลได้น่าสงสารจริง โดยเฉพาะตอนที่ป้าจะเอากิโมโนของแม่ไปแลกข้าวสารน่ะ
• หลังสงครามสงบ บรรดาคนหนีสงครามกลับเข้าบ้านตัวเอง มีบ้านหนึ่งเล่นแผ่นเสียงเพลง home sweet home, there’s no place like home เสียงเพลงลอยไปถึงหน้าอุโมงค์ ภาพก็แฟลชแบ็กไปเป็นตอนเซตสึโกะน้อยผู้ซึ่งไม่มีโอกาสได้กลับบ้านตลอดกาล เล่นคนเดียวอยู่หน้าอุโมงค์ริมบึง ที่ที่เธอถือเป็นเสมือนบ้านของเธอและพี่ชาย ใครดูซีนนี้แล้วน้ำตาไม่ไหลก็คงเป็นคนใจแข็งมาก




23 ความคิดเห็น:

  1. เราเลือกที่จะดู Totoro ดีกว่า น้ำตาไม่ท่วม

    ตอบลบ
  2. เอาไปเลย 5 ดาวเต็มๆ
    เป็นการ์ตูนที่เศร้าที่สุดเท่าที่เคยดูมา
    เนื้อหาก็ชัดเจนเลยว่าจะบอกอะไรกับคนดู
    ทุกวันนี้ ถ้าพูดถึงหนังต่อต้านสงคราม การ์ตูนเรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เท่าที่ผมนึกออก

    ตอนดู Spirit away ผมก็งงๆ
    ล่าสุด ผมไปดู Ponyo
    ดูเสร็จแล้วก็งงๆ อีก ว่าเขาจะบอกอะไรกับเรากันละเนี่ย..

    ตอบลบ
  3. ม้อยว่า เค้าทำปองโย่เค้าอยากให้เราหรรษาเป็นหลักค่ะพี่
    เรื่องรักษ์ทะเลเป็นรอง

    ตอบลบ
  4. ผมดูแล้ว รู้สึกว่า มันไม่ค่อยสนุกเลยครับ
    เรื่องรักษ์ทะเลนี่ ก็ไม่ค่อยชัดเท่าไรเลย ผมรู้สึกเหมือนว่า เขาแค่บ่นถึงเฉยๆ
    คิดว่าเขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้นะ
    อันนี้ อาจจะเป็นเพราะว่า ผมไปตั้งมาตรฐานเขาไว้ที่สุสานหิ่งห้อยแล้วก็ได้มั้ง

    ตอบลบ
  5. เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ ของ Ghibli ที่ได้ดู (ถ้าไม่นับ Grave of the Fireflies นะ)
    ตอนดูก็งงมากๆ นี่มันหนังอรัยวะเนี่ย

    แต่พอดู Ghibli หลายๆ เรื่องเริ่มเก็ต
    แอนิเมชั่นจากค่ายนี้เค้าเด่นตรงเรื่องจินตนาการ

    ดู Laputa (Castle in the Sky) ก็ดูแล้วฝันเลย
    ฝันเห็นเมืองในก้อนเมฆ

    ตอบลบ
  6. ม้อยดูปองโย่ในดีวีดี (ซูม) ที่โม่ให้ยืมมายังช้อบ-ชอบพี่
    ภาพสวย

    ไม่ได้การละ เห็นทีต้องตีตั๋วเข้าโรงสยาม
    ดูซิว่าฉายจอใหญ่แล้วทำไมดูแล้วไม่สนุก

    ตอบลบ
  7. การ์ตูนของ gibli ทุกเรื่องเราดูแล้วดูอีก
    มีเรื่องนี้ ที่ดูแล้ว ขอเก็บขึ้นหิ้งไว้อย่างนั้น
    เพราะกลัวจิตตกหลังดูอีกรอบ
    เพราะยิ่งดูจะยิ่งเข้าใจ ยิ่งอิน
    ที่สำคัญมันไม่ได้เป็นอารมณ์แบบจะร้องไห้โฮ
    แต่มันอึ้ง ๆ ไม่รู้จะเอามันออกไปยังไง

    ชอบนะ แต่ไม่อยากเศร้าซ้ำอ้ะ

    ตอบลบ
  8. สุสานหิ่งห้อยนี่ ปิ๋มซื้อมาพักใหญ่แล้ว แต่ยังไม่กล้าดู ใจไม่แข็งพอ แหะแหะ ดูเรื่องอื่นไปก่อน

    ตอบลบ
  9. ไม่อ่าน เพราะยังไม่ได้ดู
    แต่แอบอ่าน bullet (เอ่ะ ยังไง) ว่าหนังแม่สายชัดระดับที่หนึ่งตะวันนา

    ก็หนังแม่สายมันปั๊มมาจาก DVD ของแต้บ่อใจ่ก๋า
    แม้แต่กล่องและของแถมยังหรูเหมือนจริง
    หนังเรื่องเดียวกัน ไปคนละคราว จะได้คนละเวอร์ชั่นแพคเกจโดยเน้อ

    ตอบลบ
  10. แล้วเมื่อไหร่จะดู Lonely Hearts ละคะ?

    ตอบลบ
  11. เฉลยก็อยู่ตรงนี้แหล้ะ

    ตอบลบ
  12. เศร้าซ้ำๆ บางเรื่องได้อารมณ์ดี
    แต่ไม่ใช่เรื่องแบบนี้

    นึกแล้วเสียใจที่มื้อที่ผ่านมาบอรีโภคเข้าไปมากมาย
    T-T

    ตอบลบ
  13. ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน แต่มีแผ่นแล้ว

    ตอบลบ
  14. เรื่องอ่านตั้งแต่เป็นการตูนเมื่อเกือบๆยี่สิบปีมาแล้ว.....วันนึงไปดูหนังที่เฮาส์เจอแผ่นนี้เลยซื้อให้ยุ้ยเอาไปดู ปรากฏน้ำตาท่วมบ้านกันทั้งครอบครัว

    ตอบลบ
  15. เพิ่งรู้ว่ามีสร้างเป็นหนังด้วย

    ตอบลบ
  16. เป็นเรื่องที่เราไม่ดูซ้ำเหมือนกัน

    มันจะหลอนไปหลายวัน

    เราดูก็ตอนเช่าจากร้านเฟม ท่าพระจันทร์เหมือนกันอ่ะม้อย

    ...กล่องลูกอมแสนเศร้า เรายังจำได้...แง T^T"

    ตอบลบ
  17. เราดูม้วนเดียวกันหรือเปล่านะ?

    โรแมนติกอีกแล้วเนอะ

    ตอบลบ
  18. เคยคิดไหมว่า เพราะอะไรภาพแอนิเมชั่นถึงทำให้เราน้ำตาท่วมได้

    ตอบลบ
  19. ..เพราะมันมีชีวิตไง

    ที่จริง น้ำตาเราไม่ถึงกะท่วมหรอก
    แค่หล่น เผาะ เผาะ

    ตอบลบ
  20. ถ้ามีโอกาส ขอแนะนำว่าไปดู โปเนียวที่โรงหนัง สนุกกว่าดูจากแผ่นครับ เสียดายคนดูน้อย รอบที่ผมดู เป็นคนญี่ปุ่นซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนgrave of the fireflies ที่สร้างเป็นหนังก็เศร้าพอกันครับ ดูเหมือนจะสร้างมาหลายหนแล้ว ที่ผ่านตามีสอง

    ตอบลบ
  21. ไม่รู้ค่าตั๋วปองโย่บ้านเราถูกกว่าญี่ปุ่นไหมนะคะ

    ตอบลบ
  22. ผมดูที่สยามแค่ 100 บาท ถูกกว่าที่ญี่ปุ่นแน่นอนครับ

    ตอบลบ