Rating: | ★★★★★ |
Category: | Other |
เลือกซีรีส์เรื่องนี้มาดูเพราะเชื่อว่ามันตลก อีกส่วนก็เพราะอยากรู้ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึง ‘ไม่สามารถแต่งงาน’
ก็ชื่อ Kekkon Dekinai Otoko (結婚できない男) มันหมายความว่า The Man Who Can't Get Married น่ะสิ
แล้วฉันก็ได้พบคำตอบคล้ายกับที่ตัวเองเคยคิดไว้ว่า เมื่อเราสามารถพึ่งพาตัวเองได้ทุกเรื่อง การอยู่คนเดียวมันจะเป็นชีวิตที่แสนสบาย และเป็นตัวของตัวเองสุดๆ กินอย่างที่อยากกิน อยู่อย่างที่อยากอยู่ ดูหนัง ฟังเพลง แต่งตัวอยู่บ้าน แม้แต่จะจัดบ้านยังไง มีระเบียบหรือไร้ระเบียบแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับใจเราคนเดียว ไม่ต้องคอยห่วงความเป็นอยู่ ความสบาย ความพออกพอใจ และความสุขของคนที่อยู่ด้วย
พระเอกของเรื่องชื่อ คุวาโน่ ชินสุเกะ (Abe Hiroshi) สถาปนิกโสดวัย 40 เป็นตัวของตัวเอง มีแนวทางการออกแบบที่ชัดเจน ไม่ชอบต่อรอง แม้เขาคนนี้จะทำงานเก่ง แต่ก็มนุษย์สัมพันธ์แย่สุดๆ แถมยังเป็นโอตาคุอ่อนๆ แบบที่ชอบอะไร สนใจอะไรก็จะค้นคว้าจนรู้เยอะ รู้ลึก แล้วเมื่อถึงเวลาก็จะพูดพรูออกมาโดยไม่เห็นแก่หน้าคนอื่น ทำให้คนอื่นเสียหน้า เป็นที่อับอายอยู่หลายครั้งหลายครา
เขามีความมีความสุขเงียบๆ กับไลฟ์สไตล์ส่วนตัว กลับจากทำงานก็จะแวะร้านเช่าดีวีดี เลือกหนังโอตาคุสักเรื่องสองเรื่อง แวะซื้อของกินเดิมๆ ที่ร้านสะดวกซื้อร้านเดิม (แล้วก็ไม่เคยมีบัตรสะสมแต้มสักที) เดินข้ามสะพานกลับแมนชั่นไฮโซ ปรุงอาหารกินเองบ้างในบางวัน (ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ตัวเองชอบกิน แล้วก็กินแบบไม่แคร์สุขภาพหรืออะไรทั้งสิ้น) จากนั้นก็จะรินนมสด ๑ แก้ว มาวางข้างโซฟาที่ตั้งอยู่หน้าเครื่องเสียงซึ่งเล่นเพลงคลาสสิก ในแนวตามแต่อารมณ์วันนั้น แล้วก็ออกท่าทางราวกำลังคอนดักเพลงนั้น ด้วยอารมณ์ที่แสนจะ ‘อิน’
จนกระทั่งวันหนึ่ง เสียงหัวร่อต่อกระซิกของ มิจิรุ (Kuninaka Ryoko-น้องคนนี้เคยเจอแล้ว ในโฮตารุ) สาวข้างห้องที่กำลังห้าม ‘เคนจัง’ ไม่ให้ทำอะไรบางอย่างทำให้เขาเปลี่ยนเพลง เพิ่มโวลุ่ม กวนประสาทเพื่อนบ้านเล่นซะงั้น ทันใดนั้นผลกรรมที่ได้กระทำไว้ก่อนก็ทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างหนัก มิจิรุ ที่โต้ตอบเสียงน่ารำคาญด้วยการทุบ-ถีบผนังห้องยังไงก็ไม่ได้ผล กำลังเดินมากดกริ่งเพื่อบอกให้ช่วยเบาเสียงพอดี เธอเลยกลายเป็นผู้ช่วยชีวิตคุวาโน่ไปในที่สุด
ที่โรงพยาบาลของครอบครัวน้องเขย คุวาโน่ได้พบกับ นัตสึมิ (Natsukawa Yui) หมอสาววัยปลายสามสิบที่กำลังเหงาๆ และหวั่นไหวเล็กน้อยสถานภาพ ‘โสด’คุวาโน่เกือบโดนหมอนัตสึมิตรวจประตูหลังในครั้งนั้นแล้วเชียว ถ้าเขาไม่ออกอาการดื้อแพ่งจนหมอระอา
แน่ละมันเป็นเรื่องที่ดูแล้วอารมณ์ดี แต่สาระสำคัญที่ซีรีส์เรื่องนี้พูดถึงไม่ใช่ความพยายามที่จะพ้นไปจากความเป็นโสด การจับผู้ชายหรือผู้หญิงเหมาะๆ ให้ได้ เพื่อที่จะแต่งงาน มีครอบครัว สิ่งที่พูดถึงคือ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับคนอื่น และความแตกต่างระหว่าง ‘อยากมีความรัก’ กับ ‘อยากแต่งงาน’
สุดท้าย ซีรีส์เรื่องนี้ยังสอนว่า เป็นตัวของตัวเองได้ ไม่ชอบต่อรองได้ แต่ควรจะอ่อนโยน รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะไม่ว่าเราจะพอใจอยู่เป็นโสดหรือแต่งงานมีครอบครัว เรายังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบใหญ่ที่มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เต็มไปหมด และการอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างสันติสุขนั้น อบอุ่น มีชีวิตชีวากว่าอยู่คนเดียวเยอะเลย
บันทึก
• เป็นซีรีส์ที่ให้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ และภาษาญี่ปุ่นจนน่าปลื้่มใจ
• มีความรู้สึกว่ารับส่งกันได้ดีมากเลย ระหว่างคนเขียนบทกับคนเล่น และผู้กำกับ บทของคุวาโน่ เหมือนเขียนมาให้อาเบะโดยเฉพาะ หรือไม่คนเขียนบทอาจจะเขียนบทแบบนี้ให้อาเบะ ฉันไม่แน่ใจ
• อีกเรื่องที่ทำให้นึกชอบซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนี้ขึ้นมาอีกคือ มันเป็นซีรีส์ดูสนุกและมีคุณภาพ โดยไม่ต้องมีภาพหวือหวาของ love scene ไม่ต้องมีนางเอกหรือนางอิจฉาสวยอึ๋มแต่งหน้าเข้ม แต่งตัวเซ็กซี่ ไม่ต้องมีบทสนทนาเผ็ดร้อนรุนแรง มันดูเป็นเรื่องจริงเลยล่ะ ที่แม้จะเป็นสาวโสดที่ไม่สวย ไม่สาว ไม่อึ๋ม ก็พบรักได้ ถ้าเจอคนที่ ‘ใช่’ และเข้ากันได้ (อ๊ะ! ..ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับฉันหรอกนะ)
• อีกอย่างหนึ่ง เวลาจะประเมินคุณค่าของเพศตรงข้าม หลักการเก่าๆ ที่เราจะดูเพียงแค่ หน้าตา บุคลิก รสนิยม หน้าที่การงาน รายได้ ฯลฯ เรื่องภายนอกพวกนี้คงเป็นอะไรที่ผิวเผินมาก เพราะคุณค่าที่จริงของคนเรามันอยู่ในชั้นที่ลึกเข้ามาจากเปลือกพวกนั้น
• เราอาจจะคิดไปได้ว่าเขาเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เขาจะเป็นแบบที่เราคิดหรือไม่นั้นมันอีกเรื่อง
• เคนจังน่ารักมาก ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ปลื้มปั๊กมาก่อน มาดูเรื่องนี้แล้วนึกเอ็นดูมันจัง (ไม่น่าเชื่อว่าจะมีหมาชอบกินแตงกวา)
• ตาเคนจังกับคุวาโน่เหมือนกันจริงๆ ซะด้วยสิ
เคยดูในทรูวิชั่นแหละ ช่องเอเชียนซีรี่ส์ แต่ดูแค่สองตอนเอง เพราะไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่ก็น่าสนใจดีนะ
ตอบลบพี่อ่ะ ชอบดูหนังเอเชียมากกว่าหนังฮอลิวู้ด เพราะส่วนใหญ่จะละเอียดอ่อนได้ใจ แล้วพล็อตไม่เป็นแพทเทิร์นเนอะ หรือว่าจริงๆเพราะเป็นคนไม่มีเพื่อนฝรั่งมั้ง ดูหนังฝรั่งแล้วไม่ค่อยอิน *_*
แล้วอ่านที่ม้อยรีวิวก็เห็นด้วยนะ :")
ตรงนี้หรือป่าวคะ?
ตอบลบ...ก็พบรักได้ ถ้าเจอคนที่ ‘ใช่’ และเข้ากันได้
อิ อิ
อิอิ ด้วย
ตอบลบแน่ละมันเป็นเรื่องที่ดูแล้วอารมณ์ดี แต่สาระสำคัญที่ซีรีส์เรื่องนี้พูดถึงไม่ใช่ความพยายามที่จะพ้นไปจากความเป็นโสด การจับผู้ชายหรือผู้หญิงเหมาะๆ ให้ได้ เพื่อที่จะแต่งงาน มีครอบครัว สิ่งที่พูดถึงคือ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับคนอื่น และความแตกต่างระหว่าง ‘อยากมีความรัก’ กับ ‘อยากแต่งงาน’
ตอบลบ+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ชอบตรงนี้อ่ะ เพราะตอนนี้เราเป็นประเภท "อยากมีความรักที่ได้ลงเอยด้วยการแต่งงาน" หุหุ
แต่คิดว่าถ้าแก่กว่านี้อายุซัก 40 อาจจะเปลี่ยนเป็น "อยากมีความรัก ที่ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน" ....ตอนนี้ยังก้าวไม่ข้ามกำแพงตัวเอง
อิอิ
อะนะ
ตอบลบคนเราไม่มีใครปฏิเสธไม่ต้องการความรัก แต่แต่งงานเป็นอีกเรื่องนึง
สำหรับม้อยแล้วมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวในความคิด (ทุกวันนี้ก็ยังคิดอยู่) เพราะงี้ก็เลยเข้าใจคุวาโนซังม้ากมาก
อยากมีคนรัก แต่ไม่อยากแต่งงานค่ะ
ชอบเรื่องนี้เหมือนกันจ๊ะม้อย แล้วก็รู้สึกว่าคนใกล้ตัวเราเหมือนคุวาโนะซังหน่อยๆด้วย :)
ตอบลบเรื่องมันมองคนโสดในทางค่อนข้างบวก (และค่อนข้างเป็นจริงสำหรับคนรุ่นเราแบบเรา)
ตอนดูคุวาโนะนั่งกินอาหารและฟังเพลงสุขใจ เราล่ะนึกตัวเองที่ต้องหาวัน(แสร้งว่า) โสดเพื่อทำอะไรแบบนี้เลย
เราว่าคนเราแต่งงาน ส่วนหนึ่งก็เพื่อพยายามการันตีว่าความรักจะอยู่กับเราไปตลอด ซึ่งความเป็นจริง มันก็ไม่มีอะไรการันตีได้อยู่แล้ว
ตอบลบแต่ถ้าเค้าชวนแต่ง ...ต้องลองเอามาพิจารณาดูนะ :)
เราว่าที่โม่พูดเนี่ย เหมือนจะเป็นความคิดของผู้หญิง
ตอบลบผู้ชายที่เราคุยด้วยอยู่ อาจไม่ได้คิดอย่างนี้
ดูเหมือน การแต่งงานสำหรับเขามันเป็นอะไรที่เป็นไปตามทำนองคลองธรรม
เป็นอะไรที่ควรจะเป็น เป็นการเริ่มต้นสร้างครอบครัว
ครอบครัวที่มี พ่อ แม่ และลูกอะโม่
ไม่แน่ใจว่าเข้าใจสิ่งที่เค้าคิดถูกหรือเปล่าอะนะ (ตานั่นคงไม่มาตอบหรอก)
ส่วนเราเอง เราเห็นด้วยว่าไม่มีอะไรผูกมัดใจคนเราได้ ไม่ว่าจะเป็นทะเบียนสมรส แหวนเพชรทิฟฟานี่ หรือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "ลูก"
เราก็เลยยังไม่มีไอเดีย ว่าจะแต่งงานไปทำไม
ทั้งนี้ เร็วๆ นี้ก็ยังไม่มีคนมาชวนแต่งด้วยหรอกนะ
อิอิ
มันเลยยากไปอีกแบบเน๊อะสำหรับผู้ชาย (ที่คิดอย่างนี้)
ตอบลบเรามีเพื่อนผู้ชายคนนึงที่ไม่ยอมแต่งงานซะที ...ทั้งนั้นทั้งนี้นอกเหนือจากความพร้อมด้านเงินทองแล้วก็คงเป็นอย่างม้อยว่า ..คงด้วยเหตุผลนี้มั้งที่ฝั่งผู้หญิงหลายคนเลยให้ความสำคัญมากๆกับการตัดสินใจแต่งงานของผู้ชาย
อืมม์ เราน่ะแอบคิดว่า โชคดีเหมือนกันที่ไม่ต้องคิด ตัดสินใจว่า
ตอบลบจะแต่งดี หรือไม่แต่งดี
เพราะตอนนี้คิดว่าจะไม่แต่ง
ฮา
^
ตอบลบเหมือนสาวๆอีกหลายคนนะ ซึ่งสาวๆทุกคนที่พูดอย่างนี้ก็มีความรักที่มีความสุขทั้งนั้น :)
// สลับมาเรื่องเคนจังบ้าง --- เราก็ชอบปั๊กขึ้นมาจากเรื่องนี้เหมือนกัน ตลกดีตอนที่มันนวิ่งตามกินแตงกวาอ่ะ ตัวมันต้วมเตี๊ยมวิ่งไปมาน่าเอ็นดูดี
ถ้ามันขี้อ้อนอีกหน่อยใจคงละลายเลยอะโม่
ตอบลบพี่เหม่งชอบเป็นคอนดักเตอร์รึ?
ตอบลบเราว่า ที่เขาคิดเรื่องทำนองคลองธรรมนะ มันเป็นเรื่องที่คนปกติควรจะคิดนะโม่
ตอบลบ(แม่เรายังคิดเลยว่าลูกๆ ควรจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา จะได้มีคนดูแล และก็มีหลานให้เค้าเลี้ยง)
ไอ้แบบที่เราคิดอยู่เนี่ย (รักกัน ไม่เห็นต้องแต่งกัน) บางที มันอาจจะเป็นอะไรที่ 'เปรี้้ยว' โดยไม่จำเป็นก็ได้นะ
มีบ้างมั้ง 555
ตอบลบแต่ที่เราว่าเหมือน คือ มีนิสัยเกเรบางอย่างเหมือนกัน :)
อ่ะ ส่วนข้างบน เราหมายถึงเรื่องการไตร่ตรองน่ะม้อย
ตอบลบเหมือนเค้าให้คุณค่ากับการแต่งงานก็เลยยิ่งตัดสินใจยาก
ว้า...วนๆไปวนๆมา เราก้คิดแบบผู้หญิงอยู่ดี :P
อ่ะ ขอเข้าข้างผู้ชายนิสนึง
ตอบลบสำหรับผู้ชายบางคน การที่เค้าขอเราแต่งงานด้วย
สำหรับเค้าแล้วคือการให้เกียรติเรา และขอเกียรติจากเรานะโม่
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นมันก็น่ายินดีเนอะ
หรือเพราะเรารักสบาย?
ตอบลบแต่ก่อนเราเคยไม่อยากแต่งงานเพราะไม่อยากปวดหัวหรือรับภาระการดองกันของคนสองตระกูลและบรรดาญาติมากมายน่ะ เรารักสบาย...แต่พอจุดนึงมันก็ไม่ได้เอาตรงนี้มาคิดจ๊ะ
เค้าเปล่าเปรี้ยวน้าาาา
เรื่องนี้แหละ สยองขวัญสุดๆ
ตอบลบ