เช้าวันศุกร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๑
ท่ามกลางลมหนาวพัดกรรโชกภูหลวง
พวกเรา ๑๐ ชีวิตเดินฝ่าลมหนาวเข้าป่าภูหลวงโดยลำพัง
เพราะดันไปถึงที่ทำการก่อน ๘ โมงเช้า เจ้าหน้าที่ยังหุงข้าวไม่เสร็จ
น้าเต๋าเป็นคนนำขบวนชาวคณะที่นอกจากยังไม่ตื่นเต็มตา แต่ละคนยังช็อกกับอุณหภูมิและความเร็วลมบนภูหลวงไม่หาย
แดดยังไม่จับ แถมลมไม่นิ่ง
เลยถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้ามาได้แบบนัวๆ เพียงเท่านี้
ขอโปรดอภัย
หมายเหตุ
-น้าเต๋าบอกจะพาไปดูดงเมเปิ้ล
-แต่เจอแค่ใบเมเปิ้ลแห้งกรอบร่วงหล่นอยู่ใต้ต้นเมเปิ้ลใบเขียวสะพรั่ง
-นอกจากนี้ยังเจอกองขี้ช้างอีกประมาณ ๑๐ กองได้
-(มารู้ทีหลังว่าเพิ่งมีเจ้าหน้าที่ถูกช้างเหยียบตายไปไม่นานนี้เอง)
-หลายคนบ่นอุบที่หาไม่เห็นกล้วยไม้แบบที่เค้าติดบอร์ดเอาไว้
-ใครชอบมอสส์ ชอบเฟิร์น เห็นทีต้องขึ้นภูหลวงตอนหน้าฝน
เพราะตอนนี้เขาพากันแห้งกรอบ กลายเป็นสีน้ำตาลกันถ้วนหน้าแล้ว
-ป่าภูหลวงเช้านั้นน่ากลัว
-แต่มีกลิ่นหอม น่าประทับใจมาก
บ้านพี่ขาดคนหุงข้าว?
ตอบลบภูหลวงคิดถึงมากเลยครับ ป่านนี้คงมีกล้วยไม้บานเยอะแล้ว
ตอบลบสวยพริ้ว
ตอบลบเหมือนปะการังเลย
ตอบลบไม่มีบุญได้เห็นสักเท่าไหร่เลยฮะ
ตอบลบสีสวยเนอะ
ตอบลบแถวบ้านเรียกสีแร่ด
ตอบลบเกาลัดเหรอ น่ารักจัง
ตอบลบไม่รุเหมียน
ตอบลบสวยจัง ยังกะขนนก
ตอบลบสวยจัง ยังกะขนนก
ตอบลบกลิ่นมะเฟืองเป็นไงเหรอคะพี่ม้อย หอมอ่อนๆ รึเปล่า
ตอบลบกลิ่นมะเฟืองเป็นไงเหรอคะพี่ม้อย หอมอ่อนๆ รึเปล่า
ตอบลบสวยดี
ตอบลบสวยดี
ตอบลบเดี้ยวก็พาไปซ่อมหน้าฝนซ่ะหรอก
ตอบลบคงดอกอะลูมิไร้ซ์ กระมังครับ
ตอบลบผลแปลกดี ปอกเปลือกยังไงหว่า
ตอบลบผลแปลกดี ปอกเปลือกยังไงหว่า
ตอบลบจริงๆ พี่ก็ไม่แน่ใจว่าหอมยังไง
ตอบลบแต่ได้กลิ่นแล้วนึกถึงมะเฟืองสุก
เลยโมเมเอาอะค่ะ
^_^
จริงๆ พี่ก็ไม่แน่ใจว่าหอมยังไง
ตอบลบแต่ได้กลิ่นแล้วนึกถึงมะเฟืองสุก
เลยโมเมเอาอะค่ะ
^_^
ไม่เอ๊า
ตอบลบเค้ากลัวทาก
ไม่เอ๊า
ตอบลบเค้ากลัวทาก
เหมือนปะการังอีกแล้ว
ตอบลบความต่างกันของพื้นผิว
ตอบลบสวยอ่ะ พื้นผิวที่ต่างกันอีกแล้ว
ตอบลบแล้วได้ขี้ตามช้างหรือเปล่า
ตอบลบน้าเอ๋ คิดเหมือนกันเลย
ตอบลบโอ้ว Rim Light สวยเชียว
ตอบลบแหม๋ กองขนาดนี้
ตอบลบใครจะไปขี้ไหวล่ะฮะ
>_<
คงจะเบ่งกันจนผอมเลยอ่ะ
ตอบลบฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
แก.....แกไปภูหลวงมาเหรอ? เดินขึ้นป่าว?
ตอบลบไปมาตอนปี 2 ลงมาจากภูเดินไม่ได้เป็นอาทิตย์
และสาบานว่าจะไม่เดินขึ้นภูอีก ไม่ว่าภูไหนก็ตาม T_T
ไปรถว่ะแก
ตอบลบแวะเดินเที่ยวป่าภูหลวง
แล้วไปกางเต็นท์บนภูเรืออะ
นั่งรถไปทั้งสิ้นเลย
สองภูนี้สบายกว่าภูกระดึงมาก
ป.ล. แกถึงกะเดินไม่ได้เลยรึ?
ง่อยรับประทานเลยแหละ
ตอบลบต้องนั่งถัดบันไดลงมา
สมัยก่อนรถยังไม่ถึงต้องเดิน 16 กิโล
ตั้งแต่เช้า - เย็น
ใครขึ้นไปถึงได้ประกาศนียบัตรจากผู้ว่าด้วยว่าเป็นผู้พิชิตภูหลวงมรกตแห่งอีสาน อิอิ
เห็นไหม มีค่าออก
ตอบลบเคยเดินขึ้นทางด้านผากบ ทางฝั่งทิศตะวันออก เมื่อสิบกว่าปีก่อน ในช่วงเดือนมีนาคม ตอนนั้นต้องใช้เวลาเดินขึ้นสองวัน ทางชันประมาณ 70 องศา ขนาดต้องโหนรากต้นไม้ปีนขึ้นไปในช่วงสุดท้าย แถมยังเกือบตายจริงๆ เพราะไม่มีน้ำกิน เป็นลมแล้ว เป็นลมอีก ขาเป็นตะคริวจนไม่มีแรงจะก้าว ลำบากคนที่ไปด้วยอีกล่ะ
ตอบลบพอลงมาแล้วก็คิดว่า ไม่เอาอีกแล้วภูหลวง ไปคราวหน้าต้องเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น..
..ฝันไปเถิด..
..อะโห
ตอบลบทำไมถึงลำบากกันจังเลย
ที่ไปมานี่นั่งรถตู้ไปด้วยนะฮะ
จอดรถพรืดก็ลงเดิน
เดินเสร็จกลับมาจิบกาแฟแกล้มข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวที่ร้านค้าสวัสดิการอะ
ป.ล. คุณป๊อกมาแล้ว ว่าจะไปทักว่าหายไปหลายวัน
ผมเรียกมันว่า..ทรมานทัวร์ครับ..
ตอบลบช่วงนั้นปี พ.ศ.2534 รุ่นพี่ที่ชมรมอนุรักษ์ ที่มหาวิทยาลัย เขาชวนไปเรียนรู้ปัญหาจากชุมชนตีนภูหลวง กับเจ้าหน้าที่บนภูหลวง ก็เลยต้องเดินขึ้นภูเขาด้วย วันที่สองของทริปนี่ แหงนหน้ามองภูเขาสูงชันคอตั้งบ่าเลย นั่นต้องเดินอีก 15 กิโลนะ..เอิ่กกก...
เพิ่งกลับลงมาจากไปดูนกที่ดอยลาง ท่าตอน ดอยอ่างขาง ที่เชียงใหม่น่ะครับ..
ตอบลบไปซะหลายวันเลย..
ทริปนี้ขับรถเอง แต่ก็โหดหน่อย มันเป็นทางบนภูเขาครับ
ไอ้กองสุดท้าย สดๆใหม่ๆซิงๆ ไม่ได้ถ่ายมาเรอะ
ตอบลบไปไม่ทันถึงชาวคณะก้อบ่ายหน้ากลับซะก่อน
ตอบลบไม่งั้นคงต้องขอดมกลิ่นสดใหม่ซะหน่อยนะ
สวยจัง
ตอบลบงามจัง
ตอบลบอ่อนน่าจัง
ตอบลบแบกกราวนืเปลี่ยนแล้วสวยดีนะ
ตอบลบน่าไรฮะ รุ่นน้อง?
ตอบลบดอกไรอ่ะคุณม้อย
ตอบลบหนาวขนาดนี้....เจ้าดอกไม้ก็ยังอึดนะเนี่ย
ตอบลบสวยดีอ่ะ.....ขาวสะอาด
ตอบลบผิวเหมือนปลาปักเป้าพองลม+ทุเรียน อ่ะ อิอิ
ตอบลบภาพนี้สวยดีจัง....ดูแล้วสบายใจ
ตอบลบอยากรู้เหมือนกันจ้ะ แพตตี้
ตอบลบชอบคำชม
ตอบลบ^__^
เอนอ้า มันเป็นชื่อต้นไม้ ดอกสีชมพูม่วงๆ ที่เห็นในรูปแรกๆ นั่นไงพี่
ตอบลบอ้าว เล่นเน็ตได้ก็ทำงานได้แล้วสิ คนท้อง
ตอบลบ