วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
คันปาก-อยากบอกต่อ ตอน "ฟรีเซ็กซ์" บาปหรือไม่
ไม่แจ้งด้วยเหตุผลกลใด นิตยสาร Secret ฉบับออกมาแล้วหลายเดือนที่อิฉันได้รับจากพี่สาวที่รัก จึึงมีเรื่องเด่นโปรยบนปกเป็นวิสัชนาต่อคำถาม "ฟรีเซ็กซ์ บาปหรือไม่" โดย ว.วชิรเมธี
...หรือคุณพี่เธอฝาก message บางประการมากับพี่มอส??
อิฉันอ่านแล้วก็คันปาก ด้วยว่ามันช่างเป็นประเด็นคันใจ จึงคัดมาเล่าต่อกันดังต่อไปนี้
ปุจฉา: การมีพฤติกรรมแบบฟรีเซ็กซ์ หรือมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน โดยที่ต่างฝ่ายต่างเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก น่าลอง และเป็นการหาประสบการณ์ชีวิต อย่างนี้ถือว่าบาปหรือไม่ และจะต้องได้รับผลกรรมอะไรไหมครับ
วิสัชนา: พฤติกรรมแบบฟรีเซ็กซ์ได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้เพราะพลังของความเชื่อมั่นในระบบศีลธรรมแบบไตรภูมิพระร่วง (กฎแห่งกรรม) ลดลง และพลังของเสรีนิยมประชาธิปไตยสูงขึ้น ซึ่งพลังของฝ่ายหลังนี้เองที่เปิดทางสะดวกให้สัญชาตญาณของมนุษย์ที่มีกิเลสคอยหล่อเลี้ยงเบ่งบาน
กฎแห่งกรรมที่เคยกำกับเส้นศีลธรรมในสังคมไทยอ่อนพลังลง "กฎแห่งกาม" ก็เลยเฟื่องฟู
กฎแห่งกามนั้นมีหลักอยู่ว่า ยิ่งตามใจกฎนี้มากเท่าไหร่ ยิ่งไม่มีจุดจบ ทั้งนี้ กล่าวตามนัยพระพุทธวจนะที่พระพุทธเจ้าเคยตรัีสว่า
"เราอาจอาศัยความอยากละความอยาก (ตัณหา)
เราอาจอาศัยความทะนงตัว (มานะ) ละความทะนงตน
แต่เราไม่อาจอาศัยกาม (sex) ละกามได้เลย
ในกรณีของกามนั้น มีอยู่ทางเดียวที่จะละได้ คือ ต้องชักบันไดเสีย"
คำว่า "ชักบันได" คือ ต้องเลิกหมกมุ่น รู้จักพอ และถึงที่สุดคือ ต้องหันหลังให้โดยสถานเดียว การหมกมุ่นในกาม ไม่ว่าจะเป็นลักษณะฟรีเซ็กซ์เรื้อรัง คือเป็นคู่นอนกันนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งมีโอกาสพัฒนาไปถึงขั้นเสพติดในกามรส พึงใจเมื่อไรก็โทรศัำพท์หา แล้วมีอะไรกันเรื่อยๆ หรือในลักษณะของ one night stand ที่พอต้องการเมื่อไรก็ไปสอยมาจากแหล่งเริงรมย์ยามราตรี ก็ถือว่าเป็นบาปด้วยกันทั้งสิ้น
บาปในที่นี้มีความหมายเท่ากับคำว่า ทุกข์
แม้ว่ากิจกรรมนั้นจะเกิดขึ้นจากความพึงใจของทั้งสองฝ่ายก็ตาม
ต้องไม่ลืมว่าความพึงใจไม่ใช่ศีลธรรม
ถ้าเราทำอะไรตามความพอใจ แล้วบอกว่าสิ่งนั้นไม่เดือดร้อนใคร ไม่น่าจะผิดศีลธรรม ความเข้าใจแบบนี้นับว่าอันตรายมาก เพราะเป็นวิธีคิดในลักษณะคิดเองเออเองทั้งเพ
ความสุขจากกามนั้น เป็นความสุขที่มีความทุกข์เคลือบแฝง การลิ้มรสกามนั้น ไม่ต่างอะไรกับการเลียน้ำผึ้งแสนหวานบนปลายมีดโกน กล่าวคือ มีความสุข แต่ก็มีความเสี่ยง
ในเบื้องต้นกว่าจะมีความสัมพันธ์กันก็ต้องหลบซ่อน ระหว่างมีความสัมพันธ์นั้นก็ต้องปกปิดไม่ให้ใครรู้ และหลังมีความสัมพันธ์แล้วก็ต้องคอยปกปิดซ่อนเร้นต่อไป ทันทีที่มีอะไรกันและเดินหันหลังให้กันแล้วดูเหมือนทุกอย่างจะจบลง แต่บางทีไม่เป็นเช่นนั้น ในบางกรณีอาจมีโรคที่เนื่องในกามเป็นของสมนาคุณ หรือในบางคู่อาจมีความถวิลหา ผูกพันฝังลึก กลายเป็นความปรารถนาที่ยืดเยื้อเรื้อรังออกไปไม่รู้จบ หรือบางคราวก็ต้องเสียเงินเสียทองมหาศาลเพื่อการได้มาซึ่งกามกรีฑาที่สุขสม ที่ร้ายกว่านั้นก็ทำให้ชีวิตคู่พังครืน
เวลาของกามนั้นสั้นนิดเดียว แต่โมงยามของทุกข์นั้น ขยายตัวไม่มีกำหนด
แม้กามรสซึ่งเกิดจากความพึงใจของทั้งสองฝ่ายอาจไม่ทำให้ใครเดือดร้อนในทันทีทันใด แต่ก็อยากเตือนไว้ว่า แท้จริงแล้ว ที่เราบอกว่ามันทำให้มีความสุขนั้น เจ้าความสุขที่ว่านี้ก็คือรูปแบบหนึ่งของความทุกข์ที่รอเวลาอยู่เท่านั้นเอง
มองในแง่กรรม ณ ปัจจุบัน คนที่หมกมุ่นในกามจะทำให้คุณภาพจิตตกต่ำลงมาก ศักยภาพการใช้ปัญญาก็ไม่เฉียบแหลม สุขภาพกายก็โรยแรง ซ้ำยังต้องคอยปกปิดพฤติกรรมของตนไว้เป็นความลับ ส่วนกรรมในระยะยาวนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่า ถ้าคู่นอนของตนเป็นผู้ที่มีเจ้าของแล้ว ถึงแม้สองฝ่ายจะพอใจในเพศสัมพันธ์ แต่ก็นับว่าผิดศีลข้อสามอยู่ดี (กาเมสุมิฉาจาร) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ที่ผิดศีลข้อสามจะไม่ถูกกรรมรังควาน
กรรมสำหรับคนที่ละเมิดศีลข้อสามคือ จะทำให้เขาไม่มีความสุขที่เกิดจากชีวิตสมรส มีพฤติกรรมทางเพศเบี่ยงเบน มีจิตใจไม่ตรงกับเพศสภาพภายนอก ตัวเป็นชายใจเป็นหญิง ตัวเป็นหญิงใจเป็นชาย หรือชายไม่ใช่หญิงไม่เชิง ต้องอับอายอันเนื่องมาจากสาเหตุทางเพศของตน หรืออาจถูกกระทำการประทุษร้ายโดยมีเรื่องทางเพศเป็นสาเหตุ มีชีวิตคู่ที่ล้มเหลว เป็นต้น
ก็อย่างที่บอกไว้แล้วว่า ความพอใจไม่ใช่ศีลธรรม แม้กิจกรรมหลายอย่างในชีวิตของเราเกิดจากความพอใจของตนและคนที่อยู่เคียงข้าง แต่เราต้องไม่ลืมว่า ความพอใจในกามนั้น มีรากฐานมากจากกิเลส ไม่ใช่จากคุณธรรมที่ชื่อปัญญา
กิจกรรมใดก็ตามที่เกิดจากกิเลส กิจกรรมนั้นมักมีทุกข์เป็นผล
กิจกรรมใดก็ตามที่เกิดจากปัญญา กิจกรรมนั้นมักมีสุขเป็นผล
ถ้าเราหว่านเมล็ดพันธุ์ที่เป็นพิษ จะหวังให้เกิดผลที่สมบูรณ์นั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้
ความสัมพันธ์ทางเพศที่เกิดจากทัศนคติที่ผิดก็เช่นกัน ที่ว่ากันว่าเป็นความสุขนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่า แท้ที่จริงมันเป็นความทุกข์ที่รอเวลาอยู่เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้กามเหมือนผลไม้อร่อยที่มีพิษ แต่พุทธศาสนาก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณของกาม ดังนั้น ท่านจึงสอนว่า เมื่อจะบริโภคกามก็พึงทำเหมือนบริโภคอาหาร กล่าวคือ ต้องรู้จักเลือก รู้จักอิ่ม รู้จักพอ
ทางสายกลางยังคงเป็นคำตอบที่ใช้ได้เสมอ แม้ในเรื่องของกาม
หมายเหตุ: คัดจากคอลัมน์ Answer Keys ตอบคำถามโดย ว.วชิรเมธี
นิตยสาร Secret ฉบับประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑ (ปกพี่มอสสสส)
ป้ายกำกับ:
ความสัมพันธ์,
คุยจากข่าว,
ชวนถก,
ชีวิตสัตว์โลก,
น่าคิด,
บอกต่อ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ป.ล. ขอบคุณเจ้แอนอมรินทร์ฮะ
ตอบลบชอบประโยคนี้จริงๆ เลยพี่ ขออนุญาติเอาไปใช้นะครับ :D
ตอบลบดีจังที่ได้เข้ามาอ่าน..
ตอบลบเกิดอาการ งง นิดๆๆนะคะ สรุปว่า แล้วบาปรึป่าวคะ
ตอบลบถ้าใครทำแล้วมีความสุข ปลอดโปร่ง สะดวกจิต แฮปปี้ ไร้กังวล ก็คงไม่เป็นไรมั้งคะ
ตอบลบแต่ถ้าทำแล้วหวาดระแวง ไร้สุข รู้สึกผิด ฝันร้าย หรือกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะเอาอีก
เอาอีก เอาอีก เอามากๆๆๆๆๆๆๆๆ ...อย่างที่ท่านว่า
เชื่อว่าคงเป็นบาปแน่นอน
แต่ท่านไม่ได้ห้ามไม่ให้มีเซ็กซ์นี่คะ ท่านให้ยึดทางสายกลาง
มีใหุ้ถูก มีให้พอดี
ป.ล. ๑ รู้ก็ทั้งรู้อย่างนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่เป็นได้อย่างแรกละคะ
หัวใจคนนะคะ ไม่ใช่อิฐใช่ปูน ถึงจะได้เปลี่ยนคู่นอนไปได้เรื่อยๆ โดยไม่มีความรู้สึก
ป.ล. ๒ ถึงรู้ว่าบาป แต่ท่าทางเรา(คนทั้งหลาย)จะยังคงลุ่มหลงมันต่อไปนะคะ
เซ็กซ์เนี่ย
HS น่ารักจริง
ตอบลบอันนี้ใช้ได้กับทุกกิจกรรม ไม่ใช่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว
ตอบลบดีใจที่อ่านฮะ
ตอบลบเจ้อะ อ่านหรือยังไม่ซาบ?
ตอบลบสาธุๆ
ตอบลบกาม ก็เหมือนการบริโภคอาหาร อืมเทียบอย่างนี้
ตอบลบเหมือนมันจะหาได้ง่ายๆนะ ถ้าเปรียบแบบนี้ one night stand ก็เหมือนกินฟาสฟูดสินะ
พี่ว่าเหมือนกินอาหารข้างถนนว่ะ
ตอบลบมีให้กินตลอดเวลา ราคาถูก สนุก ตื่นเต้น รสแซ่บ
แต่เสี่ยงจะท้องเสีย
ดีไม่ดีถูกช้างตกมันไล่เหยียบ
ไม่ก็ถูกเด็กแว้นขับมาชน
หมายถึงเรื่องนี้นะเหรอ? อ่านแล้วดิ่
ตอบลบ(พยายาม)อ่านทุกเล่มที่ทำงานอยู่แหละ
อื้มมม พูดวิเคราะห์และอธิบายได้กระจ่าง เหมือนได้ลิ้มรสบ่อยๆ หุหุหุ
ตอบลบเอ.. ของผมเป็นปกพี่ติ๊กอ่ะ ไม่ใช่ปกพี่มอสสงสัยพี่แอนตั้งใจให้พี่ม้อยอ่านคอลัมน์นี้โดยเฉพาะ เจาะจง
ตอบลบแล้วปกพี่ติ๊ก นี่น้องอุดมอ่านแล้วยัง?
ตอบลบไม่บ่อยเท่าไหร่หรอกฮะ
ตอบลบยิ่งพักนี้ยิ่งไม่ค่อยจะมีักิน
อดอยากปากแห้ง
เจ้เค้าเห็นชั้นเป็นคนยังไง?
ตอบลบไม่ได้เห็นว่าเป็นคนยังไง
ตอบลบเพราะไม่ได้เจาะจงย่ะ
"ถ้าเราหว่านเมล็ดพันธุ์ที่เป็นพิษ จะหวังให้เกิดผลที่สมบูรณ์นั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้"
ตอบลบ"ความ สัมพันธ์ทางเพศที่เกิดจากทัศนคติที่ผิดก็เช่นกัน ที่ว่ากันว่าเป็นความสุขนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่า แท้ที่จริงมันเป็นความทุกข์ที่รอเวลาอยู่เท่านั้นเอง"
"อย่างไรก็ตาม แม้กามเหมือนผลไม้อร่อยที่มีพิษ แต่พุทธศาสนาก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณของกาม ดังนั้น ท่านจึงสอนว่า เมื่อจะบริโภคกามก็พึงทำเหมือนบริโภคอาหาร กล่าวคือ ต้องรู้จักเลือก รู้จักอิ่ม รู้จักพอ"
สาธุ _/\_ !!
อ่านแล้ว ดีจัง
ตอบลบอิอิ
บาปแน่นอน หรือการตามใจตามกิเลศเพียงเท่านั้น หากไม่เช่นนั้นสงฆ์คงมีเมียได้
ตอบลบการละกิเลศได้ทั้งมวลจึงเกิดผลบุญประเสริฐสุด
อาจสงสัยว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเป็นทุกข์เป็นบาปหรือ
บาปแน่เพราะท่านได้กระทำให้คนที่รับการกระทำนั้นเป็นทุกข์ มัวเมาหลงในกิเลสกาม
ก็นั่นละ ตัดทุกอย่างออกจากชีวิตให้ได้ จนพบนิพพาน
ยังทำไม่ได้อยู่ดี
เหมือนกันจ้ะ
ตอบลบรู้ทุกอย่าง แต่ยังตัดกิเลสไม่ได้
กิเลสแรงซะ้ด้วย
ชอบตอนจบคับ
ตอบลบ...นะ
ตอบลบ