Rating: | ★★★★ |
Category: | Movies |
Genre: | Drama |
ไปดู Biutiful (2010) ของผู้กำกับ Alejandro González Iñárritu คนเดียว เพราะเป็นหนังของ Javier Bardem นักแสดงคนโปรด เพราะว่าเป็นหนังภาษาสเปน อันเป็นภาษาที่รักเสมอ และเพราะคิดว่ารอบหนังลงตัวพอดีกับจังหวะนัดทำฟัน ...โดยที่ไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้มากนัก (โอเค ก็รู้หรอกว่าหนังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำสาขา ภาพยนตร์ต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้นำพาอะไร)
การณ์ปรากฏว่าหนัง Biutiful มันเป็นอะไรแบบที่ ถ้าดูกันแบบใช้ ‘ตา’ ดูอย่างเดียว ก็แทบจะไม่ได้เห็นความ Beautiful เลย ต้องใช้ ‘หัวใจ’ ดู จึงจะมองเห็นว่าท่ามกลางความเสื่อมโทรมที่แสนจะชวนให้หดหู่ซึ่งฉายออกมาเป็นภาพต่อเนื่องยาวสองชั่วโมงกว่าๆ ตลอดหนังเรื่องนี้ คือภาพแห่งความงดงามของการเกิดมาเป็นคน
บาร์เซโลน่าที่เคยเห็นในหนังเรื่องอื่นเป็นเมืองที่สง่า สะอาด และสว่างไสว แต่ในหนังเรื่องนี้กลับดูแออัดไปด้วยความสกปรก หม่น และหมองชนิดที่แทบไม่มีที่ว่างให้ต้นกล้าแห่งความหวังผลิใบอ่อนออกรับแสงอาทิตย์ ผู้คนก็ดูย่ำแย่ อมโรค ยากจน พิกลพิการทางร่างกายและจิตใจ จนแทบหาความสวยงามไม่ได้
ภาพพวกนี้เราไม่ประสงค์จะได้เห็น แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นบาร์เซโลน่า โตเกียว กรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ไหนๆ ในโลกก็ล้วนเป็นแบบเดียวกัน โลกโทรมๆ ที่เราไม่อาจเลือกที่จะมีชีวิตอยู่อย่างพรั่งพร้อม สะอาด สมบูรณ์ การเกิดเป็นคนที่ไม่สามารถเลือกพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร หรือลูกหลานที่แข็งแรง สวยงาม มีสุขภาพดี ชีวิตความเป็นพลเมืองที่ไม่อาจเลือกเกิดในประเทศชาติที่มีการยอมรับและเคารพต่อศักดิ์ศรีความเป็นคน ทั้งยังไม่อาจเลือกจะทำงานที่ได้รับค่าตอบแทนแรงงานอันชอบธรรม และยุติธรรมพอจะนำไปใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองและลูกเมีย
นึกไม่ออกเลยใช่ไหมว่าในสภาพที่ไร้ซึ่งความน่าอภิรมย์แบบนี้ เราจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขได้อย่างไร
และแล้วอินาร์ริตู ผู้กำกับใจร้ายที่ไม่เคยปรานีปราศรัยกับความอ่อนไหวแห่งเส้นประสาทของคนดู ก็ประดิษฐ์ชีวิตของ Uxbal (อุ๊กซ์บัล-ฆาเบียร์ บาร์เด็ม) ขึ้นมา เพื่อสาธิตให้เห็นว่า ชีวิตห่วยๆ ก็มีความสวยงามในแบบของมันอยู่เหมือนกัน
อุ๊กซ์บัลรู้ตัวว่ากำลังจะตาย และกำลังรวบรวมเงินทิ้งไว้ให้เป็นทุนชีวิตของลูกสอง เมียสติไม่ดีอีกหนึ่ง การพลาดพลั้งทำลายชีวิตที่มีชีวิตอื่นให้เลี้ยงดูเหมือนตัวเอง หัวจิตหัวใจเมื่อสัมผัสความห่วงหาอาลัยลูกผู้จากไปในวัยเยาว์ ความถวิลหาบิดาผู้ที่เขาไม่มีโอกาสได้พบหน้า และความรู้สึกเมื่อรู้ว่าพี่ชายเอากับเมียตัวเอง สถานการณ์ช่วงท้ายของชีวิตบีบคั้นรุนแรง แต่เขาก็หาทางออกของตัวเองจนได้
เราเองก็ต้องหาทางออกของเราได้เหมือนกัน
ฉันดูหนังเรื่องนี้ในวันหนึ่ง อีกวันก็ได้ข่าวการละสังขารของหลวงตาบัว แล้วฉันก็คิดว่า อีกไม่ช้าก็เร็วเราทุกชีวิตก็ต้องจากชีวิตนี้ไปเหมือนกัน มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าก่อนจากไปเรามีโอกาสได้สัมผัสกับความสวยงามครบมิติของการได้เกิดมามีชีวิต มาพบเจอ ผูกพัน และพลัดพรากกับคนอื่นๆ รวมทั้งมีโอกาสที่จะฟื้นคืนศรัทธาต่อมนุษย์อื่นได้เช่นเดียวกับอุ๊กซ์บัล
....ที่จริงไม่ต้องเห็นเหมือนกันทั้งหมดหรอก จะยกเว้นภาพที่เขาเห็นบนเพดานไปสักอย่างก็ได้
หมายเหตุ
• มีความรู้สึกว่าการเขียนถึงหนังเรื่องนี้มันเข้ากับเพลง Blues ที่ฟังอยู่ชะมัด!
• ความจริงแล้วดูจากรายชื่อหนังที่ Iñárritu กำกับมาก่อน (เช่น AMORES PERROS, 21 GRAMS, BABEL) ก็น่าจะพอเตรียมใจกับความหนักของหนังได้นะ (จริงๆ ไปดูคนเดียวก็ดี ถ้าปวดหัวก็ปวดคนเดียว แต่ถ้าชวนเพื่อนไปดูด้วยแล้วเพื่อนปวดหัว เราคงปวดหนักกว่ามันเป็นสองเท่าเพราะโดนเพื่อนบ่นใส่!)
• แอบเห็น roundfinger เขียนไว้ใน Facebook ว่า “Biutiful ผู้กำกับเดียวกับ 21 grams ระหว่างนั่งดูเหมือนมีเหล็ก 21 tons ทับหัวอยู่ตลอดเวลา” แล้ว.. โคตรจะเห็นด้วยเลย
• ภาษาสเปนไม่ได้ใช้คำว่า biutiful ในความหมายว่าสวยงาม นี่เป็นการเขียนคำในภาษาอังกฤษผิด แต่ทำไมถึงผิด ที่มามันอยู่ในเรื่อง ไปหาเอานะจ๊ะ
• ความจริง Bardem น่าจะได้รางวัลนำชายนะ พี่แกเล่นได้เยินถึงใจจริงๆ เห็นภาพ+อาการแล้วแทบจะจินตนาการถึงกลิ่นได้ทีเดียว