Rating: | ★★★★ |
Category: | Movies |
Genre: | Romantic Comedy |
ว่าไหมว่าขณะที่เราดูหนังแต่ละเรื่อง หรือแต่ละรอบของหนังเรื่องเดิมๆ พื้นอารมณ์ความรู้สึกที่เรามีขณะนั้น มีส่วนมากๆ กับความรู้สึกที่จะเกิดจากการดูหนังเรื่องนั้น หรือรอบนั้น
ฉันไปดู New York, I love you ประสาสาวโสด เมื่อเสาร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๒
ก็รู้มาก่อนว่าจากหนังเรื่องนี้เราจะได้ฟิลลิ่งคล้ายๆ Paris, Je t’aim (Paris, I love you) ซึ่งฉันก็มาดูในโรงเครือเอเพ็กซ์นี่แหละ จำได้เลือนๆ ว่าก็เป็นการเล่าเรื่องความรัก ดีๆ บ้าง สะเทือนใจบ้าง (ก็ความรักมันออกจะมีมิติรอบตัว) แต่ไม่รู้ว่าเพราะดูเรื่องนั้นมานาน จนความจำชักเลือน หรือเพราะความรู้สึกอบอุ่นที่เริ่มก่อตัวในใจ ฉันถึงรู้สึกว่าเรื่องรักในนิวยอร์กมันน่ารัก สดใส จับใจ มากกว่าหนังรักของปารีสไปซะได้
ความรักในหนังทั้งสองเรื่องเกิดในเมืองใหญ่อันแสนจะสับสน เพราะเป็นที่ที่ผู้คนจากทั่วโลกมุ่งตรงมาเพื่อหาที่ทาง หาโอกาส และความสำเร็จของตัวเอง ความพยายามแก่งแย่งและเอาเปรียบกันนี้แหละที่ทำให้เกิดภาวะแล้งรัง จะรักใครก็ไม่กล้า จะพูดกับใครก่อนก็กลัว เพราะต่างก็เป็นคนแปลกหน้า ไม่รู้จักกัน ไม่วางใจกัน ไม่เชื่อในตัวกันและกัน
จะว่าไปแล้ว ถ้าเราก้าวพ้นความรู้สึกระแวงที่เว่อร์กว่าสัญชาตญาณระแวงภัยนี้ไปเสีย บางที แม้ไม่ใช่ความรักดีๆ ที่เราได้พบ แต่สิ่งที่ได้เจออาจจะเป็นมิตรภาพที่ดี มีค่ามากกว่าความรักห่วยๆ ที่เคยไขว่คว้ามาเพราะความหน้ามืดเสียอีก
หนังเรื่องนี้ไม่ได้แค่เตือนฉันให้เปิดประตูต้อนรับคนแปลกหน้า แต่ยังบอกอีกว่าเมื่อเขาก้าวเข้ามา มอบความรู้สึกดีๆ และความปรารถนาดีให้กับฉันถึงในบ้านแล้ว ฉันก็ควรบำรุงถนอมรักษาน้ำใจไมตรี และความรู้สึกดีๆ ที่เขามีต่อฉัน (และฉันมีต่อเขา)เอาไว้ให้เป็นอย่างนั้นอีกนานๆ
ในความรู้สึกของฉัน ไม่ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในปารีส นิวยอร์ก บางกอก หรือเชียงใหม่ ความรัก แม้จะมีอยู่รายรอบตัวเรา แต่รักดีๆ (และสำหรับเราเท่านั้น) ไม่ใช่ของหาง่าย ไม่สะดวกซื้อสะดวกหา เหมือนของกินใน(หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา ที่)เซเว่นอีเลเว่น
และถึงแม้ความรักจะแข็งแรง แต่ก็เป็นสิ่งเปราะบาง แตกหักง่าย ซ่อมดียังไงก็ไม่มีทางเนียนสวยเหมือนเดิม
เพราะอย่างนั้น ถ้าไม่อยากอยู่โดยไม่มีความรัก ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความรัก..อย่างมีความสุขด้วย (เรื่องนี้สำคัญมาก)
บันทึก:
• หนัง New York, I love you เล่าเรื่องรัก ๑๑ เรื่อง แต่....ทำไมไม่มีรักของเกย์เลยละค๊า????
• เรื่องที่ประทับใจคือเรื่องของหนุ่มเชน กับสาวยิว ความสับสนในดวงตาของนาตาลี พอร์ตแมน ทำให้เรา lost ได้อีกแล้ว และเธอคนนี้คือสาวไม่มีผมที่สวยที่สุดจริงๆ
• เรื่องของออร์แลนโด บลูม กับ crime and punishment ก็น่ารักดี (เอามากๆ) ทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่คิดจะอ่านนิยายเรื่องนี้ให้จบเหมือนกัน (ดูตอนนี้แล้วอยากใช้ไอโฟนขึ้นมามั่ง อย่างตะหงิดๆ)
• ตอนอีธาน ฮอว์ก จีบสาวไม่ติดใจ แต่ชอบท่าสูบบุหรี่ของแม็กกี้คิวเอามากๆ ยิ่งตอนเธอพูดจีนในอีกตอน ยิ่งเซ็กซี่
• ตอนหนุ่มน้อยควงสาววีลแชร์ไปงานพรอม ข้ามไปได้เลย
• ตอนของจูลี่ คริสตี้ มีเสน่ห์ที่สุดในความรู้สึก ทั้งแอคติ้ง ฉาก แสง มุมกล้อง แล้วก็ความหลอน อู้ยยย อยากดูเต็มๆ (ชอบตัวละครตัวนั้นมากๆ เลย)
• ตอนที่พอร์ตแมนเขียนบทให้เด็กผิวขาวมีพ่อเป็นหนุ่มนักเต้นผิวดำก็ดี อบอุ่นจังเลย
• ตอนศิลปินโทรมๆ กับซูฉี เป็นตอนที่สะเทือนใจมาก เห็นไหม ความรักไม่ให้เวลาเรานานหรอกนะ
• ตอนคุณปู่คุณย่าเป็นตอนที่น้ำตาเกือบไหล เป็นตอนที่อยากให้เพื่อนคนหนึ่งมาดูด้วยกัน คิดว่าเขาคงชอบมากเหมือนกัน
• อีกตอนที่ชอบคือ ซีเคว้นซ์ที่ผู้ชายกับผู้หญิงออกมายืนสูบบุหรี่นอกร้านอาหารแล้วคุยกัน ใช่อะ คิดว่าใช่ อยู่กันไปนานๆ แล้วผู้ชายจะลืมอะไรบางอย่างไปแบบอีตาคนนี้แหละ (รู้ตัวแล้วอย่าลืมอีกให้มันบ่อยนักนะคะทูนหัว)
• อยากถ่ายหนังแบบยายคนนั้นบ้างจัง
• ดีใจที่ได้ไปดู
• จะดีใจกว่านี้ไหม ถ้าไม่ได้ดูคนเดียว?