Rating: | ★★★★ |
Category: | Books |
Genre: | Literature & Fiction |
Author: | นะทซึเมะ โซเซะคิ |
ได้หนังสือเล่มนี้มาอ่านด้วยความอนุเคราะห์ (ให้ยืม) จากม่อน (commonperson) เพื่อนมัลติพลายที่คุยกันมาพักใหญ่โดยไม่ต้องเคี่ยวเข็ญให้เป็นคอนแทกกัน
เข้าใจว่าม่อนจัดหนังสือเล่มนี้มาให้ เพราะรู้ว่าฉันเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ แต่ตัวเขาจะกินใจกับเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้แค่ไหน และอย่างไร รอเขามาบอกเองน่าจะดี
‘โคะโคะโระ’ เป็นวรรณกรรมซึ่ง นะทซึเมะ โซเซะคิ เขียนขึ้นในปี 1914 ..เกือบร้อยปีมาแล้ว เรื่องความคลาสสิกและการยอมรับจากคนอ่านญี่ปุ่นแทบไม่ต้องพูดถึง หนังสือเล่มนี้ได้รับเลือกให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของเด็กนักเรียนมัธยมปลาย (ไม่แน่ใจว่านานกี่สิบปี)โดยคัดเลือกบทสุดท้ายในจำนวนทั้งหมด 3 บทของหนังสือเล่มนี้
โคะโคะโระ ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง ‘หัวใจ’ รู้อย่างนี้อย่าเพิ่งเข้าใจว่าเป็นนวนิยายโรแมนติก หวานแหววดาษดื่น ความรักที่เขาเล่าไว้ในเรื่องมีรสชาติขมขื่น ด้วยคมมีดขูดลึกเป็นแผลเรื้อรังที่กลางใจ และพัฒนากลายเป็นเซลล์มะเร็งไปในที่สุด
ไม่ต้องอาศัยความรู้ภาษาญี่ปุ่นหรอก อันนั้นฉันมีน้อยจนแทบใช้อะไรไม่ได้ แต่พอนึกเอาเองได้ว่าที่โซเซะคิตั้งชื่อหนังสือว่า โคะโคะโระ เพราะนี่เป็นการเปิดเปลือยหัวใจผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมีวิถีชีวิตแปลกประหลาด โดดเดี่ยวตัวเองจากสังคมด้วยการไม่ทำงานเป็นหลักแหล่ง ไม่คบหาสมาคมกับผู้คน เก็บตัวใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับบ้าน กับภรรยาและหญิงรับใช้อีกคน
ทุกๆ เดือน ชายคนนี้จะต้องไปเคารพหลุมศพของคนคนหนึ่งตามลำพัง เราจะพูดว่า กิจกรรมนี้นับเป็นวัตรปฏิบัติที่เป็นเรื่องเป็นราวและสำคัญที่สุดในชีวิตไร้แก่นสารของเขาเลยก็ได้
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเขาทำให้คนในหลุมนั้นต้องตายนั่นเอง
คนเราเกิดมาแล้ว ไม่ว่าจะยากดีมีจน มีอวัยวะครบถ้วนหรือไม่ ผิดเพศหรือไม่ผิดเพศ เกิดเป็นอัจฉริยะ หรือโง่ทึบ ก็ควรจะมีชีวิตที่ผ่านครบทั้งรสหวานหอมซ่อนเปรี้ยว เผ็ดบ้าง เค็มบ้าง มันบ้าง ฝืดบ้าง สลับกันไป ได้สัมผัสกับความรู้สึกสุขบ้าง ทุกข์บ้าง เครียดบ้าง แต่ก็มีความหรรษาและตื่นเต้น รื่นรมย์ในบางที แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงต้องลงโทษตัวเองให้มีชีวิตที่มีโอกาสพบแต่ความขม ขื่น ข้นคลั่ก คาวราวกับกระอักเลือดในอกขึ้นมากลบในปาก แสงอาทิตย์ของผู้ชายคนนี้ไปซ่อนอยู่ที่ไหน ทำไมถึงทิ้งไว้แต่ความหนาวเยียบ อับชื้น ที่รังแต่จะทำให้ชีวิตขึ้นรา
อะไรที่ทำให้แม้แต่ความรักซื่อสัตย์จากคนสวยผู้เรืองราศีผ่องใสเช่นภรรยาของเขาไม่อาจเยียวยา หรือแม้แต่จะช่วยฉุดรั้งจากความหมองหม่นที่กดเขาให้จมอยู่กับก้นบ่อ ให้ลอยขึ้นมามองเห็นโลกโดยไม่ต้องผ่านผืนน้ำสกปรกในบ่อได้
ฉันอ่านเรื่องของเขาแล้วแสนเวทนาสงสาร โอเค เนื้อตัวคนเรามีบาดแผลจากการกระทำของคนอื่นทั้งนั้น แต่การที่เราถูกคนคนหนึ่งทำร้าย ไม่ได้แปลว่าโลกทั้งใบทำร้ายเรา แล้วเราต้องแก้แค้นกับคนทั้งโลกสักหน่อย
อีกเรื่องคือความรัก ฉันคิดแบบฉันว่าความรักเป็นเรื่องของการให้ ถ้าเรารักเขา เราก็ให้ความรักไป ถ้าเขารักเรา เขาก็ให้ความรักมา ถ้าเรารักกันมันถึงจะดี เพราะต่างคนต่างให้ และต่างคนต่างรับ
ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน เป็นเรื่องของใจที่ตรงกัน ถ้าใจเขาไม่ตรงกับเรา แต่ไปตรงกับคนอื่น ก็ต้องทำใจ ไม่แย่ง หรือไม่เกเร เพราะอย่างน้อย เราต้องอยู่ต่อไปอย่างรักตัวเอง ภูมิใจในตัวเอง ถึงเราจะไม่ได้รับการเลือก อย่างน้อยเราก็จะได้ภูมิใจที่เราเคารพการเลือกของคนที่เรารัก
ที่คิดแบบนี้ได้ คงเป็นเพราะฉันโต (มาก) แล้ว ผ่านโลกมาเยอะ เห็นอะไรมาเยอะแล้ว คิดมาเยอะแล้ว ถ้าตอนที่เกิดเรื่อง ‘เขา’ โตกว่านั้น หรือถ้าเพียงแต่ ‘โลก’ของเขาไม่ได้ปิดแคบแบบที่เป็น แต่เปิดต้อนรับความรักความหวังดีจากมนุษย์รอบตัวบ้าง รังสีเมตตาอารีอาจจะพอให้แสงสว่างและความอบอุ่น ช่วยกล่อมเกลากมลความคิดของเขาให้คลายความเคียดแค้นจนอ่อนโยน รู้จักให้อภัยและเริ่มต้นใหม่ได้
หากเขาไม่โดดเดี่ยวอย่างนั้น ชีวิตของเขาคงไม่จบแบบนี้
ฉันคิดอย่างนั้นนะ
บันทึก:
• นิยายเรื่องนี้โคตรมาโซเลย อ่านแล้วทั้งอึดอัด ทั้งหดหู่ ดีนะ ที่มาอ่านเอาตอนแก่แล้ว
• อาจจะเป็นด้วยการแปลจากสำนวนภาษาที่เขียนขึ้นเมื่อเกือบร้อยปีก่อน โดยอาจารย์ ภาษาญี่ปุ่น ดร.ปรียา อิงคาภิรมย์ และดร.กนก ศฤวคารินทร์ ซึ่งขณะที่แปลยังเป็นนักศึกษา ป. เอก ภาษาญี่ปุ่น และอาจจะรวมทั้งอัตลักษณ์ของโซเซะคิเองด้วย ที่ทำให้ โคะโคะโระ ฉบับแปลนี้ จัดเเป็นหนังสือที่อ่านยากเอาการ โดยเฉพาะสองบทแรก ปราบเซียนชัดๆ ใครอึดไม่พอ หมดความอยากรู้ หมดความมานะ แป้ก ถอดใจ วางเสียก่อน จะไปไม่ถึงบทที่สาม ซึ่งเป็นจุดพีคของเรื่องทั้งหมด และเมื่อไปไม่ถึงบทที่สาม ก็เท่ากับหมดโอกาสทำความเข้าใจกับเรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น
• ฉันเชื่อว่า โคะโคะโระ ฉบับภาษาญี่ปุ่นก็คงไม่ได้เป็นหนังสือที่อ่านง่าย แต่บริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่อาจจะพอเหลือสิ่งเชื่อมโยงกันได้ ฉันว่า คนญี่ปุ่นจะอ่าน โคะโคะโระ ได้เก็ตดี เก็ตง่ายกว่าคนไทยอ่านฉบับแปล เช่นเดียวกับคนไทยอ่านข้างหลังภาพ เราย่อม (น่าจะ) หวังผลได้ดีกว่าคนญี่ปุ่นอ่านข้างหลังภาพฉบับแปล ..หวังว่านะ
• ฉันเอง ไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เลยขาดความอินกับความเกี่ยวเนื่องเรื่องยุคสมัย ที่ว่ากันว่าเป็นอีกแรงกดดันหนึ่งที่กระทำต่อตัวละคร และการเปลี่ยนยุคสมัยก็เป็นจุดหักเหให้เขาเลี้ยวชีวิตลงเหวอย่างที่เขียนไว้ในเรื่อง แต่นี่แค่อ่านโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ก็ยังหดหู่ขนาดนี้เลย คิดดูสิว่าคนอ่านญี่ปุ่นที่มีความ relate กับยุคสมัยเดียวกับที่หนังสือเขียนขึ้นจะอินขนาดไหน (นึกเปรียบเทียบความอินกับชีวิตแม่พลอยของเรากับแม่เราดูเล่นๆ ก็ได้ )
• หลังจากพิชิตโคะโคะโระได้ ฉันรู้สึกฮึกเหิมมาก เกิดแรงบันดาลใจ หยิบ ‘รอยชีวิต’ ของเคนซาบุโร โอเอะ นักเขียนโนเบล ที่อ่านแล้วมืดมนอนธกาลพอกันจนต้องหยิบ-วาง หยิบ-วาง อยู่หลายปี ขึ้นมาอ่านใหม่ (ตอนนี้รู้สึกสนุกแล้วด้วยแหละ)
• มันน่าคิดจริงๆ ว่าเขากับเพื่อนของเขามี something กันหรือเปล่า ทำไมถึงได้แคร์กันมาก แล้วก็ทำไมแค่ผู้หญิงคนเดียว เพื่อนถึงให้เพื่อนไม่ได้ หรือเพราะว่าเพื่อนไม่อยากให้เพื่อนได้ผู้หญิง? (คิดแบบมาร-อิอิ)
• ขอขอบคุณเจ้าของหนังสืออีกครั้ง ถ้าสภาพในวันส่งคืนออกจะเยินไปเยอะ หวังว่าจะได้รับการอภัย กว่าจะอ่านจบต้องหอบหิ้วกันอยู่นาน ทั้งน้ำ ขนม และน้ำลาย ทิ้งรอยไว้ในหนังสือเธอเพียบเลย ม่อน เออ..แล้วต่อให้มี ผ ญี่ปุ่นคอยสอนให้อ่านก็ใช่ว่าจะอ่านฉบับภาษาญี่ปุ่นเข้าใจได้ง่ายๆ นะเธอ