วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เราทำได้ : ฟุโรชิกิห่อสองขวด



ชิลๆ



ห่อขวดเดียวน่ะจิ๊บๆ
คราวนี้มาเล่นทีละสองกันดีกว่า

ประเด็นสำคัญยังคงอยู่ที่ขนาดของผ้าสี่เหลี่ยมจตุรัสที่ต้องยาวมากกว่าความสูงของขวดสองใบต่อกันพอควร ถึงจะมีหูหิ้วขนาดกำลังดี

เราทำได้ : มาห่อขวดด้วยผ้าฟุโรชิกิกันบ้าง



ห่อของขวัญ
ทีนี้จะหิ้วเหล้าหิ้วไวน์
พรางได้สบาย
(ง่าย+ชิลล์)

ไม่มีใครรู้ว่าข้างในคืออะไร




เริ่มจากห่อขวดเดียวก่อนละกัน
คราวนี้ใช้ผ้าเช็ดหน้าเก๋าโจ๋ (โสนิดๆ) ที่เอาไว้คลุมแลปทอปมาห่อ

เราทำได้ : ห่อของทรงกลมด้วยผ้าฟุโรชิกิ




ลองทำดูโลด




ฟุโรชิกิ เป็นผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่คนญี่ปุ่นใช้งานสารพัดประโยชน์
เขามีวิธีใช้ห่อนั่นห่อนี่ได้พิสดารพันลึก-โดยไม่จำกัดว่าของที่ห่อต้องมีรูปทรงยังไง

คราวนี้ขอสาธิตการห่อ+หิ้วของ "กลม"
มีผ้าพันคอสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่บ้านลองเอามาใช้ห่อกันมั่ง
ทีนี้ก็ไม่ต้องง้อถุงพลาสติกแล้ว

ป.ล. จริงๆ รูปพวกนี้ถ่ายไว้ทำงาน (ขอบคุณพี่หมี)
แต่ไม่เป็นไร หนังสือมันออกไปแล้ว
เอามาเล่าต่อให้บางคนได้ใช้ประโยชน์ดีกว่า

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เรดาร์แมว : แวะเล่นกันก่อน



เจ้ไม่ใช่ต้นมะม่วงนะยะ

ถ้านั่งเล่นด้วยเธอจะโดดขึ้นตัก





อาทิตย์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ฤกษ์งามยามดี ย่างออกจากบ้านจะไปเยี่ยมหลานน้อย
แต่ก่อนอื่น ต้องไปกินเอ็มเคที่คาร์ฟูร์ปากซอยกับเพื่อนก่อน

เพื่อนโทรมาบอกว่าจะมาช้าหน่อยเพราะถูกคู่รักขัดขวาง
ทำให้พลาดรถบีทีเอสเที่ยวสายวันอาทิตย์ไปหนึ่งขบวน

ดีนะ ที่เรียกเจ้าเหมียวมาเล่นกันตั้งพักใหญ่
ไม่ต้องไปแกร่วรอเพื่อนนานเกินไป

เลยไม่ค่อยมีน้ำโหนัก

อิ อิ





วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันดีดีที่บางกอก




แค่เปิดตามองอะนะ


วันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

วันอาิทิตย์อากาศดี (ที่จริงต้องเรียกว่าหนาว)
ฉันมีนัดกับเพื่อน วันนี้เราไปเดินเล่นที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯ กัน

ตอนแรกท้องฟ้าหม่นมัว ลมหนาวพัดอยู่ตึงๆ ชวนให้ขดตัวกลม หลับฝันหวาน
แต่ทำไงได้ สวนนี้เขาไม่ให้นอน
เราเลยเดินเล่นไปเรื่อยๆ พักใต้หางนกยูงที่ยังไม่ได้เวลาออกดอกบ้าง
ใต้ซุ้มไม้ใบอ่อนบ้าง

แล้วก็ไปหยุดที่สวนกล้วย
ดีใจจัง ตอนนี้สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯ รวบรวมกล้วยสวยๆ ไว้เยอะแยะเลย

ตอนนี้กำลังออกปลีมีเครือกันให้วุ่นวาย
ตกเย็นแดดออก อากาศก็หนาว
สำหรับฉัน วันนี้ต้องจัดเป็นวันที่ดีที่สุดวันนึงของปีในบางกอกเลยล่ะ


ป.ล. ไม่รู้บรรยากาศจะดีอย่างนี้ไปอีกกี่วันนะ

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

รูปที่เพื่อนถ่ายให้#2







ฉันเคยแต่กับการถ่ายรูปให้คนอื่น
ไม่ค่อยชินกับการมีคนถ่ายรูปให้เท่าไหร่

รูปแรกๆ หน้ายังมึน
แต่เอาเป็นว่า ต่อไปจะทำตัวให้ชินกับการโพส

แล้วจะยิ้มให้หวานที่สุดเลย

คอยดู







หมายเหตุ: เสาร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
หอศิลป์กรุงเทพ

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Travel + Leisure Southeast Asia

http://www.TravelandLeisureAsia.com

(ข่าวฝาก)

สิ้นปีนี้ ถ้าคิดจะเที่ยวทั้งในประเทศและประเทศอื่นๆใน Southeast Asia รวมทั้งฮ่องกง มาเก๊า คลิ๊กเข้ามาดูข้อมูลโรงแรม ร้านอาหาร บาร์ สปาและช้อปปิ้ง รวมทั้งค้นหาและจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมและแพคแกจท่องเที่ยวได้ด้วยนะคะ หรือใครไปเที่ยวมาแล้ว อยากจะแชร์ประสบการณ์ก็เข้ามาเขียนบล็อกท่องเที่ยวได้ (ภาษาอังกฤษนะคะ) ที่ http://blog.travelandleisureasia.com ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรก็เข้ามาคอมเมนท์และคุยกับคนอื่นๆในบล็อกได้นะคะ


อ้อ... ถ้าหากสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ตอนนี้ก็จะมีโอกาสได้ลุ้นรางวัลเป็นตัวเครื่องบินชั้นธุรกิจและที่พักระดับ 5 ดาวฟรี ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้ในเว็บไซต์ค่ะ

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

New York, I Love You : เรื่องของความรัก และการเรียนรู้ที่จะอยู่กับรัก

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Romantic Comedy


ว่าไหมว่าขณะที่เราดูหนังแต่ละเรื่อง หรือแต่ละรอบของหนังเรื่องเดิมๆ พื้นอารมณ์ความรู้สึกที่เรามีขณะนั้น มีส่วนมากๆ กับความรู้สึกที่จะเกิดจากการดูหนังเรื่องนั้น หรือรอบนั้น

ฉันไปดู New York, I love you ประสาสาวโสด เมื่อเสาร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๒

ก็รู้มาก่อนว่าจากหนังเรื่องนี้เราจะได้ฟิลลิ่งคล้ายๆ Paris, Je t’aim (Paris, I love you) ซึ่งฉันก็มาดูในโรงเครือเอเพ็กซ์นี่แหละ จำได้เลือนๆ ว่าก็เป็นการเล่าเรื่องความรัก ดีๆ บ้าง สะเทือนใจบ้าง (ก็ความรักมันออกจะมีมิติรอบตัว) แต่ไม่รู้ว่าเพราะดูเรื่องนั้นมานาน จนความจำชักเลือน หรือเพราะความรู้สึกอบอุ่นที่เริ่มก่อตัวในใจ ฉันถึงรู้สึกว่าเรื่องรักในนิวยอร์กมันน่ารัก สดใส จับใจ มากกว่าหนังรักของปารีสไปซะได้

ความรักในหนังทั้งสองเรื่องเกิดในเมืองใหญ่อันแสนจะสับสน เพราะเป็นที่ที่ผู้คนจากทั่วโลกมุ่งตรงมาเพื่อหาที่ทาง หาโอกาส และความสำเร็จของตัวเอง ความพยายามแก่งแย่งและเอาเปรียบกันนี้แหละที่ทำให้เกิดภาวะแล้งรัง จะรักใครก็ไม่กล้า จะพูดกับใครก่อนก็กลัว เพราะต่างก็เป็นคนแปลกหน้า ไม่รู้จักกัน ไม่วางใจกัน ไม่เชื่อในตัวกันและกัน

จะว่าไปแล้ว ถ้าเราก้าวพ้นความรู้สึกระแวงที่เว่อร์กว่าสัญชาตญาณระแวงภัยนี้ไปเสีย บางที แม้ไม่ใช่ความรักดีๆ ที่เราได้พบ แต่สิ่งที่ได้เจออาจจะเป็นมิตรภาพที่ดี มีค่ามากกว่าความรักห่วยๆ ที่เคยไขว่คว้ามาเพราะความหน้ามืดเสียอีก

หนังเรื่องนี้ไม่ได้แค่เตือนฉันให้เปิดประตูต้อนรับคนแปลกหน้า แต่ยังบอกอีกว่าเมื่อเขาก้าวเข้ามา มอบความรู้สึกดีๆ และความปรารถนาดีให้กับฉันถึงในบ้านแล้ว ฉันก็ควรบำรุงถนอมรักษาน้ำใจไมตรี และความรู้สึกดีๆ ที่เขามีต่อฉัน (และฉันมีต่อเขา)เอาไว้ให้เป็นอย่างนั้นอีกนานๆ

ในความรู้สึกของฉัน ไม่ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในปารีส นิวยอร์ก บางกอก หรือเชียงใหม่ ความรัก แม้จะมีอยู่รายรอบตัวเรา แต่รักดีๆ (และสำหรับเราเท่านั้น) ไม่ใช่ของหาง่าย ไม่สะดวกซื้อสะดวกหา เหมือนของกินใน(หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา ที่)เซเว่นอีเลเว่น

และถึงแม้ความรักจะแข็งแรง แต่ก็เป็นสิ่งเปราะบาง แตกหักง่าย ซ่อมดียังไงก็ไม่มีทางเนียนสวยเหมือนเดิม


เพราะอย่างนั้น ถ้าไม่อยากอยู่โดยไม่มีความรัก ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความรัก..อย่างมีความสุขด้วย (เรื่องนี้สำคัญมาก)





บันทึก:
• หนัง New York, I love you เล่าเรื่องรัก ๑๑ เรื่อง แต่....ทำไมไม่มีรักของเกย์เลยละค๊า????
• เรื่องที่ประทับใจคือเรื่องของหนุ่มเชน กับสาวยิว ความสับสนในดวงตาของนาตาลี พอร์ตแมน ทำให้เรา lost ได้อีกแล้ว และเธอคนนี้คือสาวไม่มีผมที่สวยที่สุดจริงๆ
• เรื่องของออร์แลนโด บลูม กับ crime and punishment ก็น่ารักดี (เอามากๆ) ทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่คิดจะอ่านนิยายเรื่องนี้ให้จบเหมือนกัน (ดูตอนนี้แล้วอยากใช้ไอโฟนขึ้นมามั่ง อย่างตะหงิดๆ)
• ตอนอีธาน ฮอว์ก จีบสาวไม่ติดใจ แต่ชอบท่าสูบบุหรี่ของแม็กกี้คิวเอามากๆ ยิ่งตอนเธอพูดจีนในอีกตอน ยิ่งเซ็กซี่
• ตอนหนุ่มน้อยควงสาววีลแชร์ไปงานพรอม ข้ามไปได้เลย
• ตอนของจูลี่ คริสตี้ มีเสน่ห์ที่สุดในความรู้สึก ทั้งแอคติ้ง ฉาก แสง มุมกล้อง แล้วก็ความหลอน อู้ยยย อยากดูเต็มๆ (ชอบตัวละครตัวนั้นมากๆ เลย)
• ตอนที่พอร์ตแมนเขียนบทให้เด็กผิวขาวมีพ่อเป็นหนุ่มนักเต้นผิวดำก็ดี อบอุ่นจังเลย
• ตอนศิลปินโทรมๆ กับซูฉี เป็นตอนที่สะเทือนใจมาก เห็นไหม ความรักไม่ให้เวลาเรานานหรอกนะ
• ตอนคุณปู่คุณย่าเป็นตอนที่น้ำตาเกือบไหล เป็นตอนที่อยากให้เพื่อนคนหนึ่งมาดูด้วยกัน คิดว่าเขาคงชอบมากเหมือนกัน
• อีกตอนที่ชอบคือ ซีเคว้นซ์ที่ผู้ชายกับผู้หญิงออกมายืนสูบบุหรี่นอกร้านอาหารแล้วคุยกัน ใช่อะ คิดว่าใช่ อยู่กันไปนานๆ แล้วผู้ชายจะลืมอะไรบางอย่างไปแบบอีตาคนนี้แหละ (รู้ตัวแล้วอย่าลืมอีกให้มันบ่อยนักนะคะทูนหัว)
• อยากถ่ายหนังแบบยายคนนั้นบ้างจัง
• ดีใจที่ได้ไปดู
• จะดีใจกว่านี้ไหม ถ้าไม่ได้ดูคนเดียว?

ฤดูร้อนไม่เคยจากเราไปไหน





พฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

อากาศร้อน-แดดแรงมาก







ดอลลาร์จัง หลังพายุฝน



ใต้ตาเธอมีคราบ เหมือนคราบน้ำตา
แต่ใต้ขาเธอมีหยดน้ำเกาะพราว

เซ็กซี่ อีโรติกสุดๆ ไปเลยนะ โลเล



เสาร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒


หน้าหนาว แต่อากาศร้อนอบอ้าวมาหลายวัน
แล้วฝนก็ถล่มลงมาบ่ายวันนี้

ฟ้าร้องครืนครืนตอนเราดู Kafoo
ข้างนอกฝนตก แต่ข้างในไม่หนาว

ออกจากลิโด้ ก็เดินไปหาดอลลาร์


"Hajimemashite -ยินดีที่ได้พบกันนะ ดอลลาร์จัง"

ฝนตกเมื่อกี๊ทำเธอหนาวไหม?

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นิราศบางลำพู




เหมือนเพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นาน

อิ อิ




อาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ทั้งที่เข้าหน้าหนาวแล้ว แต่อากาศร้อนมาก
จนฉัน ซึ่งตั้งอกตั้งใจจะไปบางลำพูต้องผัดผ่อนตัวเองว่า
เย็นๆ แล้วค่อยออกไปดีไหม

กลายเป็นพอก้าวเท้าออกจากบ้าน ฝนก็ปรอย
อ้อ ร้อนฝนจะตกนี่เอง

ลงจากบีทีเอส ฉันพบว่าท้องฟ้าตรงนี้ครึ้มหม่น
แต่เมฆแหวกให้แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องมาจากทางฝั่งธนฯ
แสงสีช่างสวยงาม

ฉันชื่นชมกับช่วงเวลาน่าแปลกประหลาดนี้เพียงคนเดียว


เสียมเรียบที่ได้เห็น






๒๓-๒๖ ตุลาคมที่ผ่านมา ไปเสียมเรียบ
ยังเหลือภาพบรรยากาศเมืองเสียมเรียบที่ยังไม่ได้โชว์
ก็เลยนำมาโชว์ ประสาคนชอบโชว์


โรงแรมในเสียมเรียบหน้าตาประหลาด
คือเหมือนว่าจะทำให้เหมือนวิมานบนสวรรค์มากกว่าโรงแรม
(เท่าที่เห็นโซฟิเทลดูดีที่สุด)

คนเขมรดูไปละม้ายคล้ายไทยและลาว
แต่รู้สึกลาว (หลวงพระบาง) จะดูอ่อนหวานเรียบร้อยอย่างชัดเจน
สาวไทยไม่ต้องพูดถึง เพราะหล่อนก้าวไปไกลกว่าเพื่อน

พล่ามมากน่าเบื่อ
ดูรูปเอาละกัน


วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

my signature



เขาตั้งชื่อรูปนี้ว่างั้น


ฉันบอกว่าไม่ได้สิ ต้องเปลือยหลัง
แล้วมีเด็กหนุ่มคอยไล้น้ำแข็ง

เขาบอก เด็กหนุ่มไล้น้ำแข็ง
นั่นแหละ-หายาก





ใครบางคนบอกว่ารูปพวกนี้
เป็น signature ของฉัน



shadow of your smile







The shadow of your smile
When you have gone.
Will colour all my dreams
And light the dawn.

Look into my eyes, my love, and see
All the lovely things you are to me.

Our wistful little star
Was far too high.
A teardrop kissed your lips,
And so did I.

Now when I remember spring,
And every lovely thing,
I will be remembering
The shadow of your smile.
Your lovely smile.






ป.ล. เธอก็รู้ว่าฉันหลงใหล "เงา" แค่ไหน

คือช่วงเวลาอันงดงาม




ฉัน กับ กก




ช่วงเวลาอันงดงามระหว่างความห่างไกล


(แต่ไม่ห่างกัน)

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มีตั๋วไปเชียงใหม่วันนี้

Start:     Dec 17, '09
Location:     หัวลำโพง-เชียงใหม่

ยังไม่ได้แพลนว่าจะไปกี่วัน
กลับวันไหน
ไปไหนบ้าง
จะไปคนเดียวหรือมีคนไปด้วย

แต่คิดว่าจะไปแน่ๆ
(คิดถึงเชียงใหม่ ปีนี้ยังไม่ได้ไปเรย-เปนปายด้ายยางงาย?)


หมายเหตุ ตั๋วมันเลื่อนมาจากช่วงวันหยุด 23 ตุลาน่ะนะ
(ตื่นเต้นว่ะ)

มากหน้า-หลายตา






เสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

อันเนื่องมาจากขากลับ ไม่มีใครนั่งแถวหลังด้วย

ยุ้ยไปเที่ยวเพลินวานต่อกับญาติ (จะเห็นได้ว่าใครๆ ก็มาหัวหินวันสุดสัปดาห์)
น้องเอิ้นย้ายไปนั่งกับเพื่อนเด็กสาว

ทิ้งฉันให้นั่งพูดโทรศัพท์จนตัวเองยังปวดหัว
ยังดีมีกิจกรรมแก้เบื่อตอนรถติด (แปลว่าถึงกรุงเทพแล้ว)

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันเดียว ที่วีรันดาหัวหิน






ศุกร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ขึ้นรถไปวีรันดาหัวหิน
เขาเปิดมา ๕ ปีแล้ว ก็เพิ่งได้เห็น ได้ไปพัก ได้ไปกินข้าวนี่แหละ
(แต่วีรันดาเชียงใหม่ไปมา ๒ หนนะเออ)

แต่เท่าที่ได้เห็น ก็เห็นไม่หมด
เขาไม่ได้พา Inspect รีสอร์ต เลยไม่เห็นสปา และไม่ได้ชมพูลวิลล่า
ก็ทริปนี้เขาจะอวดร้านอาหาร ไม่ใช่สปา หรือพูลวิลล่า

ร้านอาหารเขาสวยจริง
อาหารก็ดีทั้งสองห้อง
ทั้งห้อง Dining room ที่ได้กินบุฟเฟ่ต์ตอนเที่ยงวันศุกร์
และบุฟเฟ่ต์เช้าในวันต่อมา

ห้องที่ได้พักน่ะเป็นห้องเบฯๆ แต่ได้วิวทะเล (โอ้วแม่จ้าว ใกล้ห้องอาหารมากไปไหม)
โดยรวมน่ะโอ เล็กแต่โอ ห้องน้ำกระทัดรัด แต่แบ่งสัดส่วนพื้นที่ได้ดี ออกแบบแสงไว้ดี

ส่วนเรื่องราคา ...ถ้ามาหัวหินคงไม่ได้มาพักที่นี่หรอก
จริงๆ โรงแรม-รีสอร์ตที่เคยไป ราคาระดับมาพักเองไม่ได้ทั้งน้านน

ต่อให้ได้ gift voucher ที่พัก+อาหารเช้ามายังต้องคิดเลย
ว่าจะจ่ายตังค์ค่าข้าวมื้ออื่นไหวไหม

เหอ เหอ

(ชีวิตก็งี้แหละ)

อุ่น อรุณสวัสดิ์บนหาดชะอำ



ดูที่ผิวน้ำสิคะ





วันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒


เพราะว่าใจจดจ่อจะมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดชะอำ
จึงตื่นแต่เช้าตรู่ ก่อน wake up call ซะอีก

เข้าห้องน้ำแล้วก็เดินหัวฟู ลากแตะตรงไปริมหาด
แล้วเลยรับสาย wake up call รอพระอาทิตย์ขึ้น ตอนที่เท้าสัมผัสฟองคลื่นอยู่นั่นเอง


อากาศเช้านี้เย็น ยิ่งตรงริมหาด ลมยิ่งแรง
เรียกว่าหนาวได้เต็มปาก

แต่หนาวอยู่้ไม่นาน พระอาทิตย์ก็ขึ้น


แสงสีส้ม กลมดิก ลอยขึ้นช้าๆ จากผืนน้ำ

ร่างกายได้อาบแสงอ่อนๆ
ก็เริ่มอุ่นขึ้นทีละน้อย
...ทีละน้อย


อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่พระอาทิตย์
(หน้าหนาว นอนตื่นสายนะคะ)




คำถามที่มีคำตอบ






คำถาม : ดูเหมือนพวกผู้ชายชอบความท้าทาย

ถ้าวันนึงหมดความท้าทาย
เรื่องมันจะเป็นไงนะ?



คำตอบ : พี่ว่าผู้ชายก็เหมือนผู้หญิง คือคนเหมือนกัน
 
ทุกคนมีวันหมดความท้าทาย หรือเบื่อ ซึ่งถึงวันนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับความผูกพัน การควบคุมตัวเอง (หิริโอตัปปะ) เพื่อที่จะทำให้เรารักษาความรู้สึกที่ดี (ที่ไม่ใช่ความหวือหวา) ต่อกันได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้แต่เราไม่ทำผิดต่อกัน เราก็จะจากกันด้วยความรู้สึกที่ดี ที่ยังมีมิตรภาพที่ไม่จางจากไป
 
ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไป...แต่จะเปลี่ยนอย่างไรขึ้นอยู่กับ (ความดีของ) เรา
 
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าคิด แต่ไม่ใช่คิดเพื่อทำให้วันนี้เราไม่มีความสุข เพียงต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ดีที่สุดระหว่างเรา (คำว่าดีที่สุด อาจรวมถึงความถูกต้องด้วย)



มีเพื่อนดีเป็นศรีแก่ปาก : คุกกี้ป่นมาถึงแล้ว



ตอนเอาออกจากบับเบิลน่ะ มันหลุดทะลุฝาครอบที่ติดสก็อตเทปมาเชียว

ดีนะ ที่มดไม่ขึ้น
ไม่งั้นตรูโดนประจานแน่




เสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ไปนอนหัวหิน ๑ คืนก็กลับ
กลับมาถึงบ้านไม่เย็นมาก ห้องนิติบุคคลยังไม่ปิด
เลยได้รับพัสดุห่อคุกกี้มาจากเชียงใหม่

ต่อไปขอให้ส่งไปที่ออฟฟิศ
และขอให้แพ็คกว่านี้
ถ้าไม่มีอุปกรณ์บรรจุที่จะรักษาคุณภาพขนมได้ดีกว่านี้ ก็อย่าส่งมาเลย
เสียดาย


สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคนทำ ที่อุตส่าห์นึกถึง และแบ่งส่งมาให้ชิม


วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฝากดูสเปคหน่อยจิ





มะเช้าเพิ่งได้แจกใบปลิวมา
งานคอมมาร์ตมันจะมีวันที่ 5 นี้

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อัปสราแห่งนครวัด





ขอรวมรูปเหล่าอัปสราผู้น่ารักไว้สักอัลบั้ม

อัปสราเป็นนางฟ้าที่ถือกำเนิดขึ้นจากกวนเกษียรสมุทร (กวนเสร็จแล้วมีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นทั้งหมด ๗ อย่าง อัปสราเป็นหนึ่งในนั้น)

พวกเธอแต่ละนาง (องค์? ตน? คน?) ที่ประดับฝาผนังปราสาทนครวัดอยู่มีคาแรกเตอร์ต่างกันไป
มีเสน่ห์น่าทำความรู้จัก สนใจและหลงใหลต่างกันไปตามจินตนาการของช่างผู้แกะสลักหิน

น่ามีเวลานานๆ ค่อยเดินพินิจเสน่ห์ฺของพวกนางไป

ไปเสียมเรียบคราวนี้ สนุก และมีความสุข
ส่วนหนึ่งก็เพราะได้ไปเห็นอัปสราใกล้ๆ นี่แหละ

Just to see Angkor (not ready to die-single!)



เอจังฝากเยี่ยมต้นหมาก





บ่ายวันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒

ในที่สุดก็ได้เห็น Angkor Wat กับตา

นี่คือ ๑ ใน ๗ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สร้างขึ้นหลังพุทธศตวรรษที่ ๑๗ โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ (พ.ศ. ๑๖๕๖-๑๖๙๓) เพื่ออุทิศถวายแด่พระวิษณุหรือพระนารายณ์ เพราะตะแกนับถือลัทธิไวษณพนิกาย (แถมเชื่อว่าตัวเองเป็นอวตารของพระวิษณุอีก)

นามแท้จริงของปราสาทจารึกไว้ว่า "พระพิษณุโลก" หรือ "วิษณุโลก" ส่วนชื่อ นครวัด นี่ เขามาติ๊ต่างเรียกกันภายหลัง

เรื่องวัตถุประสงค์ในการสร้างปราสาทหลังนี้ยังเป็นที่คลุมเครือ คือบางหลายคนก็เชื่อว่านี่เป็นการสร้างสุสานของพระองค์เอง (เหตุหนึ่งเพราะปราสาทหันหน้าไปทางตะวันตก อีกเหตุตรงกลางของปรางค์องค์กลางที่สูงที่สุด มันเหมือนมีแท่สำหรับตั้งศพ ใต้นั้นบรรจุทราย มีการคาดเดาว่าทรายมีไว้สำหรับรับน้ำเหลืองจากศพ ไม่ให้ไหลเลอะเทอะนั่นเอง-แต่อันนี้ก็ไม่ได้เข้าไปเห็นกะสองตาหรอกนะ แค่เดินรอบๆ ก็มืดแล้ว)

คือเมื่อตาย ก็เอาศพมาไว้ที่นี่ แล้วก็จะได้กลายเป็นพระวิษณุไปจริงๆ อะไรอย่างนั้น

(ในช่วงชีวิตของสุริยวรมันที่ ๒ พระองค์ยังคลั่งสร้างอีกหลายปราสาท-สมัยนั้นอาจดูบ้าและโหด กับการเกณฑ์แรงงานคนมาขนหิน มายกหิน มาแกะสลักหิน แต่คิดๆ ดูก็เหมือนท่านลงทุนทำไว้ให้รุ่นหลังๆ-ไม่รู้เป็นลูกหลานหรือเปล่าหรอก-ได้เก็บดอกเก็บผลกิน ต่างชาติอย่างเราจะเข้าไปดูเปล่าๆ ปลี้ๆ ไม่ได้หรอก ต้องจ่ายคนละ ๒๐ ดอลลาร์ต่อวันเสียก่อน)


เป็นอะไรที่ใหญ่โตมโหฬารมากมาย ลองคิดดู ปราสาทหลังนี้ (โปรดหาลิงค์ใน Google Earth ดูเอานะ) สร้างขึ้นในสมัยที่ยังไม่มีรถแบ็คโฮ ไม่มีแม้แต่รถอีแต๋นสำหรับขนหิน ไม่มีเครนยกหิน อะไรทำให้มนุษย์เป็นพัน ใช้เวลาจำนวนมากในชีวิตมาขนหิน จากที่หนึ่งไปที่หนึ่ง นั่งตอกแซะหินทุกวันให้กลายป็นลวดลายละเอียดลออ เป็นนางอัปสรายิ้มพริ้มพราย

แค่แรงศรัทธาในเทพเท่านั้นหรือ?

ตามรอย Angelina Jolie ที่ปราสาทตาพรม



น่ารัก-น่าเอ็นดู

ถ้าหาเงินได้เท่าโจลี่ ก็จะชวนมาอยู่ด้วยหรอก






ก่อนเที่ยงวันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒

จากปราสาทบายอน เราขึ้นรถตรงมายังปราสาทตาพรม
Location หนัง Tomb Raider (2001) ที่ Angelina Jolie เล่นเป็น Lara Croft

(แบร่บว่าไม่เคยดูกะเค้า เลยไม่รู้ว่าตรงไหนเป็นตรงไหน)

ปราสาทตาพรม (ชื่อจริงๆ ตามจารึกว่า "ราชวิเหียร" (ราชวิหาร) แต่เรียกกันอย่างนี้ี้ตามชื่อของตาพรม คนเฝ้าปราสาทสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาสำรวจ เป็นปราสาทที่พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ คนสร้างปราสาทบายอนสร้างอุทิศถวายให้พระนางชัยราชจุฑามณี (แล้วสร้างปราสาทพระขรรค์ให้พ่อ) ในปี พ.ศ. ๑๗๒๙ ที่นี่เคยมีเทวรูปรูปนางปรัชญาปารมิตา ซึ่งตามคติทางมหายานแล้วถือเป็นเทพีแห่งสติปัญญาประดิษฐานอยู่ใจกลางปราสาทด้วย

แล้วตอนนี้เทวรูปนี่อยู่ไหนหรอ
...ก็ฝรั่งเศสไงจ๊ะ