วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

แมวสอนว่า : แมวบางตัวก็ไม่อยากอ้วน

จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งความรัก








จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งความรัก
และขอให้ความรักนั้นเป็นเหมือนห้วงสมุทรอันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฝั่งแห่งวิญญาณของเธอทั้งสอง
จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน
จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน
จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว
ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน
จงมอบดวงใจ แต่มิใช่ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้น ที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้
และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่ว่าอย่าใกล้กันนัก
เพราะว่าเสาของวิหารนั้น ก็ยืนอยู่ห่างกัน
และต้นโพธิ์ ต้นไทร ก็ำไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้



"ปรัชญาชีวิต"
คาลิล ยิบราน

ถอดความโดย
ระวี ภาวิไล





วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

FUR : Freedom of Diane Arbus

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Drama

ดูมาหลายรอบ แต่ไม่คลิกเท่ารอบล่าสุดที่ได้ดู ไม่รู้จะเป็นเพราะเป็นการดูในรอบที่ ‘แก่’ ที่สุดแล้วหรือเปล่า (ฮ า!) แต่ก็นั่นแหละ เก็ตแล้ว ว่าคนทำหนังเรื่องนี้ขึ้นเขาจะบอกอะไรกับฉัน

FUR (2006) เล่าเรื่องของช่างภาพสาวอเมริกันผู้มีผลงานและชีวิตที่โดดเด่นน่าสนใจมากๆ คนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 นาม Diane Arbus (Nicole Kidman) …ดูไม่ง่ายนักเพราะไม่ใช่นี่ไม่ใช่หนังสารคดีชีวิต แต่เป็น “An Imaginary Portrait (of Diane Arbus)” ที่เล่าว่าจากคุณหนู ลูกสาวเจ้าของเฟอร์ยี่ห้อดังแห่งฟิฟธ์อะเวนิว มีพ่อเก่งกาจ และแม่สวยเริ่ดเชิดเนี้ยบ ผู้ควรจะใช้ชีวิตเรียบๆ เงียบๆ สมบูรณ์พูนสุขในฐานะแม่บ้าน แม่ของลูก และผู้ช่วยผัวช่างภาพ ทำงาน art director ผสม stylist ช่วยผัวทำงาน commercial art ไปวันๆ ..ทำไมจู่ๆ ถึงได้เกิดความกล้าจะค้นกล้องทวินเลนส์ Rolleiflex ที่สามีซื้อให้หลายปีแล้วขึ้นมา ด้วยหวังจะออกไปบันทึกภาพในแบบที่ตัวเองเห็น

หนุ่มประหลาดนาม Lionel Sweeney (Robert Downey Jr.) หรือเปล่า ที่เป็นแรงบันดาลใจที่จุดประกายให้ดิแอนแกะตัวเอง ก้าวออกมาจากพันธนาการที่ตัวเองมองไม่เห็น แล้วปลดปล่อยสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาในรูปที่ตัวเองบันทึก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นพอร์เทรตของบุคคลที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย

ค่อนข้างแฟนตาซี แต่หนังเรื่องนี้ลุ่มลึกด้วยสัญลักษณ์ที่ชวนให้คิด ตั้งแต่ คำถามแหลมคมที่แสกเข้ากลางใจ จากแขกผู้มาเยือน ตราที่หน้าประตูห้อง บ่อน้ำอุ่นบนอพาร์ทเมนต์ชั้นบน ผู้คนแปลกๆ (เว้าแหว่ง ไม่สมบูรณ์-ตามสำนวนนพดล เวชสวัสดิ์) ที่เพื่อนพาไปพบ พฤติกรรมชวนฉงนระหว่างคนเหล่านั้น ปอดที่กำลังจะหายไป มหาสมุทร และการว่ายออกไปโดยไม่กลับมาอีก

ดิแอน อาร์บัส สมัครใจออกจากไออุ่นอันแสนหรู แสนแพง แสนเนี้ยบ จากเฟอร์ของครอบครัว มาคลุมกายด้วยเฟอร์ที่เพื่อนเย็บให้ (ซึ่งถักทอขึ้นจากขนของเขาเอง!) เพื่อจะไปปลดเปลื้องเสื้อผ้า เปลือยตัวและเปลือยใจต่อหน้าคนไม่รู้จัก!!

ลองข่มอคติว่าหนังอาร์ตดูยาก เข้าใจยาก หามาดูแล้วคุณเองก็จะมีโอกาสได้สัมผัส An Imaginary Portrait of Diane Arbus ในมุมของตัวเอง ได้ค้นพบแรงบันดาลใจจากจินตนาการแสนพิสดารเกี่ยวกับดิแอน อาร์บัส (ของผู้กำกับ) ในแบบของตัวเองเช่นกัน


หมายเหตุ:
• FUR เป็นผลงานกำกับของ Steven Shainberg ผู้กำกับ Secretary (หนังรักโรแมนติกประหลาดโลกที่เล่าถึงความสัมพันธ์แบบ ‘ซาดิสม์-มาโซคิสม์’ ระหว่างผู้บริหารบริษัทหนุ่มกับเลขาสาวเซี้ยว)-เคยดูป่าวนะ?
• นิโคลเล่นสมราคา ส่วนดาวนีย์ จูเนียร์ รู้สึกหนังเรื่องนี้จะเป็นการกลับมาหลังจากหายไปพักใหญ่ของเขา ดีนะ นอกจากความหล่อแล้วก็ยังดราม่าได้กินใจทีเดียว (ถึงในหลายฉาดจะเห็นแค่ลูกตาเขาก็เหอะ!)
• เป็นอย่างที่คาด ดิแอน อาร์บัส ตัวจริงจบชีวิตตัวเองด้วยการกรีดข้อมือเมื่อมีอายุได้ 48 ปี แต่ก็หลังจากทิ้งผลงานลือลั่นไว้หลายชิ้นอะนะ กล้าดี ผู้หญิงคนนี้
• ให้พี่กู(เกิล)ช่วยหาผลงานของ Diane Arbus ด้วยการพิมพ์ชื่อของเธอลงไป แล้วคุณจะได้ทึ่งกับภาพถ่ายของผู้หญิงคนนี้
• รักหนังเรื่องนี้


วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Action Cats





อาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554

เจอ application ชื่อ Action-Snap
เลยเอามาจับจังหวะ action cats เล่นๆ

สนุกดีนะ

ขึ้นแล้วลงไม่ได้






เสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554

ไปวัดอรุณฯ ถวายสังฆทานและไหว้พระเสร็จก็เดินเตร็ดเตร่
มองไปเห็นแมวเดินไต่ขอบพระปรางค์
ในใจนึกว่าหาที่โพสได้เท่จริงๆ

ยืนมองอยู่พัก ได้ยินมันร้องเงี้ยวๆ เงี้ยวๆๆๆ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ
..และแล้วก็มีคำเฉลยจากพี่รปภ. ที่เดินมาขยายความ
"มันขึ้นแล้วลงไม่ได้น่ะ"


...ไม่ใช่มีแต่แมวหรอก ที่ปีนขึ้นพระปรางค์วัดอรุณแล้วลงไม่ได้ คนก็เป็นค่ะ

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

A Frozen Flower : ไม่ใช่หนังเกย์

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Drama



ฉันไม่ได้ตกใจอะไรมาก เมื่อรู้ว่าพระราชาใน A Frozen Flower (2008) เป็นเกย์ (ไม่ใช่แค่ไบฯ) แล้วก็ไม่ได้ถึงขนาดหัวใจจะวายกับฉากรักร่วมเพศอันเปิดเผยระหว่างพระราชากับองครักษ์ เพราะมันก็ดูสมเหตุสมผลของคนรักกันดีแล้ว ทั้งยังไม่ได้มีความหวาดเสียวอะไร แม้แต่กับฉากรักหลายวาระระหว่างมเหสีกับองครักษ์ก็ออกจะเฉยๆ เพราะยังเห็นว่าใช่ เป็นอารมณ์ความรู้สึกแบบที่คนลักลอบรักกันควรจะเป็น (หลายฉากยังแอบติว่าไม่เนียนด้วยซ้ำ)

ที่ฉันรู้สึกกับมันไม่น้อยกลับเป็นความเจ็บปวดของหนึ่งในสามคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังมากกว่า

เพราะพระราชาเป็นเกย์ ไม่สามารถทำให้มเหสีมีรัชทายาทได้ จึงให้องครักษ์ผู้เป็นชู้รักของตัวเองเป็นคนทำให้ ด้วยความรักและไว้ใจว่าชู้รักไม่น่าคิดอะไรกับเมีย(ในนาม)ของตัวเอง แต่การณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อองครักษ์ได้รู้จักตัวเองในมุมใหม่ ในฐานะผู้ชายที่ต้องการผู้หญิง

จากนั้นก็เป็นเรื่องธรรมชาติเลย หนุ่มสาวที่มีแรงดึงดูดต่อกันและกันมาพบกัน พึงใจในกันและกัน เริ่มมีความรู้สึกรักและต้องการในกันและกัน จึงลักลอบมาพบกัน

ใจพระราชาเหมือนมีควันกรุ่นตอนที่เริ่มจับสังเกตคนโกหก ตอนที่จับได้คาหนังคาเขาไฟนั้นก็เหมือนถูกโหมกระพือโพลงขึ้นท่วมใจ จนเมื่อได้ฟังคำตอบของคำถามที่แสนจะมีความหวังของตัวเอง ว่า “ที่ผ่านมาเจ้าเคยรักข้าหรือไม่?” ไฟนั้นก็เหมือนจะถึงจังหวะหมดเชื้อ ดับแสงวูบลงเอาดื้อๆ

ฉันคิดว่าสิ่งที่ทำให้พระราชาตายไม่ใช่คมดาบของชู้รัก แต่เป็นคำตอบปฏิเสธแสนเกรี้ยวกราด สิ้นเยื่อหมดใย ว่า “ไม่” จากคนที่เขารักมาก และรักมาตลอดนั่นเอง

สำหรับฉัน หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังเกย์
แต่เป็นหนังรักที่จบได้เศร้ามากเรื่องหนึ่ง




หมายเหตุ :
• หนังเรื่องนี้สร้างอย่างประณีต จัดเป็นหนังดราม่าที่ดีมากๆ ประกายตาของพระราชา (Joo Jin Mo) กับมเหสี (Song Ji-hyo) ถึงขั้นพูดได้เลยทีเดียว
• ถ้าจะมองหนังเรื่องนี้ในแบบที่เคยได้ยินมาว่า Yoo Ha เป็นผู้กำกับหนังมีชื่อเสียงในทางทำหนังที่ตีแผ่อารมณ์ดิบเถื่อนแห่งความเป็นมนุษย์ได้ตรงไปตรงมา ฯลฯ แล้วละก็ ฉันไม่เห็นหนังเรื่องนี้จะดิบ เถื่อน หรือตรงอะไรขนาดนั้น สำหรับฉากรัก ออกจะเป็นอะไรที่ไม่เนียน และถนอมตัวมากๆ ด้วยซ้ำ ถ้าอยากจะใช้คำคุณศัพท์กับฉากรักว่า "ตรงไปตรงมา" โปรดไปศึกษาฉากรักใน Lust, Caution (2007) นะคะ
• เพลงประกอบเพราะมาก (ฟังภาษาเกาหลีไม่ออก)
• สำหรับองครักษ์รูปงามคนนั้น (Jo In-seong) เพื่อนฉันสังเกตว่าตอนอยู่กับพระราชาดูหวามไหว ปากแก้มก็เหมือนจะแดงเรื่อด้วยสีฝาดด้วยซ้ำ ในขณะที่ตอนอยู่กับมเหสีกลับมีท่าทางกร้าวกร้านสมชายมากกว่า ฉันดูสองรอบแล้วคิดว่าไม่นะ สิ่งที่ไม่เหมือนกันดูจะมีแค่ฟีลลิ่งจากเครื่องแต่งกายเท่านั้น บุคลิกของฮงริมตอนอยู่กับชายคนรัก หรือหญิงคนรัก ยังเป็นฮงริมเหมือนเดิม เพียงแค่สายตาที่มองอีกฝ่ายต่างออกไปเท่านั้นเอง
• ขอบคุณม่อนที่อุตส่าห์ไรท์ VCD มาให้ตั้งนานแล้ว กว่าจะได้ดูต้องไปถึงบางอ้อซะก่อน ว่ามันต้องเล่นกับคอมเท่านั้น

พบ และ พราก





พบ
แล้ว
พราก

-

พราก
แล้ว
พบ



ควรทำอะไร เมื่อรู้ว่าเพื่อนกำลังจะจากไปตลอดกาล

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ไม่กินเนื้อค่ะ ไม่กินเนื้อ


ชื่อเกาหลีคือ Kyung Dan
คำอธิบายภาษาอังกฤษคือ Korean Rice Cake

เขาเอาแป้งผสมน้ำห่อลูกเกด แล้วเอาไปต้ม ก่อนจะเอามาคลุกกับเกล็ดแป้งเค้กกลิ่นวานิลลา (สีนวล) และแป้งเค้กกลิ่นช็อกโกแลต (สีน้ำตาล)

เคี้ยวแล้วออกเปรี้ยวๆ หนึบๆ
กินคู่กับชาอบเชยร้อน


จันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554

ไปทำงานที่ Kayageum (คายากึม) โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส
ร้านเค้าเป็นบุฟเฟ่ต์บาร์บีคิว-ฮ็อตพ็อต แบบเกาหลี

ใจจริงแค่อยากอวดรูป "ขนมต้มเกาหลี" แหละ
แต่ไหนๆ แล้วก็จัดไปเลยละกันนะ

แมวไม่กลัวงู!


ลากๆ ลากไปฟัด

เจ้างูนี่ ไม่รู้จักพี่หมาน่อยซะแล้ว



หมาน่อยจะทำอย่างไร
เมื่อพบว่าอยู่ดีๆ มีงูบุก!

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

The Green Hornet : ฮีโร่จะดีอยู่ที่เพื่อนร่วมงาน

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Comedy


แปลกใจเมื่อรู้ว่าโรงหนัง Enigma จะฉาย The Green Hornet (2011) ซึ่งถูกตั้งชื่อเป็นภาษาไทยว่า “หน้ากากแตนอาละวาด” เพราะไม่รู้จักฮีโร่รายนี้เลย (พอดีเกิดไม่ทันยุคบรูซ ลี) แถมยังดูแคลนเล็กน้อย ด้วยการคิดไปเองว่าคนดูหนังในโรงแบบนี้น่าจะชอบหนังดราม่าที่มีคลาสหน่อยไม่ใช่หรือ (หากเคยดูหนังในโรงหนังที่แพงขนาดนี้แค่ 2 เรื่อง คือ The Curious Case of Benjamin Button กับ Eat Pray Love เหมือนฉัน คุณจะคิดเหมือนกันไหมล่ะ?)

...ในที่สุดก็เข้าใจคนจัดหนังมาฉายใน Enigma มากขึ้น และได้รู้ว่า ‘หน้ากากแตนอาละวาด’ เป็นหนังที่สนุกมากที่สุดเรื่องหนึ่งในบรรดาหนังที่ได้ดูมา (ซึ่งปกติก็มักเป็นเรื่องโศก ดราม่า สืบสวน ยิ่งเครียดยิ่งบีบคั้นยิ่งชอบดู ว่างั้น)

The Green Hornet หรือหน้ากากแตนไม่ใช่ฮีโร่พลังพิเศษ เปี่ยมพรสวรรค์ หรือมีของวิเศษทำนองเดียวกับซูเปอร์แมน, สไปเดอร์แมน, ดิ เอ็กซ์เมน - - -โอเค อินทรีแดงเป็นฮีโร่ที่เป็นคนธรรมดาใส่หน้ากาก แต่ดูเหมือนโรม ฤทธิไกร จะถูกเทรนความสามารถในการรบมาแล้ว แถมยังหล่อ และเท่ ส่วนเจมส์ บอนด์ก็ทั้งหล่อ ทั้งเก่งฉลาด และมีเสน่ห์

แต่กับ บริตต์ รีด (Seth Rogen) ผู้คิดจะสถาปนาตัวเองเป็นหน้ากากแตนนั้น พูดได้ว่าไร้ศักยภาพในการเป็นฮีโร่อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ไหวพริบ สติปัญญา ความสามารถในการต่อสู้ การใช้อาวุธ แม้แต่แผนในการ Launching เปิดตัวสู่วงการอาชญากรรมพี่แกยังต้องหลอกให้เลนอร์ (Cameron Diaz) เลขาคนสวยช่วยคิดให้เลย

เคโต้ (Jay Chou) หนุ่มจีนชงกาแฟเก่ง ผู้เป็น sidekick หรือผู้ร่วมงาน ซึ่งยังหาสมญานามไม่ได้ (ในภาคนี้?) ของเขายังจะเข้าสูตรความเป็นฮีโร่มากเสียกว่า (แต่เรายังไม่เคยมีฮีโร่ผิวเหลืองในอเมริกาเลยใช่ไหม) คือทั้งมีความสามารถในเชิงกังฟู สามารถเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าคนอื่นตอนที่ตัวเองหัวใจเต้นแรง ที่สำคัญคือมีความสามารถในการสร้างสรรค์นวตกรรมแปลกประหลาด ไม่ว่าจะเป็นแบล็กบิวตี้ รถดำสะเทินน้ำสะเทินบกที่ทนทายาด หรือปืนยิงยาสลบควันเขียว อาวุธประจำกายของหน้ากากแตน

เนื้อเรื่องของหนังไม่พิสดารอะไร เขาเล่าลำดับได้มีเหตุมีผล ตลกอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถเรียกเสียงหัวเราะออกมาได้จริงๆ บุคลิกของตัวละครก็ออกจะมีวิญญาณของผู้คนจริงๆ ลูกชายคนเดียว ทายาทหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ที่เติบโตอย่างลีบๆ เงียบๆ ใต้เงาตระหง่านของพ่อ ไม่รู้จะทำอะไร และเป็นแบบไหนถึงจะถูกใจพ่อ แล้วต้องอึ้ง ทำอะไรไม่ถูกเมื่อพ่อตายลงอย่างกระทันหันจากพิษของสัตว์มีเหล็กไน เด็กผู้ชายตัวโตที่ยังเพลินกับการเล่นของเล่นตัวต่อ สนุกกับการปั้นเรื่องหลอกคนอื่น และยังคงตืนเต้นตาเป็นประกายกับแผนการบ้าๆ บอๆ ..เขาจะทำอะไรดี เพื่อให้คนอื่นและตัวเองยอมรับในฐานะลูกของพ่อ

ไม่รู้ว่าเรื่องดั้งเดิมที่เอามาสร้างเป็นหนังถูกเขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงล้วนๆ หรือถึงลึกล้ำถึงขั้นจะบอกว่าในเมื่อผู้ชายโหลยโท่ยอย่างบริตต์ รีด เป็นหน้ากากแตนได้ คนที่ไม่โหลยโท่นขนาดนั้น (อย่างเราๆ) ก็เป็นฮีโร่ได้


แค่ต้องหา ‘เคโต้’ ของตัวให้พบ?


หมายเหตุ
• อึ้งมาก เมื่อรู้ในภายหลังว่าผู้กำกับหนังเรื่องนี้คือ Michel Gondry ผู้กำกับ Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)! แถม Seth Rogen ยังร่วมเขียนบทด้วยเสียอีก
• ชอบที่เขาเลือก Seth Rogen และ Jay Chou มาเล่น เพราะสองคนนี้ค่อนข้างจะใหม่เอี่ยม เรายังไม่ติดภาพลักษณ์ความเป็นอะไรของเขามา มีความรู้สึกว่า Seth ผู้มีบุคลิกที่ไม่โดดเด่นเป็นที่จดจำเอาเสียเลย เหมาะกับบทนี้มากๆ ส่วนเจย์ โชว์ เทรนภาษามาดีเชียว แล้วก็นะ ดีที่ยอมลดดีกรีความโดดเด่นมารับบทรอง เพราะจริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ใจกว้างมาก ให้พื้นที่เคโต้พอๆ กับหน้ากากแตนเลย
• คิดว่าเป็นหนังที่เกือบจะจัดสัดส่วนของน้ำหนักดีแล้วเชียว บทที่ให้ Diaz เล่นก็ดี ไม่มาก ไม่น้อย ไดอาล็อกก็ฉลาด ฉับไว สมกับเป็นตัวละครนั้น (ผิดหวังแค่เจ้าหล่อนหน้าเหี่ยวลงไปเยอะ) มารู้สึกว่ามันยืดยาดเอาอีตอนแบล็กบิวตี้บุกตึกหนังสือพิมพ์นี่แหละ แต่พอมาคิดดูอีกที ซีเควนซ์นี้อาจจัดมาสำหรับเวอร์ชั่น 3D โดยเฉพาะ
• ใครชอบดูหนังแอคชั่น 3D อาจจะชอบหน้ากากแตนละนะ แต่ถึงดูโรงธรรมดา (ไม่ต้องถึงกับ Enigma) หรือแม้จะดูแผ่นก็ได้หัวเราะเหมือนกันแหละ
• ประสบปัญหานิดหน่อยในการจัดประเภทหนังเรื่องนี้


วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เยี่ยมร้านไม้น้ำ


ซื้อกลับมาด้วย

พุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554

วันไหว้เจ้าตรุษจีน แต่เราไปตลาดต้นไม้ที่สวนจตุจักร
ตรงไปที่สวนบัวเกษร เยื้องกับร้านภูฟ้า สาขาปากทาง MRT กำแพงเพชร
ไปถ่ายรูปพันธุ์ไม้น้ำ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น
แต่ก็ถ่ายรูปแบบเล่นๆ มาบ้างเหมือนกัน