วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

คนเรา, เกิดมาเพื่อทำอะไรบางอย่าง





ไปเดินงานแสดงสินค้ามูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพเมื่อวันก่อน
พบงานฝีมือของชาวเขามากมาย
ดิบ สด ใสซื่อ แต่เปี่ยมพลังมีชีวิตชีวา ..ฉันรู้สึกแบบนี้กับงานเหล่านั้น


จะเป็นงานประณีตศิลป์แบบช่างสิบหมู่ หรืองานปักของชาวเขา
ล้วนต้องการจินตนาการ แรงบันดาลใจ และเวลา ในการสร้างสรรค์
สำหรับฉันแล้ว การลงทุนทำงานฝีมือขั้นนี้นั้นประเมินราคาได้ยาก 
ไฉนงานของพวกเธอกลับจำหน่ายในราคาถูกแสนถูก?

อ้อ
เพราะเป็นงานฝีมือที่ติดอยู่ในโกดังเมื่อน้ำท่วมเมืองปลายปี 53
เขานำไปซักตาก หลายชิ้นจึงมีรอยเปื้อนสีตก บางชิ้นสีซีดลง บางชิ้นทั้งซีดและตก
...ใช่แล้ว ชาวเขาไม่ได้ใช้ไหม DMC หรือ OLYPUS ปักงาน

ฉันอยากได้มาทั้งหมดกองพะเนินนั้น แต่ทำไม่ได้
จึงเลือกมาเพียงบางชิ้นเพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจของตัวเอง
บางชิ้นจะใช้สร้างสรรค์งานเลี้ยงชีพต่อไป

ถ้ามีโอกาส ฉันจะหางานฝีมือชาวเขามาใช้อีก
ไม่ใช่แค่ฉันหวังอยากมีส่วนพยุงส่งเสริมลูกผู้หญิงด้วยกัน 

แต่ด้วยฉันหวังจะให้ชาวโลกเห็นค่าของงานฝีมือ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

ความสุขก่อนวันปีใหม่ (2)



บ้านอีกหลังที่ฉันไปเยี่ยมก่อนวันปีใหม่อยู่ตรงสุดสายรุ้ง ปลายสะพานแขวนที่อีกฟากของแม่น้ำ

เพื่อนสาวของฉันช่างโรแมนติกนักที่ไปอยู่ตรงนั้น

เรารู้จักกันมานาน ทางมัลติพลายอีกนั่นแหละ เคยรักชอบกัน งอนกัน แต่ตอนนี้เรากลับมาเข้าใจกันอีกครั้งทางเฟสบุ๊ค ไลน์ และอินสตาแกรม (ฮา) ด้วยวุฒิภาวะแห่งวัยที่เจริญขึ้น เราแลกเปลี่ยนความคิด เล่าสู่กันเรื่องชีวิต อนาคต และความหวั่นไหว ทั้งเรื่องผู้ชายและเรื่องอื่น

เรื่องหวั่นไหวล่าสุด ทำให้ฉันถามถึงการพบปะกันจริงๆ สักครั้งของเรา ทั้งๆ ที่ฉันเป็นฝ่ายหลบเลี่ยงการเจอกันตัวเป็นๆ ของเรามาโดยตลอด ไม่รู้ทำไม สงสัยฉันจะกลัวความเก๋ของเธอกระมัง

วันสิ้นปีเป็นวันที่อากาศดี ลมเย็น แดดใส ฉันดีใจที่ฉันได้เห็นว่าตัวจริง ชีวิตจริงของเธอในตอนนี้ไม่เก๋จนน่ากลัวเหมือนภาพที่ฉันคิดไว้ เธอออกจะอยู่ง่าย อยู่สบายในสไตล์ของเธอ ฉันเห็นแล้วก็ยินดีกับชีวิตของเธอ และวิถีที่เธอเลือก

แมวทั้งสามของเธอนั้นน่ารัก อ้วนปุ้กทุกตัว ฉันได้อุ้มแล้ว 2 ตัว อีกตัวฉันยังไม่ลืมว่ายังไม่ได้อุ้ม

ฉันมีความสุขดีกับการเดินทางสบายๆ ข้ามสะพานไปหาเธอ หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนความสงบของเธอจนเกินไป เสียดายอย่างเดียวที่ฉันลืมหยิบบราวนี่ในตู้เย็นไปฝากเธอด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้จิบกาแฟเรียกน้ำย่อยก่อนลงมือกินปลาดุกทอดแกล้มส้มตำ

โอกาสหน้าให้ฉันแก้มือนะเธอนะ

ความสุขก่อนวันปีใหม่ (1)





                นึกไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมเราควรมีความสุขกันนักหนากับเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ในเมื่อถ้าเรายังมีโอกาสหายใจในเช้าวันใหม่ ก็เท่ากับเรายังมีวันใหม่ๆ ให้เริ่มต้นกันได้ทุกวัน 

                แต่จะว่าฉันเฉยเมยกับช่วงเวลาที่ใครๆ พากันทำตัวให้มีความสุขก็ไม่ใช่หรอก เพราะฉันก็ทำตัวมีความสุขเหมือนกัน

                ระหว่างวันหยุดยาว 4 วัน ที่หลายคนออกไปเที่ยวไกลบ้าน ฉันจัดการผสมแป้งบราวนี่สำเร็จรูปใส่ถาดอะลูมิเนียมพร้อมเสิร์ฟ อบจนสุกหอม แล้วออกจากบ้าน ไปไกล ไปหาเพื่อน 2 คน ต่างมุมเมือง

                เพื่อนคนแรก ฉันไปเยี่ยมไข้ โชคชะตานำพาเรามารู้จักกันทางมัลติพลาย แลกเปลี่ยนเล่าเรื่องราวของกัน มีโอกาสไปทำอะไรแปลกๆ ฮาๆ แบบไม่ค่อยปกติร่วมกัน ก่อนที่เขาจะป่วยด้วยอาการประหลาด จริงๆ เขาเริ่มป่วยมาตั้งแต่ก่อนเราจะรู้จักกันเสียอีก ด้วยอาการเนื้องอกในสมองแบบแปลกๆ ที่ปรากฏขึ้นหลายตำแหน่ง บางตำแหน่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญและสุ่มเสี่ยงในการจะผ่าตัดออก หมอไม่อาจเข้าใจชนิดของเนื้องอกนี้ จึงไม่สามารถให้การรักษา หรือหยุดยั้งมันได้ เท่าที่ทำได้ เข้าใจว่าจะเป็นเพียงการบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ณ ตอนนั้นๆ

                ราวสามปีก่อนหน้า เป็นวันก่อนปีใหม่เหมือนกัน ฉันได้ไปเยี่ยมเขาที่บ้านหลังหนึ่ง อาการวันนั้นคงจะดีกว่าวันนี้ตรงที่เขายังพอพูด เล่าเรื่องอะไร บอกอะไรให้เรารับรู้บ้าง แต่ล่าสุดนี้ที่บ้านของพี่ชายที่อยู่ห่างออกไป เขาพูดลำบากขึ้นมาก ถึงขั้นที่แม้คนใกล้ชิดก็ยากจะฟังออกว่าเขาต้องการบอกอะไร การสื่อสารจากเขาในตอนนี้เป็นการจิ้มพิมพ์คำในโน้ตแพดของแท็บเล็ต ..โชคดีที่มือขวาของเขายังใช้ได้

                ได้เห็นอาการของเขา ยังไม่รู้สึกใจหายเท่ากับได้เห็นคุณแม่ สามปีก่อน คุณแม่คือกำลังหลักในการดูแลลูกชายคนนี้ จำได้ว่าวันนั้นคุณแม่คุยกับเราผู้ไปเยี่ยมยาวนาน เล่าเรื่องต่างๆ แต่หนหลัง เรื่องราวที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเข้มแข็งและเป็นนักสู้ของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ คนที่ในคราวนี้เธอตัวเล็กลงกว่าเดิมอีกมากเพราะอาการป่วย คุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งปอด ท่านนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร มีสายออกซิเจนช่วยหายใจ ท่าทางจะเหนื่อยอ่อนขณะพยายามกินอาหารในชามเล็กๆ ของท่าน บอกให้ฟังว่าไม่รู้รส และไม่อร่อยเลย ฉันเชียร์ได้แต่ให้ท่านกินอีกนิด เพื่อที่จะได้มีแรงสู้กับโรค

                อิ่มข้าวแล้วคุณแม่หยิบชิ้นงานโครเชต์ขึ้นมาถัก ฉันชวนคุย ท่านว่า เป็นหมวกสำหรับถวายพระ 2 วันถักได้ 1 ใบ “ถักไปเรื่อยๆ จะได้ไม่คิดมาก” ฉันยิ้ม และอนุโมทนาบุญกับท่าน

                บราวนี่ที่ฉันอบไปเป็นสูตรฝรั่ง มันทั้งหวานและเข้มข้น พี่ชายเพื่อนชิมแล้วบอกว่าหวาน แต่ฉันเห็นเพื่อนของฉัน ค่อยๆ ใช้ส้อมเล็มบราวนี่ชิ้นใหญ่ที่ฉันแบ่งให้ ส่งเข้าปากตัวเองช้าๆ อย่างต่อเนื่อง สลับกับหยุดไอเพราะสำลัก ..ใช่แล้ว ตอนนี้แม้แต่การเคี้ยวอาหารกลืนก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขา แต่เขายังพยายาม

                มองเห็นเพื่อนกินบราวนี่หวานๆ ของฉันจนหมดชิ้น ฉันมีความสุข โอบกอดเขา กราบคุณแม่ และบอกว่าจะกลับไปเยี่ยมอีก

                ฉันเดินทางข้ามเมือง กลับบ้านตัวเองอย่างมีความสุข

Whatever happens tomorrow, we've had today