วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

กรีดกรายไปงานแต่ง






เสาร์ที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๒

somewhere in Bangkok
เบลอ แต่ไม่เมา


The Departures : การเรียนรู้ที่จะปลดปล่อย

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Comedy


หนังเรื่องนี้ไม่มีสปอนเซอร์สนับสนุน แต่พาตัวเองไปดู ทั้งที่ช่วงนี้ห่างสกาล่ามาไกล แทบไม่ได้ขวนขวายติดตามว่าเขากำลังฉายอะไรอยู่ แต่เมื่อหลายวันก่อน เพื่อนชาวเกาะเขียนเล่ามาว่า

....วันนั้นไปดูเรื่อง departures ก็ดีนะ
เพลงก็เพราะดี เอ็งดูยัง
(?)
หนังญี่ปุ่น
ฉายที่สกาล่า
ชอบเมียพระเอก…

อ่านแล้วมันอยากรู้ ว่า “ดี” ของเพื่อนนี่มันดียังไง (เพื่อนอิฉันคนนี้ชอบอะไรได้ยากอยู่) แล้วเมียพระเอกมีอะไร ทำไมเพื่อนถึง “ชอบ” ลองสืบเสาะดูได้ความว่า The Departures (2008) ยังฉายที่โรงหนังสยาม (ไม่ใช่สกาล่า) วันนี้นัดน้องสาว เลยชวนดูด้วยกันซะเลย

ดูแล้วก็บอกไม่ถูกหรอกว่าที่เพื่อนว่าดีน่ะ ดีตรงไหน รู้แต่ว่าน้ำตาไหลได้ตลอดตั้งแต่ต้นเรื่อง

หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิต ..ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นหนังเศร้า แต่หมายถึงว่า มันเป็นหนังที่พูดถึงชีวิต การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตและความฝันของคนคนหนึ่ง นำพาเขาอำลาเมืองหลวงกลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิด ในบ้านที่แม่ทิ้งไว้หลังจากลาโลกนี้ไปแล้ว

เขาจับพลัดจับพลูไปได้งานเงินดี ที่คนดีๆ แต่คนดีๆ เขาไม่นึกอยากทำกัน มันคืองานแต่งศพก่อนนำลงโลง แล้วก็เผาหรือฝังตามประเพณี

ความน่าสนใจของเรื่องที่เขาเล่าไม่ได้มีเพียงขั้นตอน ธรรมเนียมในการแต่งศพ และพิธีกรรมงานศพ (ประณีตมาก) แต่ยังเป็นชีวิตของผู้จากไปและครอบครัว และชีวิตของคนทำศพคนนั้นด้วย

แปลกดี... ตลอดเวลาที่เรายังมีชีวิต เราแต่ละคนช่างไม่หนัก และไม่เหนื่อยที่จะ “ถือ” อะไรต่างๆ ไว้ในมือมากมาย ทั้งที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้อย่างทิฐิ อัตตา และความภาคภูมิใจในตัวเอง ทั้งๆ ที่ของพวกนี้มันออกจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำให้เราดูฟู่ฟ่าอย่างลวงโลก (เออ แต่สไตล์นี้บางคนเขาก็ชอบนิเนอะ) และทั้งๆ ที่มันนั้นพอกหนาจนกลายเป็นเกราะ กั้นไม่ให้คนที่รักเราและเรารักเข้าถึงตัวเราได้

ต้องให้ความตายเรียกน้ำตามาชะล้าง ละลายเกราะพวกนั้นเสียก่อน เนื้อแท้ของความรู้สึกจึงจะปรากฏ เปิดประตูให้ความรู้สึกในใจหลั่งไหลออกมา



แล้วทำไมต้องรอให้น้ำตาหลังความตายมาทำหน้าที่นี้?

ตอนที่ทุกคนยังมีลมหายใจ ทำไมเราไม่ปลอดปล่อยตัวเอง ด้วยตัวของเราเอง

ปล่อยเหมือนที่ไดจังยอมขายเชลโล่ไฮโซ ราคา ๑๘ ล้านเยนตัวนั้นเสีย ปล่อยเหมือนที่ผัวเมียคู้่นี้ปล่อยทะโกะ (หมึกยักษ์) ที่ยังไม่ยอมตายตัวนั้นกลับทะเล



...เป็นอิสระและเผยความรู้สึกต่อคนรัก เหมือนที่ไดจังแกะ ปล่อยหินก้อนนั้นจากมือพ่อ





บันทึก:
• หลังจากตาปูดออกจากโรงกันทั้งพี่ทั้งน้อง น้องสาวอิฉันหันมาบอกว่า “ดูหนังกะแกทีไร ร้องไห้ทุกที” (ขอโทษนะ ก้อเค้าไม่รู้นี่นา ว่ามันจะ...มากขนาดนี้)
• ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ชื่อ โยจิโระ ทากิตะ เจ้าของผลงาน The City That Never Sleeps: Shinjuku Shark (1993), Himitsu (1999), The Yin Yang Master (2001), When the Last Sword Is Drawn (2003) (....ไม่เคยดูเลย :-P)
• พระเอกในเรื่องชื่อไดโกะ (เมียเรียกไดจัง) คือ มาซาฮิโระ โมโทกิ เห็นว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ชื่อ ชิบุงากิไท ซึ่งเป็นที่รู้จักของวัยรุ่นญี่ปุ่นในยุค’80s (เกิดไม่ทัน)
• น้องนางเอกในเรื่องชื่อมิกะ เล่นโดย เรียวโกะ ฮิโรสุเอะ (น้องคนนี้ก็คุ้นหน้าจัง) น้องเค้ายิ้มได้พิมพ์ใจ ทั้งตาและปาก ถ้าเราเป็นผัว เห็นยิ้มเมียอย่างนี้คงชื่นใจ ก็เธอซัพพอร์ตสุดๆ (หรือเพื่อนชาวเกาะจะชอบเมียพระเอกเพราะเธอเป็นผู้หนับหนุนที่ดี??)
• นึกชอบการเล่าถึงความรู้สึกในใจของไดจังที่ถูกสะเทือนด้วยประสบการณ์การทำงานวันแรก ที่กลับบ้านมากอดจูบ สัมผัสเลือดเนื้อของเมียได้ดื่มด่ำและร้อนแรงกว่าเดิม (เชื่อว่างั้นนะ)
• ในญี่ปุ่น หนังเรื่องนี้กวาดรางวัลมาเป็นกอง แต่ที่น่าประทับใจมากคือ ได้รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมไปครองด้วย
• มันยาวถึง ๑๓๐ นาที เพราะมีรายละเอียดอันน่าอภิรมย์ร้อยเรียงอยู่ในนั้น ก่อนเข้าชมควรเข้าห้องน้ำและกินอะไรรองท้องไม่ให้ว่างเปล่าเสียก่อน จะได้ไม่ขาดอรรถรสในการชม
• อ้อ ถ้าอยากช่วยลดโลกร้อน อย่าลืมพกผ้าเช็ดหน้าไปด้วยล่ะ
• ที่ House RCA เขาก็ฉายนะ ใกล้โรงไหนไปดูได้จ้า



วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

5x2 (cinq fois deux) : หนังเรียกน้ำตา

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Drama



และแล้ว François Ozon ผู้กำกับ Swimming Pool ก็ทำร้ายหัวใจสาวโสดที่ยัง(แอบ)มีความฝันซึ่งดิสนีย์ยัดเยียดมาให้ตั้งแต่จำความได้ ที่ว่า..แล้วเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็ครองรักกันตลอดไป


ก็รู้นะว่าชีวิตจริงมันไม่ได้จบอย่างนั้นเสมอไป แต่..ต้องทำกันขนาดนี้เลยหรอ?


เปล่าหรอก 5x2 (2004) ไม่ได้เฆี่ยนตีหัวใจคนดูด้วยแส้หนัง ไม่ใช่ทั้งก้านมะยม
ไม่ได้ใช้ไดอาลอกรุนแรงสะเทือนหัวใจคนดู ไม่ใช่ทั้งภาพการใช้กำลังทำร้ายกัน

เขา่แค่เล่าเรื่องของคู่รักคู่นึงที่ไปไม่รอด

เล่าง่ายๆ เริ่มจากตอนจบ ไล่ไปจนจุดเริ่มต้น


ที่มันเรียกน้ำตาได้มากนัก คงเป็นเพราะหนังมันค่อยๆ พาเราออกจากความทุกข์ ไปจบเอาตอนเริ่มต้นอันแสนสุขนี่ละมั้ง?








บันทึก:
-ด้วยความเคารพรายละเอียด(ม้าก-มาย)ในชีวิตสมรส อิฉันไม่ได้ต่อต้านหรือสนับสนุนการหย่า แต่คิดว่าถ้ายังอยู่ด้วยกันแล้วปวดใจมากจนหาความสุข ความสงบไม่เจอ ก็หย่าแล้วแยกกันไปเถอะ ในทางกลับกันถ้าความสุขยังพอหาได้ ลองปรับปรุงความสัมพันธ์ดูก่อนก็ดี
-ถ้าคุณดูหนังเรื่องนี้แล้วไม่คิดถึงตอนเริ่มต้นของคุณกับคนรักที่จบความสัมพันธ์กันไปแล้วเลยละก็
...แปลว่าคุณลืมได้แล้วจริงๆ
-ผู้กำกับใจร้ายมาก เรื่องนี้เขาเขียนบทคู่กับ Emmanuèle Bernheim
-นางเอก Valeria Bruni Tedeschi ได้ Best Actress จาก 2004 Venice Film Festival
-เป็นหนังฝรั่งเศส ที่ฝรั่งเศ้ส ฝรั่งเศส ผู้กำกับแอบถามท้าคนดูอีกตามเคย-ใช้ชีวิตคู่กันแล้วทำไมต้องซื่อสัตย์?
-อยากได้ OST
-กราบขอบคุณสปอนเซอร์คนสวย ขอโทษที่ดองนาน จะส่งคืนในเร็ววันนี้ฮะ



(-ทำไมเราต้องเลือกหนังเรื่องนี้มาดูก่อนไปงานแต่งด้วยวะ?)



วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พ่อแม่ช่วยกันปั้น





หวัดดีน้องปั้น

หนูเกิดเวลา ๒๓.๒๐ น. คืนวันอังคารที่ ๒๓ มิถุนาคม ๒๕๕๒ ก่อนกำหนดเดิมของหนู คือวันที่ ๗ เดือน ๗ ตั้ง ๒ สัปดาห์
มาพร้อมน้ำหนัก ๓,๐๐๐ กรัม น้าดูแล้วก็คิดว่าหนูตัวใหญ่ไม่ใช่เล่นเลย
(เกิดมาก็ตัวตึงเปรี๊ยะเชียวลูก) ..แต่หนูรู้อะไรไหม แม่จินนี่น้อยของหนูเขาคลอดหนูเองเลยนะ
แล้วเขาก็ได้แต่เล่าซ้ำๆ อย่างภาคภูมิใจให้น้าฟังว่า "เป็นอะไรที่เจ็บปวดทรมานมาก"
(หนูนึกออกไหมว่าแม่เค้ากำลังทำหน้ายังไง-อิ อิ)

พ่ออาร์ตกะแม่จินตั้งชื่อหนูว่า "ปั้น" น้าว่าน้าเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
ชื่อจริงหนูเท่มาก แม่เขาให้หนูชื่อว่า "นฤทธิ์" ฟังดูแมน+แรงดีนะ น้าว่า

ตอนอายุยังไม่เต็มวันนี่ตัวหนูเป็นสีส้มเหมือนแซลมอนรมควัน (น้ากำลังหิว) เวลาหนูร้องหน้าหนูดูแดงแป๊ดขึ้นมาเชียว

แม่หนูบอกน้ำนมยังไม่ไหล
แต่หนูขยันดูดมากๆ น้าว่าเดี๋ยวนมอุ่นๆ คงจะไหลมาเทมาให้หนูได้ดูดจนอิ่มอย่างแน่นอน

สู้ต่อไปนะ น้องปั้น!


หมายเหตุ:
-ชมภาพน้องปั้นตอนอยู่ในท้องแม่ http://mandymois.multiply.com/journal/item/229/229
-พ่อหนูหน้าตาดีจริงๆ นะ http://mandymois.multiply.com/photos/album/473/473


วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Engine : ชีวิตคือการต่อสู้

Rating:★★★★★
Category:Other


Engine (2005) เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่เล่าเรื่องของหนุ่มนักแข่งรถ F3000 ที่ผิดหวังจากการทำงานที่อิตาลี บ่ายหน้ากลับมาบ้านในโตเกียว ซึ่งกลายสภาพเป็นบ้านเด็กกำพร้าไปแล้ว ระหว่างที่เขาดิ้นรนเพื่อให้ได้ขับรถแข่งอีกครั้ง ทั้งๆ ที่อายุมากขึ้น บรรดาเด็กๆ รวมถึงผู้ใหญ่ในบ้านก็ดิ้นรนต่อสู้กับปัญหาของตัวเองไปพร้อมกัน

'ชีวิตคือการต่อสู้'

Engine บอกอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกคนต่างก็มีความฝัน มีปัญหาของตัวเอง
และทุกคนต้องต่อสู้เพื่อทำฝันให้เป็นจริง ต้องแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ในสนามแข่งขันแห่งชีวิตของตัวเอง จะชนะได้ไม่ใช่แค่ต้องเฮง ตัวใหญ่ รูปร่างได้เปรียบ แต่ต้องกล้าหาญ มุ่งมั่นอยากชนะ ถ้าจะให้ดีต้องมีกำลังใจจากคนรอบข้าง (โดยเฉพาะคนที่ตัวเองรัก) ด้วย

เป็นแนวคิด (แบบญี่ปุ่น?) ที่แจ่มแจ๋วมาก สำหรับคนในโลกที่ผู้ใหญ่คอยแต่จะโอ๋ โอบอุ้มประคับประคอง ช่วยเด็กๆ ทำ (ไปเสียทุกเรื่อง) อย่างอิฉัน

ซีรีส์เรื่องนี้มาถึงมือหลังการพูดคุยกับสปอนเซอร์ส่วนตัวถึงซีรีส์ Change ที่เพิ่งลาจอทีวีไทยไป ใช่แล้ว ดารานำใน Engine คือคนเดียวกันที่แสดงเป็นนายกมือใหม่ในเวทีการเมืองคนนั้น แต่บุคลิกในสองเรื่องนี้ต่างกันมากเชียวแหละ

สิ่งที่ชอบเกี่ยวกับตัวละคร Jiro Kanzaki (Takuya Kimura) นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เท่แบบแบดบอย (สเปค) อันได้แก่ ผมยุ่ง ผิวสีกร้านแดด สบถเป็นนิสัย ไร้หางเสียง จะกินจะนอนสุดเป็นธรรมชาติ (อีกนัยคือมูมมาม) แล้ว ยังเป็นทัศนคติ และวิธีเทคแคร์เด็กของเขา

จิโร่ไม่เคยมองเด็กว่า ‘เป็นเด็กก็อยู่ส่วนเด็ก อย่าสอดตอนผู้ใหญ่พูด’ หรือ ‘เขายังเป็นเด็กอยู่ เขาทำไม่ได้หรอก’ หรืออะไรอย่างนั้น อย่างที่ผู้ใหญ่หลายๆ คนเป็น แต่จิโร่เป็นผู้ใหญ่ที่ respect เด็ก เช่นเดียวกับที่เขา respect ผู้ใหญ่ จะเรียกว่าให้เกียรติเด็กก็ได้ (แต่ใช้คำนี้คงไม่เข้ากับบุคลิกของจิโร่) เขาเล่นกับเด็กแบบที่เด็กจะเล่นกับเด็ก ฟังเด็กพูด เถียงกับเด็ก และลุ้นให้เด็กตัดสินใจเอง แล้วยืนกราน บอกผู้ใหญ่อย่างที่เขาต้องการ

เด็กๆ ในบ้านรักจิโร่ หัวบันไดห้องใต้หลังคาของจิโร่-ถ้ามี-มันคงเป็นบริเวณที่ไม่เคยแห้ง เพราะใครๆ ก็อยากจะมาหาจิโร่ บางที ได้แค่ยั่วเย้าเขาก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว จิโร่กลายเป็นไอดอลของเด็กๆ แต่ในทางกลับกัน เราพบว่าบ่อยไปที่จิโร่ได้แรงบันดาลใจในการแก้ไขปัญหาของตัวเองจากเด็ก

อิฉันว่า ผู้ใหญ่อย่างเราจะได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะเลย จากการดูซีรีส์เรื่องนี้

ขอขอบคุณสปอนเซอร์ส่วนตัว ผู้ให้ยืมซีรีส์ชุดนี้มาให้ฝึกฟังมา ณ ที่นี่
ซีรีส์สนุกมาก ได้ผลมาก (เรื่องการฟังภาษาระดับเป็นกันเอง) และได้น้ำตาไหลไปหลายรอบ
ประทับใจกับความรักที่ผู้ใหญ่และเด็กมีต่อกัน

อ้อ ..ความรักของหนุ่มสาวด้วยจ้ะ



บันทึก:
• ตอนผู้ชายอุ้มเด็กนี่ ดูดีจัง
• ซีรีส์เรื่องนี้จัดแสงสวย แล้วก็ภาพสวย ยังกะหนังแน่ะ
• ผู้ใหญ่ดูแล้วจะได้เรียนรู้ว่าต่อไปต้องปฏิบัติตัวกับเด็กใหม่ อย่างน้อยต้องรู้จักพูดกับเขา เพราะว่าแม้จะเป็นเด็กกำพร้าอายุแค่ ๕ ขวบ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็น 'เด็กน่าสงสาร' ทุกคนไป
• จิโร่สอนว่า จะเข้าใจและเข้าถึงเด็ก ไม่เห็นต้องเข้าใจทฤษฎีอะไรเกี่ยวกับเด็ก แค่รื้อฟื้นความรู้สึกที่ตัวเองเคยรู้สึกเมื่อก่อนเป็นเด็ก ก็จะเข้าใจเด็กได้ไม่ยาก
• กว่าโค้ชจะยอมให้จิโร่ขับรถแข่ง โค้ชทดสอบจิโร่ได้โหดมาก แต่สิ่งที่โค้ชสอนจิโร่น่ะ โคตรจะสำคัญเลย โค้ชให้จิโร่ขับรถแข่งอีกครั้ง เพียงเพราะว่าจิโร่ ‘ได้เรียนรู้ที่จะขับรถให้คนอื่นนั่งแล้ว’
• Koyuki หรือคุณนางเอกนั่น หน้าตาสวยแบบญี่ปุ่น แต่หุ่นอินเตอร์มาก และเขาก็เจ๋งมากนะ ที่ไม่ให้คุณนางเอกขาสวยนุ่งสั้น โชว์ขานอกบทเลย (เธอเล่นเป็นเซนเซนี่นา)
• สำหรับน้อง Ueno Juri หรือน้องโนดาเมะ (ชอบน้องมาตั้งตะ Swing Girl-2004 ละ) ในเรื่องเธอเล่นที่ถูกครอบครัวทอดทิ้ง เลยต้องมาอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า อยากบอกว่าประทับใจความสามารถของน้องมาก น้องเล่นเรื่องนี้ได้แบบเราลืมโนดาเมะไปเลย (น้องเค้าเล่นซีรีส์โนดาเมะปี 2006 ทีหลัง Engine จ้ะ)
• ซีรีส์ญี่ปุ่นนี่ ช่างเขียนบทได้ดีจริง คนเล่นก็เล่นสมจริง จะฉาก จะไฟ จะเมคอัพ อะไรก็ดี เนียนไปหมด (พูดแบบนี้จะมีคนด่าไหมว่าเป็นคนไทยทำไมไม่ดูละครไทย :-P)




วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Ponyo on Cliff by the Sea : ความสุขใสๆ ของผู้ใหญ่

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Animation

เืดือนนึงมานี้ได้อานิเมะของสตูดิโอ "จิบุริ" (Ghibli) มาไวู้่ในครอบครองหลายเรื่อง
โดยการนำมาฝากจากปกรณ์ผู้ไปเยือนแม่สาย (อิ-อิ) แล้วได้คัดสรรเฉพาะเรื่องที่มีซับไทยมาฝากอิฉันตามออร์เดอร์ (จริงๆ แล้วมันเป็นไรที่จ๊าบมากเพราะมีซับญี่ปุ่นด้วย!...โอ้นี่แหละหนอ หนังแม่สาย)

อันที่จริงอยากฝากซื้อ แต่เนื่องด้วยมันไม่แพงมาก เพื่อนจึงซื้อมาฝากซะงั้น แถมไปทำการส่งมอบกันที่หลวงพระบาง แล้วรับถือให้ต่อ มามอบให้จริงๆ บนแท็กซี่ที่ออกจากสุวรรณภูมิโน่น

ขอบคุณนะ ปกรณ์



..ทว่า ปองโย ซึ่งเป็นอานิเมะเรื่องใหม่จากสตูดิโอจิบุริ ไม่ได้มาจากแม่สาย แต่ถูกส่งมาจากเซ็นทรัลบางนา ด้วยความอนุเคราะห์ของเอ็มโม่ เพื่อนวารสารที่ตั้งแต่สมัยเรียนก็เพิ่งได้เวียนว่ายกลับมาทำความรู้จักจิ๊จ๊ะกันเมื่อเร็วๆ ในมัลติพลาย (^_^)

ตอนแรกกะว่าจะเปิดดูไล่ตามลำดับ คือดูพวกโทโทโร ยามาดะ ปอมโปโกะ ก่อน แล้วค่อยเป็นปองโย คิดว่าจะเปิดดูปองโยแว้บๆ ว่าหนังเป็นยังไง
แต่กลายเป็นว่าเปิดแล้วไม่อยากปิด ..และดูไปจนจบ จึงเข้านอน


ตื่นเช้า (จริงๆ คือสาย) ขึ้นมา แม้จะโทรมเพราะนอนดึก แต่ยังอิ่มสุขอยู่เล็กๆ กับเรื่องที่ได้ดูก่อนนอน

ปองโยคือเงือกน้อย (หน้าตาน่าเอ็นดู๊ ..ไม่ได้สวยเซ็กซี่เหมือนเจ้าหญิงเอเรียลของดิสนีย์) แสนซน ที่แอบเกาะหลังแมงกระพรุนขึ้นมาเที่ยวบนผิวน้ำ ได้มาเจอกับโซสุเกะ เด็กชายวัย ๕ ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่ชื่อลิซ่า คุณแม่ยังสาว ใจร้อน เจ้าของบุคลิกเท่ๆ หุนหัน ปึึงปัง ขับรถซิ่งเหมือนผู้ชาย แต่ดูแลลูกดี๊-ดี ตามมาตรฐานคุณแม่ญี่ปุ่น ที่พ่อไม่อยู่เพราะว่าพ่อไปออกเรือในทะเล แล้วพ่อแม่คู่นี้เค้าคุยกันทางสัญญาณไฟกะพริบเป็นโค้ด คนนึงอยู่บนเรือ อีกคนอยู่ที่บ้าน (เจ๋งโคตร)


ที่ของเงือกคือใต้ทะเล พ่อของปองโยเลยมาพา (จริงๆ คือ จับ) กลับไป แต่ปองโยตัดสินใจแล้ว อยากมีขาเหมือนโซสุเกะ (แถมประกาศว่าชอบโซสุเกะด้วย) ก็เลยหนีกลับมาอีก
สร้างความปั่นป่วนขนานใหญ่ (มากกก) ให้เกิดขึ้น

ตอนนี้เองเองที่ทั้งสวยทั้งสนุก

จากนั้นเหตุการณ์ก็ค่อยๆ คลี่คลาย แล้วก็จบลงอย่างไม่ทำร้ายใจเด็ก


เป็นหนังการ์ตูนที่วาดสวยมาก เพลินมาก ฟังง่าย (ใช้เรียนภาษาได้-เสียอย่างเดียวมีแต่ซับไทย)
แล้วก็สอนเรื่องสิ่งแวดล้อมกับเด็กอย่างเนียนที่สุด

ดูแล้วมีความสุขอะ




บันทึก:
-ดูเหมือนว่าชาวญี่ปุ่นจะเชื่อว่า ถ้าเงือกขึ้นฝั่งจะเกิดสึนามินะ
-คุยกับโม่ว่าดูเหมือนชาวญี่ปุ่นจะเชื่อว่าเงือกมีจริง โม่บอก "เราเคยเห็นรูปข่าวซากเงือกในญี่ปุ่น (อันเดียวกับในเว็บนี้)
เราไม่ได้ตามข่าวต่อว่าเค้าค้นข้อมูลต่อกันยังไง จริงเท็จแค่ไหน :0"
แล้วก็ให้ link มาอันนึงคืออันนี้ (น่ากลัวหน่อยนะ)
http://www.pinktentacle.com/2006/08/mermaid-mummies/
-แต่พอเราไปถามเซนเซญี่ปุ่น ว่าคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเงือกมีจริงหรอ เซนเซบอก "ไม่มีนะ"
-ตอนปองโยวิ่งอยู่บนหลังปลาน่ะ น่ารักมากก็จริง แต่ชอบใจฉากที่เค้าอมช้อนชงชาน้ำผึ้งครั้งแรกมากกว่า
-ชอบเพลงไตเติลจังเลย การ์ตูนตอนนี้ก็สวย เล่าเรื่องได้ดีจัง
-ของเล่นเด็กญี่ปุ่นน่าทึ่งมาก เค้านำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาให้เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่นเลยอะ
-ขอบคุณมากเลยโม่ ความสุขใสๆ หาง่ายนิดเดียว (แค่มีเพื่อนดีๆ)
-จากหน้านี้ http://iamtrip.multiply.com/journal/item/44/ponyo_on_the_cliff_by_the_sea ดูเหมือนมีคนตามหาเจ้าของหนัง ปองโย เพื่อจะขอยืมดูอยู่ ๒ คน (ตัวเลข ณ ตอนที่ลงมือเขียนรีวิวนี่) โม่จะว่าไงจ๊ะ?




(แถมให้ เนื่องจากความสงสัยว่า จิบ-ลี (ตอนแรกอ่านงี้) จริงๆ อ่านว่าไร ก็ไปถามเซนเซ)
(เห็นเซนเซเรียก จิ-บุ-ริ ถามว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นไหม เซนเซบอกไม่ใช่ แต่เป็นภาษาอะไร เซนเซก็ไม่ทราบ-เซนเซคนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วอะนะ ถ้าเป็นเซนเซเด็กๆ อาจจะรู้)
(เสริมซังเลยช่วยค้นให้ ปลากดว่าคำ จิบุริ (Ghibli) เดิมแล้วเป็นภาษาอิตาเลียน ดังข้อความในนี้ http://en.wikipedia.org/wiki/Studio_Ghibli#Name )



วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แพนด้าอะกะจัง



เพิ่งรู้สึกว่าแพนด้าก็น่ารักแฮะ

โปสการ์ดชุดนี้มี ๔ แบบ
เค้าขายแผ่นละ ๕ บาท





เห็นเซนเซ (ครูสอนภาษาญี่ปุ่น) เรียกแพนด้าน้อยว่างั้น
เลยเอามาเรียกมั่ง-อยากจ๊าบ

วันนี้ไปถอยมาแล้วฮะ โปสการ์ดโหวตชื่อแพนด้าน้อย
แต่ไม่ได้กะจะได้เงินล้านกะเค้าหรอก

กะจะลองส่งให้เพื่อนขำๆ


ดูซิ..จะถึงไหม





หมายเหตุ: อะกะ แปลว่าสีแดง คนญี่ปุ่นเลยเรียกเด็กทารก (เกิืดมาใหม่ตัวแดงๆ) ว่า "อะกะจัง" ฮะ

(อ้อ ขออภัยที่สีเน่าฮะ เนื่องจากใจร้อน ไม่อยากรอถ่ายใหม่ดีๆ กะเดย์ไลต์ในวันพรุ่งนี้
ก็เลยต้องทนดูกันไปในสีเน่าๆ อย่างนี้แหละนะฮะ)

(อ้อ ของจริงก็ไม่ได้สวยมากมายอะไร พิมพ์ก็พิมพ์ถูกๆ รูปก็ไม่สวยอีกตะหาก)


วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไม่เห็นจะกวนตีนตรงไหนหนิ



...ได้มาจากอีเมล์ส่งต่อเช่นเคย


นิยามของคนแต่ละกรุ๊ปเลือด
 
O กวนตีน ชิล
B โผงผาง จริงใจ

A จุกจิก เนี๊ยบ

AB ประหลาด ลึกลับ

 
Group ' O '
เริ่มจากรุ๊ปนี้ก่อนเลย คนกรุ๊ปโอไม่ต้องตกใจว่าทำไม เราเป็นคนที่มีนิสัยชิล มันไม่ได้เกิดจากคุณเอง เกิดจากเผ่าพันธ์ ยีนของคุณ ^_^
กรุ๊ปโอมักจะชิลกับตนเองเสมอ มาสายมากถึงมากที่สุดเวลานัดกันกับคนอื่น ๆ โดนรบกวนได้ง่ายจากปัจจัยภายนอก เช่น อยากอาบน้ำร้อนก่อนในวันฝนตกไม่งั้นไม่ออกจากบ้าน ขออ่านการ์ตูนก่อนอีกสิบหน้าจะจบแล้ว รอฝนมันซากว่านี้แล้วกันค่อยออกแม้จะไปอีกทีสายแล้วก็ไม่เป็นไร
กรุ๊ปโอ เป็นพวกไม่มีไฟแล้วทำอะไรไม่ได้ จะนอนอยู่กับบ้านได้ทั้งวัน แต่ถ้าวันนึงมีความฝันที่ต้องทำ มีกิเลสที่ตัวเองต้องการ จะทำสุดชีวิตแบบถึงเช้าถึงเที่ยงคืนก็ทำได้ ไม่หลับไม่นอน
ความรักของกรุ๊ปโอจะเป็นพวกรักนาน ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่หวือหวา
พวกกรุ๊ปโอ จะเป็นคนไว้ใจคนยาก แต่ถ้ารู้จักกันไปแล้วก็จะติดเพื่อน ติดแฟนอย่างแยกไม่ออก เวลากรุ๊ปโอมาเจอกับกรุ๊ปโอกันเองจะจูนยาก เพราะจะดู ๆ กันก่อน
กรุ๊ปโอเป็นพวกจะคบใครจะค่อย ๆ ดู พอเจอโอกันเองเลยดูกันนาน แต่พอคบไปเรื่อย ๆ จะสนิทกันมากที่สุดกว่ากรุ๊ปอื่น แต่ก็จะมีช่องว่างให้กันด้วย
กรุ๊ปโอเป็นพวกตามน้ำ เวลาจะเอาคนกรุ๊ปโอไปไหน เค้าก็ไปได้หมดล่ะ แต่ต้องมารับโทรไป ให้ความสำคัญต้องอัญเชิญว่าง่าย ๆ เถอะมาแน่ ต้องให้คนไปง้อ
กรุ๊ปโอไม่พูดอะไรออกจากใจภายในทันที จะไปคิดทีนึงแล้วค่อยมาบอก บางทีจะทำอะไรก็ชอบไปปรึกษาก่อนว่าแบบนี้ดีไหม? มีเรื่องกลุ้มใจก็จะรบกวนคนรอบข้างคอยช่วยปรับสารทุกข์สุขดิบ แล้วก็กลับมาดีได้ด้วยแรงใจของคนรอบข้าง
กรุ๊ปโอจะเป็นพวกปากหวานถ้าทำอะไรไม่เป็นก็จะทำตาปริบ ๆ ให้คนช่วยทำเสมอ นอกจากนี้โอยังเป็นพวกเจ้าสัวใจถึง ถ้ากลางที่สาธารณะก็จะหน้าใหญ่ใจกว้าง หลังจากงานเลี้ยงค่อยมาคิด เออ...หมดตัวแล้ว 555++



Group ' B '

กรุ๊ป B เป็นกรุ๊ป Entertain อย่างหนักหน่วง และเป็นสีสันของวงสนทนา ไอเดียที่ B คิดจะตรงพูดจากใจเสมอ เรียกเสียงหัวเราะของคนในวงได้ เพราะคนอื่นจะคิดว่า 'กูก็คิดแบบนั้น แต่ไม่กล้าพูด'
บี เป็นคนที่รักใครจะอัดเต็มบ้าเห่อ พอชอบใครจะเอาตัวเองไปเลียบ ๆ เคียง ๆ คนที่ตัวเองชอบแบบเนียน ๆ ส่วนมากกรุ๊ปบีจะไปชอบคนกรุ๊ปโอ ด้วยความนิ่งกว่าของคนกรุ๊ปโอ เพราะบีเจอบีจะระเบิด เวลามีเรื่องปั้บ ออกตัวล้อฟรี จะเป็นจะตายทีเดียว
เราจะได้เห็นบีในเห็นการแปลก ๆ เช่น ทะเลาะกับยาม โวยวายกับคนโทรศัพท์ผิด โมโหเพื่อนทั้งที่ยังไม่เคลียร์เรื่องเหตุต้นตอ แล้วพอหลังจากมีเรื่องจะมาคิดได้ว่า 'น่าจะใจเย็นกว่านี้หน่อยนะ ,ไม่น่าพูดแบบนี้ไปเลย' แต่ก็ด้วยความตรงทำให้ไม่คิดอะไรมาก ถ้าเค้าจะชอบเรา (คนกรุ๊ปบี) แบบที่เป็นเราก็คงดี แล้วบีก็จะลืมเรื่องที่ตัวเองทำเอาไว้
กรุ๊ปบี บ้าเห่ออย่างที่บอก พอรักกันก็ปานจะกลืน พอไม่สนใจก็เอาไปทิ้งถังขยะได้ทีเดียว
กรุ๊ปบีเป็นพวก ชัดเจน ไม่ชอบจะไม่ไปไหนด้วยเลย อาจจะเห็นกรุ๊ปบีไปเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ตามคนอื่นไปบ้าง แต่พอครั้นอยากจะนอนอยู่บ้าน หรือวันนี้รถ?ิด ก็ไม่ไปซะเลย ไม่โทรบอกใครด้วย
กรุ๊ปบีดูเป็นคนใจร้ายแต่จริง ๆ เป็นคนจริงใจและค่อนข้างยอมคนที่ตนเองสนิทอย่างมาก ถ้าอยู่ในกลุ่มแล้ว บี จะได้รับอิทธิพลจากโอสูงทีเดียวด้วย เหตุผลกับความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ว่าง่าย ๆ บีแพ้ทางโอ บางทีอะไรที่โอทำบีจะปลาบปลื้มมาก แต่พอ เอไปทำบีจะมองว่ารำคาญ!!
กรุ๊ปบีเป็นกรุ๊ปแห่งอารมณ์ ไม่มีความเท่าเทียมกันในกรุ๊ปนี้ ใช้อารมณ์ตัดสินกันล้วน ๆ บีไม่ต้องการคำปลอบใจหรือกำลังใจใด ๆ ขอนอนบ้างหลังจากอัดเต็มมาพักนึง หรือได้ออกไปด่า ทำลายของของคนที่ตัวเองไม่ชอบก็กลับมาดี๊ด่าได้เหมือนเดิม อย่าลืมว่าเวลาไปเที่ยวไหนให้พกคนกรุ๊ปนี้เอาไว้ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับกลุ่ม เพราะบีถือคติสนุกไว้ก่อน แต่บีเห็นตลกแบบนี้ จะเป็นคนมีเหตุผลกับเรื่องคอขาดบาดตายสูงมาก ตัดสินใจได้ดีทีเดียว ยิ่งเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบขอมีส่วนด้วย อาจจะยุคนอื่น ให้เลิกคบกันไปเลย
บีเป็นคนที่ประจบประแจงได้เนียน ถ้าโอทำจะกระดากตัวเอง ถ้าเอทำจะรู้สึกเสียศักดิ์ศรี แต่บีจะไม่มีทิฐิถ้าอยากทำก็จะทำ และก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนด้วย มีไรมั้ย??..เรื่องของฉัน



Group ' A '

คนกรุ๊ปนี้ ทางยุโรปบอกว่าเป็นกลุ่มคนที่หน้าตาดีที่สุด กรุ๊ป เอ เป็นพวกมีความมั่นใจในตัวเองสูง เป็นคนที่เป็นนักคิดนักวางแผน
เราจะเห็นคนเรียนดีจากเลือดกรุ๊ปนี้เยอะมาก เพราะความขยันและการเตรียมตัวที่ดีของเขา เอชอบอยู่ในกลุ่มคนและได้ออกความเห็นตลอด ชอบวิจารณ์คนอื่น แต่รับคำวิจารณ์ที่คนอื่นวิจารณ์ตนเองไม่ได้เท่าไหร่ เอเป็นคนที่สนิทยากถึงจะสนิทแต่ก็จะมีกำแพงกั้นไว้เสมอ  เอจะแบ่งเวลาให้กับทุกคนสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน คนรัก คนทำงาน
เวลานัดกัน กรุ๊ปเอ จะไปคนแรกเสมอ ตรงต่อเวลาและมีสัมมาคารวะแต่ในใจก็จะมีความคิดที่ตัดสินคนแต่ละคนเอาไว้ในหัวแล้ว
เป็นกลุ่มคนที่มีเหตุผลสูงสุด เราแทบจะเถียงไม่ชนะกรุ๊ปนี้เลย แต่เวลากรุ๊ปเอทำอะไรออกมากลับเป็นอะไรที่ Emotion มากขัดกับคาแรคเตอร์ที่ตัวเองเก็บไว้ เพราะความเก็บกดที่ต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา กรุ๊ปเอเป็นพวก Work hard play hard เรียนถึงเกียรตินิยมแต่เล่นแรงแบบลืมวันคืน
กรุ๊ปเอ กับเพื่อน ยิ่งกลุ่มใหญ่ เอจะยิ่งเป็นลิ่วล้อ แต่พอกลุ่มเล็กลง เอจะเทพขึ้นมาเรื่อย ๆ ถ้าเป็นคนรัก เอจะเอาตัวเองเป็นเหมือนตราชั่ง คือเสมอภาค ไม่ว่าแฟนจะรุ่นใหญ่กว่า เอจะเอาตัวเองไปเทียบให้เท่ากัน แต่ถ้าแฟนรุ่นเล็กกว่าก็จะเอาตัวเองลงไปคลุกกับโลกของคนนั้นซะงั้น เอชอบคิดว่า อันนี้มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย และประสาทเสียกับอะไรที่ผิดแผน นอยย์อยู่คนเดียวเสมอ
เอไม่ถูกกับโออย่างรุนแรง ด้วยความเป็นคนในกรอบแล้วไปเจอคนนอกรีต จะรู้สึกหงุดหงิด อะไรว่ะ!!!นัดกันเที่ยงมาสามโมง แต่บางครั้ง เอก็จะคิดเข้าข้างตัวเองเสมอเวลาตัวเองทำผิดบ้าง และยิ้มอยู่คนเดียวเวลาที่ตัวเองรู้สึกเหนือกว่า อะไรที่เอทำ เอจะดีดลูกคิดรางแก้วไว้หมดแล้วหล่ะ



Group ' AB '

เอบี เป็นอัจฉริยะ เราจะเห็นเวลาที่เอบีพูดน้อยกว่าคิด เอบีชอบหลบอยู๋ในมุมจ้องมองคนอื่น ๆ ทำอะไรต่าง ๆ แล้วก็คิดไปเรื่อย ถ้าเป็นฉันจะทำยังไงตรงนี้ จะมีอะไรที่ดีกว่าไหม
เอบี เป็นพวกชอบคิดนอกกรอบ เป็นเทพเจ้า แต่ในขณะเดียวกันอาจเป็นบ้าของใครบางคนได้ เพราะ เอบีจะทำอะไรนอกกรอบและออกแนวทดลองเสมอ
เอบีมีวิธี Entertain ให้ตัวเองมีความสุขแปลก ๆ ในมุมของตัวเอง เช่น การนั่งกดรีโมทแอร์ตอนไม่มีถ่านแล้วสนุก หรือมองมดเดินแล้วลองตั้งชื่อมด จำว่าตอนมันเดินกลับมาเราจะจำชื่อมันได้ไหม เอบีมักสร้างสิ่งแตกต่างในสังคมเสมอ ทำให้เกิดอารยะธรรม/วัฒนธรรมใหม่ ๆ ได้
เวลานั่งในกลุ่มใหญ่จะมีแค่ 2 สถานการณ์ ของคนในกรุ๊ปนี้คือ โดนสปอตไลท์ หรือหลบในมุมมืด  เราจะไม่เห็น เอบีเฮฮาแบบเนียน ๆ ไปกับกลุ่มเพื่อนฝูงตลอด 3 ชม. คนที่ทำแบบนั้นได้คือกรุ๊ปบี 555++
เอบีจะมีโลกส่วนตัวสูง เราเอาแนวคิดที่เรามี กฏเกณฑ์ที่เรามีไปตัดสินเอบีไม่ได้ นิสัยของเอบีหลัก ๆ คือลึกลับ ถ้าเอบีเค้าจะสนุกกับคนอื่น ๆ อย่างเดียวคือการได้แกล้งคนอื่น หรือดูคนอื่นทำอะไรที่ตนเองวางแผนเอาไว้ แล้วหัวเราะอยู่ในมุมเล็ก ๆ ของเค้า



วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สัพเพเหระเกี่ยวกับหลวงพระบาง






หมดแล้วฮะ รูปหลวงพระบาง
ดูไหวก็ดูกันไปนะฮะ


พาหนะในเมืองหลวง



รถจัมโบ้พาไปน้ำตกตาดกวางสี



รวมรูปเก็บตกพาหนะในเมืองหลวงพระบาง
ไปมาเมื่อวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2552

โชคดีที่ลืมกระเป๋าตังค์



 

รู้สึกตัวบนรถสองแถว ว่าลืมเอากระเป๋าตังค์มาด้วย!


แต่..

โชคดีที่ในกระเป๋าตังค์ใบเล็กมีตังค์พอจ่ายค่ารถสองแถว

โชคดีที่โทรศัพท์มีแบต

โชคดีที่โทรไปสองหน ป๊อปไม่รับสาย แต่ส่งแมสเซจไปอีกหนแล้วป๊อปก็โทรกลับมาทันที น่าสงสาร ป๊อปว่า

โชคดีที่วันนี้ป๊อปเข้าออฟฟิศเหมือนเรา

โชคดีที่ไอพอดน้อยยังมีแบต เลยยืนรอป๊อปอย่างสำราญ

โชคดีที่ไม่มีเมนส์ เลยไม่ปวดท้อง

โชคดีที่กินข้าวมาแล้ว เลยไม่หิวข้าว

โชคดีที่ป๊อปนั่งแท็กซี่มา เลยมาถึงไว

โชคดีที่แม้ไม่ตังค์ของตัวเอง แต่ก็ได้ขึ้นบีทีเอสมาทำงาน ชีวิตไม่ต้องลดระดับ

โชคดีมีตังค์ซื้อกับข้าว (ส่วนข้าวน่ะ หุงเมื่อเช้า เอาใส่กล่องมาด้วย) แถมยังเหลือซื้อหนมจีบอีก

โชคดีที่นึกออกว่ากระเป๋าตังค์ที่ลืมน่ะ วางไว้ไหน


และสุดท้าย..

โชคดีที่ยังมองเห็นความโชคดีในความทุลักทุเล

 

 

 

(มองโลกในแง่ดีเป็นแล้วโว้ย!)


วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สีของฟ้า III






เพียงชั่วขณะที่แดดออกขณะฝนยังไม่หมาดเม็ด

๑๘.๒๗ น.
อาทิตย์ที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๒

places I remember : สนามบินสมุย






อาทิตย์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒

จริงๆ แล้วเพิ่งมีโอกาส (ภาษาบ้านๆ เรียกมีบุญ) ได้ไปเหยียบสนามบินสมุยก็ปีนี้เป็นปีแรก
ก่อนหน้านั้นไปเกาะสมุยโดยเรือเฟอร์รี่ (เก่าๆ แต่จ๊าบ) มาตลอด

สนามบินสมุยเป็นที่ที่สวยงาม เหมาะกับบรรยากาศท่องเที่ยวบนเกาะเป็นยิ่งนัก
ควรจะบันทึกภาพเอาไว้ โดยเฉพาะในวันที่อากาศดีเยี่ยงนี้

ภาพชุดนี้บันทึกไว้ก่อนขึ้นกลับบางกอกฮะ

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วันแดดจัด






เสาร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๒
วันนี้แดดจัดจริงๆ

สีของฟ้า II



๑๗.๓๕ น.





ท้องฟ้าของบางกอก


เสาร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๒
บนรถเมล์ ปอ. ๔๔



สวัสดี..หมีพูห์




เสาร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๒
หมีพูห์เกิดมาได้ ๓ วันแล้ว ป้าม้อยถึงไดฤกษ์้ไปยลโฉมสวยๆ ของหนู

หมีพูห์เป็นน้องชายของพี่ลูกหมู
หนูคลอดออกมาด้วยน้ำหนักน้อยกว่าพี่ลูกหมู ขานั้นหนักตั้ง ๓.๖๗๘ กรัม
แต่ป้าว่าน้ำหนัก ๓.๐๖๘ กรัมของหนูมันก็ไม่น้อยเลยนะลูก
(แม่เค้าบอกว่าเพราะว่าพี่ลูกหมูคลอดตอนอายุครรภ์เลย ๓๙ สัปดาห์ ส่วนของหนู ปู่หาฤกษ์ได้เป็นวันที่อายุครรภ์หนูแค่ ๓๗ สัปดาห์กับ ๕ วันเอง)

แม่หนูสังเกตว่าตัวหนูไม่ขาวจั๊วเหมือนพี่ลูกหมู แต่ป้าว่าผิวเข้มๆ มันก็หล่อคมคายดีนะลูก
ไหนจะผมดำเข้มของหนูอีก

โตขึ้นมาหนูต้องหล่อแน่ๆ เล้ยย

ป.ล. ในทีั่สุดหนูก็ไม่ได้ชื่อ "ปลาบู่" หรือ "ปลาทู" แต่เป็น "หมีพูห์" เท่ดีเหมือนกันเนอะ

อ้อ ..ป้าหมอแป้งเป็นคนผ่าหนูออกมาเหมือนพี่ลูกหมูเลยนะ
ว่าแต่ว่า คราวนี้ป้าหมอเค้ามีความเป็นว่าไง ป้าลืมเม้าธ์กะแม่หนูว่ะ
(คราวที่แล้วป้าหมอเค้าบอกป้าอย่างปลื้มเลยว่าพี่ลูกหมูเหมือนลูกครึ่ง เพราะจมูกโ่ด่ง+ ผมสีอ่อน)




เรดาร์แมว : แมววังหลัง



แมวสาวที่เตร่อยู่แถวโซนช็อปปิ้งของมือสองย่านวังหลัง

ไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ


แต่มันดูดีมาก อ้วน ลายสวย
และก้อได้รับการทำหมันด้วย

เห็นอ้วนตันนักเลยคลำพุงดู เจ้าของร้านที่เจอมันเล่าว่ามันไม่ได้ท้องหรอก
แต่หลังจากมันคลอดลูกออกมา ๔ ตัวแล้วก็มีคนพาไปทำหมัน

จากนั้นมันก็อ้วนปุ๊กดังที่เห็น


(เห็นเค้าเล่าว่าลูกทั้ง ๔ ของนังมี่ไม่ได้เป็นสีขาวสวยแบบมัน แต่เป็นแมวขาว-ดำ..ก็แปลกดี ว่าอะไรคือตัวกำหนดว่าแมวตัวไหนจะมีลายยังไง ขนยังไง ตาสีอะไร)




เสาร์ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๒

หลังจากย้วยกับมัลติพลายมามากกว่าครึ่งวัน อิฉันก็ได้ฤกษ์เดินทางไปวังหลังเพื่อตัดผมกะพี่หมู
ระหว่างทางก็คิดไม่ตกว่าจะตัดข้างหน้าสั้นหรือข้างหลังสั้นดี
หรือจะเอาให้สั้นไปหมดเลยทั้งหัว

เพราะว่าจริงๆ แล้วก็ออกจะเสียดายผมอยู่ ผมยาวมันอาจจะดูน่ารำคาญ แต่พอรวบปึ้บความน่ารำคาญทั้งหลายทั้งปวงมันสลายหายไปหมดเลยนี่นา

อย่างไรก็ตาม เป็นอันว่าไม่ได้ตัด เพราะว่าพี่หมูไม่อยู่
ลูกน้องแกรายงานว่าแกพาเืพื่อนไปทำจักรยาน
"นานแหละ" ชีเซ่ด

ไม่เป็นไร (แอบดีใจเพราะไม่ต้องตัดสินใจ)

แวะช้อปปิ้งวังหลังแป๊บนึง เลยได้เจอนังมีมี่ด้วย


วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คิดถึงเพื่อนเก่า ๓ : ทำไมเราไม่ไปเที่ยวแบบนี้กันอีก?



รู้แต่โบกรถโค้กไป



^
เป็นคำถามที่ตอบยากใช่มะ?

แด่วันที่ผ่านมาแล้ว





ตอนนี้คงโตเป็นสาวสะพรั่ง




เสาร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๒

เช้านี้เปิดอีเมล์ เจอไฟล์ที่เพื่อนสแกนรูปเก่าสมัยเราไปเที่ยวเชียงใหม่ส่งมาให้
ดีใจที่เจอรูปนี้อีก

นี่เป็นหนึ่งในน้อยรูปในที่ชีวิตที่ถ่ายออกมาแล้วดูดี
เหตุเกิดที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ เรากำลังจะกลับบางกอกกันแล้ว

คราวนั้นเรามั่วโดดเรียนต่อจากวันหยุดซ้อมเชียร์บอลประเพณี ขึ้นรถไฟไปเที่ยวภู (อะไรหว่า? ภูชี้ฟ้าใช่มิ??) แล้วไปต่อบ้านป้าเอที่เชียงใหม่ (อำเภอไรหว่า? ใช่ฝางไหม??)

ขากลับก็ขึ้นรถไฟกลับมาอีก

ระหว่างรอรถไฟออกเจอน้องชุดแดงตัวขาวใสอยู่กลางแสงแดดกระจ่างยามบ่าย
เลยเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย
ดีที่ตรงหน้ามีแสงส่องลงมาที่พื้น กลายเป็นรีเฟล็กซ์ธรรมชาติ
แม้ประกบกับสิ่งขาวใส ก็ยังไม่ดำหม่นหมองจนเกินไป

จำไม่ได้ว่าอยู่ปีอะไร สอง หรือสาม

ขอบคุณเพื่อนปกรณ์
(เอ็งเป็นคนถ่าย หรือป้าถ่ายวะ???)



สีของฟ้า I






ท้องฟ้าแถวบ้าน

อาทิตย์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๒
เวลา ๑๘.๓๑ น.


วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เวลาส่วนตัว

Start:     Jun 13, '09
End:     Jun 14, '09
Location:     รัง


-ตัดผม
-เยี่ยมหลาน
-คลาสโยคะ
-หาโทรศัพท์ใหม่
-กินผลไม้
-พักผ่อน/นอนหัวค่ำ
-ทำความสะอาด
-Closer
-Only Yesterday
-Midnight Cowboy
-เถียนมีมี่
-ฝิ่น

(อื่นๆ อีกมากมาย)

เรดาร์แมว : แมวสามสีที่โจ๊กร่วมใจ






พฤหัสบดีที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๒

หลังจากไปทำงานในที่อันไกลโพ้น แล้วกลับเข้าเมืองมาได้ไวยังกะเหาะ
อิฉันก็เดินโต๋เต๋ก่อนถึงเวลาไปโรงเรียน (ภาคค่ำ)

นึกออกแล้ว! ไปหาไรกินที่โจ๊กร่วมใจดีกว่า
ร้านโจ๊กร่วมใจนี่เป็นร้านที่ถ้ามาแถวซอยประสานมิตรแล้วหน้ามืด คิดอะไรไม่ออก (ประกอบกับไม่มีเงินซื้อซับเวย์แซนด์วิช) ก็ให้แวะเข้าไปเลย
มีตั้งแต่โจ๊กไข่เยี่ยวม้าไปจนถึงเบียร์เย็นๆ ให้จิบในที่เดียวกัน

บ่ายๆ อย่างนี้คิดถึงก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ เมนูดังของร้านนี้
สั่งแล้วก็มองเห็นนังแมวสามสีนอนแอ้งแม้ง

..ตั้งแต่เจอมันครั้งแรก และครั้งต่อๆๆๆๆๆ มา ยังไม่เคยเห็นนังนี่ตื่นนอนเลยนะฮะ

มาเมื่อไหร่ชีหลับตาหลอด

ปริศนา : ใคร กำลังบอกใคร ว่าอะไร ???






พฤหัสบดีที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๒

เดิน เดิน แถวสุขุมวิทช่วงนี้จะเจอป้ายแปลกๆ เขียนในหลายภาษา (เว้นภาษาไทย)
ในป้ายภาษาอังกฤษจะเขียนว่า

BNE was here

มันคืออะไรหรอ แล้วสื่อสารถึงอะไร?

เท่าที่สังเกต ป้ายนี่จะติดลงเฉพาะสิ่งของสาธารณะ
ไม่เคยปรากฏบนสิ่งของที่มีเจ้าของ อย่างกระจกร้านเซเว่น หรือขอบปูนร้านดอกไม้หัวมุมตึกแต่อย่างใด

ใครรู้ว่าคืออะไรช่วยบอกหน่อยสิฮะ




วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Shasa แห่งเกาะสมุย (๒)






ต่อจากอัลบั้มสีฟ้าๆ เขียวๆ
อัลบั้มนี้ว่าด้วยรายละเอียดตามซอกมุมต่างของ Shasa Hotel Casavela เกาะสมุย

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความผิดปกติอยู่ตรงไหน ??




อ่านเว็บข่าวสดแล้วให้งงงวย มีคำุถาม ไม่รู้จะบ่นที่ไหน ถามใคร เลยมาบ่นในมัลติพลาย (ตามเคย)



มันเป็นเรื่องว่าด้วยบทความเกี่ยวกับ
"ความผิดปกติทางเพศ" หรือ "Sexual Deviation" ซึ่ง 'เค้า' ให้คำจำกัดความว่า หมายถึง การมีความรู้สึก ทัศนคติ และค่านิยม รวมไปถึงพฤติกรรมทางเพศที่แสดงออกไปไม่เหมาะสม เบี่ยงเบนไปจากบุคคลทั่วไปในสังคมนั้นๆ

เค้าบอกว่า สาเหตุส่วนหนึ่งอาจสืบเนื่องจากสภาพจิตใจที่ผิดปกติ ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความจะต้องเป็น "โรคจิต" เสมอไป แต่อาจมีลักษณะเพียงบุคลิกภาพแปรปรวน ความผิดปรกติทางเพศดังกล่าวมีหลายประเภท บางประเภทขัดต่อศีลธรรมจรรยา บางประเภทอาจรุนแรงถึงขั้นก่ออาชญากรรมทางเพศ ความผิดปกติทางเพศมีปรากฏมานาน โดยเฉพาะสภาวะสังคมปัจจุบันยิ่งพบมากขึ้นจากสถิติของแผนกจิตเวชตามโรงพยาบาล ต่างๆ จำแนกได้บางส่วนดังต่อไปนี้




1. Sodomy : เป็นการร่วมเพศทางเวจมรรค ซึ่งบางประเทศถือเป็นความผิดตามกฎหมาย (อ้าว แบบนี้ผิดปกติหรอ?)

2. Fetishism : คือบุคคลไม่อาจมีความสุขทางเพศกับร่างกายหรืออวัยวะเพศของเพศตรงข้ามแต่กลับไปมีความสุข-ความพอใจทางเพศกับ "วัตถุสิ่งของที่ไม่มีชีวิต" บางชนิดที่เป็นสัญลักษณ์ทางเพศของเพศตรงข้าม เช่น กางเกงใน ถุงน่อง ยกทรง ชุดชั้นใน เสื้อ-กระโปรง รองเท้า ต่างหู ผ้าเช็ดหน้า-หรือบางส่วนของร่างกายที่ไม่ใช่อวัยวะเพศโดยตรง มีความสุขสุดยอดได้โดยการสัมผัส เกิดกับเพศชายเป็นส่วนมาก (เออ แบบนี้ดีออก หาความสุขได้ง่ายดี ไม่ต้องไปฉุดผู้หญิงมาข่มขืน)

3. Kleptomania : ลักษณะคล้าย Fetishism แต่เกิดในสตรี แต่จะมีความสุดยอดในสภาวะตื่นเต้น พอใจจากการขโมยของหรือทรัพย์สินผู้อื่น (ขโมยอรัยหว่า?)

4. Transvestism : มีความสุขทางเพศจากการได้แต่งตัว แต่งหน้าสวมใส่เสื้อผ้าหรือแสดงลักษณะท่าทางตรงข้ามกับเพศของตน บางครั้งแต่งโดยเปิดเผย บางครั้งก็แต่งเฉพาะที่ลับตาคน แต่คนที่เป็น Transvestism ไม่จำเป็นต้องเป็น Homesexual เสมอไป (อืมม์ พอเข้าใจ)

5. Sadism : ภาวะที่คนมีความสุข ตื่นเต้นเร้าใจที่เห็นคู่นอนเกิดความเจ็บปวดทรมานร่างกายหรือจิตใจ ตั้งแต่เจ็บปวดเล็กน้อยจนถึงทรมาณอย่างหนัก เช่น เฆี่ยน โบย ใช้มีดกรีดตามร่างกาย (ชอบด่าผู้ชายนี่ใช่ไหม)

6. Masochism : ภาวะที่คนมีความสุทางเพศ เมื่อตนเองได้รับความเจ็บปวดทรมานหรือความอัปยศ หรือถูกเหยียดหยามจากคู่นอน (แล้วพวกที่ยังอยู่กับผู้ชายทั้งๆ ที่ฝ่ายนั้นทำร้ายจิตใจแสนสาหัสล่ะ?)



7. Exibitionism : ตื่นเต้นถ้าได้เปิดอวัยวะเพศของตนในที่สาธารณะ มักพบในเพศชาย อาจสำเร็จความใคร่และอาจมีความสุขสุดยอดได้ แต่มักไม่ทำร้ายหรือแตะต้องเหยื่อ (พวกชอบแต่ง x โชว์เนิน โชว์เต้านี่ใช่ป่าว?)
 
8. Voyeurism : พวกถ้ำมอง ชอบแอบดูร่างเปลือยหรือการร่วมเพศของผู้อื่น ส่วนมากมักเป็นเพศชาย อายุอยู่ในวัยหนุ่มสาวและวัยรุ่นมากกว่าวัยผู้ใหญ่  (เฮ้ย งั้นคนชอบดูหนังโป๊ล่ะเหวย)

9. Frotleurism : มีความสุขทางเพศโดยการเบียด เสียดสี ถูไถกับผู้อื่น พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยจะถือโอกาสเบียดเสียดกับผู้คนในที่ที่มีคนหนาแน่น (คนไทยมีเยอะเลยล่ะงั้น ทั้งบนรถเมล์และรถใต้ยิน-ได้ข่าวแว่วๆ มา)

10. Incest : มีเซ็กซ์กับสมาชิกในเครือญาติ-ครอบครัวที่สืบสายเลือดเดียวกัน กรณีนี้แทบทุกสังคมถือเป็นความผิดทั้งทางกฎหมายและศีลธรรม (อ่า...อันนี้อยากรู้แรงจูงใจจัง)

11. Pedophilis : พอใจมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก มักเป็นผู้มีปมด้อยไม่สามารถมีความสุขกับหญิงสาวได้ เท่าที่ผ่านมาบางคดีไม่รุนแรงและไม่ทำอันตรายเด็กเพียงแต่ใช้เด็กมากระตุ้น สำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง แต่ในกรณีที่รุนแรงอาจถึงขั้นฆ่าปิดปาก (น่าสงสารนะ)

12. Gerontophilia : มีความสุขทางเพศกับคนสูงอายุ (อืมมม์)

13. Nymphomania : ผู้หญิงที่มีความต้องการทางเพศสูงมาก จนควบคุมอารมณ์เพศของตนไม่ได้ (เอิ่ม...)

14. Sotyriasis : ตรงข้ามกับ Nymphomania คือ ผู้ชายที่มีความต้องการทางเพศสูงผิดปกติ (พวกผู้ชายวัยกลางคนตัณหากลับอะหรอ?)

15. Coprolalia : เสพติดการได้กระทำเรื่องลามก อนาจารจนควบคุมตัวเองไม่ได้ พบในชายมากกว่าหญิง เช่น โทรศัพท์ขอร่วมเพศ พูดคำอนาจาร (หึ หึ)

16. Urolagnia : ภาวะที่คนมีความสุขทางเพศโดยมี "ปัสสาวะ" เป็นองค์ประกอบ (เหม็นสิ)

17. Necrophilia : ร่วมเพศกับศพ หรือชิ้นส่วนอวัยวะของศพ (เออ..หวังว่าจะเป็นศพสวยๆ หน่อยนะ  ว่าแต่ว่า...ไม่กลัวผีกันมั่งหรือไง)

18. Bestiality (Loophilia) : มีความสุขทางเพศจากการร่วมเพศกับสัตว์ (อันนี้ขอด่า)



สำหรับสาเหตุความผิดปกติทางเพศโดยแท้จริงยังไม่มีผู้ใดศึกษาจริงจังมากนัก แต่การศึกษาทั่วไปพอประมวลสาเหตุได้พอสังเขปว่ามีที่มาจาก...

1.ปัจจัยครอบครัว การอบรมเลี้ยงดู ปลูกฝังความรู้หรือค่านิยมเรื่องเพศศึกษา ซึ่งมักมีค่านิยมผิดๆ และคิดว่าเรื่องเพศเป็นสิ่งที่ถึงเวลาก็รู้เองจึงปล่อยปละละเลย อีกทั้งผู้ปกครองยังเห็นว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องควรปกปิด ทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาขาดความรู้เรื่องธรรมชาติของกามารมณ์ แยกแยะไม่ได้ว่าพฤติกรรมทางเพศอย่างใดปกติ-ผิดปกติ

2.การแพร่กระจายของอารยธรรมตะวันตก ตลอดจนสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น จังหวะการเต้นรำที่กระตุ้นอารมณ์ แฟชั่นเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสม หรือการเห็นตัวอย่างผิดๆ ในวัยเด็ก เกิดเป็นบาดแผลทางใจ

3.โรคภัยไข้เจ็บและสุขภาพ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากเพราะจะมีผลถึงบุคลิกภาพที่แสดงออกมาอย่างเหมาะสมในเรื่องพฤติกรรมทางเพศ

และ 4.เหตุทางจิตใจ อาจมีความผิดปกติทางจิตใจถึงได้แสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา




หมายเหตุ...ไม่มีความเห็นกับสาเหตุฮะ


Shasa แห่งเกาะสมุย (๑)



โลโก้ของชาซ่าเค้าล่ะ





อัลบั้มนี้ สีฟ้าๆ เขียวๆ
บันทึกความทรงจำระหว่างวันศุำกร์ที่ ๒๙-อาทิตย์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒
เมื่อไปทำงานที่ Shasa Hotel Casavela เกาะสมุย
คอนโด-โฮเต็ลสวยบนแหลมเส็ด จุดที่ยังเงียบอยู่ของเกาะสมุย

เล่าคร่าวๆ สั้นๆ โครงการนี้เป็นคอนโดมิเนียมขาย (ใครก็ได้ที่มีตังค์ซื้อ-คนไทยก็ได้ ฝรั่งก็ได้) แบบ Investment Programme คือเมื่อซื้อแล้ว เจ้าของกรรมสิทธิ์จะให้โรงแรมบริหาร โดยจัดเวลาให้แขกของโรงแรมเข้าพักระหว่างที่เจ้าของไม่ได้มาพัก เจ้าของจึงไม่ได้เสียเงินซื้อคอนโดอย่างเดียว แต่ยังได้รายได้จากการบริการการเข้าพักของโรงแรมด้วย
..การมาซื้อคอนโดที่นี่จึงเป็นการลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่งนั่นแล

ตัวตึกสูง ๔ ชั้น สร้างอยู่บนหน้าผา ความสูงของอาคารยังคลุมเครือว่าเกิน ๑๒ เมตร ซึ่งบนเกาะสมุยเค้าตกลงกันว่าไม่ให้สร้้างตึกสูงกว่านี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าสถาปนิกมีเก่ง (หลายอยู่) ในการวางตัวตึกให้ทุกห้องมองเห็นทะเล โดยที่หลบต้นไทรใหญ่ริมสระ และหินก้อนโตที่โผล่ขึ้นมาตามจุดต่างๆ ได้อย่างสวยงาม แึ่ค่นี้ไม่พอ ยังออกแบบราวกับเพิ่งยกหินพวกนั้นมาวางลงอย่างพอเหมาะพอเจาะ
(ในเกาะสมุยสถาปนิกที่เก่งทางออกแบบให้เข้ากับหินจะดัีงมาก)

เก๋ซะไม่มี

สำหรับคนใจร้อน อยากรู้เรตค่าห้อง
ขอเชิญไปติดตามที่เว็บของโรงแรม ณ http://shasahotels.com/rates_internet.html

หมายเหตุ: โปรดดูราคาอย่างคนเข้าใจโลก
แล้วรูปภายใน ตลอดจนการตกแต่งอื่นๆ จะติดตามมาในโอกาสต่อไป



วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไหว้พระวัดเชียงทอง



จันทร์ที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒
..ฝนตก



เราปั่นจักรยานไปวัดเชียงทองกันในวันจันทร์ที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒

หลังจากที่ได้เช่าจักรยานตอนสายๆ ปั่นไปตามหาร้านประชานิยม (แต่ไม่เจอ เพราะไม่คิดว่ามันจะเรียบง่ายอย่างนั้น) แล้วก็เลียบโขงไป ตัดเข้าซอยเล็กๆ ผ่านร้านทำเครื่องเงิน แล้วก็ไปโผล่ร้าน Joma (ขนมอร่อย) แวะไปรษณีย์ (แสตมป์ไม่พอ ต้องกลับมาตอนบ่าย) เลาะริมคาน ไปปากคาน แวะทักทายกับแมวขาว (ความจริงคือตัวมอม-บนวัดพระธาตุดอยสุเทพก็มี แต่หน้าตาไม่เหมือนกันเลย) แล้วก็ไปแวะกินข้าวซอยหน้าวัดแสนสุขาราม

แล้วอิฉันก็กลับมาเขียนโปสการ์ดแล้วนอน (ก็ฝนตกนิฮะ) สองคนนั้นไปปั่นกันต่อ เห็นว่าออกไปทางชานเมือง พอเขากลับมาก็พากันไปไปรษณีย์ โหมซื้อแสตมป์จนต้องแลกตังค์เพิ่ม ฝนปรอยๆ แวะกินไอติมลูกตาล แล้วก็ไปต่อที่วัดเชียงทอง

อากาศไม่แจ่ม ฝนตกๆ หยุดๆ เพราะไม่ยอมอ่านไกด์บุ๊คมาก่อน ก็เลยเหมือนตาบอดคลำช้าง (ยังไงฟระ)
แวะเข้าโรงเมี้ยนโกศก่อน (เป็นโกศพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์นั่นเอง ถึงได้ใหญ่นัก) เพลินชมงานแกะสลักที่บานประตูและหน้าต่าง รู้เลยว่าต้องเป็นรามเกียรติ์ เพราะว่าเห็นทศกัณฐ์ ผู้หญิงสวยๆ ที่เดาว่าเป็นสีดา และหนุมาน (ไกด์บุ๊คบอกตอนสีดาลุยไฟ)

จากนั้นก็เก็บรูปสิม (โบสถ์) เท่าที่รู้สิมวัดเชียงทองเป็นสิมแบบล้านช้างที่สมบูรณ์ที่สุดในหลวงพระบาง (เพราะไม่ถูกเผาเหมือนวัดอื่นๆ) ดำเนินไปหลังสิม ก็พบกับลายต้นทอง หรือต้นงิ้ว ซึ่งตะก่อนนี้มีมากในย่านนี้ (น่าจะเป็นที่มาของชื่อวัด “เชียงทอง”) เป็นต้นงิ้วที่งาม ไม่น่ากลัวเลยนะฮะ

จากนั้น วนกรก็เรียกให้ดูแมวคราวตัวหนึ่งซึ่งนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่บนหอพระที่ปิดประตูไว้ ที่หลังสิมนั้น
(มารู้ที่หลังว่าพระในหอคือพระม่าน พระคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางที่ใครมาแล้วก็ควรมาไหว้-ใครมาหลวงพระบางก็ควรมาไหว้ และใครอยากมีลูกก็ให้มาขอกับพระม่านนี้แล) ทว่า อิฉันเอาแต่หลบฝนและแกล้งแมว (ดังที่คงได้เห็นกันไปแล้ว) จึงพลาดการไหว้พระม่านไปทั้งๆ ที่นั่งอยู่หน้าหอตั้งเป็นนาน

จากนั้นพอฝนบางก็ดำเนินไปไหว้พระประธานในสิม สมควรแก่เวลาแล้วจึงพากันกลับ

(สมค่าเข้าคนละ ๒๐.๐๐๐ กีบไหมเนี่ย???)

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วัดบ้านนอก: วัดสำเร็จ



งามมาก
แต่องค์ยาวสักสองวาครึ่งได้



วันอาทิตย์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒

ปกรณ์อยู่กินข้าวเที่ยงที่โรงแรมด้วย แล้วเราเหลือเวลา่อีกราว ๒ ชั่วโมงจึงจะเช็คเอาท์
เพื่อนจึงชวนไปวัดใกล้ๆ โรงแรม ไปถึงก็ไม่ได้จุดธูปไหว้พระทำบุญกันแต่อย่างใด
เพื่อนพาไปเปิดโลก ได้เห็นและสัมผัส (=จับ+ดม) ดูความเก่าแก่ดั้งเดิมแบบสมุย แบบที่เพื่อนยังไม่เคยสัมผัสมาก่อนน่ะเอง

เห็นแล้วทึ่งไปไม่น้อย ไหนจะเรื่องเก่าแก่ที่หลวงพ่อ หลวงพี่เล่าให้ฟังอีก
...พานนึกอยากไปเป็นชาวเกาะกะเขามั่ง

ขอขอบคุณปกรณ์มาไว้ ณ ที่นี้

สมุยที่ได้เห็น






ประมวลภาพเกาะสมุยที่ได้เห็น ระหว่างศุกร์ที่ ๒๙-อาทิตย์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒
พอดีเมื่อวานอ่านเจอข่าวนี้ใน bangkokbiznews เลยเอามาแปะซะงั้น
--------------------------------------------------------
'เกาะสมุย' จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย มีความงดงามของธรรมชาติ มีชายหาดที่สวยงามอยู่รอบเกาะ รวม ทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนท้องถิ่นที่ประกอบอาชีพ ทำนา ทำสวนมะพร้าว และประมง ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และความงดงามของขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม และอัธยาศัยไมตรีของคนในท้องถิ่น เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคนแล้วคนเล่าให้มาเยือนเกาะแห่งนี้

แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนเกาะสมุยมากกว่า 1 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 15,000 ล้านบาท มีโรงแรมเกิดขึ้นกว่า 400 โรงแรม และมีห้องพักมากกว่า 16,000 ห้อง มีความต้องการใช้น้ำประปา 18,000 - 22,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน มีปริมาณน้ำเสียที่เข้าสู่โรงบำบัด 5,754 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนน้ำเสียที่เหลือถูกปล่อยลงแม่น้ำ และ คลอง เช่น คลองเฉวง, คลองละไม และคลองแม่น้ำ มีขยะเกิดขึ้นในแต่ละวัน 120 ตัน ขณะที่โรงกำจัดขยะสามารถกำจัดได้ 130 ตันต่อวัน

ที่ผ่านมา การเจริญเติบโตของเกาะสมุยในเชิงของแหล่งท่องเที่ยวไม่ได้รับการวางแผนอย่าง เป็นระบบในการจัดระบบสาธารณูปโภคและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้รองรับกับ ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเยี่ยมเยือน

"ขยะจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นสาเหตุให้ทุกวันนี้เกาะสมุยต้อง ประสบกับปัญหา ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม สารเคมี และมลพิษที่ไม่สามารถกำจัดได้หมด ทรัพยากรน้ำขาดแคลน แหล่งน้ำเสื่อมโทรม ระบบนิเวศชายฝั่งและทรัพยากรในทะเลถูกทำลาย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเสื่อมโทรม นอกจากนี้ศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่นก็ถูกกลืนหายไปกับวัฒนธรรมต่าง ถิ่น" รามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีเกาะสมุย อธิบาย

สมัยยังมีปัญหาการเข้ามาหาผลประโยชน์ทางธุรกิจของผู้ประกอบการที่ขาด จิตสำนึกทำให้เกิดการทำ ธุรกิจที่ไร้จรรยาบรรณและขาดความรับผิดชอบอีกด้วย

ตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะสมุยได้ร่วมมือกันจัดโครงการ 'Green Island Project Koh Samui' โดยความหมายของ Green Island ครอบคลุมทุกส่วนบนเกาะสมุย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ พรรณไม้ที่ช่วยให้เกาะสมุยสวยงาม มีอากาศสดชื่นพื้นดินอุดสมบูรณ์ ความกลมกลืนของสิ่งปลูกสร้างกับสภาพแวดล้อม ระบบรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม จิตสำนึกของผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว ประชาชนผู้อยู่อาศัย หน่วยงานราชการ ซึ่งต่างมีหน้าที่และมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูและรักษาธรรมชาติที่สวยงามและ วิถีชีวิตท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเกาะสมุยให้กลับมาดังเดิม รวมถึงแสวงหาแนวทางในการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพเพื่อให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

"เรามีส่วนร่วมในการทำให้สมุยเป็นเกาะสีเขียว เช่น โครงการกำจัดขยะ โครงการลดการใช้พลาสติค โครงการประหยัดพลังงาน โครงการใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและผลิตภัณฑ์รีไซเคิล สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดคือการสร้างจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์สิ่ง แวดล้อมให้กับพนักงานของเรา" ศุภฤกษ์ ทองสุข ผู้บริหารโรงแรมบ้านแหลมทราย บีชรีสอร์ทแอนด์สปา กล่าว

การดำเนินโครงการ 'Green Island Project Koh Samui' ระยะเวลา 10 ปีจากพ.ศ.2551 ถึง 2560 ถูกคาดหวังว่าจะทำให้สมุยกลับมาเป็นเกาะสีเขียว ที่อุดมด้วยธรรมชาติที่สวยงามเหมือนที่เคยเป็นในอดีต
----------------------------------------------------------------

ป.ล. รักเกาะนี้เสมอ ไม่ว่าในวันนี้และวันต่อๆ ไป เกาะสมุยจะเปลี่ยนไปจากที่รู้จักครั้งแรกตั้งแต่สมัยอยู่ ป.๖ แค่ไหน

หวังว่าประชากรบนเกาะจะรักเกาะ และช่วยกันดูแลเกาะนี้ให้ยังดีอยู่ได้ไปอีกนานๆ
ในฐานะนักท่องเที่ยว ก็จะเที่ยวสมุยอย่างสุดถนอมเช่นกัน



วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ทัวร์สนุกกับเสกเวย์






เสาร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๒

ไปทำงาน (อีกแล้ว) โดยคราวนี้ต้องไปสอดแนมเกี่ยวกับเสกเวย์ทัวร์ (Segway-ต้องเขียนด้วย ส เสือเท่านั้นนะจ๊ะ)

ปกติแล้วเค้าพาทัวร์ไกลกว่านี้ แต่นี่เราไปฟรี -เอ๊ยไม่ใช่ เราไปแค่ถ่ายรูปเอาบรรยากาศ เขาเลยพาเราทัวร์รอบเล็ก คือจากท่ามหาราช ตัดเข้าถนนคั่นระหว่างศิลปากรกับวัดมหาธาตุ มาสนามหลวง อ้อมไปหน้าศาล หยุดหน้าศาลหลักเมือง ผ่านกระทรวงกลาโหม อ้อมไปสวนสราญรมย์แล้วก็วนกลับมา

แต่ไปแค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่ ทั้งๆ ที่เสกเวย์เล่นสนุก (จะใช้คำว่า "ขับ" ก็ไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่การขับ จะเรียก "ขี่" ก็ไม่ได้อีก เพราะไม่ใช่ขี่) แค่ขึ้นไปยืนแล้วก็ใช้การโน้มตัว เซนเซอร์ของเสกเวย์จะคำนวณเอาจากน้ำหนักในทิศทางที่เราโน้มตัวไป ว่าเราต้องการไปข้างหน้า ข้างหลัง หยุด หรือเลี้ยว

เรียกว่าง่ายและสนุกมาก (งานนี้อายุไม่เกี่ยว เด็กที่หนักแค่ ๔๐ กก. ขึ้นไปก็ใช้ได้ และใช้ได้จนถึงน้ำหนักไม่เกิน ๑๒๐ กก. หรือแม้แต่ขี่จักรยานไม่เป็นก็เ่ล่นได้) แต่เอาเข้าจริง แล้วพบว่าวันต่อมา่เหมือน+สะโพก ซึ่งอาจเป็นเพราะเอ็กไซต์ไปหน่อย เกร็งกล้ามเนื้อโดยไม่จำเป็น

เสกเวย์เป็น Personal Transporter ที่ฉาดโคตรๆ มันขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ที่กินพลังงานจากแบตลิเธียมไออน เวลาชาร์ตไฟก็เสียบไฟบ้านนี่แหละ ชาร์ตที ใช้งานได้ต้ง ๔๐ กิโลเมตร ลุยน้ำได้ครึ่งล้อ ลุยหิมะได้ คายคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณเท่าเราหายใจออก ก็เลยจัดว่าเป็นพาหนะทางเลือกที่เริ่ดมาก สำหรับเส้นทางสั้นๆ ที่รถติดเป็นแพ (อย่างบางกอก)

บริษัท เสกเวย์ทัวร์ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งออฟฟิศอยู่ที่ท่าเรือมหาราชเลย ไม่ได้มีแค่ทัวร์เกาะรัตนโกสินทร์ แต่ยังมีทัวร์เมืองโบราณสมุทรปราการและอยุธยาด้วย (โซนที่เป็นเมืองเก่า) แค่นั้นไม่พอ เขายัง
ให้เช่าเสกเวย์ไปทำกิจกรรม (เช่นแรลลี่) (งานอีเว้นท์) (บลาบลาบลา) อีกด้วย

แวะเข้าไปถามรายละเอียดและถามราคาทัวร์ได้เลย ถ้าผ่านออฟฟิศเค้า คุณจุ่นใจดี แต่ถ้าไม่ว่างไป เข้าเว็บได้ www.segwaytourthailand.com หรือโทรถามที่ 022214525

ป.ล. อัลบั้มนี้ไม่ใช่การโฆษณาแฝง แค่นำเรื่องใหม่ๆ มาบอกเล่าเก้าสิบกันเท่านั้น

(อนุญาตให้อิจฉา-หากต้องการ)



วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ใส่บาตรข้าวเหนียวที่หลวงพระบาง



แม่หญิงเมืองหลวง ๒ นาง
กะนักท่องเที่ยว ๒ คน

(สงสัยมาปักหลักผิดจุด)


เช้าวันอังคารที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒

ย้ายที่พักมาย่านบ้านเจ็กตั้งแต่วันก่อนหน้า เพราะตั้งใจว่าอีกวันจะตื่นเช้า
อยากดูชาวเมืองหลวงพระบางใส่บาตรข้าวเหนียว
คิดว่าจะเป็นภาพอลังการสวยงามเหมือนในภาพถ่าย
แต่ทัศนะของเราก็เป็นทัศนะของเรา ไม่ใช่ของคนอืน
เพราะ

๑.นี่มันหน้าฝน ไม่ใช่หน้าหนาวนะยะ
๒.ชาวเมืองหลวงฯ ไม่รู้ไปไหนกันหมด
๓.อะเมซิ่งเล็กน้อยกับแม่ค้าขายชุดใส่บาตร
๔.ไม่จำเป็นต้องรีบจนแต่งตัวไม่สวยขนาดนี้เลยนิน้า

แสนสะเทือนใจ : หรือทำได้แค่อยู่กับปัจจุบันขณะ?




โอซา แวง เปิดใจเลิกกับ ปีเตอร์มา 2 เดือน ย้ำชัดข่าว พอลล่า เป็นมือที่สามแค่เรื่องโปรโมท ปิดปากไม่ตอบฝ่ายชายมีคนใหม่

รัก กันหวานชื่น เป็นที่อิจฉาของใครต่อใคร แต่แล้วรักที่ดูเหมือนว่าไปรุ่ง ระหว่างนักร้องหนุ่ม ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล และนางแบบสาวลูกครึ่งสิงคโปร์-สวีเดน โอซา แวง ก็กลับล้มพับไปซะแล้ว งานนี้ฝ่ายหญิงเลยขอมาเปิดใจในรายการ “ไนน์ เอ็นเตอร์เทน” ให้มันรู้กันไป

“เราเลิกกันไป เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว ด้วยความที่ทั้งสองคนโตขึ้น เริ่มมีความคิดต่างกัน ความต้องการในความสัมพันธ์ไม่เหมือนกัน ซึ่งโอซาก็ยอมรับ ว่ามีหลายอย่างที่โอซาต้องการ แต่เตอร์ไม่สามารถทำให้ได้ การตัดสินใจเลิกกัน มันค่อนข้างยาก แต่เมื่อชีวิตต้องเดินต่อไป ยังมีสิ่งอื่นต้องทำมากมาย ยอมรับว่าช่วงแรกโอซาร้องไห้เยอะมาก โชคดีที่มีคนรอบข้างให้กำลังใจ รวมถึงมีงานที่ต้องให้ความสำคัญ” โอซากล่าว

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าพอลล่า เทเลอร์ เป็นมือที่สามหรือไม่ นางแบบสาวตอบว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากพอลล่าเป็นเพื่อนสนิทกัน และเพิ่งโทรศัพท์คุยกัน หัวเราะกันร่วน ก่อนที่เฉลย ว่าเป็นการจับคู่เพื่อโปรโมทละครที่เล่นด้วยกันเท่านั้น ส่วนว่าจะมีคนอื่นเป็นมือที่สามหรือไม่นั้น ไม่ขอตอบเรื่องนี้

สำหรับเรื่องที่ฟากสาวโอซาเองก็มีภาพหลุดกับชายหนุ่มคนใหม่ โอซา ตอบดังนี้

“คนคนนั้นเป็นเพื่อนกัน ภาพที่เห็นเกิดจากมีคนพยายามไปดึงออกมาจากเฟชบุ๊กของโอซา  ทั้งที่ปาร์ตี้นั้นมีคนไปร่วมมากมาย แต่กลับจงใจที่จะตัดต่อภาพของโอซากับเพื่อนออกมาแค่สองคน”

เหลือบไปเห็นว่าสาวโอซาไปตัดผมมาซะสั้นจู๋ ว่าเข้าตำราอกหักรึเปล่า สาวเจ้ารีบปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกัน แต่การตัดผมสั้นเป็นความชอบลึกๆ จึงอยากลองตัดดู

“หลังจากเลิกกันก็มีเหงาบ้าง อาจจะด้วยที่นี่ไม่ใช่บ้านของโอซาด้วย สำหรับเตอร์แม้ ว่าเราจะเลิกกัน แต่ก็เจอกันได้ เพราะว่าเราคบกันมานาน ศึกษากันมาจนรู้ว่าเป็นเพราะเราไปต่อด้วยกันไม่ได้จริงๆ 

ถามว่าโอซาจะเข็ดกับความรักไหม เรื่องเข็ดคงไม่ เพราะยังอยากแต่งงาน อยากที่จะมีลูก เพียงแต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ อยากที่จะโฟกัสไปที่เรื่องงานก่อน ซึ่งก็จะยังคงอยู่ที่เมืองไทย แต่จะเดินทางไปมาต่างประเทศบ่อยหน่อย โดยเร็วๆ นี้จะไปเรียนต่อด้านการแสดงที่อเมริกา ในขณะที่ประมาณปลายปีหนังฮอลลีวู้ดที่ได้ไปเล่นไว้ก็กำลังจะเข้าฉาย ฉะนั้นหลังจากนี้ก็จะต้องเดินทางไปลงเสียงพากย์ด้วย" โอซากล่าวสรุป


ข่าวจาก: www.bangkokbiznews.com


พืชที่แหลมเส็ด



ยอดมันทอดได้อ่อนช้อยเสมอ





เช้าวันเสาร์ที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๒

พยายามตื่นเช้า ไปสังเกตการณ์แถวๆ แหลมเส็ด ซึ่งเป็นหาดหน้าโรงแรมที่ไปพัก
(Shasa Hotel เกาะสมุย)

หาดเศร้าไม่พอ ยังเหมือนยังไม่ลืมตาตื่น
แต่พืชแถวนั้นน่าสนใจดีนะ



เรื่องหมาหมา : น้องหมาเมืองหลวงฯ






รวมรูปหมามั่ง
มีนิดหน่อยเองฮะ

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เรดาร์แมว : แมวเมืองหลวงฯ



ติดอยู่กะมัีนนานเพราะฝนตก




รวมรสรูปเหมียวหลวงพระบาง
จะเห็นว่าพวกมันไม่ใคร่จะมีอนามัยนดีกันเท่าไหร่
น่าฉงฉาน และไม่ค่อยกล้าเล่นด้วยมากนัก

แม่น้ำสีทอง






เที่ยวบิน PG168 เกาะสมุย-สุวรรณภูมิ
พาอิฉันออกจากสมุยเวลา ๑๗.๒๐ น. วันอาทิตย์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒
ผ่านเมืองสีทองริมฝั่งอ่าวไทยมาแล้ว (คาดว่าอยู่แถวๆ เมืองเพชรฯ)
หลังหกโมงนิดหน่อยก็พาเราผ่านเหนือแม่น้ำสีทองสายหนึ่ง
เป็นแม่น้ำสายที่เราทุกคนคุ้นเคย

แม่น้ำสายนี้ไหลคดเคี้ยวไปมา ก่อนออกสู่ปากอ่าว
มองจากบนนี้เหมือนเป็นแค่คลองสายเล็กๆ เท่านั้น

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ของอร่อยที่สมุย



มื้อนี้โรงแรมไปซื้อเจ้าอร่อย (เจ้าไหน?) มาเลี้ยง

แกงไตปลาไม่ประทับใจ
แต่เห็นว่าแกงไก่กะแกงเนื้อก้อโอเช

ผักดองมีมาให้นิดเดียวไม่สมกับกินขนมจีนปักษ์ใต้เลย

คิดถึงน้ำยาที่สุด




๒๙-๓๑ พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ไปเกาะสมุยเป็นครั้งที่สองของปี (ไปทำงาน)

ได้กินของอร่อยหลายอย่าง
ดังจะเอามาอวดให้คนดูได้อิจฉาดังต่อไปนี้
(ชอบชอบชอบชอบ)


กลับบ้านคนเเดียว (๒)






อาทิตย์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒
PG168 พาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลาหกโมงกว่าๆ
จากฟ้าแจ่มสว่างไสวของสมุย มาเจอฟ้าสีฟ้าประดิษฐ์ที่นี่
เหงานิดๆ แต่ก็ดีใจ ที่ได้กลับบ้าน

ดีใจเหมือนตอนบางกอกแอร์ลดเพดานบินแล้วกัปตันเปิดเพลงยุค '70s
เพลง 'แนว' ของสายการบินเขาล่ะ

เมืองสีทอง



เวลา ๑๗.๕๕ น.




ภาพจากเที่ยวบิน PG168 เกาะสมุย-สุวรรณภูมิ
พาอิฉันออกจากสมุยเวลา ๑๗.๒๐ น. วันอาทิตย์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒

ได้ภาพเมืองชายฝั่งทะเลอ่าวไทยสองเมืองกำลังจับกับแสงทองก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
งามเรืองรองมาก

อยากให้ทุกคนได้เห็นเหมือนกันจัง





วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552

อยากเปลี่ยนจัยไปดื่มเป๊บซี่







ขอบคุณความเบ๊อที่ทำให้นั่งบีทีเอสเลยป้าย
ทำให้อิฉันได้สบตากับเฟร์นันโด ตอเรส

จุพ จุพ

เรดาร์แมว : เหมียวสมุย



เจ้าจิ๋วเอ๊ย...โตขึ้นเป็นเด็กดีนะแก
แล้วถ้าได้กลับไปจะไปเยี่ยมนะ



เกาะสมุยครั้งที่ ๒ ของปี
ไม่คิดว่าจะได้เจอเหมียว (หมายังมีไม่กี่ตัวเอง)
แต่อีตอนเค้าพาไปไหว้พระใหญ่ เสร็จแล้วเดินดูของเล่นๆ
ได้เจอเจ้าหนูตัวนี้
เจ้าของร้านเล่าว่ามันตกลงมาจากหลังคา แล้วเค้าก็เลี้ยงไว้
ชื่อไรจำไม่ได้แล้ว

มันเป็นแมวตาสีฟ้าแหละ

ลับเฉพาะคนรู้จัย : เสมือนเป็นเซเลบฯ




อัลบั้มลับเฉพาะคนรู้จัยเวอร์ชั่นนี้เก็บตกจากทริปหลวงพระบางเมื่อ ๑๗-๒๐ พฤษภาคมที่ผ่านมา
ถ่ายภาพโดยปกรณ์ ซึ่งไม่รู้มันเป็นอะไรของมัน ถ่ายเรามาซะเยอะ
ไม่รุเพราะไม่มีอะไรจะถ่าย หรือถ่ายมันให้หมดก็ไม่รุ

พอมาดูรูปพวกนี้แล้วรู้สึกเหมือนเป็นเซเลบริตี้โดนปาปารัสซี่แอบถ่าย
...ขำดีเว้ย

ป.ล. ห้ามแซวว่าอ้วน กลม ดำ หน้ามัน บลา-บลา-บลา
เพราะว่ารู้ตัวทั้งหมดนั่นแล้วละฮะ