วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

รอยยิ้มแห่งบายอน






วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒

เพิ่งได้ฤกษ์ไปเที่ยวปราสาทหิน หลังจากที่มาถึงเสียมเรียบได้สองวันกว่า
เช้านี้จะได้ไปบายอนก่อน ไกด์(=ที) บอกให้ทำเวลา จะได้ไปตาพรมอีกที่ก่อนกลับไปกินเที่ยงที่โรงแรม พักหน่อยนึง แล้วพอบ่ายก็ค่อยออกมาชมปรา่สาทนครวัดกัน

เขาจัดเวลาอย่างนี้ เพราะว่าปราสาทนครวัดหันหน้าไปทางทิศตะวันตก (ก็มันถูกสร้างเป็นที่ตั้งศพ)
ต้องไปชมตอนเย็น ตอนที่แสงสุดท้ายของวันจับส่องปราสาท มีท้องฟ้าสีครามบนส้มเป็นฉากหลังจึงจะงาม (แต่ฉันได้ไปหลังปราสาททางทิศตะวันออกในอีกวันรุ่งขึ้นด้วยนะเออ)

ปราสาทบายอน สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ผู้นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ซึ่งสร้างปราสาทนี้ขึ้นในนครธม หรือนครหลวง ที่ท่านปกครองอยู่ หลังจากที่ขับไล่พวกจามที่มายึดครองนครออกไปได้ ในปี พ.ศ. ๑๗๒๔ (๘๒๘ ปีก่อน)

บายอนถูกสร้างให้เป็นเสมือนภูเขาศูนย์กลางจักรวาล หรือเขาพระสุเมรุ เป็นปราสาทแห่งเดียวที่ไม่มีกำแพง แต่ใช้กำแพงร่วมกับกำแพงเมืองนครธม (เท่ากับมีพื้นที่ใหญ่ม้ากกก-ก็เมืองนครธมมีพื้นที่ตั้ง ๙ ตารางกิโลเมตร )

พรมพักตร์แห่งบายอน หรือที่เราเห็นเป็นหินสลักรูปใบหน้ามนุษย์ทั้ง ๔ ทิศรอบองค์ปรางค์ ซึ่งเชื่อว่า แต่เดิมมีอยู่ทั้งสิ้น ๕๔ ปรางค์นั้น (คนไทย)สัญนิษฐานกันว่าเป็นรูปใบหน้าของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ในรูปของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (แบบว่าพระองค์ทรงถือว่าตัวเองเป็น "พุทธราชา" หรือเป็นเสมือนปางอวตารปางหนึ่งของพระโพธิสัตว์ในความเชื่อของทางมหายานนั่นเอง)

และที่ต้องให้มีใบหน้าถึง (๕๔ ยอด x ๔ด้าน=) ๒๑๖ พระพักตร์ (!!!) มองไปทั่วทิศในนครธมนั้น ก็เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ ประมาณว่าท่านคอยดูอยู่ ท่านจะช่วยคุ้มครองดูแล ปัดเป่าทุกข์ภัยให้นั่นเอง

ฉันว่ายิ้มของพระโพธิสัตว์นั้น เย็นชื่นใจดีทีเดียว
สบตากับท่านคราใด อดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ ตอบไปบ้าง

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวตลาดซาจ๊ะ



มันไม่ใช่ของจริงอะ



เสาร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๒

หลังจากเที่ยวโตนเลสาบ ไกด์พามาเปล่อยให้เดินที่ตลาดซาจ๊ะ
ตลาดเก่าริมแม่น้ำเสียมเรียบ
มีขายของที่ระลึก และอื่นๆ

ใครใคร่ช็อปปิ้งของที่ระลึก ช็อป
ใครใคร่เดินสอดแนวชีวิตความเป็นอยู่คนแถวนี้ เดิน

ฉันช็อปนิดหน่อย เพราะคิดว่าของหลายอย่างมาจากเมืองไทย
(ฮา)

ส่วนใหญ่เลยเดินเตร่ดูอะไรๆ
และ...ถ่ายรูปให้ป๊อป

มังสวิรัิติ "คุณเชิญ"




เท่าที่ชิมวันนั้น ยกให้จานนี้เป็นที่ 1 ตะวันนา

รสชาติกลมกล่อมมาก พี่เอบอกไม่ได้ใช้กะทิจริง เป็นกะทิจากธัญพืช จากน้ำมันดอกทานตะวัน
จะไม่มีไขมันอิ่มตัวสูงเหมือนกะทิจริง

เนื้อเห็ดโคนญี่ปุ่น (เพาะในเมืองไทยนี่แหละ) กรุบๆ ให้อารมณ์เดียวกับเวลาเรากินแกงคั่วหอยแครงใบชะพลู


ส่วนกลิ่นนั้น หอมมาก หอมใบชะพลูและชะอม

ชามนี้ราคา 120 บาท




พฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2552



โอกาสดี นอกจากได้ไปชิมอาหารมังสวิรัติร้านคุณเชิญแล้ว ยังได้เจอพี่เอ - เชิญจุติ มณเฑียรมณี ตัวเป็นๆ อีกด้วย

(ตอนนี้พี่เค้าเปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามีแล้ว-แต่จำไม่ได้ มีลูกแล้ว 2 คน แต่ยังเท่เหมือนเดิม)

ทึ่งมากเมื่อรู้ว่าพี่เอไม่ได้บริหารร้านอย่างเดียว แต่ลงมือเองทั้งหมด ตั้งแต่จ่ายตลาด ปรุงอาหาร คิดเมนู ฯลฯ

สิบกว่าปีก่อน บ้านพี่เอทำโรงแรม ชื่อ "นิวเศรษฐกิจ" อยู่แถวๆ สถานีรถไฟเชียงใหม่ ร้านอาหารมังสวิรัติร้านแรกของครอบครัว เริ่มเมื่อ 15 ปีก่อน โดยคุณแม่ พี่เอ แล้วก็น้องๆ พี่เอบอก แรกๆ ขายได้วันละ 200 แต่ไม่เป็นไร ช่วยๆ กันล้างจาน

จนกระแสชีวจิตมา จนคนชิมกันแล้วชอบ ครัวคุณเชิญเลยมีโอกาสมาแนะนำตัวกับคนกรุงเทพฯ
แต่ก่อนมีสาขานึงอยู่แถวแปลนสาทรไง ใครเคยกินมั่ง?

พี่เอบอกว่า อยากทำอาหารมังสวิรัติที่อร่อยเหมือนอาหารปกติทั่วไป และอยากจะทำให้เป็นอาหารที่มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
คือไม่ใช่แึค่ไม่กินเนื้อสัตว์แต่ยังเป็นอาหารที่ปรุงจากส่วนผสมที่ดี ไม่มีสี ผงชูรส และสารกันบูด

พี่เอบอกอยากให้แต่ละบ้านลองริเร่ิมทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพแบบง่ายๆ
เพื่อที่อย่างน้อยที่สุด เมื่อเด็กๆ กลับมาถึงบ้าน จะได้กินอาหารที่ดี สะอาด และมีคุณค่าสักมื้อ



ร้านอาหารมังสวิรัติ "คุณเชิญ" สาขาที่ไปนี้ อยู่ที่ชั้น G บางกอกเมดิเพล็กซ์ ปากซอยสุขุมวิท 42 ตึกนี้มีทางเชื่อมกับสถานีบีทีเอสเอกมัย

อาหารมังสวิรัติที่นี่อร่อยจริง
ถ้ามีโอกาส น่าจะลองไปชิมกันบ้าง
ถ้าเห็นราคาแล้วติว่าแพง วิธีแก้ง่ายๆ คือชวนกันไปกินหลายๆ คน หารแล้วจะไม่แพง
ละก้อ อย่าลืมสั่งชามะลิบ๊วยมาชิมนะ
แปลกดี ขมชา หอมมะลิ และเค็มบ๊วย มีหวานนิดหน่อยพอชื่นใจ

สอบถามอะไรๆ โทร 0 2713 6599 ได้
ใครอยู่แถวกาญจนาภิเษก ตรงนั้นมีอีกสาขานึง
พี่เอบอกร้านจะเป็นบ้านๆ สวนๆ แต่งแบบเมืองๆ หน่อย (ก็พี่เอเขาคนเชียงใหม่)
มีอาหารแมคโครไบโอติกตามสูตรด้วย (แต่ไม่มีปลานะ)

เดือนหน้าจะเปิดอีกสาขาที่งามวงศ์วาน สาขานี้จะมีบุฟเฟ่ต์มื้อเที่ยงเหมือนที่เชียงใหม่

สาขาเชียงใหม่อยู่ย่านนิมมาน (ร้านนี้น้องชายชื่อ ดี๋ ดูแล)
อยู่นิมมานซอยอะไร ลืมแล้ว
วานคนเชียงใหม่ช่วยสงเคราะห์ด้วย



เทศกาลภาพยนตร์อังกฤษ 2009

Rating:★★★
Category:Other

เทศกาลภาพยนตร์อังกฤษ 2009

3-11 ธันวาคม 2552 โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์



เทศกาลที่คนรักหนังไม่ควรพลาด บริติช เคานซิลร่วมกับสถานทูตอังกฤษ TK Park และเอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า คัดภาพยนตร์คุณภาพจากสหราชอาณาจักรที่นักวิจารณ์และสมาพันธ์ภาพยนตร์ทั่วโลกรับรองแล้วว่าเยี่ยมมาให้แฟนๆชาวไทยได้ชมกันทั้งสิ้น 5 เรื่อง อาทิ The Age of Stupid ภาพยนตร์กึ่งสารคดีกึ่งแอนนิเมชั่นกับคำถามสำคัญที่ว่า “เหตุใดเราจึงไม่ร่วมมือกันหยุดภาวะโลกร้อนในเมื่อเรายังมีโอกาส” It’s a Free World ภาพยนตร์รางวัลโดยผู้กำกับชื่อดังจากสหราชอาณาจักร Ken Loach ซึ่งกำกับภาพยนตร์เรื่อง Looking for Eric ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องราวของสาวกผีแดง โดยมี เอริค คันโตน่า อดีตดาวยิงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชื่อก้องร่วมแสดงด้วย และ Is anybody there?นำแสดงโดยนักแสดงคุณภาพชาวอังกฤษ Michael Caine ในบทนักแสดงมายากลวัยเกษียณที่ต้องเผชิญชีวิตร่วมกับเด็กชายคนหนึ่งในบ้านพักคนชรา โดยผู้สร้าง Harry Potter และการฉายภาพยนต์อนิเมชั่นเอาใจคุณหนูเรื่อง Thomas&Friends ณ TK Park



นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจในเทศกาลเทศกาลได้แก่ การนำเสนอโครงงานผู้ได้รับรางวัลเงินทุนสนับสนุนจากบริติช เคานซิลเกี่ยวกับเรื่องการรับมือภาวะโลกร้อนในชุมชน และเวิร์กช้อปหนังสือทำมือจากวัสดุรีไซเคิล


107.5 FM Yes Radio

Rating:★★★★
Category:Other


คลื่นวิทยุสำหรับคนคิดถึงเพลงที่เคยฟัง
อย่าง ไมโคร มาช่า บิลลี่ อินคา ขจรศักดิ์ พงษ์พัฒน์
แมคอินทอช สาวสาวสาว ฯลฯ

(อัลบั้มตอนเราเด็กๆ น่ะ)

ได้ข่าวว่าเค้าเชิญดีเจดังสมัยโน้นมาจัดรายการด้วย
(เผอิญไม่รุจัก เพราะตอนเด็กๆ ยังอยู่บ้านนอกอยู่)

ไม่รู้จะฟังผ่านเว็บได้ไหม
ลองดูที่ http://www.yesradiothai.com/index2.php

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไปเขมรทำไม?



รูปนี้ครายถ่ายหว่า?
ป๊อปมั๊ง?

เอนกำลังสวยเลย ว่ามะ?

เสื้อตัวนี้ไม่ได้หิ้วกลับมาเอง
แต่เป็นของฝากสดๆ จากพี่หมี ที่เพิ่งไปหลวงพระบางเป็นครั้งแรก
แล้วกลับมาบอกว่าชอบฮานอยมากกว่าหลวงพระบาง

(ชิส์)

ถ่ายก่อนทางออกปราสาทตราพรม
ระยะนี้ถ่ายแล้วไม่อ้วน เริ่ดมั่กส์






๒๓-๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๒

ฉันมีโอกาสไปเสียมเรียบทางรถยนต์
บนถนนสาย ๖ โฉมใหม่ อันแสนจะราบเรียบ
หลายคนคงสงสััย ว่าฉันไปทำอะไร

อัลบั้มนี้สำหรับตอบคำำถามของบางคนที่สงสัยแล้วกัน

ว่า ฉันไปเขมรทำไม





หมายเหตุ: ขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยถ่ายรูปให้
ไป ๔ วัน ได้รูปมา ๕-๖ ร้อยรูป มีรูปตัวเอง (ที่ดีๆ)ไม่มากเรย T-T
(แต่มีรูปพอร์เทรตคนอื่นที่ดีๆ มาเพียบเลยนะ ขอบอก)

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไปทะเลหน้าหนาวกับสาวโสด

Start:     Nov 6, '09
End:     Nov 7, '09
Location:     วีรันดา หัวหิน


ไปชิมอาหารฝีมือเชฟเอียน
ที่วีรันดา หัวหิน


ล่องเรือ เลาะริมโตนเลสาบ



จอดเทียบอยู่พักนึงก็ไป


เสาร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๒

ตกบ่าย เขาพาไปเที่ยวเขมรทางน้ำ เลยได้รู้จักกับพลเมืองเขมรอีกกลุ่ม
แล้วก็ทำให้รู้สึกว่า เมืองเขมรไม่ได้มีแต่ความแห้่งแล้ง ไม่น่าไว้วางใจ
เพราะในโตนเลสาบนี่มีแต่ความเย็น ชุ่มชื้น แถมยังมีรอยยิ้ม
(บางยิ้มก็โปรยมาโดยไม่ต้องหว่านแบงค์ ๑ ดอลลาร์ไปก่อนเสียด้วย)

พื้นที่ของประเทศกัมพูชา หรือเขมรนี่มีลักษณะเป็นที่ราบแอ่งกระทะ
บริเวณที่ต่ำที่สุด ตรงใจกลางประเทศเลยกลายเป็นจุดรวมของน้ำ ซึ่งมีธรรมชาติในการไหลหลากจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
รวมทั้งน้ำที่เอ่อล้นจากแม่น้ำโขง กลายเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คนเขมรเรียกแหล่งน้ำนี้ว่า “ต็วนเลซาบ”
ที (ไกด์รูปหล่อแบบเอ็กโซติก) บอกว่า ต็วนเล หมายถึงแม่น้ำ
ส่วน ซาบ คือ จืด

แต่คนไทยเราเรียกกันด้วยสำเนียงไทยว่า โตนเลสาบ หรือทะเลสาบเขมร

ช่วงหน้าน้ำ (คือปลายฝน) ทะเลสาบจะแผ่บริเวณกว้าง ส่วนที่กว้างที่สุด ยาวไม่ต่ำกว่า ๕๐ กิโลเมตร (หน้าแล้ง ลดขนาดเหลือแค่ ๑๕ กิโลเมตร) ลึกตั้งแต่ ๑-๑๐ เมตร มีปลามากกว่า ๓๐๐ พันธุ์ ซึ่งเขาจับไปทำอะไรๆ สร้างรายได้ให้ประเทศเป็นอันดับสอง รองจากการท่องเที่ยว (ชาวต่างชาติเข้าชมปราสาทนครวัดวันละ ๒๐ ดอลลาร์นะคระ)

ในสายตาของฉัน ซึ่งได้สัมผัสโตนเลสาบในเวลาสั้นๆ ไม่เกิน ๓ ชั่วโมง
สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดคือ วิถีชีวิตแถบนี้

ทีเล่าว่า มีทั้งคนเขมรและคนจาม (ชาติพันธุ์หนึ่ง ซึ่งปัจจุบันไปปักหลักกันที่เมืองดานัง เวียดนาม)
มีการเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ (เชื่อว่าเป็นโปรแตสแตนท์ของชาวเกาหลี ซึ่งมาเสียมเรียบกันม๊ากมาก) น่าคิดว่าชีวิตบนเรือ บนแพ ของเขาเป็นยังไง เหมือนในบ้านเราไหม

แล้วเวลาหน้าน้ำแล้ง คนเหล่านี้เขาอยู่เขากินกันยังไง

อยากอยู่จนเย็น รอเวลาแดดตก
แต่ก็ไม่ได้อยู่ ตามโปรแกรมแล้วต้องไปช็อปปิ้งที่ตลาดซาจ๊ะ เลยบ๊ายบายโตนเลสาบเพียงเท่านี้



คืนนี้ที่เสียมเรียบ



ว่าแต่ว่า ทำไมป๊อปมันหน้าขาวงั้นฟระ
(หรือฉันหน้าดำเอง?)



ศุกร์ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๒

ย่างเท้าเข้าโรงแรม จิบเวลคัมดริ๊งค์เมื่อราวห้าโมงเย็น
แยกย้ายเข้าห้องแล้วลงมากินข้าวเย็น ซึ่งเขาจัดไว้ให้อย่างด่วนเพราะรู้ใจว่าคนมาไกลน่ะหิว

สองทุ่มครึ่งพวกเราก็ออกไปดูอะไรๆ กันข้างนอก

ตื่นเต้นดี เพราะไม่คิดเลยว่าคนเมืองนี้เขามี Night Life เหมือนกัน



ป.ล.
-ถ้าไม่ได้มากะน้องพวกนี้ สงสัยจะไม่ได้เห็นชีวิตกลางคืนเสียมเรียบ
-รูปพวกนี้ถ่ายมาไงก็ให้ดูงั้นเลย ขี้เกียจทำ
-เชื่อไหมว่าถนนในเมืองเสียมเรียบแย่กว่าถนนสาย ๖ ที่พาเรามาจากปอยเปตหยั่งกะอยู่คนละโลกแน่ะ

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ถนนสู่เสียมเรียบ



ทีบอกว่าที่นั่งบนหลังคาอัตราถูก
เห็นปิ๊กอัพคันนึง บรรทุกคนมาอย่างล้น แถมยังมีึคนนั่งแม้แต่บนหลังคาส่วนของเก่งคนขับด้วยอะ



ศุกร์ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๒

ภาพบางส่วน บนถนนจากงามวงศ์วาน สู่เสียมเรียบ
กัมพูชา




๖ รูปแรกเป็นรูปจากมือถือ

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สวัสดีจากเสียมเรียบ




คิดถึงกันบ้างหรือเปล่า?




เสาร์ 24 ตุลาคม 2552

คิดถึงมัลติพลายเหมือนกัน
เมื่อคืนวาน ไป บาเคง บาร์เขมร ก็สนุกดี
วันนี้ไม่ออกไปไหนแล้ว (ป้าเหนื่อย)
เลยแว้บมาอัพรูป+คลิปให้ดูกัน

เผื่อจะได้รู้จักและเข้าใจคนเขมรมากขึ้นด้วย
(โชคดีที่หาวิธีเปลี่ยนภาษาได้แล้ว และยังพอจำได้ ว่าตัวอาราย อยู่ตรงหนาย)




วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บ่ายนี้ไม่มีเธอ



รู้สึกสงบ
แต่เหมือนขาดอะไรบางอย่าง





จันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2552



เดิมที ฉันไม่เชื่อง
ไม่ชินกับการมีใครเอาใจใส่
ไม่ค่อยมีใครโทรหา
และที่จริง ถ้าฉันไม่ได้อยากคุยด้วย ฉันไม่รับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ

แต่เธอมาทำให้ฉันเชื่อง
ชินกับการมีคนโทรหา ถามเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ชวนคุยจนมันกลายเป็นเรื่อง
เรื่องราวดีๆ ในความรู้สึก

่แล้วเธอก็มาหายไปในบ่ายนี้
ฉันควรจะไม่รู้สึกอะไร
แต่อดไม่ได้ที่จะรู้สึก

อืมม์..วันนี้เธอคงไม่เหงาสินะ








หมายเหตุ: บ่ายวันนี้ บันทึกที่ Blooming Season
ซอยสมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก และพุทธมณฑลสาย 2 (เข้าได้ทั้งสองซอย)
โทร. 0 2448 3385


a preview of Cruise 2009/10 collection




อังคารที่ 20 ตุลาคม 2552

หัวหน้าส่งไปดูพรีวิว Chanel’s Cruise Collection 2009-2010 (แทน)
ดีใจที่มีเพื่อนไปด้วยกันหลายคน ไม่งั้นคงเฉา หมดสนุก
ได้ถ่ายรูปมาแบบงูๆ ปลาๆ ด้วยกล้องป๊อกแป๊กที่แฟลชก็ไม่มี ซูมก็ไม่ทัน แถมนั่งไม่ค่อยจะถูกที่อีก

ไม่ค่อยถนัดเรื่องแฟชั่น ก็จะบอกอะไรไม่ได้มาก โดยเฉพาะเรื่องราคา
รูปที่ถ่ายมาก็ไม่ได้บอกอะไรมากถึงความเนี้ยบ ความโก้ และความหรูของชาแนล
เพราะฉะนั้นก็ดูไปแบบขำๆ ละกันนะจ๊ะ



หมายเหตุ
-เืพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความเสื่อม
จึงไม่มีการปรับปรุงคุณภาพของสี และ composition แต่อย่างใด
อย่างเดียวที่ทำ คือ resize เท่านั้น


วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

รูปคู่และรูปไม่คู่




เพื่อนม้อยมันตั้งข้อสังเกตว่าม้อยชอบถ่ายรูปตัวเองในกระจก
พอถ่ายรูปแบบนี้มาทีไรมันเลยเรียกว่า รูป signature




อัพไว้ให้รุ่นพี่ดู
>o<

รูปคู่รูปแรก






ได้รูป signature ซะด้วย

อิอิ

วันอาทิตย์-ฟ้าใส-ไปกินอาหารแขก



เผ็ดๆ ลื่นๆ เม็ดกระเจี๊ยบ เค็มหน่อยๆ อร่อยดี เพิ่งเคยกิน


อาทิตย์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๒

เมื่อวานมีชุมนุม ฝนเลยตก เมื่อคืนก็ยังตก ยังคิดว่าแล้วฟ้าวันนี้ (ซึ่งมีนัด) จะเป็นยังไง
ปรากฏว่าเช้านี้แจ่มดี (แม้ย่างเข้าบ่ายคล้อยแล้วฝนก็จะตกลงมาอีก)

นั่งบีทีเอสไปลงสะพานตากสินแล้วขึ้นเรือด่วนมาที่ท่าสะพานพุทธ
จุดหมายอยู่ที่พาหุรัด (ที่ที่มีส่าหรี) และ Royal India
ร้านอาหารอินเดียที่ฉันเหมือนจะคุ้นชื่อ แต่ยังไม่เคยมาเสียที

ที่นี่มีไก่ติ๊กก้าซะด้วย เลยหักคอคุณเจ้ามือที่กำลังจะสั่งไก่่ย่างทันดูรีเสียเลย
กระเจี๊ยบผัดเขาแปลกดี นานกระเทียมอร่อยเหมือนขนมผังกระเทียม+ชีส แต่แป้งล้ำเลิศกว่ามาก แกงถั่วดำก็ดี อาจาดไม่ได้ชิม

แลสซี่มะม่วง (เชื่อว่าเป็นอกร่อง) อร่อยมาก

เสียดายไม่ได้ลองชิมขนมหลากหลายที่วางอยู่ในตู้หน้าร้าน

ไม่รู้ว่าค่าเสียหายทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่
(คิดว่าคงจะหลายอยู่)
(จึงขอขอบคุณเจ้ามือมา ณ ที่นี้)




วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Good Bye Lenin : บ๊าย-บายเลนิน แล้วก้าวไปให้ทันโลก

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Drama


ได้ดูหนังเรื่องนี้กับป้าอ้อยเมื่อตอนมันเข้าโรงที่ลิโด้ แต่ว่าเราไปดูกันตั้งแต่ปี 2003 เลยหรอป้า? (นานจังเนอะ) แต่ได้ดูอีกครั้งในเร็วๆ นี้ ด้วยมีสปอนเซอร์นำเสนอ ซึ่งมีหรือ ที่ฉันจะปฏิเสธ

ตอนที่ได้ดูหนังใหญ่จำได้ว่า รู้สึกแล้วว่าเป็นหนังที่นำเสนอได้เจ๋ง เล่าเรื่องละเอียดอ่อนเปราะบางในความรู้สึกคนรุ่นก่อนให้คนรุ่นหลังเข้าใจดียังไม่พอ ยังมีอารมณ์ขันเสียด้วย (ฉากเครื่องบินขนเลนินมานั้นก็สุดยอดเลย) แต่จากการได้ดูซ้ำอีกอย่างน้อย 2 รอบในคราวนี้ ก็ทำให้เก็บได้รายละเอียดมาอีกเป็นหลายกอบ แถมด้วยผลพลอยได้ดีๆ ประสาสตรี (มีอายุ) ช่างคิด

เรื่องหนึ่งที่ได้คิดคือ คนรอบตัวเราเกิดและเติบโตในยุคที่มีสิ่งแวดล้อมต่างกับเรา ย่อมมีความผูกพันเชื่อมโยงกับอะไรบางอย่างต่างกัน

อย่างโลกของคริสติอาเน่ ผู้เป็นแม่ในเรื่อง ก็เป็นโลกที่ต่างกับโลกของลูกๆ ทั้งๆ ที่ทั้งแม่และลูกต่างเป็นพลเมืองของประเทศที่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว คือเยอรมันตะวันออก ประเทศสังคมนิยมซึ่งเป็นผลิตผลของสงครามเย็น ที่ ณ เวลาในหนัง แค่ปิดกั้นตัวเองจากโลกทุนนิยมไม่พอ ยังถูกกรอกหูว่าทุนนิยมน่ะ ฟุ้งเฟ้อ ชั่วร้าย เลวทรามต่างๆ (สังคมนิยมดีที่สุด) นานา

อีหรอบเดียวกับประเทศทุนนิยมประชาธิปไตยทั้งก็โดนกรอกหูแบบเดียวกัน
นี่แหละ สไตล์อันโหดร้ายและเยือกเย็นของสงครามเย็น

หนังเริ่มเล่าเรื่องในปี ’87 ตอนที่อเล็กซ์ยังสิบเอ็ดขวบ ตอนนั้นครอบครัวเหมือนจะมีความสุขดี (ดีแบบที่คนในโลกสังคมนิยมจะดีได้) แต่จากนั้น ผู้เป็นพ่อซึ่งมีความนิยมในทุนนิยมก็หายไปจากบ้าน เด็กๆ เข้าใจว่าเป็นเพราะพ่อติดผู้หญิง แต่แม่น่ะรู้ดี ว่าพ่อไปเพราะอยากเป็นทุนนิยมมากกว่าสังคมนิยม

การหายไปของพ่อทำให้แม่นิ่งเงียบ เราได้รู้กันในภายหลังว่าแม่เงียบเพราะเธอกำลังตัดสินใจ ซึ่งในที่สุดแล้วแม่ก็ตัดสินใจปักหลักอยู่ที่ด้านขวาของกำแพงเบอร์ลิน ไม่หอบลูกหนีไปตามพ่อเพราะกลัวว่าเขาจะจับพรากลูกไป (เป็นเหตุผลที่ฟังได้สำหรับคนเป็นแม่นะ) หลังจากนิ่งเงียบไป 8 สัปดาห์ แม่ก็กลับบ้านพร้อมความเชื่อมั่นตั้งใจ ว่านี่แหละคือวิถีที่เธอและลูกเลือก
(ก่อนที่จะได้รู้ในอีกสิบปีว่าจริงๆ แล้วลูกอยากเลือกอะไร)

แม่มีเหตุให้ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา หลับรวดไป 8 เดือน ในคืนที่อเล็กซ์โดนจับไปจากม็อบเรียกร้องเสรีภาพ ระหว่างที่แม่หลับ กำแพงเบอร์ลินถูกทุบในปี ’89 กระแสทุนนิยมไหลกรากมาทางฝั่งตะวันออก พาโคคาโคลา, เบอร์เกอร์คิง, เฟอร์นิเจอร์และแฟชั่นล้ำยุค รวมทั้งคอนซูเมอร์โปรดักท์แปลกใหม่มาพัดแบรนด์สังคมนิยมเก่าๆ พลัดตกจากชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ตไปเป็นแถบๆ

นอกจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ลูกๆ เองก็เปลี่ยนไป พี่สาวอเล็กซ์เลิกเรียนเศรษฐศาสตร์ ออกมาขายเบอร์เกอร์คิง แล้วก็ได้แฟนใหม่เป็นผู้จัดการร้านเบอร์เกอร์คิง หนุ่มจากฝั่งตะวันตกมาอยู่ด้วยในแฟลตเดียวกันแล้ว อเล็กซ์จีบลาร์ล่า นักเรียนพยาบาลสาวรัสเซียน่ารักม้ากติด เขามีความสุขมาก เขารู้สึกเหมือนอนาคตอยู่ในมือ

แต่แล้ว จู่ๆ ระหว่างที่ทุกคนกำลังแฮปปี้มีความสุขกับโลกใหม่ แม่ก็ตื่น

แม่ พลเมืองสังคมนิยมตัวอย่าง ผู้งดงาม ผู้บอบบาง ที่รักของอเล็กซ์ ซึ่งพร้อมจะช็อคได้อีกทุกเมื่อ ได้ฟื้นขึ้นโดยไม่รู้ว่ากำแพงเบอร์ลินไม่มีอยู่แล้ว

ร้อนถึงลูกๆ ต้องช่วยกันจัดฉากให้โลกเหมือนกับวันที่แม่ยังจำได้ เพื่อที่แม่จะได้ไม่ต้องช็อคไปอีกครั้ง เพราะรับไม่ได้ กับการกลายเป็นกระแสทุนนิยมที่แม่เกลียดชัง ..ตอนนี้แหละที่ทั้งวุ่นวายและสนุกในความรู้สึกของคนดู

อเล็กซ์ทำทุกอย่าง ตั้งแต่ค้นขยะหาฉลากแตงกวาดองที่แม่อยากกิน ซึ่งไม่มีขายแล้ว ไปสวมขวดใหม่ก่อนเสิร์ฟแม่ ตัดต่อเทปข่าวเปิดให้แม่ดู โดยคิดว่านั่นคือทีวี จับเพื่อนบ้านและลูกศิษย์แม่มาแต่งตัวเชยในแบบเดิม เพื่อร่วมอวยพรวันเกิดแม่ ระหว่างนั้นก็รอให้แม่นึกออกว่าซ่อนเงินไว้ตรงไหน (เสียดายแม่นึกออกช้าไปหน่อย)

แต่ก็นั่นแหละนะ ความลับไม่มีในโลก ก่อนจะจากไป ในที่สุดแม่ก็ได้รู้ว่าประเทศที่แม่รักและเชื่อมั่นไม่มีอยู่แล้ว แต่ก็เป็นการรับรู้อย่างอ่อนโยน ด้วยการจัดการของอเล็กซ์และเพื่อนอีกตามเคย


โลกยังคงหมุนไปข้างหน้า การที่แม่เราทำใจไม่ได้กับโลกในวันนี้ ซึ่งเป็นโลกของเราไม่ใช่เรื่องแปลก อีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า เราเองก็อาจจะทำใจยากกับโลกที่เราไม่ชินอีหรอบเดียวกะแม่เราก็ได้ (ใครจะรู้ )
ทางทีดีเราจึงควรทำหัวใจให้แข็งแกร่งพร้อมรับความเจ็บปวดจากบาดแผล
ยืดหยุ่นพอที่จะถูกถ่างใจให้กว้างพอจะรับสิ่งใหม่ๆ แล้วสายตาก็ควรจะถูกปรับให้รู้จักมองในแง่ดีเข้าไว้

เพราะว่าโลกยังหมุนไปข้างหน้า กลางคืนไม่ดำมืดอยู่อย่างนั้นตลอดไป วันใหม่เดินทางเพื่อมาถึงตลอดเวลา ไม่มีอะไรคงอยู่ในสภาพเดิมนิจนิรันดร์ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง ...แม้แต่หัวใจคน

(หุ หุ)





บันทึก:
• จำชื่อผู้กำกับ Wolfgang Becker ไว้ แล้วไปหา Life Is All You Get, หนังอีกเรื่องของเขามาดู
• ชอบบทที่เขาเขียน ชอบลำดับการตัดต่อ ชอบรสนิยมในการเชื่อมโยงซีเควนซ์ต่างๆ แล้วก็ชอบสำนวนที่เขาเขียนให้เดเนี่ยล บรูห์ลอ่าน (ความคิดของอเล็กซ์) มันดูเป็นการมองโลกอย่างเข้าใจ แต่แทรกไว้ด้วยอารมณ์ขัน
• คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นผ้าผืนนึงที่เกิดจากการวางแผนก่อนทอลายลงไปในนั้นอย่างสุดยอดเลยอะ ในหนังมีรายละเอียดน่ารักมากหลายอย่าง ที่ทำให้เราจำมันได้ไม่ลืม ไม่ว่าจะเป็นการส่งชาวเยอรมันคนแรกขึ้นไปท่องอวกาศ เพลง score ลายวอลล์เปอเปอร์เข้ากับปลอกหมอน โคคาโคล่า สกูตเตอร์ และเบอร์เกอร์คิง และบอลโลก
• เขาเขียนตอนพี่สาวอเล็กซ์เจอพ่อได้เจ็บปวดดีจริง (ทั้งๆ ที่ดูแล้วก็ขำไปด้วยอะนะ)
• สังเกตว่าเขาแคสต์ได้ตัวละครหน้าตาดีจริง (หรือจริงๆ ดาราเยอรมันหน้าตาดีหมด) ยกเว้นตัวพระเอก (เดเนี่ยล บรูห์ล) แต่ถึงจะไม่หล่อ แต่น้องเค้ามีคาแรกเตอร์น่าติดตามนะ
• คาทริน ซาซ เล่นเป็นแม่ได้ดีจริง แล้วเธอก็สวยมากๆ เลยด้วย
• ชอบแสง+อารมณ์ตอนแฟนอเล็กซ์ตามไปปลอบริมทะเลสาบมากเลย อบอุ่น
• เหมือนว่านางพยาบาลในโลกสังคมนิยมจะน่ารักและเซ็กซี่มาก (ชุดขาวบางเบาเดินย้อนแสงแล้วมันช่าง...ว้าว)
• เป็นหนังดี ภาษาสวย (ขอบคุณพระเจ้า เขาแปลซับฯ ออกมาดี๊ดี เลยรู้ว่าเขาเขียนดีแค่ไหน) แต่ฟังมากๆ แล้วไม่เห็นอยากเรียนภาษาเยอรมันเลย


วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ท ะ เ ล ที่ รั ก : เลโชว์




แล้วก็...ฮึ้บ!




ให้ทายว่าทะเลทำอะไร
อยู่หน้าร้านหลุย วิตตอง


ท ะ เ ล ที่ รั ก : เด็กชอบกินอุด้ง





วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๒

ม้าน้อยมีนัดกับแม่แอนจะพาเด็กหญิงทะเลไปกินอุด้งที่ ดงดง
ซึ่งอยู่ใกล้สถานีบีทีเอสพร้อมพงษ์ ก็แถวที่ทำงานม้าน้อยอะแหละ

ก่อนไปแอบเครียดเล็กน้อยเพราะต้องทำการขอหัวหน้าออกไปกินข้าวเที่ยงนานๆ
แต่ก็ทำเนียนหนีออกมาได้


โอโคโนมิ ยากิ กับอุด้งของดงดงอร่อยเหมือนเดิม (ไม่ชื่่อผู้ใหญ่ให้ถามเด็ก)
แต่ให้ตายเหอะ มากินร้านนี้ทีไรหัวเหม็นได้สุดๆ

คราวหน้าต้องเตรียมผ้ามาโพกหัวโดยเฉพาะ


วันอาทิตย์ไปพับกระดาษกัน






ศุกร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒

มีเวลาว่าง ๓ ชั่วโมงก่อนไปชมมหรสพ
เลยไปงานสัปดาห์หนังสือ เพื่อทำภารกิจเล็กๆ (แต่หนักนิดหน่อย)ให้เป็นจริง
เหลือเวลาเล็กน้อยเลยเตร่ไปดูหนังสือที่บูธสารคดี
(งานนี่ฉันเดินไม่ทั่วหรอก ไปถึงก็แวะแค่สองสามจุด แล้วรีบเผ่นก่อนเป็นลม)
(ชอบคุณรถไฟฟ้ามาหานะเธอทั้งบนดินและใต้ดินที่ช่วยสนับสนุนการเผ่น)

เลยบังเอิญได้เจออาจารย์บัญชา ธนบุญสมบัติ
แกออกหนังสือโอริงามิเล่มใหม่ เลยมีกิจกรรมสอนพับกระดาษ
เห็นคนพับกันง่วน

ฉัีนว่า ตอนกลับไปอีกทีจะไปสอยหนังสือเล่มนี้มามั่ง
ฉันเองก็สนใจการพับกระดาษ

วันอาทิตย์ที่ ๑๗ ตุลาคมนี้ อาจารย์แกว่าแกจะไปอยู่ที่บูธทั้งวันเลย
ใครอยากเจอตัวจริงเพื่อขอลายเซ็นต์ ให้แกสอนพับกระดาษ หรือถามอะไรๆ แก ก็ไปได้ ที่บูธสารคดี
ที่เดิมที่เคยอยู่อะแหละ
(ไม่รู้เรียกว่าอะไร ที่เป็นห้องๆ แล้วสารคดีเค้าจะอยู่ริมๆ ด้านใกล้ๆ กะแบล็กแคนยอนน่ะ)

mission completed! (จ๊อบนี้เพื่ออุ๊แอ)






ศุกร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๒

ส่งไปแล้วนะ
คุณชายพันธุ์โชะฯ ๓๔ เล่ม

รอรับได้เรย
(ไม่รู้กี่วันถึง)

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไว้อ่านเอง: เรียนภาษาเขมรก่อนไปเที่ยว


เจอภาษาเขมรควรจำได้ในเว็บ
http://www.oceansmile.com/KHM/PasaAngkor.htm


...ยากจัง พูดภาษาฝรั่งเศสแทนไม่ได้เรอะ?

-----------------------------------------------------
คำทักทายพูดคุย ศัพท์ทั่วไป
สวัสดี ซัวซไดย, จุมเรี้ยบซัว ห้องน้ำ ต๊บตึ๊ก
สวัสดี(ตอนเช้า) อรุณซัวซไดย ขออีก/เอาอีก ซมเตี๊ยบ
สบายดีหรือ ซกสะบายดี (ถาม) จิตแพทย์ แป๊ดวิกอลจารึก
สบายดีค่ะ(ครับ) จ๊ะ (บาด) ซกสะบายดี เจ้าชู้ เปรี๊ยนเนียร
ขอให้มีสุขภาพดี สุขะเพียบละออ ช่างถ่ายรูป เจียงถอดรูป
ขอลา โซ้มเรีย, โซ้มจุมเรี้ยบเรีย เข็มขัด ซ้ายกราหวัด
ลาก่อน
เรียนซันเฮย เข้านอน โจรล-เด๊ก
ขอบคุณ ออกุน, ออกุนเจริญ ง่วงนอน
งองเงยเด๊ก
ผม, ฉัน ขยม ฝัน สุบิน
คุณชื่ออะไร เตอเนี้ยะชัวเว่ย เขียนจดหมาย ซอเซ้ ซ็อมบท
ฉันชื่อสมชาย ขยมฉม้วกสมชาย เขียนแผนที่ ซอเซ้ แผนตี้
ฉันไม่เข้าใจ ขยมเมิ่นยวลเต๊ วาดรูป กู๊รูปเพรียบ
ฉันขอโทษ ขยมโซ้มโต๊ก เช็ค มูลเตียนนะบัด
ซื้อของ : ช้อปปิ้ง แชมพูสระผม ซาบู๊เกาะเสาะ
ของนี้ราคาเท่าไหร่ โปร๊กบอกนี้ทรัยป่นหม้าน เครื่องบิน ยนเฮาะ (ยนต์เหาะ)
แพงไป ทรัยเปก โฆษก เนี้ยะโปรกา
ลดได้ไหม จ๊กทรัยบานเต๊ ตลาด พซา (ออกเสียงซาก็ได้)
ไม่มีเงิน อ็อดเมียนโร้ย การนับเลข
เครื่องคิดเลข เกรื้องกึ๊ดเลข 0 โซม
อาหารการกิน 1 มวย
กินข้าวอร่อยไหม บายชงัลเต๊ 2 ปี
อร่อย ชงัล 3 เบ็ย
อิ่ม แช-อต 4 บวย
น้ำแข็ง ตึ๊กกอ 5 ปรำ
น้ำแข็งยูนิต ตึ๊กกอดอม 6 ปรำมวย
พริกป่น มะเต๊ะหม็อด 7 ปรำปี
มะนาว ซมโกร๊ซฉมาร์ 8 ปรำเบ็ย
ข้าวหน้าหมู บายจรู๊ก 9 ปรัมบวน
ข้าวหน้าไก่ บายบวน 10 ด็อบ
ข้าวผัด บายชา 15 ด็อบปรำ
ข้าวผัดไก่ บายชามอน 20 มวยไพ
ใส่ไข่ดาว ไซปองเจียน 30 สามซับ
ขนมจีน แบ็งจ็อก 40 ซายซับ
ปลาทอด เตร็ยเจี่ยน 50 ห้าซับ
กาเหลาลูกชิ้น เประฮั้ดสะโคซุป 60 หกซับ
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น กุยเตียวประฮั้ดสะโค 70 เจ็ดซับ
บุหรี่ บาเร็ย 80 แปดซับ
กาแฟ กาเฟ 90 เก้าซับ
กาแฟดำ กาเฟเขมา 100 มวยร้อย
ขนม หน้ม 1,000 มวยปอน
แกงเผ็ด,ต้มยำ ซ็อมลอมจู 10,000 มวยมื่น
กระดาษชำระ เกราะด๊ะอะนะมัย 100,000 มวยแสน
ไม้จิ้มฟัน เฌอจักทมึน    
คิดเงิน กึ๊ดโรย  


วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

...หญิงอยากไป

Rating:★★★★
Category:Other


SUPER JAZZ TRIO:
The Best Contemporary Jazz Concert Of The Year



วันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2552

ณ ห้องแกรนด์บอลรูม (ชั้น 7) โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพ (ถ.สุขุมวิท)

บัตรราคา 2,000 / 1,500 / 900 บาท

จำหน่ายบัตรที่ บูทไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทร.02-262-3456
และที่ www.thaiticketmajor.com



โอกาสนี้อาจจะเป็นเพียงครั้งเดียวที่ทั้ง 3 คน รวมตัวกันเล่นบนเวทีเดียวกัน คนดนตรีทั้งหลายไม่ควรพลาดประวัติศาสตร์ทางดนตรีครั้งนี้
(..เค้าว่างั้นอะนะ)


วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ชวนชม : 50 ปี จดหมาย(ที่)รัก




ทุกวันนี้ใช้แต่ปากกาแจกฟรี
มันไม่ค่อยมีคุณภาพ
เขียนได้นิดหน่อย หมึกก็หมดแล้ว



เสาร์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๒

จากหัวถนนอังรีดูนังต์ คิดจะเดินไปลงรถไฟใต้ดินที่จามฯ สแควร์ (มีคนบอกไว้ว่าเด็กแนวเค้าเรียกกันงี้) เลยบังเอิญได้ไปเจองาน "50 ปี จดหมายที่รัก"

เกือบไม่มีอะไรพิเศษสำหรับคนไม่ได้สะสมแตมป์ ไม่สนใจจะซื้อเครื่องเขียน แล้วก็เขียนจดหมายเขียนโปสการ์ดเป็นเรื่องธรรมดาอย่างฉัน

แต่ไปเห็นนิทรรศการเล็กๆ น่ารักมาก เลยเก็บภาพมาฝากกัน

เผื่อจะแวะไปชมเองที่ จาม(จุรี)สแควร์

ความคิดถึงเดินทางมา : โปสการ์ดจากคนรัก




เห็นแค่นี้ก็อยากไปน่านแล้ว




ตุลาคม ๒๕๕๒

ช่วงนี้มีโปสการ์ดปลื้มๆ จากเพื่อนๆ ทยอยเดินทางมาถึงหลายใบ

ขอโชว์หน่อย

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เรดาร์แมว : รู้ได้ไงว่าน้องเหมียวรักเรา

Rating:★★★
Category:Other


เจอบทความนี้โดยบังเอิญที่หน้านี้
http://www.thonglorpet.com/th_source_view.php?sid=86
อดไม่ได้ เลยเอามาแปะให้คนรัีกเหมียวอ่านกัน

*****************************

10 วิธีการที่แมวจะบอกรักคุณนั้นมีดังนี้ ...

1. กระโดดนั่งตักคุณ แล้วก็ใช้หน้าถูกับตัวคุณ แมวส่วนใหญ่มักจะแสดงออกแบบนี้ เรียกว่าเป็นการแสดงออกแบบสากลก็ว่าได้
2. ส่งเสียงร้องเรียกคุณ "เมี้ยว เมี้ยว" เบา ๆ แล้วก็ทำหน้าอ้อน ๆ ทำตาหวานใส่แมวที่เรียบร้อยมักจะเป็นแบบนี้
3. กัดที่หน้าแข้ง หรือข้อศอกเบา ๆ เจ้าของบางคนจะไม่ชอบ และเข้าใจผิดว่าแมวดุ แต่จริง ๆแล้วเป็นการแสดงความรักของแมวระดับจ่าฝูงก็ว่าได้ เพราะพวกนี้จะอ้อนไม่ค่อยเป็น
4. นวดหลัง บางครั้งเมื่อคุณนอนอยู่จะเห็นว่าแมวจะขึ้นไปเดิน หรือเหยียบหลังคุณ
ถ้าหากคุณรู้สึกพอใจมันก็จะทำบ่อย ๆเพื่อให้คุณสบาย แมวพวกนี้จัดเป็นพวกไอคิวสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
5. หอมแก้ม บางครั้งเวลาอุ้มแมวจะถูกแมวหอมแก้ม อันนั้นมันบอกว่า " รักคุณมากเลยหล่ะ "
6. แมวใช้เท้าหน้าลูบหน้าคุณ หรือตบที่หน้าเบา ๆ ลักษณะนี้ก็เหมือนกับความรู้สึกเวลาคุณลูบหน้าคนที่คุณรักนั่นแหละ
7. ลูบหน้า แล้วก็ร้อง ๆ เบา ๆ มันบอกคุณว่า " รักเจ้านายมากที่สุดในโลกเลย "
8. แมวเอาตัวมาถูที่ขา แรง ๆ แล้วก็ร้องดัง ๆ อันนี้เป็นการแสดงออกว่ารัก ของแมวประเภทหัวโจกชอบโวยวาย
9. กระโดดเกาะที่หลังเวลาเจ้าของนั่งลง แมวขี้เล่น หรือแมวที่ซุกซน หรือแมวเด็ก ๆ
มักจะแสดงออกแบบนี้ก็เหมือนกับเวลาที่ตอนคุณเด็ก ๆ คุณก็อยากให้พ่อ อุ้มหลังขึ้นเหมือนกัน
10. มานอนซุกคุณเวลาคุณนอนหลับ อันนี้แสดงว่ารักมาก อยากอยู่ด้วยตลอดเวลา แม้เวลาจะนอนหลับ
แต่ถ้าแมวของคุณยังไม่แสดงออกแบบนี้ละก็ลองหันกลับไปดูว่า ได้ดูแลเขาได้ดีพอหรือยังถ้ายังก็ควรจะเริ่มใหม่เสียยังไม่สายจนเกินไปเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณกับเจ้าเหมียว

ขอคุณบทความจาก saranair.com


วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ตามไปดู...

Start:     Oct 23, '09
End:     Oct 26, '09
Location:     โซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ต, เสียมเรียบ


...ว่าพี่เหลียง (แก้จากหลิว) ซ่อนอะไรไว้ระหว่างซอกหิน ที่ปราสาทนครธม
...นมอัปสรา
...ช็อปปิ้งของบ้านบ้านในตลาดท้องถิ่นเขมร
...รีวิวโรงแรม

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Sony Ericsson Naite™ GreenHeart ทางเลือกเพื่อคนรักษ์โลก

Rating:★★★
Category:Other
หมายเหตุ:
-บทความนี้คัดลอกมาจากข้อความประชาสัมพันธ์ของ Sony Ericsson
-เผื่อคนกำลังมองหามือถือใหม่จะได้มีอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยให้ได้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
-3 ดาวนี้ก็ไม่ได้มีความหมายใดๆ เพราะยังไม่ได้ลองใช้

. . . . . . . . . .


Sony Ericsson ได้ให้กำเนิดโทรศัพท์มือถือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งลดปริมาณการสร้างคาร์บอนไดออกไซด์ของบริษัทลงให้ได้ 20% ภายในปี 2015 Sony Ericsson ขอแนะนำ Naite™(ไนเต้) หนึ่งในโทรศัพท์มือถือเพื่อสิ่งแวดล้อมจากโครงการ GreenHeart™ โดยวัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่องอย่างน้อย 50% จะเป็นพลาสติกรีไซเคิลพวกขวดน้ำพลาสติก หรือกล่องพลาสติกใส่แผ่นซีดี มีคู่มือการใช้งานแบบ e-manual ใส่มาให้ในเครื่อง ทำให้ลดการใช้กระดาษลงกว่า 90% ขนาดของบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบให้กะทัดรัด ก็ช่วยลดพื้นที่ในการขนส่ง Naite™มาพร้อมกับเครื่องชาร์จไฟรุ่น EP300 GreenHeart™ ที่กินไฟน้อยช่วยให้ประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่ง
Naite™ โทรศัพท์ 3G 2100 MHz สุดคลาสสิกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อ จอแสดงผล TFT QVGA ขนาดใหญ่ถึง 2.2” ทำให้คุณดูปฏิทินและรายชื่อได้อย่างง่ายดาย มีกล้องที่เหมาะกับการใช้งาน ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ แล้วสามารถอัพโหลดขึ้นบล็อกส่วนตัวได้ทันที ไม่ใช่แค่สื่อสาร, จัดตารางชีวิต และออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลาเท่านั้น Naite™ มีมัลติมีเดียที่ครบครัน ทั้งเครื่องเล่นเพลง, เครื่องเล่นวิดีโอ, วิทยุ FM มีทางลัดให้เข้าใช้ FaceBook และ Twitter ได้อย่างรวดเร็ว Naite™ มีหน่วยความจำในตัว 100 MB สามารถเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth™/3G-HSDPA/EDGE/GPRS มี 2 สีให้เลือกคือ สีเงิน (Vapour Silver) และสีแดง (Ginger Red) จำหน่ายราคาเครื่องละ 5,990 บาท พร้อมการ์ดหน่วยความจำ MicroSD ขนาด 1 GB สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามร้านค้าตัวแทนจำหน่าย โซนี่ อีริคสัน ทั่วประเทศ หรือติดต่อ Call Center 02-248-3030 ทุกวัน เวลา 8.00 – 20.00 น.


วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ฝันแปลก : เดือนเต็มดวงลอยเด่นเหนือท้องทะเล




 

 

 

คืนนั้นฉันฝัน ว่านอนหลับอยู่บนเตียงปูผ้าขาว

ข้างกายมีชายคนหนึ่ง นอนหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

ลมทะเลโชยเบาๆ เข้ามาระมุ้งขาวที่ห้อยระย้าจากเสาเตียง

 

ฉันตื่นขึ้น ไม่ใช่เพราะสายลม แต่เป็นแสงจันทร์

 

แสงจันทร์วันเพ็ญที่ส่องสว่างกระจ่างอยู่เหนือผืนทะเลเรียบราวกระจก

น้ำทะเลขึ้นจนสุดแล้วก็แช่ตัวนิ่งสงบ ไร้คลื่น

เงาจันทร์ส่องสะท้อนลงบนผิวน้ำ งามอร่าม

 

ฉันลุกขึ้น เดินออกมาเกาะระเบียง

เหม่อมองอย่างหลงใหล

 

ชายคนนั้นขยับลุกขึ้นจากเตียง

ก้าวมายืนข้างกาย

 

 

 

เรายืนชมจันทร์เคียงกันอย่างสุขใจ








ภาพประกอบจาก
spacecoastblogger.com/category/nature/  (ขอขอบคุณจ้ะ)

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ฉันชอบนั่งรถไฟ




18.34 น.
ท้องฟ้าด้านทิศตะวันตก
จุดใดจุดหนึ่งระหว่างสุราษฎร์ฯ -ชุมพร


(ฉันแปลกใจเสมอ ว่าทะเลอันดามันอยู่ไกลโพ้นออกไปทางทิศตะวันตกจริงๆ น่ะหรือ?)



รถไฟไทยน่ะแย่


อันนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ใครๆ ก็ยอมรับ ฉันก็ยอมรับ
แต่ฉันก็ชอบนั่งรถไฟ

โดยเฉพาะช่วงหลังจากเหนื่อยๆ ล้าๆ เบื่อๆ อยากไปจากกรุงเทพฯ สักพัก
ฉันจะมีความสุขกับการนั่งรถไฟกลับบ้าน แล้วก็นั่งกลับมากรุงเทพฯ อีกที

ด้วยความเป็นแบบที่ฉันเป็น ทำให้ฉันค่อนข้างจะควบคุมชีวิตตัวเองได้
จัดการมันได้ คาดเดาสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็พอจะได้

แต่ว่า เมื่อฉันอยู่บนรถไฟ อนาคตของฉันจะเป็นยังไง จะถึงบ้านเมื่อไหร่ (ด้วยรถไฟ หรือพาหนะอื่น) จะพบเห็นวิวสองข้างทางต่างจากครั้งที่แล้วยังไง แล้วเพื่อนร่วมโดยสารกับฉัน จะน่ารักหรือน่ากลัว น่ามองหรือน่าเมิน

เหล่านี้เป็นสิ่งที่ฉันควบคุมไม่ได้

การโดยสารรถไฟแต่ละครั้งสำหรับฉันจึงหมายถึงการผจญภัย การปลอดปล่อยตัวเองจากการควบคุมตัวเอง แล้วก็เป็นการเข้าคอร์สละลายอีโก้ไปพร้อมกัน

แต่ละครั้งที่ก้าวขึ้นรถไฟ ฉันต้องวางความคาดหวังและคาดหมายต่างๆ ลงเสียก่อน
นั่งลงบนเบาะแล้วก็ต้องเปิดใจรับกับสิ่งที่จะได้พบเจอ ตั้งสมาธิเตรียมคิดแก้ไขสถานการณ์ที่รถไฟจะนำไปเจอ
จากนั้นก็ทำใจให้็เพลินกับวิวสองข้างทาง (หลายครั้งไม่ต้องทำใจ)

ที่ฉันชอบนั่งรถไฟ อาจเพราะฉันมีความสุขกับความทรมานกับการไม่รู้อนาคตของตัวเอง
ยิ่งกว่านั้น ฉันชอบนั่งรถไฟคนเดียว เพราะฉันว่าฉันมีความสุขกับการคิดถึงใครๆ มากกว่ามีเขาอยู่ด้วย ข้างๆ กาย

บางทีฉันก็อาจจะแค่ คนเสพติดความเจ็บปวด เป็นโซคิสม์โดดเดี่ยวที่ชอบทำร้ายตัวเองด้วยความทรมานจากการคิดถึงใครๆ ไปตลอดการเดินทาง(อันยาวนาน)บนรถไฟ




วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เรามีสิทธิ์อะไร?


เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกคนรู้ดี

แต่วันนี้ ถ้าคุณมีเงินพอ คุณอาจไม่ต้อง แก่-เจ็บ และตาย เร็วเกินไปนัก

 

ฉันรู้มาว่ามีการบำบัดในทาง rejuvenation (การคืนสู่ความเยาว์วัย) อันหนึ่ง เรียกว่า Live Cell Therapy ซึ่งจะเป็นการฉีดเซลล์ใหม่ๆ เข้าไปผลัดกับเซลล์เสื่อมๆ ในตัว ที่เสื่อมทั้งจากวัย สิ่งแวดล้อม ไลฟ์สไตล์ พิษ และอื่นๆ เพื่อเยียวยาให้อวัยวะนั้นๆ กลับสู่การทำงานอันมีประสิทธิภาพดังเดียวกับยามที่มันยังเยาว์

 

วิธีนี้ไม่ได้ใช้สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด อันเป็นเซลล์ที่ยังเจริญไม่ถึงภาวะที่จะรู้แล้วว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร จะเจริญไปเป็นเซลล์ของอวัยวะไหน

 

เซลล์ที่ใช้ใน Live Cell Therapy (บ้างก็เรียก Fresh Cell Therapy) เป็นเซลล์เริ่มพัฒนาเป็นอวัยวะต่างๆ แล้ว ถ้าอธิบายกันอย่างง่ายๆ การบำบัดด้วยวิธีนี้ทำโดยหากเซลล์อวัยวะไหนของร่างกายเสื่อม ก็จัดการฉีดไลฟ์เซลล์จากอวัยวะเดียวกันนั้นเข้าไป จากนั้น อวัยวะนั้นๆ ก็จะค่อยๆ ฟื้นฟู กลับสู่ความเยาว์วัย จากความใหม่สด แข็งแรง กระปรี้กระเปร่าของเซลล์ที่ถูกฉีดเข้าไป

 

อาการข้อเข่าเสื่อมจะดีขึ้นจนไม่เหลือความเจ็บปวดอีกต่อไป อาการกระตุกเพราะพาร์คินสันจะดีขึ้น การทำงานของไตจะฟื้นฟู จนลืมการฟอกไตไปเลย สายตาดีขึ้น ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่นดีขึ้น สีผม สีคิ้วดำขึ้น เส้นเลือดและสมองกลับสู่ความเยาว์วัย

 

ยิ่งไปกว่านั้น การฉีดแต่ละครั้ง เขาไม่ได้จำเพาะแค่อวัยวะ แต่จะฉีดมาเป็นชุด หลังการวินิจฉัยโรคแบบ holistic (การทำงานของร่างกายแบบองค์รวม ไม่ตรวจแยกระบบการทำงาน) หลังการฉีดเซลล์แต่ละครั้ง คุณจึงได้ประหลาดใจกับความเปลี่ยนแปลงในร่างกายตัวเอง

 

ยิ่งปีนี้ฉีด ปีหน้าฉีดอีก ปีโน้นและปีต่อไปฉีดอีก แทนที่คุณจะแก่ลงเรื่อยๆ ตามอายุ ในแบบที่ควรจะเป็น แต่จะกลับสดชื่น กระฉับกระเฉง เหมือนเด็กขึ้นเรื่อยๆ

 

ใครที่ได้รู้เรื่องนี้ นอกจากอยากไปฉีดเอง (เพื่อให้สาวและสวยไปอีกนานๆ) ก็อยากพาพ่อแม่และคนรู้จักไปฉีด เพราะไม่อยากเห็นท่านป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาล ต้องฟอกไต หรือต้องนอนแบบอยู่กับที่หลังอาการเส้นเลือดสมอง ฯลฯ

 

เป็นความเจริญทางการแพทย์ที่เริ่ด เยี่ยม

..แต่ฉันสงสัย

 

อะไรทำให้เรามีสิทธิ์ที่จะเป็นหนุ่มเป็นสาว แข็งแรง แล้วก็หายจากโรคอันทรมาน ทั้งๆ ที่เพื่อให้กลับสู่ความเป็นหนุ่มสาว แข็งแรง และหายจากโรค ฯ ของเรา สัตว์ไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัวต้องถูกทำให้แท้งจากท้องแม่ เพียงเพื่อสละเซล์อ่อนๆ ของแต่ละอวัยวะของมัน ให้กับเรา

 

ทั้งๆ ที่มันบางทีก็อาจจะอยากมีชีวิตอยู่บนโลกสีน้ำเงินนี้เหมือนเรา

เดินเล็มหญ้าในท้องทุ่งกว้าง ใต้ฟ้าสีคราม ฟังเสียงลมกระซิบ

วิ่งตะบึงไปในทะเลทราย เพื่อจะหยุดดื่มน้ำในบ่อกลางโอเอซิส

แหวกว่ายไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อย่างเสรี

 

อะไรทำให้เรามีสิทธิ์ที่มีจะมีชีวิต แม้ต้องมีชีวิตอื่นสละให้

 

 

เงิน อย่างนั้นหรือ?

 





ของฝากจากคลับเมด




ถึงไม่มีเวลาซื้อของฝาก แต่ก็อุตส่าห์มีของมาฝากเพื่อน

อิ อิ




เสาร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๒

เป็นเสาร์ที่ตื่นเช้าได้เอง แปลกดี สงสัยจะตื่นเต้น อยากเห็นแดดอุ่นๆ ตอนเริ่มต้นหน้าหนาว
(แต่วันนี้แดดออกสายมาก แล้วก็ทำท่าเหมือนไม่ค่อยแน่ใจว่าจะฝนตกหรือว่าแดดออกดี-แปรปรวน ลักลั่น และ เจ้าอารมณ์เหมือนหญิงสาวไม่มีผิด)

การตื่นเช้านี่ดี ทำให้เราได้เริ่มต้นทำอะไรๆ หลายอย่าง
และก่อนที่จะพาตัวเองออกไปไหนสักแห่ง (ยังนึกไม่ออก) ก็ได้รับโทรศัพท์ให้ไปรับพัสดุ
'เป็นกล่อง จากเชียงใหม่' เสียงในสายเซ่ด

..กล่องจากเชียงใหม่?
ว้าว...มาไวดีจัง