วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

2554 ยินดีที่ได้พบกัน


ปี 2554 มีอะไรน่าจำเกิดขึ้นเยอะแยะ ทั้งเรื่องดี และเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้

ตั้งแต่ต้นปี
โดนย้ายโต๊ะทำงาน แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น ไปเที่ยวสิงคโปร์ และอากาศหนาวฉับพลันในเดือนมีนา ต่อด้วยแมวพี่เป็นหวัดหลังจากไปรับกลับจากโรงพยาบาลที่ฝากไว้ ต่อมาน้องก็เป็นด้วย น้ำท่วมหลังคาบ้านที่สุราษฎร์ในเดือนเมษา

ต้นเดือนพฤษภาคมแมวพี่ตกตึก ฉันหัวใจแทบวาย ดีที่มันเป็นอะไรไม่มาก และค่าโรงพยาบาลพอจ่ายไหว จากนั้นอีกอาทิตย์เดียวแมวน้องผ่าท้องทำหมัน จากนั้นก็โกรธกับเพื่อนรักจน unfriend กันไปเลย

ปลายเดือนมิถุนาซื้อจักร ต้นเดือนกรกฎาก็เริ่มบ้าเย็บผ้า ดีใจมากที่เปลี่ยนกางเกงยีนเป็นกระโปรงได้ด้วยจักรของตัวเอง และยังใส่อยู่เรื่อยๆ แม้จะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

สิงหาคมก็เริ่มออกสำรวจสำเพ็ง-พาหุรัด ไปบ่อยกว่าห้างปากซอยเสียอีก และแม้จะยังเก็กซิมกับผลการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม แต่ตลอดมาก็นอยด์กับอาการอึไม่ออกของแมวน้องมาโดยมิได้ว่างเว้น รวมถึงเดือนกันยายนที่เริ่มมีข่าวน้ำท่วมทางเหนือ เห็นน้ำป่าไหลจากเชียงดาวตอนนั้นยังคิดว่า แล้วมันจะไหลไปไหน ..ก็ไหลลงมาข้างล่างสิ ถามได้

ดังนั้นต้นเดือนตุลาคมฉันก็เริ่มมองหาของใช้จำเป็นอย่างรองเท้าบูตยาง เตาอั้งโล่ น้ำดื่ม มาม่า และอาหารแมว คิดวางแผนจะอยู่กับน้ำเต็มที่ แต่พอดูทีท่าแล้ว ถอยดีกว่า

จึงแพ็คแมวไปสถานีรถไฟในเช้าวันพุธที่ 26 ตุลาคม ถึงบ้านค่ำนั้นอย่างสะบักสะบอมทั้งคนและแมว แต่สบายใจมาก เพราะน้องชายต้อนรับด้วยกรงแมวทำมือในวันรุ่งขึ้น ระหว่างอยู่บ้านก็ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ทำงานส่งอีเมล์ไปอย่างไร้สุข เพราะที่สุดก็ต้องทิ้งแมวไว้กับแม่ กลับไปรับชะตากรรมที่ไม่อาจกำหนดเองที่กรุงเทพฯ

ผ่านเดือนพฤศจิกายนมาอย่างไรสุขเพราะคิดถึงแมวตลอดเวลา กลัวมันจะคิดว่าฉันทิ้ง สถานการณ์น้ำก็ทำเครียด มีลุ้นระทึกทุกวันว่าพรุ่งนี้น้ำถึงไหน ตอนมีข่าวลือว่าน้ำจะท่วมถนนพระรามสองยิ่งนอยด์หนัก กลัวกลับบ้านไม่ได้ ถึงกับลงทุนซื้อตั๋วเตรื่องบิน บินกลับบ้านครั้งแรกในชีวิต ระหว่างนี้ที่นอยด์หนัก เพื่อนรักที่ทิ้งไปก็กลับมาหา ฉันยินดี

ดีที่ธันวาคมมีวันหยุดเยอะ ฉันกลับบ้านในเดือนนี้สองหน พร้อมกับมีความสว่างไสวในใจเล็กน้อย กับกำหนดการต่อไปที่จะได้พาแมวกลับกรุงเทพฯ สักพัก เพราะแม่จะไม่อยู่บ้าน แต่ในเวลาเดียวกันก็อดห่วงแม่พร้อมนอยด์กับปฏิบัติการพาแมวกลับไม่ได้

ปี 2554 เป็นปีที่ฉันชง แต่คงไม่ใช่ฉันหรอกที่อ่วมที่สุดในรอบปี เพื่อนและคนรู้จักอีกหลายคนนั้นทั้งพลัดพรากและสูญเสียหนักกว่าฉันนัก

ฉันเชื่อว่าสิ่งที่เราพบเจอมาตลอดปี 2554 ทำให้เราค้นพบศักยภาพของตัวเองในบางเรื่อง เห็นปริมาตรน้ำใจตัวเองและคนอื่น และทำให้เรามองเห็นจุดที่ควรซ่อมแซม ที่จริงสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นแค่การวอร์มอัพร่างกายของเราให้พร้อมก่อนลงสนามจริง ซึ่งถ้าเราไม่แน่ใจว่าเราจะสู้คนเดียวไหวไหม เกาะกลุ่มกันให้เหนียวแน่น และดูแลกันไปอย่างที่ผ่านมา เราน่าจะไปไหวนะ

ฉันยินดีที่ได้มาเจอกับพวกเธอ เป็นเพื่อนกัน ได้รับและตอบกลับความช่วยเหลือของพวกเธอ ชีวิตมันไม่แย่เกินไปเพราะมันมีเสามิตรภาพค้ำอยู่อย่างนี้แหละ

ปีหน้า ถ้ายังรอดมาเจอกันได้อีก หาข้าวอร่อยๆ กินกันสักมื้อนะเพื่อนๆ ;)

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เวลาเป็นของมีค่า


ฉันวางแผนจะใช้เวลาวันหยุดปีใหม่อันมีค่าของตัวเองกับครอบครัวที่ต่างจังหวัดซึ่งตอนนี้ต้องรวมแมวน้อยทั้งสองของฉันเข้าไปด้วย เพราะฉันนำมันมาฝากแม่เลี้ยงไว้ตั้งแต่น้ำทำท่าจะท่วมเมือง

วางแผนเดินทางโดยรถไฟ เพราะนั่นเป็นความสะดวกและเคยชินของเรา ฉันไปขึ้นรถไฟจากที่ทำงานได้สะดวก และคนมารับก็สะดวก สถานีรถอยู่ใกล้บ้านเรา

แต่จะเพราะอุบัติเหตุที่เกิดกับขบวนรถที่ฉันจะโดยสารมาซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันเดินทางของฉันเพียงวันเดียว หรือเพราะความรั่วที่มีในระบบของการรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่นานแล้ว หรือจะเป็นทั้งสองอย่างรวมกันก็ตาม ฉันได้ขึ้นรถหลังกำหนดการออกเดินทาง และเริ่มต้นการเดินทางเมื่อเกือบตีหนึ่ง หย่อนไปเพียง 7 นาทีก็จะเป็นการออกเดินทางช้ากว่ากำหนดถึง 2 ชั่วโมงเต็ม

ในเวลา 2 ชั่วโมง คุณทำอะไรได้บ้าง?

นอกจากคุยกับเพื่อนๆ ที่คอยเอาใจช่วยกับการเดินทางของฉันทางเฟซบุ๊ค ฉันอ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้ค่อนเล่มจบ หนังสือดี สร้างแรงบันดาลใจอิ่มเอิบ แต่ฉันคิดว่าคงดีกว่านี้ถ้าในเวลาที่ใช้นั่งอ่านหนังสือไปทำกิจกรรมที่ควรทำในยามนั้น อย่างการนอน

เช้ารุ่งขึ้นรถไฟของฉันพามาถึงสถานีปลายทางช้ากว่ากำหนด 2 ชั่วโมง 20 นาที

ฉันหิว โชคดีที่มีเสิร์ฟขนมปังกับเครื่องดื่มให้รองท้อง ฉันจัดการกับเวลาที่เพิ่มขึ้นบนรถไฟด้วยการทำงานที่ค้างคามานาน ถักผ้าห่มคลุมถวายพระ งานที่ฉันไม่มีเวลาจะทำในชีวิตปกติ แต่มีเวลาทำบนรถไฟ เพราะรถไฟมีเวลาแถมให้เสมอ

ฉันว่าฉันโอเคกับรถไฟ ซึ่งฉันจะเลือกโดยสารต่อเมื่อไม่มีนัดคอขาดบาดตายรออยู่หลังเวลารถเดินทางถึง เพราะว่าฉันสามารถจะเตรียมกิจกรรมไว้ทำบนรถไฟได้

แต่กับคนอื่นๆ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาที่เสียไปมันมีค่ากับเขาแค่ไหน ทั้งพนักงานขับ พนักงานบริการ ผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว พนักงานที่สถานีปลายทาง คนขับรถแท็กซี่ กระทั่งแม่ค้าขายอาหารและไข่เค็ม

กระทั่งสำหรับตัวรถไฟเอง มันยังเสียเวลาที่จะได้จอดพัก หรือซ่อมบำรุงก่อนเดินทางกลับเลย

เครื่องยนต์อายุมาก เดินเครื่องตลอดเวลา เปิดแอร์ตลอดเวลา ออกเดินทางไปเพื่อจะไปเสียเวลากลางทาง และต้องทำ quick turn เดินทางกลับทันทีที่ถึงจุดหมายไม่รู้ตั้งกี่รอบต่อกี่รอบมาแล้ว

เวลาช่างเป็นของมีค่าเหลือเกิน