วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

น้ำท่วม







น้ำท่วม
ดีกว่า
ฝนแล้ง?



(ตลาดนัดมิตรภาพจมน้ำก่อนวันเลือกตั้ง)

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เฝ้า







ผู้ใหญ่เฝ้า
เด็กนั่ง
ขอ




(สะพานลอยขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศกจากหน้าโรงแรม Westin, 19.18 น. พฤหัสบดี 14 กรกฎาคม 2554)

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พร่า







อ้อยอิ่ง
งดงาม
ในความพร่า



(reshoot portrait จากมอนิเตอร์ ด้วย application 'camera 360')

ช้อปปิ้งที่ท่าช้าง









ผ่านไปกี่ปีๆ ท่าช้างยังมีสีสันเสมอ




(เดินจากท่าราชฯ ไปท่าช้าง, จันทร์ 25 กรกฎาคม 2554)

เดี่ยว







เดินเดี่ยว
บ้าง
ก็ดี



(นั่งรถไฟคนเดียวจากสุราษฎร์, อาทิตย์ 24 กรกฎาคม 2554 )

. . .


เนื้อนุ่มเพราะยัดใยสังเคราะห์
ควิทล์รูปปลาโลมา
ไม่ติดซิป ใช้ระบบดึงสายคล้องมือถือเอา

ถ้าไม่ใส่มือถือ จะเอาไปใส่แว่นก็ได้ ลองแล้ว





เย็บซองใส่มือถือเสร็จหนึ่งใบ
ถ้าอยากได้ก็จะให้

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทรงกลด






พระอาทิตย์
ทรงกลด
ตอนสาย



(นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เงยหน้ามองฟ้า เห็นพระอาทิตย์ทรงกลด, 9.49 น. 19 กรกฎาคม 2554)

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เพื่อน








สองชีวิต
คน
กับหมา






(เด็กหญิงขอทานนั่งกอดลูกหมาอยู่บนบันไดขึ้นรถไฟฟ้า สถานีอโศก
หน้าโรงแรมเวสติน ปากซอยสุขุมวิท 19, 14 กรกฎาคม 2554)

Last Friends: เพื่อนกันจนวันสุดท้าย


Rating:★★★★
Category:Other


เรื่องราวดราม่าทั้งหมดเกิดจากผู้หญิงคนเดียว ...มิจิรุ เด็กสาวบ้านแตก อาศัยอยู่กับแม่ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จนักในการเป็นแม่ ส่วนพ่อนั้นไม่ปรากฏ รู้แต่ว่าเพราะธุระของพ่อ ทำให้แม่ต้องหอบลูกหนีหนี้ไปก่อนวันสำเร็จการศึกษามัธยมปลาย ทิ้งให้ รุกะ เพื่อนสนิทที่รักมิจิรุเป็นพิเศษใจหาย เพราะไม่ได้ข่าวจากเธออีกเลย

4 ปีให้หลัง มิจิรุกับแม่กลับมาโตเกียว ขณะที่กำลังตั้งอกตั้งใจฝึกงานเสริมสวย เธอก็เริ่มหวั่นไหวไปกับคำชวนไป ‘อยู่ด้วยกัน’ ของ โซสุเกะ แฟนหนุ่ม

ลูกสาวดีใจที่ในที่สุดก็ได้จังหวะปลีกตัวออกไปอยู่ข้างนอกเพราะอึดอัดกับการที่แม่มีแฟนมาหามาสู่แบบนี้มานาน และเมื่อลูกไปขอ แม่ก็ให้ ‘ออกไปอยู่กับผู้ชาย’ แต่โดยดี มีข้อแม้นิดเดียวว่ายังคงช่วยจ่ายค่าเช่าอพาร์ทเมนต์เล็กๆ ที่แม่ลูกอยู่ด้วยกันนั้นต่อไป

มิจิรุออกมาอยู่แมนชั่นอันสวยหรูของแฟน มีช่วงเวลาโรแมนติกแสนหวานเหมือนฝันได้คืนเดียวก็ตื่นขึ้นมาพบความจริงในเช้ารุ่งขึ้น แฟนของเธอตื่นเช้ากว่า และกิจกรรมแรกของเขาคือการเช็กข้อมูลต่างๆ ในโทรศัพท์ของเธอ ก่อนจะหันมาถามอย่างเคร่งเครียดว่า รุกะเป็นใคร

มิจิรุถูกตบตีครั้งแรกในเช้าวันนั้น เมื่อถึงคืนนั้น เธอยังหาหลักฐานอันได้แก่หนังสือรุ่นไปยืนยันกับแฟนหนุ่มไม่ได้ ว่ารุกะเป็นแค่เพื่อนสาวสมัยมัธยมจริงๆ มิจิรุจึงไม่กล้ากลับบ้าน ไปนั่งตากฝนฤดูใบไม้ผลิอยู่ในสวนสาธารณะ ตรงที่เดิมที่เธอและรุกะเคยมานั่งบ่อยๆ สมัยยังใส่ชุดนักเรียน

รุกะมาพร้อมกับร่ม และพามิจิรุกลับแชร์เฮ้าส์ บ้านที่แชร์ค่าเช่ากับ เอริ แอร์โฮสเตสสาว เอริพารุกะไปรู้จักกับทาเครุ หนุ่มบาร์เทนเดอร์ผู้มีอาชีพในตอนกลางวันเป็นช่างผม-หน้า ในกองถ่ายภาพแฟชั่น

เหมือนเป็นโชคชะตาที่นำพาให้รุกะและทาเครุกลับมาพบกัน และทำความรู้จักกันอีกครั้ง หลังการพบกันครั้งแรกในตอนที่รุกะหุนหันไล่ตามมิจิรุจนชนทาเครุล้ม

ต่อจากนั้นไม่นาน ทาเครุก็ย้ายเข้ามาอยู่ในแชร์เฮ้าส์ ไล่เลี่ยกับโองุริน ชายหนุ่มจากสายการบินผู้มีปัญหากับภรรยา และติดตามเอริมาที่บ้าน ตามมาด้วยมิจิรุ ซึ่งถูกตบตีเพราะความหึงหวงจนชีวิตมีปัญหา งานก็เสียหาย แถมยังต้องอยู่แบบหวาดผวาว่าเมื่อไหร่จะโดนอีก

เรื่องราวที่ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนี้นำเสนอดูจริงจนน่ากลัว ปมของเด็กถูกทิ้งที่ทำให้คนบางคนหวงคนบางคนไว้ให้อยู่แต่กับตัวเอง ในโลกที่มีแค่เธอกับฉัน โลกที่ฉันคือโลกของเธอ และเธอคือโลกของฉัน ปมของเด็กที่ไม่ชอบเพศสภาพของตัวเอง แต่ดันมาถูกตอดเล็กตอดน้อยเพราะเพศสภาพที่ไม่พึงประสงค์ของตัวเองนี่อีก แต่ด้วยแรงขับของการปรารถนาจะเป็นที่ยอมรับจึงทำให้เกิดความมุ่งมั่นทำฝันของตัวเองให้เป็นจริง แล้วก็ยังมีปมของเด็กที่ถูกกระทำทางเพศในวัยเด็ก ส่งผลให้โตขึ้นมากลายเป็นคนรังเกียจ ไร้อารมณ์กับเพศตรงข้ามไป

แต่ท่ามกลางปมที่ทำให้ปวดหัวพวกนี้ ก็ยังมีความรักอันบริสุทธิ์เกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับเพศสภาพตามสูตรเก่าๆ รุกะรักมิจิรุมาตั้งแต่แรกพบจึงออกโรงปกป้องมิจิรุทุกอย่าง ทาเครุก็รักรุกะตั้งแต่แรกพบ เมื่อรู้ว่ารุกะถึงกับปกป้องมิจิรุด้วยชีวิตขนาดนั้น จึงปวารณาตัวจะปกป้องรุกะ และช่วยรุกะดูแลมิจิรุอีกแรง ส่วนมิจิรุเมื่อได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างอ่อนโยนและใจดีจากทาเครุก็หลงรักทาเครุประสาหญิงสาวพร่องรัก ย้อนกลับมาที่รุกะ เมื่อพบว่าทาเครุเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง แถมยังรักตัวเองในฐานะที่เป็นคนคนหนึ่ง ก็พบกับความอบอุ่นใจมาก มีรักตอบเหมือนกัน

แต่ในเมื่อความสัมพันธ์ของคน 3 คนนี้เป็นไปตามขนบของการเป็นผัว-เมียไม่ได้ สุดท้ายทั้ง 3 จึงกลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเพื่อน ต่างแบ่งปัน ช่วยเหลือ ดูแลความรู้สึกของกันและกัน ในแชร์เฮ้าส์หลังเดิม


อาจจะเป็นการจบที่ค่อนข้างเน่า แต่ฉันว่าความรักแบบนี้มีจริง เชื่อถือได้ และอบอุ่นใจจัง




บันทึก:
• รู้เรื่องและไปหาซีรีส์เรื่องนี้มาดูเพราะได้อ่านบทความของคำ ผกา ผู้หญิงปากกล้าคนนั้นที่แม้ไม่ได้เป็น idol แต่ทำให้ฉันหยุดอยู่กับงานเขียนของเธอได้เสมอ
• ความรักจากเพศเดียวกันในความรู้สึกของฉันไม่ใช่เรื่องน่าอิหลักอิเหลื่อใจ ถ้าอีกฝ่ายไม่มาดหมายว่าฉันจะรักตอบในแบบเดียวกัน แต่สำหรับเรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัวนี่ไม่ได้เลย ขัดใจมาก
• ในการดูรอบแรก ในฐานะคนดู ซึ่งเป็นคนนอก เป็นผู้สังเกตการณ์ เห็นว่าปัญหาแบบนี้ไม่น่าจะแก้ยากนี่หว่า ตบมาก็ตบกลับสิ แจ้งความสิ ย้ายออกมาสิ ฯลฯ แต่พอดูหลายรอบเข้าก็อินมากขึ้น และพบว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขกันง่ายๆ อย่างที่คิด ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเหมือนส่วนเติมเต็มให้กับส่วนที่ขาดหายไปของเราเสียขนาดนั้น แถมโลกนี้จะมีใครมาเติมเราได้เต็มแบบนี้อีกไหมก็ไม่รู้
• ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าฉันไปเจอคนที่ให้ความรู้สึกแบบนี้เข้า จะยอมทนโดนตบจนกลายเป็นมาโซคิสไปเลยไหม
• ไดอาล็อกในซีรีส์เรื่องนี้หลายตอนช่างกรีดลึก โดยเฉพาะใจความในจดหมายฉบับสุดท้ายของโซสุเกะ (มีซับญี่ปุ่นด้วยนะ ขอบอก)
• เพลงประกอบชื่อ Prisoner of Love ฟังแล้วโคตรรปวดใจ (แปลไม่ยากเพราอุทาดะ ฮิคารุ ร้องเป็นภาษาอังกฤษครึ่งนึงตามธรรมเนียมของเธอ) ฟังไปประมาณสามสิบรอบ พบว่าเป็นเพลงที่เพราะจริงๆ ฮิคารุร้องออกมาเหมือนตัวเองเป็นตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องก็ไม่ปาน
• ขอบคุณคำ ผกา แม้ว่าดูไป 2 แผ่นแรกแล้วจะนึกถามตัวเองว่า “ทำไมฉันต้องมาดูเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย”


วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Larry Crowne : ชีวิตคือการเรียนรู้

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Romantic Comedy


เพื่อนชวนไปดู Larry Crowne รอบพิเศษ หนึ่งวันก่อนหนังฉาย ฉันรีบ search หาข้อมูลแล้วตอบตกลง เพราะอยากหัวเราะ

ไม่ได้ดูหนังที่ทำให้หัวเราะมานานแล้ว

ก็ได้หัวเราะกันจริงๆ ไม่มากหรอก แค่พองาม เพราะนอกจากความขำ หนังเรื่องนี้ทำให้เราเกิดอีกหลายอารมณ์ เพราะจะว่าไปมันเป็นเรื่องค่อนข้างจริง เศรษฐกิจแย่ ถูกเลือกให้เป็นคนไปเพราะเรียนไม่จบปริญญา ตกงานโดยไม่ตั้งตัว บ้าน (หลังใหญ่) ต้องผ่อน รถต้องผ่อน แบงค์ไม่ประนีประนอม และหางานใหม่ไม่ได้

หลายคนที่เจอชะตากรรมเทวดาตกสวรรค์แบบนี้อาจถึงขั้นรับไม่ได้ แต่ดีที่ แลรี่ คราวน์ (ทอม แฮงก์) ผู้มีประสบการณ์บนเรือรบที่ตระเวนไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านมหาสมุทรนานถึงยี่สิบปี ในฐานะพ่อครัว เป็นคนมองโลกในแง่ดี รถเอสยูวีคันใหญ่บริโภคน้ำมันมากนัก เขาเลยยกแอลซีดีทีวีจอใหญ่ไปให้เพื่อนบ้าน แลกเอาสกูตเตอร์ยามาฮ่ายุค’ 70 เติม 2 ลิตรกว่าๆ ก็เต็มถังมาใช้ และในเมื่อต้องจบอนาคตทางการงานเพราะการศึกษาไม่มี เขาก็สมัครเรียนในวิทยาลัยชุมชน เลือกเรียนการพูดเพราะอธิการบดีบอกว่าวิชานี้จะเปลี่ยนชีวิตเขา และเศรษฐศาสตร์ ที่เขาอยากเรียน

หลังจากนั้น ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปจริงๆ ในห้องเรียนการพูด 217 เขาพบศาสตราจารย์สาวสวยขี้เมา (จูเลีย โรเบิร์ตส) และเพื่อนร่วมชั้นอีก 9 คน ที่ดูไม่มีแววพอๆ กัน ในห้องเรียนเศรษฐศาสตร์ เขาพบศาสตราจารย์ญี่ปุ่นผู้เคร่งครัด กับทฤษฎีที่ทำให้เขายินดีที่ได้รู้(จัก) แม้จะเป็นชั่วโมงนี้ของชีวิต นอกห้องเรียนเขาพบเพื่อนสาวน้อยที่ชวนเขาเข้าแก๊งค์สกูตเตอร์ ชวนกันออกท่องเที่ยวร่วมกับเพื่อนๆ อื่นๆ ที่ต่างคนต่างช่วยปรับเปลี่ยนชีวิตไร้ชีวาของเขาให้สดชื่น กระฉับกระเฉงขึ้น

คนเรานั้นที่จริงแล้วพึ่งพากัน หนังเรื่องนี้บอกกับฉันแบบนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะเป็นฝ่ายให้อยู่คนเดียว หรือเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว ชีวิตคือการเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบ เราเรียนตลอดเวลาที่มีชีวิต การเรียนทำให้เรารู้ว่าชีวิตแบบที่เป็นอยู่นี้มันใช่ หรือไม่ใช่ ถ้ามันใช่ก็ไปต่อ ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่เห็นเป็นไร หยุดแบบเดิมแล้วไปเริ่มแบบใหม่ ถ้าใช่ก็ไปต่อ ไม่ใช่ก็หยุด แล้วเริ่มใหม่ เรื่องมันมีแค่นี้

ฉันเองก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากหนังเรื่องนี้ ว่าความสุขจากการดูหนัง บางทีก็มาจากความรู้สึกผ่อนคลาย และรื่นรมย์ต่อเรื่องเบาๆ เรียบๆ ง่ายๆ ได้เหมือนกัน



บันทึก:
• โชคดีที่ฉันไม่คาดหวังอะไรใหญ่โตจากหนังที่ทอม แฮงก์ โปรดิวซ์เอง กำกับเอง นอกจากนี้ ถึงทอมจะแก่ไปเยอะ แต่ยังคงเป็นผู้ชายมีเสน่ห์ในความรู้สึกของฉัน ส่วนจูเลีย โรเบิร์ตส นักแสดงที่เล่นบทไหนก็เป็นจูเลีย โรเบิร์ตส ก็ยังทำให้ฉันรักเธอได้อีกตามเคย
• หนังเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้อยากอยู่ 2 เรื่อง คือ ทำให้ฉันอยากเข้าชั้นเรียนอะไรสักอย่าง แล้วก็เรียนวิชานั้นร่วมกับเพื่อนให้สนุกไปเลย (บอกตรงๆ ว่าคิดถึงชั้นเรียนภาษาญี่ปุ่นกับเด็กๆ มาก) แล้วก็อยากไปถอยขี่เวสป้าออกมาขี่จริงๆ ...แต่แถวๆ นี้ คงทำไม่ได้มั้ง


วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เมตตา





แมวมาหา
ให้อาหาร
ฉีดยา ทำหมัน



(แมวอิสระตลาดพระโขนง และเจ้าของผู้เปี่ยมเมตตา, 4 มิถุนายน 2554)

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เผื่อจะเป็นแก้วตาดวงใจของใครบางคน




ฉันเคยรู้สึกขมขื่นใจเมื่อเห็น แต่ช่วยอะไรไม่ได้
วันนี้พบข้อมูลน่าสนใจใน facebook จึงถือวิสาสะนำมาบอกต่อใน multiply
ช่วยกันเถอะ ช่วยกัน
เพราะเด็กที่เห็นนั่งอยู่ริมถนนนั้นคู่ควรจะมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพ มีความสุข และมีอนาคตที่ดีกว่านี้
ที่สำคัญคือ เขาอาจจะเป็นแก้วตาดวงใจของใครบางคนที่คุณรู้จักก็ได้


---------------------------------------------------------------------------------------------------------
โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน ขอแนะนำวิธีการแจ้งเบาะแสการพบเห็นเด็กขอทานอย่างง่ายๆ ดังนี้
- พบเด็กขอทานจำนวนกี่คน / อายุประมาณเท่าไหร่ / มีบาดแผลหรือตำหนิตามร่างกายหรือไม่ พบเด็กขอทานอยู่บริเวณใด
- มีผู้ใหญ่นั่งอยู่กับเด็กด้วยหรือเด็กนั่งขอคนเดียว
- ความถี่ในการพบ เช่น ทุกวัน / นานๆครั้ง หรือพบครั้งแรก
- หากสะดวกถ่ายภาพให้ถ่ายเก็บไว้ เพราะจะเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือเด็กคนดังกล่าว
- สุดท้ายให้แจ้งชื่อและเบอร์ติดต่อกลับไว้ เพื่อสะดวกในการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
<<<<< ทุกข้อมูลของคุณสามารถช่วยเหลือเด็กขอทานได้ พบเด็กขอทานโทร.02-941-4194 หรือศูนย์ประชาบดีโทร.1300

(ข้อมูลจาก http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10150251891755009&set=a.142611775008.113754.135097415008&type=1&theater )

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พร






บางคน
ขอพร
ให้ใครบางคน



(เทศกาลทานาบาตะจำลอง หน้าคัสตาร์ด นากามูระ, 5 กรกฎาคม 2554)

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554