วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

FUR : Freedom of Diane Arbus

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Drama

ดูมาหลายรอบ แต่ไม่คลิกเท่ารอบล่าสุดที่ได้ดู ไม่รู้จะเป็นเพราะเป็นการดูในรอบที่ ‘แก่’ ที่สุดแล้วหรือเปล่า (ฮ า!) แต่ก็นั่นแหละ เก็ตแล้ว ว่าคนทำหนังเรื่องนี้ขึ้นเขาจะบอกอะไรกับฉัน

FUR (2006) เล่าเรื่องของช่างภาพสาวอเมริกันผู้มีผลงานและชีวิตที่โดดเด่นน่าสนใจมากๆ คนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 นาม Diane Arbus (Nicole Kidman) …ดูไม่ง่ายนักเพราะไม่ใช่นี่ไม่ใช่หนังสารคดีชีวิต แต่เป็น “An Imaginary Portrait (of Diane Arbus)” ที่เล่าว่าจากคุณหนู ลูกสาวเจ้าของเฟอร์ยี่ห้อดังแห่งฟิฟธ์อะเวนิว มีพ่อเก่งกาจ และแม่สวยเริ่ดเชิดเนี้ยบ ผู้ควรจะใช้ชีวิตเรียบๆ เงียบๆ สมบูรณ์พูนสุขในฐานะแม่บ้าน แม่ของลูก และผู้ช่วยผัวช่างภาพ ทำงาน art director ผสม stylist ช่วยผัวทำงาน commercial art ไปวันๆ ..ทำไมจู่ๆ ถึงได้เกิดความกล้าจะค้นกล้องทวินเลนส์ Rolleiflex ที่สามีซื้อให้หลายปีแล้วขึ้นมา ด้วยหวังจะออกไปบันทึกภาพในแบบที่ตัวเองเห็น

หนุ่มประหลาดนาม Lionel Sweeney (Robert Downey Jr.) หรือเปล่า ที่เป็นแรงบันดาลใจที่จุดประกายให้ดิแอนแกะตัวเอง ก้าวออกมาจากพันธนาการที่ตัวเองมองไม่เห็น แล้วปลดปล่อยสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาในรูปที่ตัวเองบันทึก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นพอร์เทรตของบุคคลที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย

ค่อนข้างแฟนตาซี แต่หนังเรื่องนี้ลุ่มลึกด้วยสัญลักษณ์ที่ชวนให้คิด ตั้งแต่ คำถามแหลมคมที่แสกเข้ากลางใจ จากแขกผู้มาเยือน ตราที่หน้าประตูห้อง บ่อน้ำอุ่นบนอพาร์ทเมนต์ชั้นบน ผู้คนแปลกๆ (เว้าแหว่ง ไม่สมบูรณ์-ตามสำนวนนพดล เวชสวัสดิ์) ที่เพื่อนพาไปพบ พฤติกรรมชวนฉงนระหว่างคนเหล่านั้น ปอดที่กำลังจะหายไป มหาสมุทร และการว่ายออกไปโดยไม่กลับมาอีก

ดิแอน อาร์บัส สมัครใจออกจากไออุ่นอันแสนหรู แสนแพง แสนเนี้ยบ จากเฟอร์ของครอบครัว มาคลุมกายด้วยเฟอร์ที่เพื่อนเย็บให้ (ซึ่งถักทอขึ้นจากขนของเขาเอง!) เพื่อจะไปปลดเปลื้องเสื้อผ้า เปลือยตัวและเปลือยใจต่อหน้าคนไม่รู้จัก!!

ลองข่มอคติว่าหนังอาร์ตดูยาก เข้าใจยาก หามาดูแล้วคุณเองก็จะมีโอกาสได้สัมผัส An Imaginary Portrait of Diane Arbus ในมุมของตัวเอง ได้ค้นพบแรงบันดาลใจจากจินตนาการแสนพิสดารเกี่ยวกับดิแอน อาร์บัส (ของผู้กำกับ) ในแบบของตัวเองเช่นกัน


หมายเหตุ:
• FUR เป็นผลงานกำกับของ Steven Shainberg ผู้กำกับ Secretary (หนังรักโรแมนติกประหลาดโลกที่เล่าถึงความสัมพันธ์แบบ ‘ซาดิสม์-มาโซคิสม์’ ระหว่างผู้บริหารบริษัทหนุ่มกับเลขาสาวเซี้ยว)-เคยดูป่าวนะ?
• นิโคลเล่นสมราคา ส่วนดาวนีย์ จูเนียร์ รู้สึกหนังเรื่องนี้จะเป็นการกลับมาหลังจากหายไปพักใหญ่ของเขา ดีนะ นอกจากความหล่อแล้วก็ยังดราม่าได้กินใจทีเดียว (ถึงในหลายฉาดจะเห็นแค่ลูกตาเขาก็เหอะ!)
• เป็นอย่างที่คาด ดิแอน อาร์บัส ตัวจริงจบชีวิตตัวเองด้วยการกรีดข้อมือเมื่อมีอายุได้ 48 ปี แต่ก็หลังจากทิ้งผลงานลือลั่นไว้หลายชิ้นอะนะ กล้าดี ผู้หญิงคนนี้
• ให้พี่กู(เกิล)ช่วยหาผลงานของ Diane Arbus ด้วยการพิมพ์ชื่อของเธอลงไป แล้วคุณจะได้ทึ่งกับภาพถ่ายของผู้หญิงคนนี้
• รักหนังเรื่องนี้


2 ความคิดเห็น:

  1. ขออนุญาตคุยโวโอ้อวดหน่อยนะ เราชอบภาพแบบของ Diane Arbus มาก ทั้งมุมมองและความหลอนของคนที่เป็นแบบให้ถ่าย คำว่าหลอน นี่ยืมมาจากช่างภาพคนนึงซึ่งมีดิแอนเป็นต้นแบบ เธอบอกว่าภาพของดิแอนมี huanted quality สูงมาก

    ในหนัง ดิแอนใช้กล้อง Rolleiflex ซึ่งรุ่นนั้นเป็นรุ่นเลนส์ระยะนอร์มอล ( ไม่แน่ใจว่า 75 หรือ 80 มม.) แต่ความจริง กับระยะนอร์มอล เธอจะใช้กล้อง Mamiya c330 และ Pentax 6x7

    ส่วนกล้อง Rolleiflex นั้น เธอใช้จริง ใช้สร้างชื่อเสียงด้วย เช่นใช้ไปถ่ายแคมป์นูด ถ่ายคนโย่งกับพ่อแม่ หรือเด็กผอมๆที่มือถือลูกระเบิดปลอม แต่ว่าไม่ใช่รุ่นเลนส์นอร์มอลแบบในหนัง เป็นรุ่นเลนส์ wideangle มุมกว้าง 55 มม. ที่เขาเรียกสั้นๆว่า Rolleiwide เป็นรุ่นเดียวกะที่เราเอาไปถ่ายในอินเดียนั่นเอง
    ( เขียนมายืดยาวเพราะจะอวดของนี่แหละเจ้าค่า ฮี่ๆ)

    ตอบลบ
  2. -ชอบมากเหมือนกัน ภาพขาวดำมีเสน่ห์จริงๆ
    -เรื่องกล้อง น่าสนใจจริงๆ แต่ format 6x7 นี่ ไม่คุ้นเลยเนอะ

    ตอบลบ