วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เ รื่ อ ง น่ า คิ ด : สอนเด็กอย่างไรดี?





เหตุผลที่จำเป็นจริงๆที่เราต้องสั่งสอนเด็กนั้น..
เพื่อให้เค้าได้เติบโตเป็นเด็กที่รู้ถึงกฎของสังคม อยู่ร่วมกับชาวบ้านเค้าได้


ไม่ใช่มีไว้ให้เราเอาทัศนคติและคุณค่าการมองโลกของเราซึ่งเป็นพ่อแม่ยัดเยียดให้กับเด็ก










จาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=warabimochi&month=09-2008&date=20&group=22&gblog=3
(ชอบอ่านบล็อกนี้จัง)

28 ความคิดเห็น:

  1. ยังมีเขียนไว้อีกว่า...

    "ก่อนที่จะดุหรือสั่งสอนลูก.. ต้องดูด้วยว่าลูกมันพัฒนาการถึงขั้นนั้นแล้วหรือเปล่า.. มันทำได้แล้วหรือยัง? ไม่ใช่้โมโหกรีดร้องที่เด็กขวบสองขวบไม่รู้จักเก็บของเล่นเองซักที.. สอนยังไงก็ไม่จำ ต้องตีให้หลาบจำจะได้ไม่ทำอีก

    หรือตอนนี้ลูกอยู่ ในช่วงพัฒนาการนี้อยู่ แต่พ่อแม่รับไม่ได้ เหนื่อย โมโหที่มันเล่นซน ทั้งที่จริงๆแล้วเป็นพัฒนาการของเด็กที่เห็นปลั๊กไฟก็ต้องเอานิ้วไปแหย่.. เห็นทิชชู่ก็ต้องไปฉีกออกมาให้เต็มบ้าน ของวางไว้ก็ต้องไปเอามาเล่นให้พัง.. บอกยังไงก็ไม่ฟัง.. เด็กไม่ได้ดื้อแม้แต่น้อย.. แต่มันเป็นแค่พัฒนาการ.. -_-; (เด็กเบบี้คนไหนเห็นไรก็ไม่จับ ไม่้เล่น นั่งเฉยๆน้ำลายย้อยตลอดเวลา่น่ะน่ากลัว.. ไปปรึกษาหมอดูดีกว่า..)"

    ตอบลบ
  2. นี่ด้วย....

    "
    ข้อแนะนำในการสั่งสอนเด็ก
    1. อย่าเอาคำว่ายุ่งกับงานเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก
    ให้ หาเวลาให้เท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยวันหยุดก็ควรจะใช้เวลากับลูกให้มาก ไม่ใช่หน้าตาก็แทบไม่เคยเห็น.. พอทำไม่ดีนิดนึงก็โผล่มาสั่งสอน.. -_-;

    2. ดุตอนที่ทำผิด
    ความ ทรงจำของเด็กเล็กๆยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่จนกว่าจะเกิน 3 ขวบไปแล้ว.. ถ้าปล่อยผ่านไปแล้วไปดุทีหลังเด็กอาจจะไม่เข้าใจและนึกไม่ออก.. จากนั้นก็ทำอีก.. และให้คิดไว้เสมอว่าเด็กเล็กๆนั้นไม่รู้อะไรถูกอะไรผิด.. หน้าที่ปิดกั้นโอกาสให้เด็กทำอะไรผิดนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่อย่างเราๆ (เก็บ ปิด อุด ซ่อน ลด ละ เลิก เฝ้า)

    3. อย่าตี..
    เด็กเองก็มี pride ของเด็ก การตีเด็กทำให้เกิดแผลในใจ.. และถ้าเด็กไม่ได้เข้าใจจริงๆว่าผิดอะไร (ซึ่งเด็กเล็กๆไม่เข้าใจหรอก) จะคิดหาเหตุผลตามประสาสมองน้อยๆของตัวเองว่าที่โดนตีเพราะว่าเราเป็นเด็กไม่ ดี.. สุดท้ายก็คิดว่าไม่มีใครรัก.. (ลองกลับไปทบทวนอีกทีว่า ตอนเด็กๆเวลาโดนตี เราเคยร้องไห้และคิดแบบนี้บ้างหรือเปล่า์)

    4. อย่าเปรียบเทียบลูก และอย่าเข้มงวดกับลูกคนโตเกินจำเป็น
    ไม่ ใช่อะไรก็ต้องยอมน้อง ยอมน้อง เราเป็นพี่ อะไรทำนองนี้ไปหมด ผิดก็ดุเท่าที่ผิด และด้วยเหตุผลจริงๆ ไม่ใช่ไปขุดคุ้ยความผิดครั้งก่อนๆออกมาพล่ามเต็มไปหมด...

    5. อย่าทำลายความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก..
    การ ดุหรือสั่งสอนของเราบางครั้งอาจทำให้เด็กเลิกทำหรือเลิกอยากเรียนรู้อะไร บางอย่างไปเลย... -_-; บางอย่างเราเห็นว่าแผลงๆ.. รับไม่ได้.. ผู้คนเค้าไม่ทำกัน.. แต่สำหรับเด็กอาจจะเป็นความอยากรู้หรือทดลองอะไรบางอย่างตามประสาเค้า.. "

    ตอบลบ
  3. เจ้าของบล็อกเค้า อ้างอิงมาจากนิตยสาร Aera with baby ฉบับ Mook (นิตยสารภาษาญี่ปุ่นอะจ้ะ)

    ตอบลบ
  4. ตอนเด็กๆ เราก็แอ๊กทีฟตามพัฒนาการ แต่ไหงตอนโตวันๆ เอาแต่นอนเฉยๆก็ไม่รู้ T_T"

    ตอบลบ
  5. อืมมมมม... ก็ยังเชื่อการตี

    คนเรา ตัวเรา เสรี อิสระ เกินไป ...จนลืมไปว่า ...มักง่าย

    ตอบลบ
  6. คนเราน่ะ เห็นแก่ตัว

    บางคนก็ตีเด็ก ไม่ใช่เพื่อเด็ก
    แต่เพื่อตัวเอง

    ตอบลบ
  7. เพื่อตัวเอง... ถ้าไม่เพื่อตัวเองจะเพื่อใคร?

    การเป็นพ่อแม่ ถ้าตัวคิดยังคิดว่าไม่ดีพอจะเป็นแม่แบบได้แล้ว...เราจะเลี้ยงลูกเพื่อใคร?

    เพื่อให้ลูกเป็นแบบอย่างคนอื่นหรือ??

    ตอบลบ
  8. เลี้ยงลูกให้เป็นแบบที่ลูกอยากเป็นไง

    ถ้าเลี้ยงลูกเพื่อให้ลูกเป็นแบบที่ตัวเอง(=พ่อแม่)อยากให้เป็น
    ก็คงเป็นเรื่องคนละเรื่องกับ

    "เหตุผลที่จำเป็นจริงๆที่เราต้องสั่งสอนเด็กนั้น..
    เพื่อให้เค้าได้เติบโตเป็นเด็กที่รู้ถึงกฎของสังคม อยู่ร่วมกับชาวบ้านเค้าได้

    ไม่ใช่มีไว้ให้เราเอาทัศนคติและคุณค่าการมองโลกของเราซึ่งเป็นพ่อแม่ยัดเยียดให้กับเด็ก"

    แล้ว

    ป.ล. สงสารเด็กนั่นชะมัด

    ตอบลบ
  9. แล้ว ป้าม้อย เลี้ยงลูกให้ใครอยู่เนี่ยยย

    ตอบลบ
  10. (เอาคำว่า แน ซ่อนไว้อะจิ)

    ตอบลบ
  11. ไม่เลี้ยงหรอก เล่นด้วยได้แป๊บๆ
    เรา ที่จริงแล้ว เกลียดเด็กมากอะ

    ตอบลบ
  12. อ้าว แล้วไง วันนี้รักเด็ก ได้

    เตรียมตัวเป็นนางงาม ชิมิ

    ตอบลบ
  13. เอาแต่นอนเฉยๆ เหรอ
    สงสัยมันจะเสื่อมแล้วอะดิ อิอิ

    ตอบลบ
  14. ง่า บางทีเราก็รัก(พ่อ)เด็กนะ

    ตอบลบ
  15. หุหุ

    รักพ่อเด็ก ประเด็นนี้น่าสนใจ

    ตอบลบ
  16. ... สะกิดใจอย่างแรง

    พักนี้ทะเลาะกับพ่อลูกหมุบ่อยๆ เรื่องดุลูกเกินกว่าเหตุนี่แหละ
    ขณะที่ใครๆ กลับมองว่าเราใจดีกับลูกเกินไป เดี๋ยวลูกจะเสียคน

    ตอบลบ
  17. มันอาจจะต้องการ Authorithy ที่ชัดเจนนะ ตอนตกลงกับลูกเนี่ย

    พ่อว่ายังไงแล้วแม่ก็ต้องอย่างนั้น ไม่แทรกแซง ไม่ล้วงลูก

    แล้วก็ไม่น่าจะเป็นแบบที่คนนึงเด็ดขาดรัดแน่นเหลือเกิน ส่วนอีกคนก็ปล่อยสุดๆ

    ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีคนถูกลูกเกลียด (หรือเปล่า?) ส่วนอีกฝ่ายก็จะถูกลูกมองว่าหน่อมแน้ม (คนละมีนนิ่งกะเสธ. แดง) อ่อนแอ ไม่มีอำนาจ อยากจะได้อะไรให้เหวี่ยงใส่เข้าไว้ แล้วก็จะได้

    ไม่รุสิ เลี้ยงลูกเนี่ย ยากจะตายห่า

    ตอบลบ
  18. เอิ่มมม เลี้ยงสามี ยากกว่า

    ฟันธง

    ตอบลบ
  19. ถ้ามีสามีแล้วต้อง(หา)เลี้ยงจะมีไปทำไมหรอ

    ตอบลบ
  20. คือถ้าชอบเลี้ยง เลี้ยงเป็นงานอดิเรกก็อีกเรื่องอะนะ

    ตอบลบ
  21. ไม่ช่ายยย

    จะบอกว่า สามี นี่ดูแลยาก กว่าลูก

    ตอบลบ
  22. เลยสรุปว่า

    ไม่ต้องมีมันดีที่สุด

    มีลูกแล้ว สลัดสามีทิ้ง หุหุ

    ตอบลบ
  23. แหม๋ ก็คบๆ กันไป แต่ไม่ต้องเอามาเป็น ผ หรอก
    ไม่มี ผ แล้วก็ไม่มี ล

    สบายตัวดี

    ตอบลบ
  24. คุณพี่มีทั้งคุณ ลูก และ คุณ ผ ขอบอกดูแลลูกเนี่ยใส่ใจในรายละเอียดมากกว่าดูแลคุณ ผ
    รักน่ะมันรักทั้งคู่
    แต่คุณ ผ เนี่ย ถ้าเลิกอยาก (อยู่ด้วยกัน) ยังไงก็ตัดใจเดินคนละทางได้
    แต่ลูกเนี่ยเป็นอะไรที่สุด ๆ เคยคิดว่าตัวเองรักตัวเองมาก ๆ (เห็นแก่ตัว)
    แต่พอมีลูก สิ่งไหนที่ไม่อยาก ไม่คิดจะทำ ก็ทำได้เพื่อลูก
    โกรธตอนมันดื้อ แต่เดี๋ยวก็หาย ห่วงหน้า( อนาคตข้างหน้าเค้าจะเป็นยังไง)
    พะวงหลัง( เท่าที่เราเลี้ยงดู สั่งสอนมา เราทำดีพอหรือยัง)
    ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า เลือดมันข้นกว่าน้ำเป็นยังไง และซึ้งใจสุด ๆ กับบุญคุณของพ่อแม่ที่เลี้ยงเรามา
    แต่ตอนเราเด็ก ๆ พ่อกับแม่ก็เลี้ยงแบบบ้าน ๆ
    ทุกข้อแนะนำที่น้องม้อยนำเสนอข้างบน ผู้ใหญ่รอบ ๆ ตัวฝ่าฝืนเกือบทุกข้อเลยจ๊ะ
    คุณพี่ก็เลยโตมาเป็นผู้ใหญ่ เอ๋อ ๆ อย่างที่เห็น

    ตอบลบ
  25. การมีลูกผัวยังเป็นอะไรที่ never been to me ของม้อยค่ะพี่แจ๋ว


    ตอบลบ
  26. จริงๆ แล้วก็ยังไม่เข้าจวยการมีลูกมีผัวเท่าไหร่หรอก อิ อิ

    ตอบลบ
  27. ใคร ๆ เค้าก็รู้กันทั้งนั้นแหละ
    แต่จะทำได้รึปล่าวน่ะ...อีกเรื่องนึง

    ตอบลบ