วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Good Bye Lenin : บ๊าย-บายเลนิน แล้วก้าวไปให้ทันโลก

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Drama


ได้ดูหนังเรื่องนี้กับป้าอ้อยเมื่อตอนมันเข้าโรงที่ลิโด้ แต่ว่าเราไปดูกันตั้งแต่ปี 2003 เลยหรอป้า? (นานจังเนอะ) แต่ได้ดูอีกครั้งในเร็วๆ นี้ ด้วยมีสปอนเซอร์นำเสนอ ซึ่งมีหรือ ที่ฉันจะปฏิเสธ

ตอนที่ได้ดูหนังใหญ่จำได้ว่า รู้สึกแล้วว่าเป็นหนังที่นำเสนอได้เจ๋ง เล่าเรื่องละเอียดอ่อนเปราะบางในความรู้สึกคนรุ่นก่อนให้คนรุ่นหลังเข้าใจดียังไม่พอ ยังมีอารมณ์ขันเสียด้วย (ฉากเครื่องบินขนเลนินมานั้นก็สุดยอดเลย) แต่จากการได้ดูซ้ำอีกอย่างน้อย 2 รอบในคราวนี้ ก็ทำให้เก็บได้รายละเอียดมาอีกเป็นหลายกอบ แถมด้วยผลพลอยได้ดีๆ ประสาสตรี (มีอายุ) ช่างคิด

เรื่องหนึ่งที่ได้คิดคือ คนรอบตัวเราเกิดและเติบโตในยุคที่มีสิ่งแวดล้อมต่างกับเรา ย่อมมีความผูกพันเชื่อมโยงกับอะไรบางอย่างต่างกัน

อย่างโลกของคริสติอาเน่ ผู้เป็นแม่ในเรื่อง ก็เป็นโลกที่ต่างกับโลกของลูกๆ ทั้งๆ ที่ทั้งแม่และลูกต่างเป็นพลเมืองของประเทศที่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว คือเยอรมันตะวันออก ประเทศสังคมนิยมซึ่งเป็นผลิตผลของสงครามเย็น ที่ ณ เวลาในหนัง แค่ปิดกั้นตัวเองจากโลกทุนนิยมไม่พอ ยังถูกกรอกหูว่าทุนนิยมน่ะ ฟุ้งเฟ้อ ชั่วร้าย เลวทรามต่างๆ (สังคมนิยมดีที่สุด) นานา

อีหรอบเดียวกับประเทศทุนนิยมประชาธิปไตยทั้งก็โดนกรอกหูแบบเดียวกัน
นี่แหละ สไตล์อันโหดร้ายและเยือกเย็นของสงครามเย็น

หนังเริ่มเล่าเรื่องในปี ’87 ตอนที่อเล็กซ์ยังสิบเอ็ดขวบ ตอนนั้นครอบครัวเหมือนจะมีความสุขดี (ดีแบบที่คนในโลกสังคมนิยมจะดีได้) แต่จากนั้น ผู้เป็นพ่อซึ่งมีความนิยมในทุนนิยมก็หายไปจากบ้าน เด็กๆ เข้าใจว่าเป็นเพราะพ่อติดผู้หญิง แต่แม่น่ะรู้ดี ว่าพ่อไปเพราะอยากเป็นทุนนิยมมากกว่าสังคมนิยม

การหายไปของพ่อทำให้แม่นิ่งเงียบ เราได้รู้กันในภายหลังว่าแม่เงียบเพราะเธอกำลังตัดสินใจ ซึ่งในที่สุดแล้วแม่ก็ตัดสินใจปักหลักอยู่ที่ด้านขวาของกำแพงเบอร์ลิน ไม่หอบลูกหนีไปตามพ่อเพราะกลัวว่าเขาจะจับพรากลูกไป (เป็นเหตุผลที่ฟังได้สำหรับคนเป็นแม่นะ) หลังจากนิ่งเงียบไป 8 สัปดาห์ แม่ก็กลับบ้านพร้อมความเชื่อมั่นตั้งใจ ว่านี่แหละคือวิถีที่เธอและลูกเลือก
(ก่อนที่จะได้รู้ในอีกสิบปีว่าจริงๆ แล้วลูกอยากเลือกอะไร)

แม่มีเหตุให้ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา หลับรวดไป 8 เดือน ในคืนที่อเล็กซ์โดนจับไปจากม็อบเรียกร้องเสรีภาพ ระหว่างที่แม่หลับ กำแพงเบอร์ลินถูกทุบในปี ’89 กระแสทุนนิยมไหลกรากมาทางฝั่งตะวันออก พาโคคาโคลา, เบอร์เกอร์คิง, เฟอร์นิเจอร์และแฟชั่นล้ำยุค รวมทั้งคอนซูเมอร์โปรดักท์แปลกใหม่มาพัดแบรนด์สังคมนิยมเก่าๆ พลัดตกจากชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ตไปเป็นแถบๆ

นอกจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ลูกๆ เองก็เปลี่ยนไป พี่สาวอเล็กซ์เลิกเรียนเศรษฐศาสตร์ ออกมาขายเบอร์เกอร์คิง แล้วก็ได้แฟนใหม่เป็นผู้จัดการร้านเบอร์เกอร์คิง หนุ่มจากฝั่งตะวันตกมาอยู่ด้วยในแฟลตเดียวกันแล้ว อเล็กซ์จีบลาร์ล่า นักเรียนพยาบาลสาวรัสเซียน่ารักม้ากติด เขามีความสุขมาก เขารู้สึกเหมือนอนาคตอยู่ในมือ

แต่แล้ว จู่ๆ ระหว่างที่ทุกคนกำลังแฮปปี้มีความสุขกับโลกใหม่ แม่ก็ตื่น

แม่ พลเมืองสังคมนิยมตัวอย่าง ผู้งดงาม ผู้บอบบาง ที่รักของอเล็กซ์ ซึ่งพร้อมจะช็อคได้อีกทุกเมื่อ ได้ฟื้นขึ้นโดยไม่รู้ว่ากำแพงเบอร์ลินไม่มีอยู่แล้ว

ร้อนถึงลูกๆ ต้องช่วยกันจัดฉากให้โลกเหมือนกับวันที่แม่ยังจำได้ เพื่อที่แม่จะได้ไม่ต้องช็อคไปอีกครั้ง เพราะรับไม่ได้ กับการกลายเป็นกระแสทุนนิยมที่แม่เกลียดชัง ..ตอนนี้แหละที่ทั้งวุ่นวายและสนุกในความรู้สึกของคนดู

อเล็กซ์ทำทุกอย่าง ตั้งแต่ค้นขยะหาฉลากแตงกวาดองที่แม่อยากกิน ซึ่งไม่มีขายแล้ว ไปสวมขวดใหม่ก่อนเสิร์ฟแม่ ตัดต่อเทปข่าวเปิดให้แม่ดู โดยคิดว่านั่นคือทีวี จับเพื่อนบ้านและลูกศิษย์แม่มาแต่งตัวเชยในแบบเดิม เพื่อร่วมอวยพรวันเกิดแม่ ระหว่างนั้นก็รอให้แม่นึกออกว่าซ่อนเงินไว้ตรงไหน (เสียดายแม่นึกออกช้าไปหน่อย)

แต่ก็นั่นแหละนะ ความลับไม่มีในโลก ก่อนจะจากไป ในที่สุดแม่ก็ได้รู้ว่าประเทศที่แม่รักและเชื่อมั่นไม่มีอยู่แล้ว แต่ก็เป็นการรับรู้อย่างอ่อนโยน ด้วยการจัดการของอเล็กซ์และเพื่อนอีกตามเคย


โลกยังคงหมุนไปข้างหน้า การที่แม่เราทำใจไม่ได้กับโลกในวันนี้ ซึ่งเป็นโลกของเราไม่ใช่เรื่องแปลก อีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า เราเองก็อาจจะทำใจยากกับโลกที่เราไม่ชินอีหรอบเดียวกะแม่เราก็ได้ (ใครจะรู้ )
ทางทีดีเราจึงควรทำหัวใจให้แข็งแกร่งพร้อมรับความเจ็บปวดจากบาดแผล
ยืดหยุ่นพอที่จะถูกถ่างใจให้กว้างพอจะรับสิ่งใหม่ๆ แล้วสายตาก็ควรจะถูกปรับให้รู้จักมองในแง่ดีเข้าไว้

เพราะว่าโลกยังหมุนไปข้างหน้า กลางคืนไม่ดำมืดอยู่อย่างนั้นตลอดไป วันใหม่เดินทางเพื่อมาถึงตลอดเวลา ไม่มีอะไรคงอยู่ในสภาพเดิมนิจนิรันดร์ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง ...แม้แต่หัวใจคน

(หุ หุ)





บันทึก:
• จำชื่อผู้กำกับ Wolfgang Becker ไว้ แล้วไปหา Life Is All You Get, หนังอีกเรื่องของเขามาดู
• ชอบบทที่เขาเขียน ชอบลำดับการตัดต่อ ชอบรสนิยมในการเชื่อมโยงซีเควนซ์ต่างๆ แล้วก็ชอบสำนวนที่เขาเขียนให้เดเนี่ยล บรูห์ลอ่าน (ความคิดของอเล็กซ์) มันดูเป็นการมองโลกอย่างเข้าใจ แต่แทรกไว้ด้วยอารมณ์ขัน
• คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นผ้าผืนนึงที่เกิดจากการวางแผนก่อนทอลายลงไปในนั้นอย่างสุดยอดเลยอะ ในหนังมีรายละเอียดน่ารักมากหลายอย่าง ที่ทำให้เราจำมันได้ไม่ลืม ไม่ว่าจะเป็นการส่งชาวเยอรมันคนแรกขึ้นไปท่องอวกาศ เพลง score ลายวอลล์เปอเปอร์เข้ากับปลอกหมอน โคคาโคล่า สกูตเตอร์ และเบอร์เกอร์คิง และบอลโลก
• เขาเขียนตอนพี่สาวอเล็กซ์เจอพ่อได้เจ็บปวดดีจริง (ทั้งๆ ที่ดูแล้วก็ขำไปด้วยอะนะ)
• สังเกตว่าเขาแคสต์ได้ตัวละครหน้าตาดีจริง (หรือจริงๆ ดาราเยอรมันหน้าตาดีหมด) ยกเว้นตัวพระเอก (เดเนี่ยล บรูห์ล) แต่ถึงจะไม่หล่อ แต่น้องเค้ามีคาแรกเตอร์น่าติดตามนะ
• คาทริน ซาซ เล่นเป็นแม่ได้ดีจริง แล้วเธอก็สวยมากๆ เลยด้วย
• ชอบแสง+อารมณ์ตอนแฟนอเล็กซ์ตามไปปลอบริมทะเลสาบมากเลย อบอุ่น
• เหมือนว่านางพยาบาลในโลกสังคมนิยมจะน่ารักและเซ็กซี่มาก (ชุดขาวบางเบาเดินย้อนแสงแล้วมันช่าง...ว้าว)
• เป็นหนังดี ภาษาสวย (ขอบคุณพระเจ้า เขาแปลซับฯ ออกมาดี๊ดี เลยรู้ว่าเขาเขียนดีแค่ไหน) แต่ฟังมากๆ แล้วไม่เห็นอยากเรียนภาษาเยอรมันเลย


17 ความคิดเห็น:

  1. ชอบๆ เรื่องนี้เราก็ชอบ

    ตอบลบ
  2. อยากดูจัง อยากให้ดาวด้วย

    ตอบลบ
  3. ผมมี VCD เรื่องนี้จมอยู่ในฝุ่นที่ห้องครับ จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ดูเลยสักที
    ..เฮ้อ..

    ตอบลบ
  4. บรรยายได้เนียนมาก เหมือนได้ดูหนังอีกรอบ

    ฝันว่าวันหน้า ...จะได้พบว่าคนเขียนวิจารณ์ จะเขียนบทหนังดีๆ ให้ได้ชมซักเรื่องนะ

    ตอบลบ
  5. ปัดฝุ่น แล้วสอดใส่แผ่นลงเครื่อง..โดยด่วน

    ตอบลบ
  6. ถ้าหมายถึงเรา
    เราไม่เคยคิดเลยอะ

    ตอบลบ
  7. วันนี้ ลองคิดถึงวันหน้าก็ดีนะ

    นายเขียนดีจริงๆ

    ยาม

    ตอบลบ
  8. คราวหน้าขอเปลี่ยนคำชมเป็นตังค์ได้มิ?

    (สมทบทุนไปทัศนศึกษาต่างประเทศ)

    ตอบลบ
  9. คราวหน้าขอเปลี่ยนตังค์เป็นคำชมได้นะ

    (กระจายทุนไปทัศนศึกษากับเพื่อนๆ)

    ตอบลบ
  10. เออ จำได้แล้ว เรื่องนี้หนุกดี
    อยากดูซ้ำว่ะ แต่ไม่มีแผ่น เด๋วหาดูในเน็ตดีก่า

    เขียนวิจารณ์ดีมากขนาดประชาชนเขาเลยคาดหวังให้แกเขียนบทหนังเลยเหรอว่ะ
    ควรภูมิใจนะนั่น

    ตอบลบ
  11. เอิ่ม น้องว่าน้องก็ไม่ได้เขียนวิจารณ์นะป้า
    เขียนวิจารณ์มันไม่น่าชมกันอย่างเดียว น่าจะมีบทติเพื่อก่อบ้างให้พออร่อย

    ไอ้ที่เขียนๆ มาตลอดเนี่ย น้องว่าน้องเขียนเป็นบทสาธยาย บันทึกความรู้สึกหลังจากที่ได้ดูง่ะ
    ซึ่งแต่ละรอบที่ได้ดูมันก็รู้สึกไม่เหมือนกันชิมะ
    มันแล้วแต่อะไรๆ หลายๆ อย่าง
    ต่อให้หนังที่ดูจนงวดแล้วอย่าง Notting Hill แต่ละครั้งที่ได้ดูยังรู้สึก หรือคิดอะไรไม่เหมือนกันเลย

    คิดถึงแก กะหนังรอบเช้าเสาร์อาทิตย์ที่ลิโด้ว่ะป้า T-T

    ตอบลบ
  12. วิจารณ์เนี่ย ชมอย่างเดียวก็น่าจะได้มัง ก็กรูชอบ กรูว่าดี ไรงี้อะ

    เออ คิดถึงเหมือน หนังแปดสิบบาท

    ตอนนี้ที่นี่มีเทศกาลหนัง ได้โปรแกรมมาแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลยว่ะ
    เดินไปเจอโรงหนังอาร์ตของที่นี่ ที่ตั้งแบบว่า ไม่ใช่ในเมืองเลย แบบอยู่แถวพาร์คอะ
    แต่ตึกสวยดีนะ อายุก็แบบสามร้อยกว่า

    ยังไม่ได้เข้าไปดู แต่ถ้าต้องดูหนังผีในโรงนี้ ช้านก็บายว่ะ
    กลัว special effect

    ตอบลบ