วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

มากมาย หลากหลาย ละลานตา




...หลายไซส์นะ






วันเสาร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๒

ออกจากบ้านมาวัดพระแก้ว
เสร็จแล้วเดินเตร็ดเตร่แถวท่าช้าง-ท่าพระจันทร์
ผ่านไปกี่ปีต่อกี่ปี ชีวิตชีวาแถวนี้ยังเหมือนเดิม


34 ความคิดเห็น:

  1. ...จาให้เหมามาทำอารายอ่า?

    ตอบลบ
  2. เค้าไม่ได้ขายส้มตำหนิตัวเอง

    ตอบลบ
  3. เห็นไกลๆ นึกว่าขายกว่าง

    ตอบลบ
  4. ...หญิงนึกว่าขายสากกระเบือ

    ตอบลบ
  5. ...ง่า เค้าเอามาให้ "พระนาง"
    หรือเอามาไว้ผูกเรือกันนะ

    ตอบลบ
  6. คนเราหาหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่กลับเลยเถิด จนต้องมายึดสิ่งนี้ เฮ้อ.......

    ตอบลบ
  7. ปลักขิก ผู้เคียงข้าง เครื่องรางแห่งเสน่ห์ โชคลาภ และปัดเป่าเสนียด

    วัตถุมลคลที่เป็น เครื่องรางที่อยู่คู่กับคนสังคมไทยมาตั้งแต่นาน ตั้งแต่สมัยอยุธยา

    ปลักขิกนั้นนิยมเรียกกันในชื่อ "ขุนเพ็ด" หรือ "ขุนเพชร"

    คำว่าปลัด นั้น หมายถึง ตำแหน่งรองจากตำแหน่งที่เหนือกว่า โดยรู้จักกันในความหมาย ผู้ข้างเคียงคอยช่วยเหลือ

    ส่วนคำว่า ”ขิก” นั้น คำนี้ได้ถูกเลิกใช้มานานแล้วเพราะเป็นคำหยาบ ได้ผันเปลี่ยนมาใช้คำว่า “คุยหํ” ในภาษาบาลี

    และได้แผลงมาเป็น ตวย (ต เปลี่ยนเป็น ค) ในภาษาไทย ซึ่งในปัจจุบันคำนี้ก็เป็นคำหยาบไปอีก แตกต่างกันตรงที่ว่า

    ยังนิยมชมชอบที่แจกให้กันเสมอ ๆใน ปัจจุบัน


    ปลักขิกหรือขุน เพ็ด เป็นเครื่องรางคู่กับโยนี (เครื่องรางรูปของลับของสตรี)

    ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นดอกไม้ในแดนสวรรค์ เป็นเครื่องหมายของการกำเนิดส่งใหม่ ๆ หรือความงอกงามของชีวิตใหม่


    ขุนเพชรหรือ ปลัดขิก แต่เดิมนิยมให้เด็กผู้ชายอายุตั้งแต่ ๓-๔ ขวบขึ้นไป แขวนไว้ที่เอว

    เพราะเด็กอายุประมาณนี้จะเริ่มมีเอวแล้ว และเด็กในระยะนี้จะมีภูมิคุ้มกันตนน้อยลง เพราะว่าหย่านมแล้ว

    แนวโน้มที่จะเจ็บไข้ไม่สบายมีมากขึ้น ความเชื่อที่ว่าผีสาง ทั้งหมายจะทำให้เด็กเจ็บป่วยไม่สบายจึงให้แขวนปลัดหรือขุนเพชรไว้

    ทั้งนี้เพราะปลัดขิกที่นำมาแขวนให้กับเด็กชายนั้น จะอยู่ในลักษณะขององคชาต จำลองย่อส่วนโดยปราศจากหนังหุ้มปลาย

    ระดับของการแขวนก็อยู่ที่เอวมิใช่คอ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ห้อยลงมาใกล้กับระดับองคชาต (อ้ายจู๋) ของเด็กให้มากที่สุด

    เพื่อจะหลอกผีให้เข้าใจผิดไปว่าเด็กชายนั้นใช่เด็ก หากเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้ว โดยมีองคชาตที่ปลายเปิดไม่มีหนังหุ้ม

    ส่วนปลัดขิกเหล่านี้ หากจะให้มีความขลังยิ่งขึ้นก็ควรจะต้องผ่านการปลุกเสกเสียด้วยอีกต่างหาก

    ตอบลบ
  8. ...อย่างนี้นี่เอง

    แปลว่าสิ่งแสดงความเป็นจู๋เด็กคือ ยังมีหนังหุ้มปลายสินะ???

    ตอบลบ
  9. น่าสนใจ..
    ผมว่า ทางมิวเซียมสยามน่าจะทำสักห้องหนึ่ง ที่ทำเรื่องความเชื่อในเรื่องเครื่องรางของขลัง ศาสนวัตถุในประเทศไทย
    อย่างเช่น เชื่อมโยงปลัดขิก พระปรางค์ เข้ากับศิวลึงค์ของศาสนาพราหมณ์
    โยงไปสู่เรื่องการเดินทางของพราหมณ์จากอินเดียเข้าสู่สุวรรณภูมิ

    แล้วก็หาคำตอบให้ได้ด้วยว่า..
    ทำไมกรณีโยนี ถึงไม่กลายเป็นสิ่งเคารพ ทั้งๆ ที่สังคมไทยโบราณถือเพศหญิงเป็นใหญ่

    ผมว่ามันจะเป็นความรู้ที่น่าสนใจมาก..

    ตอบลบ
  10. อยากรู้ว่า ใครจะเป็นคนซื้อ และซื้อไปทำอะไรบ้าง

    ตอบลบ
  11. จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติซื้อไป เพราะคิดว่าเป็น SEX TOY บ้างไหมนะ

    ตอบลบ
  12. อันเนี้ยเป็นสิ่งที่สงสัย แต่ไม่กล้าถาม

    เหอ เหอ

    ตอบลบ
  13. ไม่มีแบบที่ทำด้วยยาง..

    อิอิ..

    ตอบลบ
  14. พุทธ พราหมณ์ ผี ปะปนกันเละเทะ

    ตอบลบ
  15. ร้านขายขนมหวานฝั่งตรงข้ามกับอพาร์ทเมนท์ที่ผมอยู่ เขาเอาปลักขิกอันใหญ่มาก มาวางด้านหน้า
    ผมอยู่แถวนั้นมา 4-5 ปี ยังไม่เคยซื้อขนมเจ้านี้เลย.. กลัวโดนเล่นของ

    ตอบลบ
  16. ลองสังเกตดีๆ บางชิ้นมันเป็นงาน sculpture เลยนะพี่
    เรียกว่าออกจะสวยจนน่าเอาไปแต่งบ้านด้วยซ้ำ

    อิอิ

    ตอบลบ
  17. ข้าง ถังขยะ เนี่่ยอะนะค่ะ เฮ้อ ดูไม่สวยเลย

    ตอบลบ
  18. ช่างกล้าถ่าย อุอุ ป้าไม่กล้า กลัวโดนด่า ง่ะ

    ตอบลบ
  19. ถ้าร้านค้า ที่ทำอาหาร แล้ววางปลัดขิก ในตู้น่ะ

    ป้าไม่ซื้อกิน กลัวโดนของ เหมือน pbaonline อ่ะ 555

    ตอบลบ
  20. แหม๋ นี่เค้าก็ถ่ายเนียนเนียนอะ
    นี่นั่งรถ ปอ.8 อยู่ แต่ไม่มาซะที
    ต้องเดินย้อนไปที่ท่าราชฯ ถึงรู้ว่า อ๋อ เค้าไม่โฉบมาท่าพระจันทร์แล้ว

    แต่วันนั้นโง่ได้อีก
    เจือกขึ้นรถขึ้นทางด่วน ไม่ผ่านปากซอยบ้าน
    (-___-)

    ตอบลบ
  21. น่าทำคอลเลกชั่นนี้นะ "ปลักขิก: how to use"

    ตอบลบ
  22. ขาดการลงสี ปลาย ๆ

    ตามด้วย ผูกผ้า สี ใส่พาน

    ตอบลบ
  23. ของมันขาด เลยถ่ายมาซะ

    ตอบลบ
  24. ไม่ได้ขาด ต้องบอกว่าไม่มีเลยตะหาก

    ตอบลบ
  25. อืม จำปีน้อย นั่นสินะ

    ตอบลบ