วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Osen : ยุคสมัย วัฒนธรรมการกิน และหมีขั้วโลก

Rating:★★★★
Category:Other


สั่งซีรีส์เรื่องนี้มาดูเพราะอยากรู้ว่าอาหารญี่ปุ่นจริงๆ เป็นอย่างไร

ดูแล้วนอกจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร ยังเกิดแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้าว่าจะต้องไปกินสุกียากี้ญี่ปุ่นที่ Akiyoahi อีกครั้งในเร็ววัน โชคยังดีที่ดูแล้วไม่ได้ถึงกับกระหายใคร่จะกินสาเกอุ่นๆ หรืออยากเบียร์ญี่ปุ่นจนทุรนทุราย เพราะนางเอกในเรื่อง (Aoi Yu) แม้จะเป็นตัวละครอายุน้อย หน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดู แต่ดื่มเหล้าเก่งเหลือเกิน เธอดื่มโชว์บ่อยๆ อย่างรื่นเริง และเมาได้น่ารักเสียด้วย

ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีความแปลกอย่างที่เราก็รู้กันอยู่โดยไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่น ว่าเป็นประเทศที่มีความขัดแย้งในตัวเองสูง อย่างฟุตเทจสารคดีที่นำเสนอชีวิตการกินของคนญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษเมื่อต้นเรื่องนั่นแหละ ชาวญี่ปุ่นมีกินตลอดเวลาที่ต้อง ทุกหัวถนน ท้ายถนน สี่แยก สามแยก ตรงทางลงรถใต้ดิน ในทางเดินของสถานีรถไฟ หน้าห้องน้ำ ฯลฯ จะมีตู้ขายของกินแบบหยอดเหรียญเต็มไปหมด ร้านราเมงหรืออาหารชุดราคาประหยัดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงก็หาได้ทั่วไป แถมยังมีร้านสะดวกซื้อหลายเจ้า วางขายอาหารสะอาด ราคาประหยัดกันเกลื่อนกลาด จะกินของร้อนในหน้าหนาว หรือกินของเย็นในหน้าร้อน มีให้เลือกตามใจ

อาหารสำเร็จรูปพร้อมกินเกรดที่ดีขึ้นมา คืออาจจะเป็นวัสดุที่ดีกว่าหรือรสชาติดีกว่าก็ยังมีรออยู่แพ็คที่พร้อมจะถูกใส่เข้าไปในไมโครเวฟทั้งอย่างนั้นที่ DepaChika หรือชั้นใต้ดินของ Department Store

แต่ทั้งๆ ที่โลกการกินของคนญี่ปุ่น convenience และ speedy ไปขนาดนี้แล้ว แต่ร้านอาหารอย่างในเรื่องคือ “อิชโชอัง” ก็ยังมีอยู่

อิชโชอังเป็นกิจการที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลา 200 ปีแล้ว ตัวร้านคืออาคารเก่าหลังใหญ่ที่ยังดูแข็งแรงมั่นคง แล้วก็ดูสะดวกสบายกับชีวิตสไตล์คนในร้านอิชโชอัง นายหญิงผู้เป็นทั้งเจ้าของกิจการและผู้ควบคุมการปรุงอาหารและบริการของร้านคนปัจจุบันชื่อ ฮันดะ เซน (เพราะงี้เลยเรียกโอเซน?) อายุของเธอแค่ 23 ปี แต่เพราะได้รับการฝึกฝนมาดีประกอบกับมีพรสวรรค์และมีความรักชอบศิลปะทางด้านนี้ด้วย โอเซนเลยเก่งทั้งการปรุงอาหาร เขียนพู่กันแบบโบราณ เก่งเรื่องเครื่องปั้นดินเผา แถมยังนุ่มห่มกิโมโนและทำผมเผ้าให้เข้ากันอย่างน่าประทับใจ

อาหารของอิชโชอังเป็นอาหารที่ปรุงขึ้นอย่างประณีต จากเครื่องปรุงและวัตถุดิบที่สดใหม่ หาได้ตามฤดูกาล ใช้ผักที่ปลูกเองในสวนหลังร้าน ลูกค้าที่มากินอาหารของอิชโชอังจึงไม่ต้องลำบากคิดมาจากบ้านว่าจะสั่งอะไร เพราะเมนูของร้านนี้จะไม่มีหน่อไม้ ถ้าไม่ใช่ฤดูของหน่อไม้ ปลาที่ได้กินก็จะแล้วแต่ฤดู และแล้วแต่ว่าวันนี้พ่อครัวได้ปลาอะไรมา กรรมวิธีในการปรุงก็จะเป็นขั้นตอนที่ประณีต ละเมียดละไม มีที่มาที่ไป มีเหตุผลตรรกะ ทำไมต้องปรุงแบบนี้ ทำไมไม่ปรุงแบบนั้น

ในเรื่องยังเล่าเกร็ดเกี่ยวกับเครื่องปรุงพื้นๆ ที่จำเป็นกับอาหารญี่ปุ่นหลายอย่าง เช่น การหุงข้าวด้วยฟาง การหมักมิโซะ และการทำปลาคัตสึโอตากแห้งสำหรับไสเป็นแผ่นบาง ใช้ต้มทำน้ำซุป (แบบเดียวที่โรยหน้าทะโกะยากิไงจ๊ะ) เราได้รู้ถึงขั้นว่าปลาแห้งนี้มันมีระดับคนลิ้นธรรมดากับระดับลิ้นเทพ และแบบที่เป็นของสำหรับลิ้นเทพนั้นก็ต้องผ่านขั้นตอนทำให้ “รา” ขึ้นปลาโออยู่หลายรอบ ถึงจะได้รสชาติแบบนั้นออกมา
อ่านมาถึงขั้นนี้อย่าเพิ่งคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้ชมแล้วหรรษา เบาสมอง ไม่ต้องคิดอะไรต่อ ดูจบก็แค่ออนไลน์ search หาร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ แล้วโทรชวนเพื่อน เพราะแท้ที่จริง Osen มีประเด็นหนักหน่วง ปวดร้าว ที่เราทุกคนเมื่อได้ดูแล้วต้องได้คิด ว่าควรยอมโอนอ่อนแต่โดยดีไปตามความเร็วของยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง หรือจะตั้งมั่นอยู่กับสปีดเชื่องช้า แช่มช้อยของความดั้งเดิมดี

ถึงแม้ว่าการมีอยู่ของอิชโชอังไม่อาจเปรียบเทียบกับการมีอยู่ของหมีขั้วโลก แต่ถ้าลองคิดดู คุณเองก็อาจจะพบว่า การยังคงอยู่ของสัตว์อย่างหมีขั้วโลก กับร้านอาหารอย่างอิชโชอัง นั้น บ่งชี้ว่าสิ่งสำคัญบางอย่างยังอยู่กับเรา สิ่งสำคัญนี้ มันสำคัญก็เพราะว่าถ้ามันสูญสลายหายไปแล้ว จะไม่มีทางถอยหลัง หรือเรียกกลับมาได้อีก แล้วชีวิตของเราก็จะไม่อาจเหมือนเดิมได้อีกเลย





บันทึก:
• เพื่อนซึ่งดูโอเซนจบล่วงหน้าไปแล้วได้เล่าระหว่างมื้ออาหารเกาหลีว่า ช่วงที่เพิ่งจบซีรีส์เรื่องนี้ใหม่ๆ นั้นเกิดอาการไม่สามารถเข้าร้าน Zen และ Fuji ได้ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าอาหารญี่ปุ่นที่เสิร์ฟในนั้นไม่ได้ปรุงขึ้นจากจิตวิญญาณ ฉันฟังแล้วปล่อยก๊าก เห็นด้วยกับเพื่อนมากๆ
• ตัวฉันเอง ถ้าเลือกได้ก็ไม่เลือกเข้าสองร้านข้างบนนานแล้ว (ฮ า) แต่เมื่อเร็วๆ นี้ก็ยังเต็มใจเดินเข้าร้านฟูจิ เพื่อที่จะอดหงุดหงิดใจไม่ได้กับกิริยาอาการของพนักงานเสิร์ฟ ถ้วยชาม และรสชาติของอาหาร แต่ทำไงได้ กินข้าวกับเพื่อนที่ไร ไม่ว่าจะกินที่ฟูจิหรือที่ไหน มันสนุกทุกทีนี่นา
• อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ต้องตามใจใคร และตัวเลือกอื่นยังพอมี ฉันไม่เข้าสองร้านนั้นหรอก เสียดายเงิน (แม้ราคาอาหาร+บริการมันจะถูกกว่าร้านที่ฉันเลือกเข้าก็ตาม)
• ช่วงสิบกว่าปีหลังมานี้ฉันโชคดี ได้ทำงานที่มักมีโอกาสได้ชิมอาหารแปลกใหม่เรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นของราคาแพง และไม่ใช่เมนูปกติในชีวิตประจำวันของตัวเอง เพื่อไม่ให้ตัวเองสับสนกับชีวิต ฉันจึงต้องสร้างมาตรฐานขึ้นมา 2 ชุด สำหรับการกินอาหารปกติ และอาหารไม่ปกติ เช่นเดียวกับการแยกพิกัดนักมวย
• ความเป็นคน 2 มาตรฐานนี่เองทำให้ฉัน ซึ่งแม้จะรู้แล้วว่าความอร่อยที่แท้จริงของของสิ่งหนึ่งคืออะไร สามารถจะกินสิ่งนั้นในรสชาติที่อร่อยน้อยกว่าควรจะอร่อยตามมาตรฐานที่มันควรอร่อยได้โดยไม่รู้สึกลำบาก (อิ อิ)
• อันที่จริงเราควรขอบคุณของไม่อร่อยนะ ที่ทำให้เรารู้จักว่าความอร่อยที่แท้จริงเป็นอย่างไร
• คนบางคนเขาไม่สนใจหรอก ว่าหมีขั้วโลกจะมีอยู่หรือหมดไป ไม่ได้แคร์ด้วยว่าลูกกำลังกินอะไรอยู่ หรือลูกไม่รู้กระทั่งว่า หัวไชเท้าคือส่วนรากของต้น ไม่สนใจว่าอาหารตรงหน้าปรุงอย่างไร ใช้วัตถุดิบจากไหน เขาสนใจแต่กินให้อิ่มแล้วกลับไปทำงานต่อให้ผลกำไรในปีนี้มันไม่น้อยกว่าปีก่อนเท่านั้นเอง

13 ความคิดเห็น:

  1. อย่างนี้แล้ว
    คงต้องสอบถามว่า
    ร้านอร่อยที่ว่านี่
    อยู่ตรงไหนเอ่ย
    ไม่หรอก...พี่โอน่ะสนใจ
    สาเกอุ่นๆ ที่ม้อยว่าน่ะ

    ตอบลบ
  2. จริงๆนะ ไม่เคยกินเลยค่ะ สาเกอุ่นๆ
    แต่คิดว่าร้านที่ร้านญี่ปุ่นแบบ Authentic เช่นร้านในโรงแรมจะมีแน่

    แล้วร้านอร่อยที่พี่โอคือร้านไหนหรอ
    ถ้าหมายถึง Akiyoshi อยู่ตรงสถานีพระโขนงค่ะ
    ลงด้านเดียวกับสุขุมวิท 71 ตรงทางออกด้านที่มาจากสยามอะค่ะ

    ใกล้บ้านพี่โอนิ

    ตอบลบ
  3. เมื่อก่อนตรงถนนราชปรารภจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กมากๆ ชื่อร้าน Kaguya (เจ้าของและพ่อครัวชื่อเดียวกัน) ทำอาหารรสชาติแบบญี่ปุ่นพื้นบ้าน ราคาไม่แพงและรสชาติอร่อยทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะข้าวแกงกะหรี่กับหอยหวาน (แต่รสอาหารออกไปทางเค็ม) ปิ๋มชอบไปนั่งกินที่นั่นบ่อยๆ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่นั่นมักจะเป็นคนญี่ปุ่นมากกว่าคนไทย จนกระทั่งมีม๊อบก็เลยไม่ได้ไปอีก เมื่อเดือนก่อนแวะไปกิน ปรากฎว่าร้านอาหารญี่ปุ่นกลายเป็นร้านส้มตำไปซะแล้ว เสียใจจัง

    ตอบลบ
  4. พี่ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้วเกิดกิเลสอยากจะออกไปตระเวนหาน้ำพริกแบบคนเมืองกาญจน์ที่กวีไซไรต์เคยเขียนถึง
    แล้วก็คิดถึงงานเขียนเรื่องอาหารการกินแบบพื้นบ้านของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์กับคุณชายคึกฤทธิ์เอามากๆ

    ไอ้ที่เราหากินได้ง่ายๆ ทุกวันเนี้ย มันห่างไกลแบบที่ทั้ง 3 คนเขียนถึงมาทุกที

    ตอบลบ
  5. ฉันชอบเรื่องนี้ นางเอกน่ารักดี เคยไปตามหาการ์ตูน แต่ไม่ชอบ เพราะลายเส้นไม่สวย
    ฉบับการ์ตูนนางเอกดูเป็นป้าย้วย ๆ เมา ๆ ดูซีรี่ส์เจริญตาเจริญอาหารกว่ากันเยอะ

    ตอบลบ
  6. นั่นดิ เห็นแว้บๆ จากเน็ต
    น่าจะเป็นป้าเอ็กซ์ๆ ด้วย

    เห็นอาโออิยิ้มแล้วอยากยิ้มตาม

    ตอบลบ
  7. นุช เราอ่ะชอบการ์ตูนมากกว่า อินอย่างแรงด้วย (สงสัยเพราะชอบคนเขียนคนนี้ (เรื่องซันชิโร่) อยู่แล้วเลยไม่ขัดตาเรื่องความย้วย 555)

    ฉบับซีรีส์เราดูไปแค่ 3 ตอนเพราะรีบซื้อตั้งแต่มันยังทำออกมาไม่ครบ แล้วก็ไม่ได้ซื้อต่อ
    ในซีรีส์ นางเอกน่ารักจริงๆ สวยแบบญี่ปุ่นด้วย ...ดูแล้วเชื่อในความใสซื่ออีกต่างหาก

    ตอบลบ
  8. อุ๊ยๆ เดี๋ยวส่งให้โม่ดู

    อันนี้ซับดี๊ดี (โปรดมองข้ามเรื่องตัวสะกด) มีเกร็ดความรู้เรื่องอาหารการกินให้เป็นระยะด้วยนะ

    ตอบลบ
  9. ดูๆๆๆ ขอบใจนะม้อย อิอิ ดีใจๆ

    เรื่องร้านอาหารญี่ปุ่น เราหวังว่าจะได้มีโอกาสไปลองทานของร้านนึงในกรุงเทพ แถวสุขุมวิท
    เราเซิร์ชข้อมูลเก็บไว้ (ที่บ้าน) เลยอะ...มันเป็นร้านอาหารที่เป็นเรือนญี่ปุ่นแล้วมองออกมาเห็นสวนญี่ปุ่นด้วย
    จำชื่อไม่ได้ ขอค้นก่อน ....

    แต่เมนูหลักของเค้า เกินงบไปเย๊อะ ...คงกินได้แค่เซ็ทอาหารกลางวันอ่า เฮ้ออออ

    ตอบลบ
  10. อย่ากระนั้นเลยโม่
    เก็บตังค์ไปกินอาหารเกียวโตที่ญี่ปุ่นเรยดีก่า

    ได้สัมผัสกับทั้ง 5 ประสาทสัมผัสเรย

    ตอบลบ
  11. เงินไปญี่ปุ่นยังเก็บไม่ได้ครบเลยจ๊ะม้อย ไปกินแบบอิชโชอังที่โน่น สงสัยมื้ออื่นจะได้กินแต่แกลบนะจิ่

    ตอบลบ
  12. ...ก่อนเข้าอิชโชอังต้องไปเช่ากิโมโนมาใส่ก่อนอีก
    (จะนุ่งยีนส์ใส่บูตเข้าก็กระไรอยู่นิ)

    ตอบลบ