วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

แม่ศรีบางกอก : จะสาวไปถึงไหน จะสวยไปเพื่ออะไร??

Rating:★★★★
Category:Books
Genre: Science Fiction & Fantasy
Author:สุวรรณี สุคนธา

เห็นชื่อ ‘แม่ศรีบางกอก’ แล้วอย่าเพ่อคิดว่านี่คือนิยายพีเรียดเมโลดราม่า ‘จัด-จัด’ แบบ ‘ดงผู้ดี’ เพราะที่จริงแล้ว แม่ศรีบางกอก คือนวนิยายวิทยาศาสตร์หาอ่านยาก ของ สุวรรณี สุคนธา นักเขียนคนโปรดของอิฉันนั่นเอง

ที่บ่นว่าหาอ่านยาก เพราะได้ยินชื่อมานานแล้ว แต่หาตามแผงหนังสือเก่าๆ ไม่เจอสักที เหมือนความรักเลยนะ ยิ่งหาก็ยิ่งไม่เจอ พอวันนึงหยุดหา ดันไปเจออยู่ในแผงหนังสือลดราคาในคาร์ฟูร์ซะงั้น

อิฉันเลยสอยแม่ศรีบางกอก ฉบับปกแข็ง ของสำนักพิมพ์ดอกหญ้ามาในราคา ๓๙ บาทเท่านั้น


สุวรรณีเขียนแม่ศรีบางกอกขึ้นในปี ๒๕๑๓ หรือ ๓๙ ปีก่อน โดยเขียนถึงเรื่องราวใน พ.ศ. ๒๕๖๓ หรือ ๕๐ ปีถัดจากตอนนั้น ซึ่งเป็นอีก ๑๑ ปีต่อจากวันที่คุณกำลังอ่านรีวิวเรื่องนี้อยู่
บางกอกในอนาคตอาจดูทันสมัยศิวิไลซ์ขึ้นมากมาย แต่ยังคงอยู่ในสภาพแออัด และยังแบ่งชั้นกันชัดเจนระหว่างคนมีกะตังค์และคนจนจรจัด สภาพนี้คือสภาพเดียวกับที่สุวรรณีเห็นในวันที่เธอนั่งเขียนนิยายเรื่องนี้

ตัวเอกแสนสวยของสุวรรณีมีนามว่า สาวศรี สาวศรีเป็นสาววัยสะคราญ (อายุยังไม่ถึง ๒๐ T-T ) มีอาชีพเป็นนางแบบ และแน่นอนว่าคนสวยยุคไหนสมัยไหนไม่เคยต้องลำบาก ด้วยความพร้อมด้านรูปโฉม รูปร่าง ด้วยรสนิยมในการแต่งตัว ทำให้สาวศรีโดดเด่น ดึงดูดทั้งหนุ่มๆ และงาน ใครๆ ก็อยากได้เธอไปใส่เสื้อคอลเลกชั่นใหม่ ใครๆ ก็อยากได้เธอไปเป็นพรีเซนเตอร์ (คำนี้เป็นศัพท์สมัยเรา)

ทว่าสาวศรีก็เป็นคนเหมือนเราๆ คือมีทั้งดีและเลวอยู่ในตัว (ก้อนี่ไม่ใช่เมโลดราม่านี่จ๊ะ)

ต้องเข้าใจกันนิดนึงว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวคนสวย มันยากนะ ที่จะทำให้คนสวยเป็นคนที่เห็นแก่คนอื่นก่อนเห็นแก่ตัวเอง อย่างในกรณีของสาวศรี สาวศรีก็เห็นว่านะ ว่าคนยากคนจน คนกำลังจะตายเพราะขาดอาหารมีจริง มีทั้งในบางกอกและตามบ้านนอกคอกนา แต่จะให้เธอทำยังไง ความเอื้ออาทร อารีอารอบ มีเมตตา และรายได้ของสาวศรีจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น หรือทำให้เด็กทุกคนมีนมกินอิ่มทุกมื้อหรือก็เปล่า สาวศรีก็เลยใช้ชีวิตสบายๆ เฉิดฉายๆ ของตัวเองไปตามปกติ โดยไม่ยี่หระอะไรกับชีวิตคนที่จนกว่า

แต่ละวันสาวศรีจะตื่นขึ้นมาส่องกระจกสำรวจริ้วรอย ก่อนทำกายบริหารเพื่อรักษาทรวดทรง แล้วจึงลงมือทาครีมบำรุง และต่อต้านริ้วรอยตามจุดต่างๆ ของร่างกายอย่างประณีต พิถีพิถัน จากนั้นจึงลงมือเมคอัพ แต่งตัวตามขั้นตอน เพื่อให้งามพร้อม สมกับที่ทุกคน (รวมทั้งตัวเธอเอง) คาดหวัง เ
ธอปฏิบัติกิจนี้อย่างมีวินัยที่สุด

แต่แม้สาวศรีรักสบาย แต่เธอก็สละเวลาทำมาหากิน และเวลาของความสบายไปทำการกุศลกับเขาบ้างเหมือนกัน ไม่ใช่อะไรหรอก แค่เธออยากเป็น ‘คุณหญิง’ ตั้งแต่ยังสาวเท่านั้นเอง ในเรื่องของหัวใจ แน่นอนว่าสาวโสดอย่างสาวศรีก็เหงาในบางครั้ง แต่เธอไม่ได้เห็นว่า affection มันสำคัญกว่า asset หรอกนะ คนที่จะเคียงข้างเธอในฐานะสามี ต้องพร้อมทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ แล้วก็ต้องมีสมบัติ มากๆ ด้วย ไม่งั้นเธอก็ไม่รู้จะแต่งให้ลำบากไปทำไม

สาวศรีมีให้เลือกอยู่ ๒ หนุ่ม ทั้งสองจบ ดร. มาจากดาวพระศุกร์ (จ้ะ..อีกสิบเอ็ดปีนะจ๊ะ) คนหนึ่งหัวโบราณแล้วก็แก่อุดมการณ์หน่อย คนนี้เป็นข้าราชการ ส่วนอีกคนน่ารัก มีอารมณ์ขัน แต่ก็ศิลปินเหลือเกิน

สาวศรีกังวลว่าแต่งกับข้าราชการแล้วเขาจะโกงหลวงมาเลี้ยงเธอไหวไหม ส่วนถ้าจะแต่งกับศิลปิน ก็ไม่แน่ใจอีกว่าไร่ที่ปากช่องจะทำได้ปีละกี่ตังค์ เธอก็เลยกั๊กๆ ลังเลๆ อยู่อย่างนั้น

สามหนุ่มสาวไม่ได้รู้เลยว่า ตัวเองอยู่ภายใต้การสปายของมนุษย์ต่างดาวหนุ่มรูปงามจากดาว B63 อันไกลโพ้นที่แฝงตัวมาสืบข่าว ก่อนยกทัพมายึดโลก เพราะที่ดาวตัวเองน่ะ อยู่กันจนล้นพื้นที่แล้ว.. และไม่ต้องแปลกใจเลย ถ้าความสวยของสาวศรีจะจับตา และดูดใจได้ แม้กระทั่งมนุษย์ต่างดาว

เพราะเป็นมนุษย์ต่างดาว แกเลยไม่รู้จักคำว่า ‘แฟร์’ พี่แกลักพาสาวศรีขึ้นยานอวกาศไป ทั้งๆ ที่สาวศรีนอนอยู่ในบ้านที่มีอีกสองหนุ่มนอนอยู่ด้วยนั่นแหละ ยัยสาวศรี ซึ่งยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ดันเคลิ้มจัด คิดว่าเป็นความฝันอยู่ ก็เลยแต่งงาน กลายเป็นเมียมนุษย์ต่างดาวไปด้วยความเบลอ จนกระทั่งยานไปแลนดิ้งที่ต่างดาวนั่นแหละ เธอถึงกรี๊ดแตก

ก็อยู่ที่นั่นเธอจะทำอะไร ใครที่ไหนจะมาชมชอบเธอ เครื่องสำอางแอนไทเอจจิ้ง เครื่องประทินโฉม เมคอัพดีๆ มีใช้เหมือนในโลกไหม ไหนจะน้ำหอมกับครีมกระชับแขนขาอีกล่ะ ฯลฯ คิดแล้วมึน ประมาณว่าให้ชั้นแก่อย่างไร้ความหมายในฐานะเมียมนุษย์ต่างดาวที่นี่ ชั้นไม่ย๊อมมมมม


ในที่สุด หลังจากทำอีท่าไหนไม่รู้ สาวศรีมาปรากฏตัวที่บ้านตัวเอง สิ่งแรกที่เธอทำคือ ส่องกระจกสำรวจริ้วรอยบนใบหน้าอันงดงาม (หนึ่งในภารกิจประจำวันของสาวสวย)

สาวศรีโล่งใจที่มันยังสดใสและเต่งตึง เธอจึงไม่คิดว่าวันนี้ ที่เธอส่องกระจกอยู่นี่เป็นวันหนึ่งใน พ.ศ. ๒๖๑๓ หรืออีก ๕๐ ปี ต่อมาจากวันที่เธอยังเฉิดฉายอยู่หน้ากล้อง โดดเด่นอยู่กลางแสงไฟในเวทีแคตวอล์ก (เค้ายังไม่เรียกมันว่ารันเวย์นะจ๊ะ) แล้วก็กำลังเลือก ดร. หนุ่มจากใน ๒ คน ที่ติดพันเธออยู่

แล้วทำไมเธอถึงไม่แก่ลง หรือเธอกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวไปแล้วจากการมีสามีเป็นมนุษย์ต่างดาว? แต่สามีมนุษย์ต่างดาวที่กลับมาพร้อมกันกับเธอก็บอกความจริงแก่เธอ ว่ามนุษย์ดาวเขาก็มีแก่ มีเจ็บ มีตายเหมือนกัน

สาวศรีงง ทำไมเธอไม่แก่ เธอกลายเป็นสาวสวยในชุดป้าเชย (ที่มันก็แสนจะทันสมัยในยุคของเธอ) เธอไม่รู้จะทำตัวยังไง เพื่อนๆ ของเธอทำอะไรในตอนนี้ สอง ดร. ยังมีชีวิตอยู่ไหม หรือว่าตายไปแล้ว

รูปร่างของรถราที่วิ่งอยู่ข้างนอกดูอัปลักษณ์ในสายตาของเธอ บางกอกกลายเป็นเมืองน่ากลัวเมืองหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้จัก
เธอทบทวนถึงตัวเองในอดีต เธอว่าเธอรู้ตัวว่าเป็นคนสวย ก็อยากจะบำรุงให้ตัวเองดูสวยไปอีกนานๆ เธอรู้ว่าเงินนำความสบายมาให้ เธออยากอยู่อย่างสบาย เธอก็เลยหาเงิน แล้วก็บำเรอตัวเอง พอมีเงินแล้วเธอก็อยากมีเกียรติยศ ก็เลยขวนขวายทำการกุศล ด้วยอยากจะเป็นคุณหญิงกับเขา

แต่มาวันนี้ การได้สาว ได้สวย อย่างอมตะ และจะได้อยู่อย่างสุขสบายเพราะร่ำรวยจากทอง ซึ่งในดาวของสามี มันอยู่เกลื่อนเหมือนหินเหมือนกรวด ..สาวศรีกลับรู้สึกเบื่อ
ไม่รู้จะมีชีวิตต่อไปเพื่ออะไรขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ในพลันนั้นเธอเปิดหน้าต่างบ้านวิมานลอยฟ้าของเธอ แล้วกระโดดลงไป



แต่เธอไม่ตาย

ได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญถึงความแก่ และความตายอยู่อย่างนั้นแหละ







บันทึก
• ไม่แน่ใจว่าปี ๒๕๑๓ คอนโดมีเนียมแห่งแรกในบางกอกเกิดขึ้นหรือยัง ถ้ามีแล้ว สุวรรณีน่าจะเขียนให้สาวศรีใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดมีเนียม ไม่ใช่บนบ้านเสาสูงปรี๊ด (เพราะที่ดินมีราคาแพง) เช่นนี้
• โรงแรมดุสิตธานี ตึกที่สูงที่สุด (บ้างก็ว่า ๒๒ ชั้น บ้างก็ว่า ๒๓ ชั้น) ในประเทศไทยยุคนั้นเปิดในปีนี้ ๒๕๑๓ ปีเดียวกับที่สุวรรณี สุคนธา เขียน แม่หญิงบางกอก
• นวนิยายขนาดสั้นเล่มนี้ แรกอ่านอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องประโลมโลกย์ อ่านไปเพลินๆ ฆ่าเวลา แต่ไม่ใช่หรอก ถ้าลองอ่านแบบวิเคราะห์สังคมนะ จะรู้เลยว่าสุวรรณีทั้งเสียดสี เยาะเย้ย และถากถางผู้คนที่รู้ปัญหา แต่ทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นในยุคนั้นแรงๆ ตลอดเวลา ไหนจะรัฐบาลที่มีแต่ปัญหาคอร์รัปชั่น
• คนที่โดนสุวรรณี ‘ถาก’ เข้าเต็มๆ ก็คือสาวๆ ยุคนั้นน่ะแหละ กะจะสวยโดยไม่สนใจโลกหรือไงจ๊ะ
• ๓๙ ปีผ่านไปแล้ว รู้สึกว่าสาวๆ ยังไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลยนะคะ คุณสุวรรณี
• ชอบสำนวนคุณค่ะ ขอบคุณที่เขียนไว้ให้อิฉันอ่านนะคะ



8 ความคิดเห็น:

  1. มาเม้นคนแรก
    น่าสนใจดีนะ
    ...
    คิดว่าคนเราก็งี้ พ้อนคิดว่า อีก 50 ปี คนเราก็ไม่เปลี่ยนไปกว่านี้ซักเท่าไหร่หรอก

    ตอบลบ
  2. อืม เป็นเรื่องธรรมมะ นะเนี่ย

    ตอบลบ
  3. ไอ้ที่คิดว่าเริ่ดสุด โมเดิ้นสุด อีก 50 ปีจะเป็นไง
    ดูอย่างโรงแรมดุสิตธานีตอนนี้ดิ เทียบกันบันยันทรีแล้วเป็นไง

    คิดแล้วก็อย่าไปยึดติดมันมาก
    นมน่ะ วันนึงก็ต้องยาน ไม่รู้จะใส่บรามีโครงให้เจ็บกันไปทำไมเนอะ

    ตอบลบ
  4. กร๊ากกกกก ปรัชญานะเนี่ย

    ตอบลบ
  5. น่าอ่านดีครับ

    แต่ชื่อเรื่อง ไม่ค่อยเข้ากับนิยาย วิทยาศาสตร์ ซักเท่าไรเลย

    ตอบลบ
  6. สรุปว่า เป็นนิยายวิทยาศาสตร์เพราะว่ามีมนุษย์ต่างดาวงั้นรึ?

    ตอบลบ