วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552

Eternal Summer : เพื่อนรัก-รักเพื่อน

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Drama


ดูหนัง Eternal Summer (2006) หนังวายเรื่องดังที่มีชื่อเพราะๆ ในภาษาไทยว่า “หนึ่งฤดู สองรัก สามเรา” แล้วมีคำถาม

ไม่ใช่ “เค้าเป็นเกย์กันตั้งแต่เมื่อไหร่” แต่เป็น “ความรักมันเกิดขึ้นตอนไหน”


หนังไต้หวันเรื่องนี้เล่าเรื่องของเพื่อน 3 คน เริ่มต้นที่เด็กผู้ชายสองคน เจอกันก่อนในชั้นประถม หยูโซ่เหิงเป็นเด็กมีปัญหา สมาธิสั้น ดูเผินๆ เหมือนเด็กเกเร ก็เลยไม่มีเพื่อนเลย ครูเลยต้องฝากให้ คังเจิ้นฉิง หัวหน้าห้องที่เป็นเด็กเรียนดีช่วยดูแล และเป็นเพื่อนเขาด้วย

หนังแอบบอกเราตอนนี้ว่า เจิ้นฉิง รู้สึกว่า โซ่เหิง เป็นคนพิเศษตั้งแต่ตอนนั้น เพียงแต่ว่าเขาไม่กล้าพอจะเข้าไปสัมผัสความพิเศษนั้น

คำสั่งของครูก็เลยทำให้เด็กทั้งสองได้ใกล้ชิด และเริ่มผูกสมัครรักใคร่ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้น

ดูๆ คู่นี้ก็ไม่ต่างจากเด็กผู้ชายเพื่อนซี้ทั่วๆ ไป แต่มันเริ่มมาแหม่งๆ อีตอนที่ตัวละครสาวก้าวเข้ามาเป็นสารเร่งปฏิกิริยาให้กับ เจิ้นฉิง

ตู้ฮุ่ยเจีย ย้ายมาจากฮ่องกง จึงมีบุคลิกเป็นเด็กสาวฉลาด มาดมั่น เหมือนเธอจะเริ่มปิ๊ง เจิ้นฉิง ก่อน ทั้งคู่โดดเรียนไปไทเป (เข้ากรุง) แล้วก็ค้างคืนกัน และแล้ว แม่สาวคนกล้าก็เริ่มรุกรานผู้ชายก่อน หูยย... เปิดโอกาสขนาดนี้ ถ้า เจิ้นฉิง เป็นชายแท้ สงสัยความสัมพันธ์จากเพื่อนคงได้พัฒนาเป็นแฟน

แต่ทว่า มันต้องหยุดอยู่เพียงแค่เพื่อน เพราะ เจิ้นฉิง ไปต่อไม่ได้

เจิ้นฉิง ก็รู้ตัวว่ามันชักจะแปลก เด็กผู้หญิงน่ารักในอ้อมแขนทำให้เขาเตลิดเปิดเปิงไม่ได้ แต่แค่ภาพเพื่อนรักที่กำลังเล่นบาสเหงื่อโทรมกายกลับทำให้เขาฟุ้งซ่าน เขาจึงพยายามดึงตัวออกห่าง

ฮุ่ยเจีย มาหาที่บ้าน แล้วถามเขา “เธอรักเขาใช่ไหม?”
“...เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน” เจิ้นฉิง อึ้งก่อนตอบ
“..เธอไม่อยากบอกเขาหรอ” แม่นี่ยังยิงคำถามต่อ แต่คำถามนี้ไร้คำตอบ


แค่นี้ฝ่ายหญิงก็รู้ตัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหนุ่มที่เธอปิ๊งนั้นพัฒนาต่อไม่ได้ ที่พัฒนาได้ดันเป็นความรู้สึกที่ โซ่เหิง หนุ่มนักบาสสุดเท่มีต่อเธอ ซึ่งทั้งสองคนตกลงกันว่าจะปิดไว้เป็นความลับก่อน เหตุผลของฝ่ายชายคือเกรงใจเพื่อน เพราะแฟนตัวเองน่ะ เคยเป็นแฟนเพื่อนมาก่อน ส่วนฝ่ายหญิงน่ะรู้ ว่าเพื่อนรักแฟนตัวเองอยู่

เพราะความลับไม่มีในโลกหรือเปล่าไม่รู้ วันหนึ่ง เจิ้นฉิง ก็รู้ว่าเพื่อนกับเพื่อนแอบคบกันอยู่ ความรู้สึกก็เลยล้นทะลักเหมือนเขื่อนแตก ทั้งจากพื้นอารมณ์ที่เบลอ เครียด เพราะเอ็นท์ฯ ไม่ติดเหมือนเขา (คนนี้ตั้งแต่ได้ โซ่เหิง มาเป็นเพื่อนซี้ ก็ฟุ้งซ่านจนเบลอ จากที่เคยเรียนดีก็กลายเป็นแป้ก เพราะหัวจิตหัวใจคอยแต่จะบินไปจากตัวตลอดเวลา) ในขณะที่ โซ่เหิง เอ็นท์ฯ ติดได้ด้วยความสามารถทางการกีฬา และ ฮุ่ยเจีย สอบได้เอง ปีที่สองคนนี้เข้ามหา’ลัยแล้ว เจิ้งฉิง ก็ได้แต่ไปติวเตรียมเอ็นท์ฯ ใหม่

ไหนจะแอบรักเพื่อนมานาน จะบอกก็ไม่ได้ ได้แต่เก็บอัดไว้ในอก เพราะกลัวเพื่อนรับไม่ได้ เพื่อนจะมีน้ำใจตอบมามั่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็เพื่อนแฟนเป็นผู้หญิง ฯลฯ

ซึ่งก็ตลกดี เพราะความช็อกของเจิ้นฉิงดันทำให้ทำให้โซ่เหิงเข้าใจว่าเพื่อนโกรธที่เขาไปจีบแฟนเก่าเพื่อนซะได้ ในขณะที่ เจิ้งฉิง ช็อกจนเตลิดไปเจอคนที่ทำให้เขาค้นพบความเป็นเกย์ในตัวอย่างเป็นทางการ


คืนหนึ่ง เพื่อนรักเกิดได้เสียกันเพราะความเมา (เมาดิบหรือเมาสุกก็ไม่แน่ใจอีก) แม้ตอนแรกจะเหมือนการหักหาญ แต่อีกฝ่ายไม่อาจทัดทานได้ เพราะ ‘ใจ’ น่ะ เสียให้เพื่อนไปก่อน ‘ตัว’ นานแล้ว

ก็ไม่รู้นะ ว่าตื่นเช้าขึ้นมา คนเมาเขาจะจำได้ไหม ว่าเมื่อคืนทำอะไรเพื่อน

(ฮา)


ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ คนดูอย่างเราจะถูกบิดหัวใจจากความเห็นใจ

เห็นใจน้องนางเอกสาววายแสนฉลาด เพราะจริงๆ แล้วอิฉันเชื่อว่าเธอรักทั้งสองหนุ่ม คนหนึ่งอาจอยากได้เป็นคนรัก อีกคนก็เป็นเพื่อนที่ดี เจิ้นฉิงก็น่าเห็นใจ เพราะแอบรักเพื่อนแต่ก็คิดว่าเพื่อนอยากมีแฟนเป็นผู้หญิงมากกว่า ก็เลยต้องพยายามพาตัวเองให้ห่างจากชีวิตเพื่อน ทั้งๆ ที่ไม่อยากเล้ย ส่วนโซ่เหิงสุดหล่อก็น่าเห็นใจ เพราะรักทั้งเพื่อนทั้งแฟน อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน (แต่มันจะเป็นไปได้ไง) ว่างั้น

เรื่องจะจบยังไง จากสามมันต้องเหลือสอง แต่จะกลายเป็นสองคนไหน ใครคือคนน่าสงสารที่สุด ก็ลองหามาชมกันเอง

แล้วจะช่วยอิฉันคิดหน่อยก็ได้ ว่า “ความรักมันเกิดขึ้นตอนไหน”

เพราะอิฉันเลิกคิดแล้วว่า ผู้ชายกลายเป็นเกย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ (คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก แม้แต่ในโลกจิตก็ยังไม่มีคำตอบให้เลย) นอกจากนี้อิฉันเชื่อว่า ความรักคือความรู้สึกมหัศจรรย์ที่เกิดได้โดยไม่เลือกเพศ ตอนนี้จึงสงสัยอยู่แค่ว่า ความรักมันเกิดเมื่อแรกพบเลย หรือว่ามันเกิดหลังจากที่คนเราคบๆ กันไปแล้วเรียนรู้กันมากขึ้น เมตตา-อารี ดูแลมากขึ้น มีการให้ และรับกันมากขึ้น มันจึงงอกงามขึ้นเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ที่ได้ดินดี ได้แสงแดด และได้น้ำรด


ทำไมต้องคิดน่ะหรอ

ก็เพราะบางที ถ้าเรารู้ว่าความรักมันเกิดขึ้นได้ยังไง ชีวิตที่เหลือของเราอาจจะไม่ขาดรักอีกเลยไง





บันทึก
• ‘หนังวาย’ คืออะไร บอกสั้นๆ ได้ว่าหมายถึงหนังที่เล่าเรื่องราวความรักของคนเพศเดียวกัน ซึ่งเรื่องราวความรักของคนเพศเดียวกัน หรือที่เรียกกันในอีกคำว่า ‘รักร่วมเพศ’ ที่เล่าผ่านหนังวายก็ไม่ได้แตกต่างแปลกประหลาดพิสดารไปจากความรักของคู่รักต่างเพศเลย พูดอีกทีก็คือมีทั้งฉาก 'รัก' และ 'ร่วมเพศ' เหมือนกันนั่นแหละจ้า
• ทราบแล้วว่าหนังวายเป็นยังไง คงเข้าใจได้ไม่ยากว่า ‘สาววาย’ ก็คือสาวๆ ที่หลงใหล และอิน(มากๆ)ไปกับตัวละครที่เป็นคนรักเพศเดียวกันพวกนี้ พวกเธอจะตามเสพเรื่องราวเหล่านี้อย่างซีเรียส จริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในรูปของหนัง หรือมังงะ (การ์ตูน)
• อิฉันเองก็จัด (ตัวเอง) ให้เป็นสาววายอย่างอ่อนๆ ดูหนังเรื่องนี้ไปยังคิดถึง Happy Together หนังวายตัวแม่ขึ้นมาติดหมัด
• น้องนางเอกของเรา (Kate Yeung) นั้น แม้จะมีจมูกซิลิโค้น-ซิลิโคน แต่มีตากลมเป็นประกาย ปากสวยอิ่ม และช่วงขาสวยดี, หยูโซ่เหิง (Chang Hsiao-chuan) หน้าตาเท่ดี ผิวสีแทน แถมยังมีแผงอกน่าลูบไล้โคตรๆ, ส่วน คังเจิ้นฉิง (Bryant Chang) เป็นคนที่ดูเกย์ที่สุดแล้ว ทั้งท่าทางและแววตา
• ผู้กำกับหนังเรื่องนี้คือ Leste Chen ซึ่งถือเป็นผู้กำกับหนังที่โดดเด่นคนหนึ่งของวงการหนังไต้หวันยุคใหม่
• ขอออกตัวไว้ก่อน สำหรับคนที่อ่านรีวิวแล้วอยากดูมั่ง (ตาหลอด) ว่า หนังเรื่องนี้มีคนรอดูอยู่แล้ว 1 คน จะจัดส่งให้หลังสงกรานต์จ้า




20 ความคิดเห็น:

  1. ได้ดูหนังที่ห้องในวันหยุดแล้วสินะ..
    ดีจัง..

    พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงาน T__T

    ตอบลบ
  2. ความรักเกิดขึ้นตอนไหนกันนะ...
    อาจจะเกิดตั้งเเต่เป็นตอนเเรกพบ เมื่อได้รู้จักกันมากขึ้น อาจจะพัฒนาหรือหายไป
    อาจจะไม่ได้เกิดตั้งเเต่เเรก เเต่พอได้คุยกันก็อาจจะหลงรักเค้าขึ้นมาก็ได้
    หรือที่คุยกันอาจเป็นความพยายามของอีกฝ่ายที่ทำให้เราหลงรัก
    เเต่กรณีนี้จะอดทนน้อยกว่า เพราะคนหนึ่งพยายามเข้าไปเอง โดยที่เค้าไม่ได้ต้องการไงค่ะ

    พี่ม้อย...น้องชมตอบคำถามไม่ได้ค่ะ
    ก็รัก...ออกเเบบไม่ได้...ใช่ไหมคะ่
    เเต่ที่ตามหาอยู่ทุกวันนี้ รอกรณีเเรกสุด
    พยายามออกเเบบความรักของตัวเอง





    ตอบลบ
  3. ม้อย อยู่กรุงเทพเรอะ

    ตอบลบ
  4. น้องชม
    พี่เคยมี love @ first sight ครั้งนึง
    โรแมนติกมาก พัฒนาได้ด้วย แต่ก็....แยกทางกันไปแล้วล่ะค่ะ

    ไอ้แบบที่ไม่ได้เกิดตั้งเเต่เเรก เเต่พอได้คุยกันก็อาจจะหลงรักเค้าขึ้นมาก็ได้ ก็เคยเหมือนกัน
    แต่ก็...แป้กไปแล้วอีกเช่นกัน

    ปัญหาของพี่อาจไม่ใช่วิธีเิ่ริ่มต้นรัก
    แต่เป็นวิธีประคองรักษามันให้งอกงาม ยั่งยืน

    พี่มันเป็นคนมีปัญหาอ้ะน้อง T-T

    ตอบลบ
  5. อย่าไปคิดว่าตัวเองเป็นคนมีปัญหาสิคะ
    การประคับประคองความรักมันเป็นสิ่งที่คนสองคนต้องช่วยกัน

    ที่ต้องเเยกกันไปก็เพราะ... เรามีความคิดสร้างสรรที่เเตกต่างกัน

    ตอบลบ
  6. อืมม์..เป็นการมองโลกในแง่ดีนะคะ

    ตอบลบ
  7. หลังจากปาดน้ำตาเเล้วหน่ะค่ะ

    ตอบลบ
  8. คิดเหมือนกันเลยจ๊ะม้อย

    / สารภาพว่าอ่านรีวิวนี้แล้ว เราไม่ได้คิดตามว่าความรักเริ่มต้นตรงไหน

    เพราะมัวแต่คิดถึงแต่แผงอกน้องหยูโซ่เหิง 555

    ตอบลบ
  9. อ่า..นะ
    อยากดูป่าว
    เดี๋ยวเพื่อนเราดูจบ เราส่งให้เอ็มมะ?

    ตอบลบ
  10. ทำไมต้องคิดน่ะหรอ

    ก็เพราะบางที ถ้าเรารู้ว่าความรักมันเกิดขึ้นได้ยังไง ชีวิตที่เหลือของเราอาจจะไม่ขาดรักอีกเลยไง

    ขอเล่าอะไรให้ฟังเรื่องหนึ่ง สมัยเป็นทหารเกณฑ์ ผมชอบอ่านเอนเตอร์เทนมาก เวลาได้ออกไปทำงานข้างนอกกรมฯ
    มักจะหาโอกาสแวบไปซื้อหนังสือมานอนอ่านที่โรงนอนทุกครั้ง กระทั่งได้รู้จักผู้หญิงคนหนึ่งผ่านจดหมายที่มีมาถึงนายเบิกโรง เราแลกเปลี่ยนจดหมายกันจากความชอบในการดูหนัง และพัฒนากลายเป็น "ความรู้สึกดีๆ" ที่อาจใกล้เคียง
    กับความรักมากที่สุด และอาจเหมือนบังเอิญที่ในห้วงนั้น หนังเรื่องอิลมาเร่เข้าที่ลิโดพอดี
    พอไปดูก็อิน อยากเจอผู้หญิงที่ว่า พอได้เจอกัน ก็เลิกติดต่อไปเลย จนถึงเดี๋ยวนี้

    เคยเขียนจดหมายไปหาหลังจากนั้น แต่เธอก็เงียบหาย

    ยกเรื่องนี้มาเล่า เพื่ออยากจะแชร์ว่า ความรักมันฝังตัวรออยู่ในซอกหลืบอยู่แล้ว
    เพียงแต่เราตีกรอบ หาคำจัดความให้มัน เราก็เลยหาไม่ค่อยเจอ

    ไอ้คำว่า เปิดใจ น่ะ มันจริงน่ะ แต่บางครั้งตรงนี้ก็คาบเกี่ยวกับคำว่า เจ้าชู้ ได้เหมือนกัน

    ตอบลบ
  11. เอนเตอร์เทนเล่มเดียวจิงๆ อะ?

    ตอบลบ
  12. เราก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน

    จนกระทั่งทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
    เหอ เหอ

    เราจำคุณได้แล้ว คุณเป็นคอนแทกที่เป็นเพื่อนของนุชเพื่อนเรานี่หว่า
    ดูเหมือนในมัลติพลาย มีคนคนนี้คนเดียวที่เขียนเล่าเรื่องตอนเกณฑ์ทหารลงในบล็อก
    อิ อิ

    ตอบลบ
  13. เราว่าความสัมพันธ์มันเป็นอะไรที่ต้องบริหารว่ะ

    ส่วนคำว่า เจ้าชู้ เราว่ามันคาบเกี่ยวกับ "มนุษยสัมพันธ์ดี"

    ตอบลบ
  14. อ๋อ เห็นที่เกสต์โพสไว้เลยงงไง แต่เข้าใจละ เรื่องทหารเกณฑ์
    ผมน่ะไม่ได้เข้ามาตามคุณนุชหรอก แต่เข้ามาตามที่คุณเม้นไว้ในเอฺนทรี่่เก่าๆ ของผม
    ผมชอบอ่านคนผ่านภาษาน่ะ คุณชะมดม้อย ถ้าอ่านแล้วชอบเหมือนหนังสือที่อ่านซ้ำได้
    ก็จะเข้าไปแวะเวียนบ่อย ถ้าไม่ ก็นานๆ ครั้ง

    เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ต้องบริหาร ไม่ใช่ จั๊งซี่มันต้องถอน นะ
    ส่วน มนุษย์สัมพันธ์ดี น่ะ เป็นคำแก้ต่าง (จะว่าแก้ตัวก็ได้ แต่มันแรงไป)

    อย่างผมมาคุยกับคุัณในนี้ ก็ด้วยเหตุผลเบื้องต้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องมนุษย์สัมพันธ์ดีไม่ดี
    ไอ้ของแบบนั้นมันตอแหลได้ และผมไม่เคยคาดหวังกับความสัมพันธ์ไม่ว่าในรูปแบบไหน

    คุณคงไม่แปลกใจ ถ้าจะบอกว่าผมไม่มีเพื่อนที่กินเบียร์ด้วยกันแล้วถูกคอเลยสักคน
    แม้แต่เพื่อนที่คบมากว่าสิบห้าปี อย่างที่ผมเขียนไว้บล๊อก

    สักวันต้องจากลา ท่องเอาไว้

    ตอบลบ
  15. อือ อือ ดิฉันจำไม่ได้เองคุณ ความจำปลาทองน่ะ
    อ่านหนังสือ ดูหนัง เดี๋ยวๆ ก็ลืมนะ ที่เขียนไว้นี่ก็เขียนไว้ให้ตัวเองอ่านวันหลัง
    ขอโทษนะ เหมือนคุณเคยเป็นคอนแทกดิฉันด้วย
    แต่ว่าเห็นกายเศียรไปนาน ดิฉันเลยสังคายนาซะ
    (ไม่ได้มีคุณคนเดียวหรอก สังคายนาที สังคายนาเป็นสิบ)

    เรื่องที่คุณเข้ามาคุยด้วย เดี๋ยวดิฉันก็ไม่คิดอะไรมากแล้ว
    รอบตัวมีเพื่อนจริงๆ จนเต็มพื้นที่ ก็เลยไม่ได้คิดรอคอยใครสักคนที่จะมาเติมเต็มพื้นที่ให้มันเต็มแล้ว
    แต่ถ้านานๆ วันจะได้เพื่อนดีๆ คุยกันได้ ใจกว้าง ยอมรับกันได้ จากมัลติพลายอีก ก็ยินดีมากๆ นะคุณ
    (ตรงนี้อยากให้อ่านให้ดี ไม่อยากให้คิดว่าหยิ่ง)

    ไอ้เรื่องคำชมหรือคำด่าในรีวิวก็ไม่อะไรกะมันเหมือนกัน เพราะก็บอกแล้วว่าเขียนไว้ให้ตัวเองอ่าน
    คนอื่นอ่านไม่รู้เรื่องอิฉันไม่สน (ฮา)

    เรื่องเพื่อนกินเบียร์ หรือเพื่อนกินไวน์ คนเรามันมีความเป็นปัจเจกของมันอยู่
    บางที ถ้าเราปรับทัศนคติจากการมองหาคนคุยถูกคอ เป็นการยอมรับเพื่อนแต่ละคนแบบที่เขา (มัน) เป็น
    เราอาจจะค้นพบประสบการณ์ดีๆ ก็ได้นา




    ตอบลบ
  16. ไอ้นั่นมันก็จริง การปรับทัศนคติมันง่ายกว่าอยู่แล้ว
    เพียงแต่มันเป็นแค่บางอารมณ์เท่านั้น ในท้ายที่สุด ผมกลับชอบดื่มคนเดียวมากกว่า

    เรื่องพื้นที่ ผมไม่คิดจีบคุณหรอก และไม่ใช่เพราะมีผมมีภรรยาแล้วหรอกนะ
    แต่ผมชอบความเป็นเพื่อนมากกว่า เพราะเราไม่ต้องดูแลมากนัก
    เวลาที่เราเทเทุ่มใจเพื่อดูแลใครสักคนน่ะ มันเหนื่อย ยิ่งในสถานภาพของคำว่าคู่สามี-ภรรยา ด้วยแล้ว
    ยิ่งเหนื่อย แต่ถามว่ามีความสุข มั้ย? แน่นอน ไม่งั้นจะแต่้งทำแพะอะไร

    ส่วนเรื่องคำด่า คำหยาบ ผมเฉยๆ คนไทยดัดจริตตามค่านิยมวิตอเรียว่า กูมึงเป็นคำหยาบ
    ที่จริง เป็นคำปลดแอกทางวัฒนธรรม แต่ไอ้พวกหัวขวดในกระทรวงศึกษาฯ และกบว.ไม่ค่อยคิด

    กายเศียร?

    ศัพท์บัญญัติใหม่หรือไง?

    ตอบลบ
  17. ได้ ไม่มีใครล่ามโซ่ความคิดคุณนี่

    ตอบลบ
  18. แหะ แหะ
    พิมพ์ผิดน่ะคุณนักเขียน
    นี่มันดึกแล้วนะ ก กะ ห มันใกล้กันได้อีก

    หายเศียร แปลว่า หายหัว นั่นเอง
    (ฮา)

    ตอบลบ
  19. เ่อ่อ..ในนี้ไม่ค่อยมีใครกล้าจีบอิฉันมานานแล้วล่ะคุณ
    อิฉันเองก็เลิกคิดแล้ว ว่าวันหนึ่งจะมีชายหนุ่มคนหนึ่ง หาญกล้ามาจีบกันโต้งๆ ในนี้
    ฉะนั้นก็อย่าไปคิดมากมันเลยฮะ

    ส่วนเรื่องเพื่อน คุณว่าเพื่อนไม่ต้องดูแลมากนักหรอ?
    งืมม์ อิฉันว่า เราน่าจะแคร์เพื่อนมากกว่าแฟนอีกนะ
    แฟนนี่ มาไว แล้วก็เหมือนจะไปไว
    แต่เพื่อนเนี่ย บางคนอิฉันอยากจะเก็บเป็น lifetime companion เลยนะเฟร้ย

    ตอบลบ