วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ความลึกลับของความรู้สึก

เกิดมาเป็นคนจะทุกข์หรือสุขมันก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกนี่แหละ

โดยเฉพาะความรู้สึกที่เป็นผลจากความรัก 

 

นึกถึงความรู้สึกตอนเด็กๆ ตอนกรี๊ดรุ่นพี่สุดเท่ห์ (โมเมนท์นี้พี่เขาก็ได้เปลี่ยนไปนิดหน่อยอะนะ)

ตอนนั้นความสุขมันอยู่ที่การแอบกรี๊ดแบบลับๆ การได้เห็นเขาเดินมาไกลๆ ได้ใจเต้นตึก-ตึก-ตึก แค่ได้นั่งโต๊ะกินข้าวตัวเดียวกัน ในโรงอาหารที่เต็มไปด้วยแมงวันของวิทยาเขตชานเมือง ได้ลงมือทำของพิลึกพิลั่นอย่างถักหมวก (ที่พี่เขายังใช้เป็นมุกมาอำเราจนกระทั่งบัดนี้-อายชิบ)

จนวันนึงเมื่อเห็นเขาเดินเคียงข้างสาวผมยาว ผอมบาง (แบบที่เราไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้เลย) ใจก็เศร้าแป้วลง


อีตอนมีแฟนคนแรก ความรู้สึกมันไม่ใช่ความรักแรกพบอะไรอย่างนั้นหรอก แต่มันคือความปิ๊ง แค่ความประทับใจสั้นๆ ที่เขาคงไม่ได้ตั้งใจ บวกกับความอยากรู้อยากลอง ว่ามีแฟนแล้วมันจะเป็นยังไง

เราก็ได้มีแฟน

ก็คบกันไป เป็นแฟนกันได้ตั้ง 3 ปี เพื่อจะมีความรู้สึกว่า 'อย่างนี้มันไม่ใช่นี่หว่า'

ในจังหวะเดียวกับที่ไปเจอกับความรักเข้าพอดี


ไม่รู้อะไรที่ดึงดูดเราเข้าหาเขา

สงสัยจะเป็นความรัก

ความรักครั้งแรก ที่ไม่ได้มีให้กับแฟนคนแรก (เอ๊ะ-แปลกไหม)

ช่วงนี้แหละที่ได้เข้าใจว่าการคิดถึงใครคนหนึ่ง 'ทุกลมหายใจเข้าออก' น่ะมันเป็นไง

ได้ประสบกับตัวเองว่าคนประเภทไหนกันที่มันโทรหากันได้วันละหลายๆ ครั้ง

คุยกันนานเป็นชั่วโมงๆ ก็ยังไม่หมดเรื่องจะคุย

แล้วก็ได้พบว่า เมื่อเราเข้าใจว่าเรารัก เรามีความรัก เมื่อนั้น เราจะทำได้ทุกสิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ้าๆ บอๆ ในสายตาเพื่อน หรือเรื่องที่ทำให้เพื่อนเข้าขั้นเป็นห่วงก็ทำมาแล้วทั้งสิ้น

(นึกถึงในตอนนี้แล้วก็ให้ละอายใจไม่น้อยอยู่)

6 ปีของวัยสาวไม่ใช่เวลาน้อยๆ แต่เราก็ผ่านมันมาแล้ว อย่างมีรสชาติสุดๆ ทั้งสูงสุดและต่ำสุด ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย

ได้รู้ว่าโลกนี้สวยแค่ไหนเมื่อใจมีรัก

รวมทั้งได้รู้ถึงศักยภาพในตัวของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังรักผู้ชาย

แต่แล้วเราก็เลือกที่จะจบช่วงเวลานี้ด้วยตัวเอง เพราะเหตุผลสั้นๆ มีอยู่ว่า แม้เราจะรักเขา โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แต่เราก็ต้องรักตัวเอง และรักคนที่รักเราด้วยเหมือนกัน


ช่วงเวลานั้นเองที่ได้รู้จักผู้ชายอีกคน

จะเป็นเพราะเขาไม่ใช่คนในสเปค หรือเพราะยังเจ็บปวด ใจยังไม่พร้อมจะรัก หรืออะไรก็ตามแต่ จำได้ว่าได้บอกเขาไปว่าเราไม่ได้ชอบเขา ไม่ได้อยากมีแฟน ไม่ต้องมาดูแล-เรียกว่าปิดประตูใจทุกทาง

แต่เหมือนมีกรรม เพราะเขาชอบเรา เขาต้องการจะมีผู้หญิงของเขาเป็นคนแบบเรา

เขาก็เลยตื๊อ ไม่ยอมไปไหน

จนเราชินกับการมีเขา จนเรางง แยกไม่ออกระหว่างความรู้สึก 'รัก' กับความ 'ชิน' ที่มีเขา

แล้วเราก็ต้องเศร้าอีกครั้ง เมื่อได้ข้อสรุปว่า คนที่น่าจะเป็นคนรู้จักและเข้าใจกันที่สุด กลับกลายเป็นคนไม่(เคย)รู้ใจไปเสียได้

ใช่ เราสองคนไม่เคยเข้าใจกันเลย เมื่อคนหนึ่งพูด อีกคนไม่เคยฟัง แถมไม่มีใครยอมใครอีกต่างหาก

อย่างงี้จะไปรอดได้ไง ไม่มีทาง

เรื่องก็เลยจบเห่อีกหน

(สม-ไม่เชื่อเรื่องดวงชงกันก็ต้องเจออย่างนี้แหละ)


คราวนี้ไม่มีใครมาเป็นตัวช่วย เราก็อยู่ของเรามาได้ อย่าง wiser เสียด้วย เพราะเราคิดว่าเราเข้าใจความลึกลับของความรู้สึกแล้ว  ว่าสุขและทุกข์จากความรักเกิดขึ้นได้อย่างไร

ด้านมืด และด้านสว่างของความรัก ต่างกันแค่ไหน


อยู่เป็นโสดไม่มีใครเป็นเจ้าของหัวใจมาพักใหญ่ มันก็มีความสุขดี

ทั้งตัวและหัวใจเป็นของเรา อยากจะทำอะไร ไปไหน ยังไง กินอะไร ไม่กินอะไร เกลียดหัวหน้าพรรคไหน หรือจะเลือกใคร ก็แล้วแต่เรา

จนเราเกือบเชื่อแล้วว่าชีวิตนี้ที่เหลือคงจะได้อยู่อย่างนี้แหละ

อย่างมีความสุขแบบคนโสด


แต่

ตลกดีนะ ที่สิ่งรู้ใจเราไม่ใช่คน แต่เป็น ไพ่ทาโรต์

4 วันก่อนมีโอกาสเปิดไพ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แม่หมอให้คิดคำถามไว้ในใจ ก็คิดไว้แค่ 2 ข้อ หนึ่งในนั้นคืออยากรู้ว่าจะมีไหม แฟนน่ะ

ปรากฏว่ามีใบหนึ่ง ปรากฏ ณ ตำแหน่งหนึ่งบอกอย่างชัดเจนว่า

อยากมีครอบครัว

(จำได้ว่ายังเถียงแม่หมอเสียงแข็งว่าไม่ได้อยากมีครอบครัวซะหน่อย-แค่อยากมีแฟนเอง)


ก็

บางทีมันก็เหงาๆ อยากจะมีเพื่อน(ที่ไม่ใช่เพื่อน)เป็นเพื่อนไปโน่นมานี่ กินข้าวด้วยกันเป็นบางวัน ดั้นด้นไปเที่ยวในที่ที่ไม่มีเพื่อนหญิงอยากจะไปด้วย ช่วยกันดูดาว มองเห็นดอกหญ้าดอกเดียวกัน กินเบียร์กับเราโดยที่เราไม่ต้องกังวลว่าเมาแล้วจะไปลวนลามผู้ชายที่ไหน เอาไว้เป็นคนที่จะโทรหาก่อนพบหมอฟัน หลังจากทำแก้วแตกติดกัน 3 ใบ ไว้ช่วยตัดสินใจตอนเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อคอนเวิร์สสีอะไร  เป็นคนแรกที่จะโทรหาในวันรัฐประหาร คุยกันเรื่องหนังสือที่อ่าน แลกกันฟังเพลงโปรด ถกเถียงกันถึงสารที่ซ่อนอยู่ในละครหลังข่าว และอย่างน้อยหนังอินดี้เรื่องที่เขาอยากดูก็จะไม่ทำให้เราต้องดอย่างขมขื่นใจ
ขอแค่เนี้ย โดยที่ไม่สนใจจะคิดเลยว่า ต่อจากนี้จะเป็นยังไง
สินสอดกี่บาท แหวนกี่กะรัต จะให้ใครทำเว็ดดิ้งออกาไนเซอร์ จัดงานที่ไหน ให้ใครถ่ายรูป ค่าใช้จ่ายในบ้านจะจัดการยังไง ลูกคนแรกจะเป็นชายหรือหญิงดี และจะคลอดเองหรือผ่าคลอด

แต่ว่า

จะมีจริงหรอ คนคนนั้น คนที่จะคุยเรื่องเดียวกัน คุยกันรู้เรื่อง ยอมฟังกัน แล้วก็ยอมกัน


เฮ่อ...

ถ้าคุณมีตัวตนจริงๆ นะ คุณ Ace of Cups,

ช่วยรีบปรากฏตัวด้วยนะ


ช่วงนี้อากาศมันชักจะหนาวมากขึ้นๆ ทุกวันด้วยซี






22 ความคิดเห็น:

  1. หวานจังเจ้ ตอนอ่านแรกๆ นึกว่าเจ้จะประกาศแต่งงานเสียอีก
    เดี๋ยวคนๆ นั้นก็ปรากฏขึ้นมาเองแหละ แต่มาแล้วต้องรักษาน้า
    ตอนนี้ปลาก็ไม่ค่อยคิดเรื่องแหวนเรื่องงานแต่งอะไรแล้วเหมือนกัน

    ก็ไม่มีช่วงเวลานั้น เริ่มเลือกน้อยแล้ว ด้วยวัยที่แก่ขึ้นทุกวันๆ

    ตอบลบ
  2. ไรยะเธอ
    ยังไม่ถึง 30 ยังไม่มีสิทธิ์พูดงี้นะ
    แต่ไม่ต้องรีบหรอกปลา
    มีความสุขกับชีวิตโสดไปก่อนนะ
    รีบลงเอย(เกินไป)อาจเสียดายได้
    (พี่เชื่องั้นนะ)

    ตอบลบ
  3. หนาวนี้สิหนาวหนัก อยากมีรักไว้อุ่นขวัญ
    รอนแรมผ่านคืนวัน สุข เศร้า นั้นฤาลวงตา
    หนาวนี้สิเหน็บหนาว ใจของสาวเจ้าโหยหา
    อีกส่วนของชีวา ที่ตามหามาเนิ่นนาน
    หา"รัก"ไว้พักขวัญ ไว้แบ่งปันสิ่งไหวหวาน
    เป็นคู่ เป็นวิญญาณ แหละเป็น "บ้าน" ของหัวใจ

    โหย...อ่านเองยังเลี่ยน แต่อยากแต่งน่ะ อากาศมันหนาวได้ที่องค์ลงประทับ
    ฉันไม่รู้จะเม้นยังไง ประเด็นมันเยอะมาก เดี๋ยวค่อยกลับมาอีกทีนะ

    ตอบลบ
  4. อั๊ยยยยยยยยยย

    นี่แกรถึงกับลงมือแต่งกลอนเลยเรอะ
    อ่านแล้วอดรู้สึกถูกเหน็บไม่ได้
    แต่ยังไงก็ไม่ลืมขอบคุณ (อย่างงๆ) นะแกร

    เอาอีกๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  5. เคยคิดว่าถ้าชีวิตนี้ได้พบคนที่สามารถ
    "เที่ยวในที่ที่ไม่มีเพื่อนหญิงอยากจะไปด้วย ช่วยกันดูดาว มองเห็นดอกหญ้าดอกเดียวกัน" ได้ อย่างที่พี่บอก
    คงจะโชคดีเป็นบ้า และเคยคิดว่าสักวันอาจเจอ

    แต่ผู้ชายในชีวิตจริงกลับเป็นคนที่ ดูทีวีคนละช่อง เชียร์บอลคนละทีม นอนเปิดแอร์ที่ 23 (หนาวชะมัด อย่างเราต้อง 26) ไม่กินผัก ไม่อ่านวรรณกรรม ชอบเดินห้างเป็นชีวิตจิตใจ(เราเกลียดการเดินห้างโดยไม่มีเป้าหมายเป็นชีวิตจิตใจ) ไม่รู้จักดาวสักดวงบนฟ้าแม้แต่ดาวลูกไก่ ไม่รู้ความแตกต่างของข้างขึ้นข้างแรม ไม่เข้าใจว่าพระจันทร์มันสวยยังไง ..and etc.
    มันก็อยู่ด้วยกันได้แฮะ

    จริงๆ แล้วเราอาจเพียงต้องการใครสักคนที่สามารถเป็นเพื่อนเรา และอยู่กับเราได้

    ตอบลบ
  6. "ได้อย่าง เสียอย่าง" เป็นคำกล่าวที่อธิบายแทบทุกสถานการณ์ในวัฏสงสารนี้ได้ดีที่สุด
    เหมือนที่แกเคยเม้นไว้ในบล็อกล่าสุดของฉันแหละ ที่บอกว่าความเสื่อมของสังขารทำให้เราเห็นค่าของวัยสาว
    การอยู่เรียงเคียงคู่ หลายครั้งมันก็คือพันธนาการอย่างหนึ่งเหมือนกัน
    และบางครั้งถึงกับรู้สึกว่าพลังดิบๆ บางอย่าง หรือโอกาสจะได้ดื่มลึกกับงานอาร์ตดีๆ อย่างถึงกึ๋นจริงๆ จะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว
    ถ้าฟังดูกระแดะก็ขออภัย
    แต่มันไม่หวนกลับมาแล้วจริงๆ เพราะในชีวิตคู่ แกต้องสังเวยโลกส่วนตัวคืนกลับไป
    และสำหรับคนบางพันธุ์ โลกส่วนตัวเป็นสิ่งล้ำค่าไม่ใช่เหรอ?

    ตอบลบ
  7. งงงวย งงงวย งงงวย งงงวย
    เหมือนถูกสะกดจิตให้อยู่เป็นโสด
    งงงวย งงงวย งงงวย งงงวย


    ป.ล. พี่หม่อมที่รัก โลกส่วนตัวเป็นสิ่งล้ำค่าก็จริง
    แต่ดูเหมือนว่าโลกของการมีคู่จะมีบางสิ่งบางอย่างที่หาไม่ได้ในชีวิตโสดนะ
    ฮิฮิ
    ไม่เชื่อก็ลองหยิบแว่นโอเวอร์ไซส์ทรง 8 เหลี่ยมมาใส่อีกทีเด่ะ


    ตอบลบ
  8. โอ๋จ๊ะ

    นั่นน่ะ
    มันจำเป็นไม่ใช่หยอ???

    ตอบลบ
  9. เราจะเจอคนที่ดีกว่า ทุกๆ 3 วัน
    มันต้องมีคนๆนั้น แน่ๆ เชื่อดิ

    ตอบลบ
  10. สำหรับผม ความสุขของชีวิตโสด คือ อิสระ และความสุขแบบเรียบง่าย (เหมือนเราควบคุมมันได้)
    ความสุขของการมีชีวิตคู่ คือ ความตื่นเต้น แล้วก็ตื่นตัวตลอดเวลา ได้ขึ้นไปในจุดสูงสุด แล้วก็ตกวูบมาได้ถึงจุดต่ำสุด (ขึ้น-ลงได้อย่างน่ากลัวมาก)
    เมื่อเรารักใครสักคน มันก็เหมือนกับว่าเราโดนควบคุมไปแล้ว แล้วความสุขที่เราอยากได้เอง อยากทำเองแบบชีวิตตอนโสด มันควบคุมไม่ได้แล้วซี

    ตอบลบ
  11. -_-"

    น้องโอ๊ตคะ
    ไหงมันถึงฟังดูน่าสยดสยองพองขนปนทรมานงั้นละคะ

    ตอบลบ
  12. โอ๋ว่าเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องของวัย และเวลา หนะ
    ณ วัยและวันหนึ่ง เราอาจรู้สึกว่า ชีวิตโสดช่างเป็นสุข
    แต่พอถึงบางวัน เราอาจคิดว่าถ้ามีใครอยู่ด้วยก็น่าจะดี

    ตอบลบ
  13. จะบอกว่าชั้นแก่ได้ที่แล้วก็ว่ามาเหอะ

    ตอบลบ
  14. ไม่ได้หมายความว่า พอแก่แล้วค่อยอยากมีคู่ซักหน่อย
    คือ บางคนหนะ เขาโตมาใฝ่ฝันถึงการมีคู่เลย ได้ใช้ชีวิตคู่จนอิ่ม...สุดท้ายอาจรู้สึกว่าอยากจะเป็นโสด อยากอยู่ลำพัง สบายๆ ดูบ้าง (คือไม่ได้หมายถึงคนที่ประสบการณ์เลวร้าย มีบาดแผลกับชีวิตคู่นะ)

    ขณะที่อีกคนอาจจะเมามัน สนุกสนาน มีความสุขกับชีวิตโสดมาโดยตลอด อยู่มาวันหนึ่งก็อาจรู้สึกว่าถ้าฉันได้มีใครสักคนอยู่ข้างๆ ก็คงจะดี

    ตอบลบ
  15. เมามัน เมามึน เมามัว เมามาย..

    คนมีความสุขกับความเจ็บปวดอย่างชั้นนะโอ๋
    ต่อให้โสด ชั้นก็โสดอย่างทรมาน
    ถึงชีวิตจะมีความสุขดีไม่มีปัญหา ชั้นก็ต้องดิ้นรนหาเรื่องเจ็บปวดทรมานอยู่ดี ตามประสา
    แล้วมันจะแปลกอะไร
    ถ้าใช้ชีวิตคู่แล้วจะได้พบกับความทรมานอีกแบบ

    แต่ที่สุดแล้ว ถึงจะอยากมีแฟน (เพราะอากาศกำลังหนาว) แต่ก็ไม่ใช่ขอแค่เป็นผู้ชาย จะเป็นใครก็ได้นะเว้ย
    ขอเจอคนดีๆ พูดจารู้เรื่อง เข้ากันได้
    แต่ถ้าเป็นประเภทที่ประเมินแล้วคิดว่าชีวิตจะแย่ลง
    ก็อยู่เป็นโสดต่อปายละกัน (เข็ดหง่ะ)
    ไม่เดือนร้อนอะไร (แค่เหงา)

    ตอบลบ
  16. จะเป็นไปได้ไงคะ??
    วันๆ เจอะแต่คนหน้าเดิมๆ
    คนหน้าใหม่ๆ ที่เจอก็แค่เดินผ่านกันไป ผ่านกันมา


    ตอบลบ
  17. นั่นไงครับ คนที่เดินผ่านไปผ่านมานั่นแหละ
    ใจกล้า หน้าด้าน คงได้รู้จัก ได้เบอร์โทร 555

    ตอบลบ
  18. เอิ่ม...
    นั่นสินะ
    แต่ว่า...
    เฮ้อ

    ตอบลบ
  19. ความรักกะความเข้าใจ
    ถ้ามันมาได้คู่กัน
    คงเป็นของขวัญสุดวิเศษเลย
    อิๆๆๆ

    ตอบลบ
  20. (-"-) ... เข้าใจยากแฮะ ..

    ตอบลบ
  21. ใช่
    อย่าว่าแต่ใจคนอื่นเลย
    ใจตัวเองยังไม่ค่อยเข้าใจ

    ตอบลบ
  22. บล๊อกนี้ font และสีอ่านง่ายครับ เนื้อหาก็โดนใจ
    ....
    "บางทีมันก็เหงาๆ อยากจะมีเพื่อน(ที่ไม่ใช่เพื่อน)"

    __'' ใครจะทำให้ฝันนั้นเป็นจริงนะ

    บางทีเวลาเราเห็นวัยรุ่นควงกัน อยากร้องเพลงนี้จัง
    ...เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอนสิบสี่...ตอนที่ฉันมีแฟนคนแรก
    เดินไปอีกเจออีกคู่
    ...เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอนสิบห้า...ตอนที่จับขาแฟนคนแรก
    เดินไปอีกก็เจออีก
    ......เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอนสิบหก...ตอนจับหน้าอ๊กแฟนคนแรก
    เดินอีกเจออีกและ
    ..............เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอนสิบเจ็ด...ตอนที่....................................

    ไม่น่ารีบเกิดเลยเรา

    ตอบลบ