วันนี้ป่วย
เลยได้อยู่บ้าน ดูรายการสี่สาว ผู้หญิงถึงผู้หญิง
เป็นวันที่ทุกคนพูดจาดีมาก ไก่ไม่ได้พูดอะไรผิด ส่วนแมร์ก็พูดดีๆ ถึงสองครั้ง ตอนชวนคนบริจาคให้บ้านเด็กอ่อนเสือใหญ่ และตอนเตือนสติผู้หญิงที่ถูกผู้ชายทำร้าย แต่ก็ยังทนอยู่ด้วยเพราะความรัก
เดือนนี้มันเป็นเดือนอะไรสักอย่างที่สากลโลกเขาใช้รณรงค์ต่อต้านการทำร้ายผู้หญิง
ที่แมร์พูดมันตรงกับใจในบางส่วน แมร์ถาม "ถ้าเขารักคุณจริง จะทำอย่างนี้กับคุณหรือ"
ส่วนดิฉันคิดมาตลอดว่า เรานี้ จะดีจะร้ายก็มีพ่อแม่ที่รัก และเลี้ยงดูมาด้วยความทนุถนอม ไม่ใช่เพื่อจะให้เรามาเจอชีวิตแบบนั้น
ไม่ต้องว่าไปถึงความสะบักสะบอมเพราะโดนผู้ชายคนหนึ่งซ้อมหรอก แค่จะถูกผู้ชายคนหนึ่งโกหกก็ยังไม่สมควรเลย
ฉะนั้น สตรีทั้งหลาย จงฟังเอาไว้ คนทุกคนมีค่าเท่ากัน เกิดมาด้วยความรัก โตมาด้วยความทนุถนองของพ่อแม่เหมือนกัน ฉะนั้น อย่าปล่อยให้ใครมาทำกับเราเยี่ยงนั้น
แหล่งกำเนิดของความรักมันไม่ได้อยู่แค่ที่ผู้ชายใจทรามคนที่คุณรัก แต่ยังอยู่ที่พ่อแม่ เพื่อน ครู และคนอื่นๆ ที่รักคุณด้วย
ชีวิตนี้ที่พ่อแม่ให้มา ควรใช้อย่างมีความสุข และมีประโยชน์กับโลก มากกว่าจะเป็นแค่วัตถุทางเพศที่บางเวลาก็เปลี่ยนโหมดไปเป็นกระสอบทรายให้ผู้ชายคนหนึ่งแตะถีบ
จบ-
ป้าปุ้ยเล่าอีกข่าวนึง เป็นข่าวที่น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ว่าด้วย 'สมาคมคนรักเมีย'
เรื่องของเรื่องคือมีกระทาชายชาวญี่ปุ่นนายหนึ่ง อายุอานามราวห้าสิบกว่า สังเกตเห็นชีวิตการหย่าร้างในวัยเกษียณของคู่ผัวเมียญี่ปุ่น ซึ่งแกเชื่อว่ามาจากวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น ที่พอแต่งงานแล้ว ผู้หญิงก็จะมาอยู่เป็นแม่บ้าน คอยดูแลงานบ้าน ดูแลผัว ดูแลลูกอย่างเดียว ข้างตัวผัวก็ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ ขึ้นรถไฟไปทำงานในเมือง กลับบ้านมาก็ดึกดื่น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปพักผ่อนตีกอล์ฟตกปลา ว่ากันไป
อยู่กันไปนานๆ เข้า ถ้าเมียไม่มีชู้ ก็คงต้องถึงวันฟ้องหย่า เพราะทนไม่ได้กับปัญหาครอบครัว
นายคนนี้ก็เลยชวนคนมาร่วมสมาคมคนรักเมียที่แกตั้งขึ้น วัตถุประสงค์ของสมาคมคือความพยายามปรับปรุงพฤติกรรมสามี ให้เอาใจภรรเมียมากขึ้น ช่วยแบ่งเบางานบ้านบ้าง เห็นใจกันบ้าง ชีวิตสมรสจะได้ยั่งยืนนาน ไม่ต้องเป็นม่ายเมียทิ้งตอนแก่
เห็นว่ามีอยู่ทั้งหมดถึง 10 ขั้น ของบันใดในการเป็นคนรักเมีย
แกว่าของแกอยู่แค่ขั้นที่ 5 เอง
มันคือ "การเดินจูงมือภรรยาในที่สาธารณะอย่างเปิดเผย"
(ห่า-ผู้ชายชาวญี่ปุ่นไม่ภูมิใจในตัวเมีย หรือเมียชาวญี่ปุ่นทำตัวไม่น่าภูมิใจวะ?)
บทสรปุของบทความนี้ ที่ป้าปุ้ยแกอ่านมาจากเดลินิวส์ (ดิฉันพยายามหาแล้วแต่ไม่เจอ เลยขี้เกียจหา-ใครอยากอ่านต่อก๊อหาเอาเอง) บอกไว้ว่า มีคำอยู่ 3 คำ ที่ภรรยาชาวญี่ปุ่นอยากจะฟัง นั่นคือ
"ขอบคุณ"-ใครๆ ก็อยากฟัง
"เสียใจ"-ทำไมไม่ใช่ "ขอโทษ"
และ
"ผมรักคุณ"-เอิ่ม คงไม่ใช่แค่ภรรยาชาวญี่ปุ่นหรอก แม้กระทั่งภรรยาชาวไทยและเอสกีโมก็คงปลื้มที่ได้ฟัง
ถ้าคนอ่านจะสงสัยว่าทำไมหนอ กะอีแค่คำง่ายๆ 3 คำ ที่ผู้ชายเจ้าชู้ชาวไทยท่องได้เป็นไฟ ถึงได้เป็นยาดำของชายชาวอาทิตย์อุทัยเสียขนาดนี้
คำตอบอาจจะอยู่ในนานะฉบับการ์ตูนเล่มที่ 1 ตอนที่นานะถามโชจิว่ารักหรือเปล่า
อีตาโชจิเคร่งเครียดมาก เพราะชายญี่ปุ่นเค้าไม่พูดคำรักกัน
เออ ทำไมหรอ ทำไม
ไม่เข้าใจ
ทำไมไม่พูด
ป.ล. สองหนุ่มสาวในรูปนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เขียนเท่าไหร่
เอ จะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่ได้ เพราะพี่อ้นใหญ่นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในการพูดคำสามคำต่อเมียของเขาในจังหวะที่เหมาะสม...
จริงไหมจ๊ะเอ๋น้อย (รูปนี้สวยดี ขอจิ๊กมาสร้างบรรยากาศสักน่อยเน่อ)
"เสียใจ"-ทำไมไม่ใช่ "ขอโทษ" ...เพราะเเปลจากภาษาอังกฤษว่า "sorry" ม้างฮ้า ...
ตอบลบอีกอย่างผู้หญิงที่ทนให้สามีทำร้ายอาจจะมีแนวคิดว่า 1) ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่เองได้ 2) อาจเพราะบุญคุณบางอย่างค้ำคอ 3) รักมากจนคิดว่าชีวิตขาด "เขา" ไม่ได้ 4) หวังว่าสักวันเขาจะเปลี่ยนเป็นคนดี ... 5) ถูกทำร้ายจนเบลอ หรือไม่ก็สมองส่วนที่เอาตัวรอดเสียหายไปแล้ว - -"
บอกให้ฉันอัพบล็อคด้วยงานเขียนเผ็ดๆ แนวฮาร์ดคอร์ แต่พอมาอ่านเรื่องนี้ มันก็ฮาร์ดคอร์ชัดๆ เลยนะ
ตอบลบเอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันเบี่ยงไปเขียนแนวหวานโรแมนติคละกัน ไอ้เรื่องเลี่ยนๆ นี่ฉันถนัด
ส่วนความเห็นในเรื่องแนว feminism ข้างต้น อโนมากล่าวว่า" หากไม่มีคนที่ยอมเป็นเหยื่อ ย่อมไม่มีคนลงมือทำร้ายเช่นกัน" เรื่องที่ซับซ้อนและอ่อนไหวเยี่ยงนี้ ท่าจะต้องคุยกันอีกยืดยาว
ถ้าไม่ต้องมีทั้งคำว่าเสียใจ และขอโทษ เลยก็คงจะยิ่งดี
ตอบลบเพราะก่อนมีคำนี้ มันคงต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ
ไม่สบายเหรอคะคุณพี่ แสลงน้ำค้างจากเขาใหญ่หรือเปล่า
หายเร็วๆ นะ เป็นห่วงจริงๆ
บอกพี่แว่นให้แล้วจ้ะ ว่ามีคนคิดถึง
น้ำค้างน่ะ คงไม่ใช่
ตอบลบถ้ามีอะไรที่ทำให้พี่แสลง น่าจะเป็น 'เครา' ผู้ชายที่เขาใหญ่มากกั่ว
ฮี่ฮี่
เพิ่งถึงบางอ้อ ว่าทำไมน้าม้อยถึงเร่งเร้าให้มาแจมในบล๊อก
ตอบลบบอกว่าถ้าไม่มาจะเสียใจ ...
โถๆ ๆ คุณน้าขา หนูมาแล้วค่ะ..
แต่งงอยู่นิสนึงส์ ว่าคุณน้ารู้ได้ไงว่า พี่อ้นใหญ่นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในการพูดคำสามคำต่อเมียของเขาในจังหวะที่เหมาะสม
ฮี่ๆๆ
หรือว่าแอบทำตัวเป็นซ้อเห็ดแอบอยู่ใต้เตียงหนูฮ้า?
จาบ้าหรอคะน้า
ตอบลบเรื่องแบบนี้จาไปตรัสรู้ได้ด้วยองค์เองได้ไง
ก็น้าเล่าเอง
ทำเป็นจำไม่ด้าย
พี่หม่อม อันที่จริงแล้วชั้นเป็นคนหวานมากๆ นะ (ไม่เชื่อถามโอ๋ดู)
ตอบลบเรามาเขียนเรื่องหวานเน่าๆ แข่งกันดีกว่า
เรื่องถูกทำร้ายนี่ชั้นยังไม่มีประสบการณ์ชัดเจนว่ะ
อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายประเมินแล้วคิดว่าอย่าเปิดศึกกับมันเลย
แต่ถึงแม้ชั้นจะเป็นมาโซ ชอบความเจ็บปวด
แต่แค่เหน็บกันพอเจ็บๆ แสบๆ ทรวง กัดๆ ขบๆ กันบ้าง ชีวิตรักของชั้นก็อิ่มสุขมากแล้ว
อย่าให้ถึงกับตาปูด ม้ามแตก ขาหัก กะโหลกร้าวเลยว่ะ
คนญี่ปุ่น ทำง๊าน ทำงาน ขี้เกียจไม่ได้
ตอบลบอยุ่โรงงานญี่ปุ่น เหมือนติดคุกเลย ออกโรงงานมาก็เหนื่อยหมดแรง
ญี่ปุ่นถึงได้เจริญทางวัตถุนัก แต่ความเป็นธรรมชาติของคนน้อยลง
เมืองไทย ก็กำลังพยายามจะเป็นแบบญี่ปุ่น
รู้สึกว่าหนังสือ "รักหลั่งเลือด" ("เมียซามุไร" ด้วย) จะทำให้หลงใหลชีวิตมาโซของการเป็นเมียซามูไรอย่างบอกไม่ถูก
ตอบลบเร็วๆ นี้ได้ดูหนัง Kwaidan:Eternal Love ที่มีชื่อเสร่อๆ ในภาษาไทยว่า จอมใจข้า ชั่วฟ้านิรันดร์ หนังซามูไรที่ไปค้นเจอในกระบะดีวีดีลดราคาในคาร์ฟูร์ ความหลงใหลเก่าๆ ที่หลับใหลไปก็เหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
ดูเหมือนผู้กำกับหนังญี่ปุ่น นักเขียนญี่ปุ่น ตลอดจนนักแสดงญี่ปุ่นจะให้ความเคารพกับ เกียรติยศในขนบและธรรมเนียมประเพณีที่ว่าด้วยรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างสามี-ภรรยาคนยุคนั้นจัง
อาจเพราะว่าผู้หญิงยุคนั้นอยู่ได้อย่างสงบสุขเพราะมีดาบซามุไรของผู้ชายคุ้มหัว โดยที่หล่อนได้มอบสิ่งตอบแทนความคุ้มครองเป็นบ้านช่องห้องหอที่สะอาดเอี่ยมอ่อง เสื้อผ้าหอมกรุ่น พร้อมสำหรับทุกฤดูกาล อาหารอุ่นอร่อยเมื่อถึงบ้าน แล้วก็ความสำราญทางกามา ต่อจากนั้น ผู้หญิงจะให้กำเนิดและเลี้ยงดูทายาทให้ผู้ชายด้วย
ในเมื่อเขาอยู่กันมาอย่างนั้น
ฉะนั้น นักสตรีนิยมหัวก้าวหน้าในยุคปัจจุบันจึงไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองคิดหรอกว่า ภายใต้ชุดกิโมโนของภรรยาซามูไร ร่างกายของพวกเธอจะรู้จักกับการ orgasm ไหม หรือจะคิดไงกับความว่า สิทธิสตรี เพราะเธอเกิดมาอย่างนี้ และทุกสิ่งทุกอย่าง ดำเนินมาในมรรคนี้
แต่ทุกวันนี้ ผู้หญิงเราไม่ต้องมีดาบของใครมาคุ้มหัว เราอยู่ได้ของเราเอง เท่าๆ กับผู้ชาย และอาจด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้โลกมันวุ่นวายสับสนชะมัด
ผู้ชาย>สัตว์โลกที่เกิดและโตมาพร้อมกับอีโก้
VS
ผู้หญิง>สัตว์โลกที่พัฒนาอีโกขึ้นเอง
มาอยู่รวมกันเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อไหร่คงยุ่ง
แยกกันอยู่ แล้วมาเจอกันเป็นครั้งคราวดีกว่า
แฮปปี้ลี่
(เอ๊ะ-ไหงจบงี้ได้เนี่ย)
ไม่มีสัตว์โลกที่ไหนพัฒนาอีโก้ขึ้นเองหรอก มีแต่รู้ตัวช้าแค่นั้นแหละ แหะ แหะ
ตอบลบ...ไปไม่เป็นเลยง่ะ
ตอบลบคำสุดท้ายนี่เพราะนะ น่าฟังที่สุด
ตอบลบ...นะ
ตอบลบ