วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วัดอุโมงค์วันนี้




วันเสาร์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๑

บ่ายสามเข้าไปแล้ว แต่ยังอยากจะไปวัดอุโมงค์
ดีที่ไม่ต้องไปคนเดียว มีน้าชาไปด้วย
และน้าชาก็ดีมากๆ เค้าก็สนใจเรื่องที่เค้าสนใจไป
ปล่อยให้เราสนใจตรงสิ่งที่เราสนใจ
พอต่างคนต่างสนใจสิ่งที่ตัวเองสนใจเสร็จ
เราก็เดินไปจุดที่เราสนใจเหมือนกัน

ชอบไปกะเพื่อนแบบนี้
เกลียดคนที่อยู่ไหนก็ไม่มีความสุข หาเรื่องสนใจไม่ได้
อยู่ที่ไหนก็ชวนยิกๆ ว่าให้ไปเถอะๆ

(ป่าวว่ากระทบใคร แค่เปรยขึ้นมา)

อย่างที่บอกว่าวัดอุโมงค์เป็นวัดในความทรงจำของเด็กสาธิต ม.ช.
ภาพในความ ทรงจำคือความเขี่ยวชะอุ่ม (เพราะเรามักมากันตอนย่างเข้าหน้าฝน เพื่อถวายเทียนพรรษา) ทางเดินมาวัดตอนนั้นเป็นถนนลูกรัง มักจะมีน้ำขังเป็นหลุมเป็นบ่อเป็นปกติวิสัย

พอมาถึงวัดก็ต้องเดิน ให้มันระวังๆ เพราะพื้นวัดก็จะลื่นไปด้วยพวกตะไคร่ มอสส์ จากความชื้นเป็นเนืองนิตย์ ส่วนที่ไม่ใช่หิน(หรืออิฐ)ปูก็จะแฉะเป็นน้ำชาเย็นข้นคลั่ก
พอเข้าไปในโบสถ์ (โบสถ์ใช่มะ) พื้นปูนมันก็จะเย็นมากๆ แต่พวกเรานั่งอยู่บนเสื่อพลาสติกที่นั่งแล้วขาเป็นแนว เจ็บ แถมเหน็บกินอีก

ระหว่างนั้นยุงตัวโตๆ ก็จะทยอยหมุนเวียนมากัดเรา
ซึ่งเราก็ต้องอดทน เพราะว่าการฆ่ายุงในวัดมันจะบาป
.........

ได้มาเห็นวัดอุโมงค์ในวันนี้ เกือบจำไม่ได้
เหมือนว่าภาพเดิมๆ เปลี่ยนไปเยอะ แต่คงไม่เปลี่ยนไปหมด
ที่นี่ยังให้ความรู้สึกของความเย็น เย็นสบาย-ใจ

แต่สีสันและบรรยากาศของวัดที่ได้เห็นวันนี้ สว่างไสวสดใสขึ้นเยอะ
(อ๊ะ อ๊ะ โปรดอย่าแซวว่าเพราะมากะน้าชา)
สงสัยเหตุผลจะเป็นทำนองเดียวกับที่รู้สึกว่า บันไดทอดขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพสั้นลง

ก็เพราะเมื่อก่อนเรายังเด็ก
แต่เดี๋ยวนี้..กะลังจะแก่แล้ว

T-T

ป.ล. ขาไป หนูอ้นกะน้าเอ๋ขับไปส่งถึงวัด แต่ขากลับ ตั้งท่าจะเตียว(เดิน)ออกมา
แต่คุณน้องใจดี ขับรถแจ๊ซสีน้ำเงินที่มานั่งสมาธิ แวะถามว่าจะออกไปด้วยกันไหม
(ใจดีจัง) เราเลยติดรถเขาออกมาปากซอย

จิงๆ เขาถามว่าจะไปนิมมานฯ ไหม เกรงใจ เลยขอลงแค่ปากซอยพอ
(คนเชียงใหม่ใจดีจัง ^_^)





33 ความคิดเห็น:

  1. ถ้ามีใครสงสัย
    หลวงพ่อปัญญา วัดชลประทานฯ มาเกี่ยวกับวัดอุโมงค์ได้ไง
    หลวงพ่อพุทธทาส สวนโมกข์ฯ ไชยา มาเกี่ยวกะวัดอุโมงค์ได้ไง

    อ่านนี่ฮะ...

    พ.ศ.2477 หลวงพ่อ(ปัญญา)ได้เดินทางไปจำพรรษากับพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ที่สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และร่วมเป็นสหายธรรมดำเนินการเผยแพร่หลักธรรมที่แท้จริงตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ประกาศธรรมแก่ชาวบ้านที่เชียงใหม่ ใน พ.ศ.2492
    หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุได้รับอาราธนานิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่
    และได้เริ่มแสดงธรรมในทุกวันอาทิตย์ และวันพระที่พุทธนิคม จ.เชียงใหม่ พร้อมกันนี้หลวงพ่อได้เขียนบทความต่างๆ ลงในหนังสือพิมพ์ และเขียนหนังสือธรรมะขึ้นจำนวนหลายเล่ม
    นอกจากนี้ หลวงพ่อได้เดินทางไปประกาศธรรมแก่ชาวบ้านชาวเขาโดยใช้รถติดเครื่องขยายเสียงจนชื่อเสียงของหลวงพ่อดังกระฉ่อนไปทั่ว จ.เชียงใหม่ ในนาม “ภิกขุปัญญานันทะ”

    ในยุคนี้เองที่หลวงพ่อได้ก่อตั้งมูลนิธิ “เมตตาศึกษา” ที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ และบำเพ็ญศีล
    กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกมากมาย

    ตอบลบ
  2. บ่อปลายังเหมือนเดิมนะ

    ตอบลบ
  3. ลาบราดอร์ขี้เรื้อนฮะ

    ตอบลบ
  4. ไม่มีคู่เด็ก นศ. ช-ญ เหมือนยุคน้ายังสาวนะฮะ
    มีแต่คู่ฝรั่ง ช-ช ฮะ

    ตอบลบ
  5. ....ก็มีหัวใจนะฮะน้า

    ตอบลบ
  6. เอิ่ม...
    หนูนา
    ไม่ได้สังเกตรีพลายบ้าๆ บอๆ ข้างบนเลยรึ?

    ตอบลบ
  7. สวย อีกเหมือนกันคะ ธรรมชาติดีคะ

    ตอบลบ
  8. คริ คริ ช่างสังเกตุดีจังค่ะ

    ตอบลบ
  9. เห็นด้วยคะ สัจจะธรรมบนต้นไม้

    ตอบลบ
  10. เป็นวัดที่ดูแล้ว สบายใจดีจริง

    ตอบลบ
  11. ถ้าเลเห็น เลจะบอกว่าเป็นรอยเท้าไดโน

    ตอบลบ
  12. เอาไปขัดสีฉวีวรรณหน่อย ขี้คร้านจะไฮโซ

    ตอบลบ
  13. ม้อยไม่ลืมให้อภัยนะฮะเจ้

    ตอบลบ
  14. ่ฮะ

    หมาวัดยังเมิน
    ชาตินี้มีหรือจะหาผัวกะเค้าได้

    ตอบลบ
  15. ถ้ามีกบ้านอยู่เชียงใหม่
    ็ก็ว่าจะชวนไปอยู่ด้วย
    แบบว่าหลงใหลลาบราดอร์เป็นการส่วนตัว

    ตอบลบ
  16. ไม่อยากให้เข้าใจผิด

    ตอบลบ
  17. การให้อภัยได้เนี่ย สุดยอดนะ

    ตอบลบ
  18. อือ
    ให้อภัยเด็กคนนี้ได้
    แต่ให้อภัยผู้ชายคนนั้น น่าจะยากนะฮะ

    ตอบลบ
  19. ตอนเรียนที่เชียงใหม่ เคยมีความประทับใจที่วัดอุโมงค์นี่แหละ
    คลับคล้ายว่าเรียนอยู่ปี 4 ปีนั้น เป็นปีที่วันมาฆะบูชาตรงกับวันวาเลนไทน์
    มีโอกาสไปเวียนเทียนที่วัดอุโมงค์
    คืนพระจันทร์เต็มดวง ท้องฟ้าใสกระจ่าง บรรยากาศแห่งความรักอบอวล พวกเรานั่งล้อมเป็นวงกลมรอบเจดีย์โบราณ ที่อยู่กลางสนามหญ้าเขียวชื้นนำค้าง รอบๆพวกเราเป็นต้นลั่นทมออกดอกขาวพราว หอมกรุ่น และหล่นเต็มสนามหญ้าสีเขียว

    ท่ามกลางแสงเทียนวับวาว ไร้แสงไฟฟ้า พวกเราหลายร้อยคน สวดมนต์กันเงียบๆ สัมผัสถึงความสะอาด สงบ งดงาม อย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เงยหน้าไปเห็นปลายยอดเจดีย์พาดกลางดวงจันทร์กลมโตพอดี นาทีนั้น นั่งนำตาไหลเลยพี่ อิ่มเอม อิ่มใจ อย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยสัมผัสบรรยากาศที่งดงามอย่างนี้อีกเลยในชีวิต ไม่รู้ว่าที่ผ่านมามัวทำไร ถึงได้เคยมาเวียนเทียนวัดอุโมงค์เอาเมื่อตอนปีสุดท้าย

    เป็นวัดที่มีวันเวียนเทียนงามที่สุดในโลกกระมัง

    ตอบลบ
  20. อยากเห็นภาพอย่างนั้นมั่งจัง

    ตอบลบ
  21. มาพร้อมความโรแมนติกตลอดเลย แม่หมู

    ตอบลบ