วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Tokyo Sonata : นั่งชิดกันไว้ให้อบอุ่น

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Drama


ระหว่างครอบครัวที่อ้างว้าง ทุกคนดูห่างไกล ไม่เข้าใจกัน กับครอบครัวที่อบอุ่น เพราะสมาชิกทุกคนใกล้ชิดกัน เข้าใจกันและกัน คุณต้องการแบบไหน?

เชื่อแน่ ไม่น่ามีใครอยากได้ครอบครัวแบบแรก
ชีวิตแบบไหนที่จะเติบโตขึ้นได้จากบรรยากาศเย็นชาแบบนั้น?

แต่ครอบครัวคนโตเกียวในหนังเรื่องนี้ เป็นแบบนั้น ครอบครัวที่มีแบบแผนสูง แบบแผนจัดจนหาความเป็นกันเองไม่ได้ (แม้จะใช้ภาษากันเองแล้วก็ตาม) ก็เหมือนภาพหลายภาพที่ฉายให้เห็นความสัมพันธ์ของพวกเขา ตำแหน่งของการนั่งที่ห่างไกลจนคนดูรู้สึกเหงาแทน

พ่อต้องเป็นแบบนี้-เป็นหัวหน้าครอบครัว ทำงานเลี้ยงครอบครัว เป็นผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสิน, แม่เป็นแบบนี้-เป็นแม่บ้าน เป็นผู้บริการ ตื่นก่อน นอนทีหลัง, ลูกเป็นแบบนี้-อยู่ในโอวาท มีระเบียบวินัย ไม่เถียง พ่อแม่ว่าไงก็ตามนั้น, พ่อกับลูกต้องเป็นแบบนี้ ส่วนแม่กับลูกเป็นอีกแบบหนึ่ง

จนเมื่อวันนึง แบบแผนนี้ถูกทำร้ายจนเสียหาย ครอบครัวทั้งครอบครัวก็เหมือนจะถูกสั่นจนคลอนไปด้วย

พ่อ ซึ่งเคยออกจากบ้านไปทำงานอันมั่นคง ทุกอย่างควบคุมได้โดยไม่ต้องปริปากบ่น หรือขอความช่วยเหลือจากเมีย ถูกเลย์ออฟ กลายเป็นคนตกงานในวันเดียว ไม่แน่ใจว่าผัวไทยจะทำอย่างไร แต่ผัวญี่ปุ่นเลือกที่จะไม่บอกใคร เขายังคงออกและเข้าบ้านตามเวลาปกติทุกวัน โดยแต่ละวันได้แต่เตร่ไปเข้าคิวรับอาหารฟรีที่คงเป็นสวัสดิการสำหรับคนไม่มีงาน ไม่มีบ้าน แล้วก็ไปเข้าคิวรับบริการจากหน่วยงานจัดหางาน เพื่อจะผิดหวังกลับมา เพราะไม่มีใครอยากรับชายอายุ ๔๗ เข้าทำงานในระดับเดิมกับที่เขาเคยทำ

อาจไม่ใช่แค่ต้องทำใจเรื่องงานที่เลือกไม่ได้ แต่ดูเหมือนมีหลายอย่างที่คนเป็นพ่อต้องทำใจ โดยเฉพาะเรื่องของอำนาจในการปกครอง (จริงๆ แล้วมันน่าสงสัยว่าครอบครัว ต้องมีผู้ “ปกครอง” ด้วยหรือ?)

ส่วนชีวิตของแม่ ถ้าเด็กสมัยนี้อยากรู้ว่า 'ช้างเท้าหลัง' เป็นยังไง ให้ไปดูชีวิตเธอคนนี้ ช้างเท้าหลังมีแต่ก้าวตามช้างเท้าหน้า ชีวิตแม่ในเรื่องก็ไม่ต่างกัน อย่าว่าแต่ความคิดริเริ่มจะทำอะไรอย่างที่ตัวเองอยาก อย่างที่ตัวเองฝันเลย แค่จะออกโรงช่วยลูก ปกป้องลูกยังยากที่จะทำเลย เห็นแล้วบอกไม่ถูกว่าจะสงสารหรือรำคาญดี

ส่วนลูก ยิ่งโตก็ยิ่งเป็นตัวของตัวเอง ลูกคนเล็กพบว่าตัวเองอยากเรียนเปียโน แต่พ่อไม่ให้เรียน อ้างว่าเพราะรู้ว่าลูกไม่จริงจัง เรียนไปเดี๋ยวก็เบื่อ แต่ที่จริงเพราะปัญหาเศรษฐกิจ จนลูกต้องแอบเอาเงินค่าอาหารไปสมัครเรียน เป็นเหตุให้มีการกระทบกระทั่งอีโก้กันจนต้องตีลูก ส่วนลูกคนโตเริ่มฝันใหญ่ อยากมีส่วนช่วยสร้างสันติภาพให้โลก ก็ดื้อไปสมัครเป็นทหารอาสากองทัพอเมริกัน พ่อแม่ไม่เห็นด้วยก็ดื้อออกจากบ้านไปจนได้

สมาชิกสี่คน นอนอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน แต่เหมือนอยู่กันคนละทิศละทาง ไม่มีการสื่อสาร ไม่มีการทำความเข้าใจ และเอาใจเขามาใส่ใจเรา (ยกเว้นแม่นะ แม่ดูจะเข้าใจทุกคนเป็นอย่างดี แต่ช่วยใครไม่ได้เลย แม้แต่ตัวเอง)

เป็นหนังที่เหมือนฉายสภาพอากาศอันโหดร้าย แต่ยังดี ที่ผู้กำกับยังเชื่อว่า หลังวันคืนอันยาวนานของฤดูหนาว มีฤดูใบไม้ผลิรออยู่

ฉันดูหนังเรื่องนี้แล้วคิดว่า ภาพชีวิตคนญี่ปุ่นที่ไปเห็นมา ๙ วัน มันแค่เรื่องผิวเผินจริงๆ และแม้ฉันจะดูหนังเรื่องนี้มาหลายรอบก่อนไป ก็เหมือนไม่ได้ ‘เห็น’ เท่ากับที่ได้เห็นในรอบที่ดูวันนี้ ไม่ได้รู้สึก ‘หนาว’ กับชีวิตมนุษย์ที่มีระเบียบวินัยมากที่สุดในโลกเท่าวันนี้

และไม่ได้รู้สึก ‘ซึ้ง’ ถึงความอบอุ่น จากใกล้ชิด (แม้บางทีจะลามไปเป็นการล้วงลูกและล็อบบี้ก็ตาม) ที่ได้จากพูดคุย และสัมผัสแบบที่มีในครอบครัวไร้แบบแผน แบบบ้านๆ แบบไทยๆ มากเท่าวันนี้เลย



บันทึก:
• หลายคนมองว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนสภาพเศรษฐกิจอันยอบแยบของญี่ปุ่น ฉันกลับมองว่ามันสะท้อนภาพน่าสมเพชของอีโก้ดึกดำบรรพ์แห่งเพศชายมากกว่า
• เป็นหนังดราม่าที่น่าตบมือให้การแสดงนะ (โดยเฉพาะพ่อกับแม่) หนังได้รับรางวัล Un Certain Regard Jury Prize จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ซะด้วย
• เป็นหนังที่กำกับโดย Kiyoshi Kurosawa ผู้กำกับ Kairo ผีอินเตอร์เน็ตอันสุดสยองขวัญ หนังเรื่องนี้ไม่เหลือเค้าความสั่นประสาทแบบนั้น มันเล่าเรื่องแช่มช้า เนิบนาบ ชนิดที่ทำให้คนหลับคาจอได้ง่ายๆ (ฉันเองก็หลับไปหลายรอบ) แต่ในความนิ่ง มันบอกเล่าอะไรๆ เยอะแยะมาก ถ่างตา ถ่างหูไว้ให้ดีเหอะ
• ชอบซีนนั้นน่ะ มี ๓ คน พ่อกำลังเถียงกับลูกคนโต (ไดอาล็อกปวดใจมาก) มีแม่นั่งเอาท์โฟกัสอยู่ตรงกลาง สีหน้าแต่ละคน..สุดยอด
• ฉากที่เคนจิเล่นเปียโนตอนจบมันนิ่งมาก แต่ชอบจริงๆ ทั้งภาพ เสียง และความรู้สึก ทั้งๆ ที่สิ่งที่เคลื่อนไหวดูจะมีแค่ชายม่านก็ตาม
• ดูแล้วได้ถามตัวเองนะ ว่าจะยอมให้ตัวเองเป็นแบบนี้ไหม

48 ความคิดเห็น:

  1. ชอบครับ.. เป็นหนังดีมากๆ เรื่องหนึ่ง
    แต่ใครที่ชอบดูแต่หนัง feel good ของค่าย GTH ก็อย่าไปดูเลย เดี๋ยวจะจิตตกกันเปล่าๆ

    ตอบลบ
  2. ม้อยว่าถ้าวุฒิภาวะมี ดูแล้วจะเข้มแข็งขึ้นนะพี่

    ตอบลบ
  3. ดูแล้ว เข้าใจได้ถึงความเครียดในสังคมญี่ปุ่น จากการใช้ชีวิตแบบมีแบบแผนตายตัว มีวินัยสูงจัด

    ได้รู้จากกรณีของลูกชายคนโตด้วยว่า คนญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งก็ได้รับข้อมูลในเรื่องสงครามของอเมริกันเพียงด้านเดียว
    ผมสงสัยว่า เด็กวัยรุ่นคนนี้อาจจะดูหนัง Action Hero เยอะเกินไปหรือเปล่า

    ตอบลบ
  4. ถ้ามีวุฒิภาวะมันก็ดีครับ

    ผมกลัวว่าบางคนจะลุกออกจากโรงหนัง หลังจากฉายไปแล้วครึ่งชั่วโมงนะสิ

    ตอบลบ
  5. คล้ายเด็กไทยยุคนี้เก่งมากเลย ใช้่คอมเก่งมาก BB ไวมาก
    ปากกล้ามากในโซเชียลเน็ตเวิร์ก
    แต่ตัวจริงไม่ค่อยเข้าใจความเป็นไทย
    ไม่รู้จักประเพณี เขียนไทย อ่านไทยก็ไม่แตก
    แถมยังคลางแคลงใจว่าทำไมคนไทย(แก่ๆ)ถึงรักในหลวง

    เพราะพ่อแม่ไม่ได้สอน

    ตอบลบ
  6. แต่แปลกดี ตอนม้อยซื้อตั๋วเข้าไปดูไฉไล
    ทำไมทนดูจนจบได้ก็ไม่รุ

    ตอบลบ
  7. อาการร่วมสมัยเลยนะนั่น..

    ผมสังเกตว่า เด็กรุ่นหลังๆ หลายคนลายมือแย่ เพราะไม่ค่อยเขียนหนังสือ
    มัวแต่พิมพ์หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเดียว
    ไม่ต้องพูดถึงการสะกดถูก สะกดผิด
    บางคนพูดจาลิ้นคับปาก ฟังไม่รู้เรื่อง
    แล้วหลายคนก็เต้น B Boy ใส่หมวกไหมพรม เสื้อแจ็คเก็ต ทั้งๆ ที่อากาศร้อนดับจิต

    บางที เห็นแล้วก็รำคาญ จนอยากถามว่า
    " เป็นอะไรของมึง.."

    ตอบลบ
  8. หนังบางเรื่องเหมือนกับกินน้ำหวานอัดลม เด็กชอบ กินแล้วติด กินไปนานๆ ฟันจะผุ
    หนังบางเรื่อง ดูแล้วเหมือนกินกาแฟขมๆ แต่หอม อร่อย
    แน่นอนว่า.. เด็กที่ชอบกินแต่น้ำหวานอัดลม คงไม่ชอบกาแฟขมๆ หรอก

    ตอบลบ
  9. ม้อยว่าคนรุ่นเรานี่เข้าใกล้อาการคนรุ่นพ่อแม่เราตอนเราวัยเท่าเด็กพวกนั้นแล้วนะพี่

    ตอนนั้นเราไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเค้าไม่เข้่าใจเราอะ พี่จำได้ไหม?

    ตอบลบ
  10. พี่จำไม่ได้ว่าพี่แม่ไม่เข้าใจอะไรเราอ่ะ เห็นอะไรๆ ก็ไม่ค่อยถูกไปทุกเรื่อง

    ตอบลบ
  11. แม่ไม่เข้าใจลูก ไม่เป็นไร
    อย่างน้อย ลูกก็เข้าใจแม่

    ตอบลบ
  12. มันก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า แต่ละคนก็แก่ลงเรื่อยๆ

    ตอบลบ
  13. แก่เรื่อยๆ น่ะ รับได้
    ่อย่าแก่กระโหลกกะลาให้เด็กมันว่าได้เป็นพอ

    ตอบลบ
  14. ผมเจอเรื่องอะไรบ้าง ขอคิดก่อนนะ..

    ผมไม่เที่ยวกลางคืน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
    ถ้ามี ก็เป็นเรื่องเรียนหนังสือนี่แหละ..
    อยากเรียนสิ่งแวดล้อม แต่ที่บ้านอยากให้เรียนอย่างอื่นมากกว่า

    ตอบลบ
  15. แม่ไม่เข้าใจ ทำไมม้อยไม่เล่นกะน้อง
    ชอบทำหน้างอ แล้วก็ชอบเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว
    แม่ไม่เข้าใจ ทำไมชอบข่มผู้ชาย
    ทำไมไม่พูดเพราะๆ ทำไมไม่เป็นข้าราชการ
    แม่ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ไปเป็นผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์
    ทำไมไม่เขียนนิยายอย่างกฤษณา อโศกสิน
    หรือทำไมไม่เขียนบทละครช่อง 7

    อืมม์ แต่ที่แม่เข้าใจน่ะ มีเยอะกว่านั้นมากกกกเลยนะพี่

    ตอบลบ
  16. ทุกวันนี้เวลามีอะไรเกิดขึ้น ผมชอบตั้งคำถามก่อนว่า แล้วสังคมจะได้อะไร
    ผมเอาแค่นี้แหละ

    ทีนี้บางเรื่อง ผมไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ

    ตอบลบ
  17. ปัญหามันอยู่ที่คนคิดแบบพี่ป๊อกน้้อยไปหน่อย
    ใครๆ ก็พากันคิดแต่ว่า สิทธิของฉัน สิทธิตามรัฐธรรมนูญ

    ตอบลบ
  18. น่าดูนะ
    พ่อ=อำมาตย์

    ตอบลบ
  19. ชอบอันนี้อะ
    บ้านเราก็เป็น ^ ^

    ตอบลบ
  20. เรื่องนี้ดูแล้ว ที่ House เมื่อสามสี่ปีที่แล้วมั้ง ยังเขียนไว้ในบล๊อกเลย

    ดูแล้วสะเทือนใจ ม้อยเขียนได้ละเอียดดี

    http://hui1081009.multiply.com/reviews/item/2

    ตอบลบ
  21. คนเล่นเป็นพ่อนี่...เราชอบเค้ามากเลยนะ ตอนได้ดู Heaven's Bookstore เล่นเก่งมาก
    เป็นคนที่แสดงออกได้สั่นสะเทือนอารมณ์ดี

    ตอบลบ
  22. เค้าเล่นได้หลายบทด้วยนะคนเนี้ย

    ตอบลบ
  23. ย่าเราเล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นนี่ สมัยก่อน (20 กว่าปีที่แล้วได้ ตอนย่าไปอยู่ที่โน่น)
    เวลาอาบน้ำ (แช่น้ำ) พ่อจะแช่ก่อน ---ไม่ทิ้งน้ำ -- แล้วลูกแช่ต่อ ---ไม่ทิ้งน้ำ---แม่เป็นคนแช่ปิดท้าย

    ฟังแล้วโคตรเศร้า

    ตอบลบ
  24. เออนะ แม่เราก็มักจะล้วงลูกจริงๆ 5555

    แต่ก็คงไม่มีใครเอาแต่ให้อะไรเรามากเท่าเค้าอีกแล้วล่ะ :)

    ตอบลบ
  25. แช่เสร็จแล้วขัดอ่างด้วย อิอิ

    ตอบลบ
  26. โม่ดูแล้วใช่ปะ Tokyo Sonata

    แม่ในเรื่องเนี้ย สร้างความรู้สึกประหลาดให้กับเราว่ะ
    เค้าดูภูมิใจในการทำหน้าที่แม่
    และเหมือนจะพอใจแค่การแสดงความภูมิใจในตัวลูกแบบห่าง

    จำซีนที่เค้าไปส่งลูกชายคนโตขึ้นรถไปสนามบินได้มะ
    เค้าเหลือที่นั่งตรงกลางไว้ ไม่รู้สิ ถ้าเป็นแม่เรา หรือแม่ไทยๆ ทั่วไปคงกอดแล้วกอดอีก ลูบหัวลูบหาง
    แล้วก็สั่งโน่นสั่งนี่เยอะแยะ
    นี่แค่ลูกบอกว่าไปแล้วนะ แม่จะบ๊ายบายก็ยังไม่เลย

    อีกตอน ตอนจบ เคนจิจบเปียโน พ่อเดินนำไปรับ แม่เดินตาม
    เสร็จแล้วพ่อกับเคนจิเดินเคียงกัน แม่ยิ้มอย่างภูมิใจ เดินตามพ่อกับลูก

    เราว่า เราอยากเป็นแม่แบบไทยๆ มากกว่าอะ

    ตอบลบ
  27. สมัยยังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่มีีไฮกุอยู่บนนึง
    เซนเซเอามาสอน ประมาณว่า

    ความรักของแม่
    แผ่วเบา
    เท่ากับเสียงหิมะตก


    เซนเซบอกหิมะน่ะ ตกแบบไม่มีเสียง
    ความรักของแม่(ญี่ปุ่น)จะไม่โฉ่งฉ่าง
    รักเรียบๆ รักเงียบๆ
    ประมาณว่าเป็นเงาอยู่ข้างหลัง คอยดูแลให้ลูกผัวสบาย

    อยากรู้เหมือนกันว่าความรักของพ่อเป็นไง
    อาจจะมีไฮกุอีกบทก็ได้นะ

    ตอบลบ
  28. ช่ายยยยย เศร้าหนักเข้าไปอี๊ก

    ตอบลบ
  29. ยังเรยยยย แค่เคยดูๆ ข้อมูลหนังเท่านั้นเอง

    เราน่ะ ตอนเด็กๆ ก็อ่านแต่การ์ตูน ซึ่งแม่ในการ์ตูนทั่วๆไปที่อ่าน มันฮาและน่ารักอ่ะ เราก็นึกเลยว่าอยากเป็นแบบแม่ญี่ปุ่น แต่พออ่านหนังสือ ดูหนังมากขึ้นก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าไอ้แม่ในการ์ตูนน่ะไม่ค่อยมีหรอก ส่วนใหญ่คงเป็นแบบแม่ในหนังซะมาก

    เหมือนเค้าเริ่มสละตัวของตัวเองไปแล้วอะ ...เราว่าบางคนที่ยังยึดถือการดูตัวมากกว่าความรักก็อาจทิ้งตัวเองไปตั้งแต่ตอนแต่งงานเลยมั้ง

    ตอบลบ
  30. ถ้าอยากดูจะส่งไปให้นะโม่

    ตอบลบ
  31. เสียงหิมะตก แผ่วเบาจนไม่ได้ยินและตกมาก็ละลายหายไปนะ
    ฟังแล้วเศร้าจังเลย

    สงสัยเราจะชอบแม่ที่เหมือนแสงแดดอ่อนๆมากกว่า :)

    ตอบลบ
  32. ต่างกันเนอะ

    ครอบครัวไทยเนี่ย ส่วนใหญ่ ผ จะกลัว ม
    แต่ว่า คนญี่ปุ่นเนี่ย ม เป็นช้างเท้าหลังอย่างแท้จริง

    ตอบลบ
  33. ขอบใจจ้าม้อย เรายังติด Spring Snow ม้อยอยู่เลย

    ขอไปเศร้าเรื่องนั้นก่อนให้จบก่อนดีกว่า (ไม่อยากดองหลายๆเรื่อง เกรงใจอะ)

    ตอบลบ
  34. โม่อย่าใช้คำนั้น
    เราก็ยังไม่ได้คืนกาลิเลโอนะ อิอิ
    (แมวคราวไม่ยอมมาดูให้จบๆ เสียที)

    ตอบลบ
  35. สังคมไทยดั้งเดิม จะทำไร่ไถนาก็ต้องช่วยกันทำมาหากิน สิทธิก็มันน่าจะเท่าๆกันนะ (ประมาณว่า ตูก็น่าเลี้ยงครอบครัวเหมือนกันนะเว้ย อย่ามาหยาม)

    แต่สังคมที่ ผ มีหน้าที่การงาน ม อยู่บ้านเลี้ยงลูกทำความสะอาด มันจะเป็นอีกแบบนึงอะ

    เราอยากเห็นภาพครอบครัวญี่ปุ่นทำการเกษตร...ที่พ่อแม่ลงแรงทั้งคู่จังว่า แม่จะยังเป็นแม่แบบคนชั้นกลางอยู่มั้ย

    ตอบลบ
  36. อ้าว เราลืมไปแล้ว 5555

    เราไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ (ม้อยก็คงเหมือนกัน เรารู้)

    ค่อยๆดูไปเถอะ สบายๆ ถ้าอันไหนมีคนขอดูต่อเราก็จะบอกตรงๆ
    (ม้อยก็บอกเราได้เลยนะ ถ้ามีคนรอจะดู Spring Snow อิอิ)

    ตอบลบ
  37. เคยเห็นนิดๆ จาก Only Yesterday
    ยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

    ตอบลบ
  38. ^
    ^
    ปรากฎว่า ม ยังคงเป็นแบบที่เห็นจากหนังเรื่องนี้ ....ถ้าเป็นงั้นก็...เฮ้ออออออ อย่าไปเป็นเลย เมียคนญี่ปุ่น(แบบนั้น)

    ตอบลบ
  39. อ่า..เราหมายถึงคุณป้าที่เก็บดอกเบนิอะโม่
    ป่้าวหมายถึงแม่ที่ปล่อยให้พ่อตีลูกคนนั้น

    ตอบลบ
  40. ไม่ได้หมายถึงคนนี้เหมือนกันจ้า เราพูดประชดรวมๆไปอะ (ด้วยความแค้นนิดๆ เพราะเราเคยอยากเป็น ม ของผู้ชายญี่ปุ่น จนกระทั่งมีนายเป็นญี่ปุ่นเลยล้มเลิกความคิดนั้น)

    ตอบลบ
  41. เรามีเพื่อนในชั้นเรียนภาษาญี่ปุ่น
    สวย ฉลาด เก่ง มั่น ถาปัตย์จุฬา น่ะ
    แรกๆ เค้าก็เป็นแฟนกับคนญี่ปุ่น เรียนไปๆ ก็แต่งงานกันเลย
    เค้าไปเจอกันที่ยุโรปมั้ง แล้วหลังๆ ผู้ชายมาทำ ดร. ในเมืองไทย

    เราว่าเพื่อนเราคนนี้คงไม่ยอมเป็นเมียญี่ปุ่นแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นแน่
    แต่ท่าทางเค้าเกรงใจพ่อ ผ แม่ ผ ไม่น้อยเหมือนกัน

    ตอบลบ
  42. ยุคสมัยเปลี่ยนไป
    ผู้ชายญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้ก็อาจจะเปลี่ยนไปบ้างแล้ว

    ตอบลบ