วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Aishiteiru to Ittekure : บอกมาว่ารัก

Rating:★★★★
Category:Other

ซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศทางสถานี TBS ในญี่ปุ่นในปี 1995 (15 ปีมาแล้ว) มาฉายในโทรทัศน์เมืองไทยหลังจากนั้นกี่ปีก็ไม่ทราบ ตอนนั้นฉันได้ดู จำไม่ได้ว่าได้ดูที่ไหน จำหน้านางเอกไม่ได้ จำเพลงไม่ได้ จำไตเติลไม่ได้ สิ่งเดียวที่จำได้คือความเท่ของพี่พระเอก ศิลปินร่างสูง เงียบขรึม ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่ง กางเกงหลวม และรองเท้าแตะคีบ นั่งนิ่งๆ นิ้วเรียวยาวสวยคีบบุหรี่จรดที่ริมฝีปาก หน้าตาพี่เขาหล่อ หล่อแบบเท่ๆ เงียบๆ

เงียบ เพราะเขาหูหนวก ก็เลยพูดไม่ได้

จนมาเลือกสั่งซีรีส์ (ผีอีกตามเคย) เมื่อวันก่อน เห็นรายชื่อซีรีส์เรื่องนี้ 愛していると言ってくれ (อ่านว่า Aishiteiru to Ittekure แปลว่า say you love me) เห็นแค่ชื่อจำไม่ได้หรอก ต้องมีเรื่องย่อกับรูปประกอบถึงจะจำได้ แล้วก็เกิดกิเลส อยากชมมาดเท่ๆ ของพี่เขาอีกครั้ง ก็เลยจัดการสอยมารื้อฟื้นความทรงจำอีกหน

แล้วก็ได้เรื่องเลย น้ำตาหลั่งไหลมากมากเพราะความเศร้าและสงสาร


คนเราไม่มีใครตั้งใจจะเกิดมาหูหนวก ตาบอด พี่เท่หรือพี่แม่น้ำโตโย (Toyokawa Etsushi) ซึ่งในเรื่องชื่อ Sakaki Kohji ก็เหมือนกัน เพราะอาการป่วยในวัยเด็ก ทำให้สูญเสียการได้ยิน นำมาซึ่งปัญหาครอบครัว แม่ทิ้งเขาไปในวัย 10 ขวบ เพียงเท่านี้ก็เหมือนสาปให้เด็กชายโคจิกลายเป็นเด็กชายที่เหงาที่สุดในโลก เมื่อโตขึ้นเป็นหนุ่มใหญ่วัย 31 ก็ยังเหงาไม่เลิก แค่การไม่ได้ยินอะไร พูดอะไรไม่ได้ก็เป็นเหมือนกำแพงกั้นตัวเองจากโลกภายนอกเพียงพออยู่แล้ว แต่นี่เขายังปลีกตัวออกมาอยู่เงียบๆ คนเดียวอีก ยังดีที่เป็นคนมีพรสวรรค์ทางการวาดรูป เลยได้ระบายอะไรๆ ออกมาบนผ้าใบ ไม่งั้นอาจบ้าไปแล้ว

ความเท่ของพี่เขาจับตาและดึงดูดใจ Mizuno Hiroko (Tokiwa Takako) สาวน้อยช่างฝันวัย 21 เข้าอย่างจัง (เออ ตอนดูซีรีสเรื่องครั้งแรกนี้ฉันคงอายุประมาณหล่อนน่ะแหละ) เธอก็เลยเป็นฝ่ายเข้าไปวนเวียน ป้วนเปี้ยน พาความสดใสร่าเริง ไปกวนจิตใจอันแน่วนิ่งเป็นน้ำตกตะกอนของพี่เขาปั่นป่วนจนร้อนเป็นความรักขึ้นมา

ซีรีส์เรื่องนี้ยาวถึง 12 Episode หรือ 6 แผ่น DVD ฉะนั้น ความรักระหว่างหนุ่มใหญ่ไม่พูดกับสาวน้อยที่ยังไม่รู้จักตัวเองดีนักจึงไม่ได้จบอย่างแฮปปี้เอนดิ้งอย่างรวดเร็ว แรกเริ่มเป็นช่วงของการเรียนรู้ ตามมาด้วยความเข้าใจ แล้วก็ต่อด้วยการทำร้ายกันด้วยความหึงหวง และคาดหวัง สุดท้าย แทนที่จะได้จบดีๆ แฮปปี้ตลอดไป ก็กลายเป็นว่านางเอกเป็นฝ่ายทำเรื่องพัง พังง่ายๆ เสียอย่างนั้น

ฉันคิดว่า เรื่องแบบนี้เหมือนงี่เง่า แต่ได้ดูแล้วก็เหมือนได้เรียนรู้อะไรบางอย่างที่สำคัญ

คือมันไม่จำเป็นที่เราจะต้องสัมผัสความรักจากคนรักด้วยประสาทสัมผัสทุกส่วนที่เรามีหรอก แค่ได้สัมผัสให้พอมั่นใจ ว่า ‘เขารักเรา’ ก็น่าจะพอแล้ว

ตอนสำคัญที่นางเอกพาตัวเองไปเคาะประตูแมนชั่นของคุณแฟนเก่าของโคจิ แล้วดันไปถามเธอคนนั้นว่าชอบอะไรในตัวโคจิมากที่สุด เธอคนนั้นก็มากด้วยชั้นเชิงของสาวใหญ่ ตอบกลับมาว่า ชอบเสียงของเขามากพอๆ กับภาพวาดของเขา ก็แหม๋ พี่เค้าไม่พูดเพราะไม่มั่นใจจะพูด เนื่องจากไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ดันไปหลอกเด็กสาวว่าเขาเคยพูดให้ฟัง แม่เด็กสาวเลยฝังใจ อยากฟังเสียงโคจิบอกรักบ้าง

เธออ้างว่าเพราะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเสียงของโคจิ ก็เลยรู้สึกเหงาเหลือเกิน

ฉันผู้มาเปิดซีรีส์เรื่องนี้อีกครั้งในวัยที่ความสาวสุกงอมเกือบสุดแล้ว ดูแล้วนึกสมเพชแม่สาวน้อยที่มีของดีอยู่ในมือแต่กลับอยากขว้างทิ้งไปเพราะเชื่อว่ามันไม่ดีเท่ากับของอีกสิ่ง ฉันอยากจะถามหล่อนออกไปด้วยภาษาไทย ในความหมายเหมือนที่โคจิถามด้วยภาษามือ ว่า

แค่รักตลอดไป-ไม่พอหรอ?



หมายเหตุ
• พี่แม่น้ำโตโยใช้ภาษามือได้ดีมาก มีความสามารถในการสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูดได้เจ๋งมาก (แอบคิดว่าพี่เขาน่าจะมีญาติหูหนวก ถึงได้พูดภาษามือเก่งขนาดนี้)
• ภาษามือของเขาสวยมากๆ ด้วย ก็เป็นคนแขนยาว นิ้วเรียวนี่นะ
• เวลาพี่เขาแสดงภาษาบ่งบอกถึงอารมณ์ ดูแล้วใจจะขาด มันเหมือนเห็นใจคนพูดน้อยที่อดจนระเบิดอารมณ์ออกมาน่ะ (ฉันเลยพลอยได้ภาษามือแบบญี่ปุ่นมาตั้งหลายคำ)
• แต่ดูเหมือนช่วงที่เล่นซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นช่วงพีคสุดของพี่เขานะ หลังจากเรื่องนี้และ Love Letter หน้าตาและหุ่นดูจะแย่ลงมากๆ ถึงขั้นเศร้าเลย ตอนเห็นใน Hula Girl นั่น
• เสื้อผ้าหน้าผมของนางเอกในเรื่องแย่มาก ทั้งที่ความจริงก็เป็นคนสวย (ในบางมุม) ไม่ใช่น้อย
• เขาเขียนบทให้นางเอกเป็นคนเลี้ยงแมวที่แย่มากนะ สนใจผู้ชายมากกว่าแมว
• อีกเรื่องคือหล่อนใจร้ายมาก กับแมวที่หล่อนไม่ไยดี ตอนหล่อนไปขนของออกจากบ้าน พี่เขาขอเอาไว้เลี้ยง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขารักแมวตัวนี้ขนาดนั้น เลี้ยงดูอย่างดีขนาดนี้ หล่อนก็ยังไม่ยอมยกแมวให้พี่เขาเลี้ยงเป็นเพื่อน (เคืองๆๆๆๆ)
• ฉันว่าถ้าเขาเอาเรื่องนี้มาสร้างใหม่ตอนนี้ เรื่องมันจะไม่เป็นอย่างนี้แล้วแหละ ก็สมัยนี้น่ะ คนเราแทบเดินเข้าตู้โทรศัพท์สาธารณะแล้ว (ซูเปอร์แมนยังลำบาก) และแม้แต่คนหูหนวกก็ยังส่งเมล์ผ่านมือถือได้ ไม่ต้องวิ่งไปรับแฟกซ์ ลุ้นตอนส่งแฟกซ์ หรือรอรับแฟกซ์กันอย่างในเรื่องแล้ว
• แผ่นที่เศร้า เรียกน้ำตาสงสารพี่พระเอกมากที่สุดคือแผ่นสุดท้าย แต่ฉันไม่ชอบตอนจบเอาเสียเลย
• เพลงเขาเพราะจริง คำว่า Aishiteru (อายชิเตรุ) หรือ ฉันรักเธอ ในเพลงนี้ฟังดูอ่อนหวาน แล้วก็เพราะมากๆ ในความรู้สึก
• แต่หนุ่มๆ สาวๆ ที่เพิ่งรักกันเขาไม่บอกกันว่า Aishiteru หรอกนะ เขาจะบอกกันว่า Suki ซึ่งแปลว่าชอบ หรือรัก (เหมือนในเพลงโดราเอมอนที่ร้องว่า tottemo dai suki แปลว่า รัก(ชอบ)มากที่สุดไง)
• หลายคนสงสัยว่าทำไมไตเติลซีรีส์เรื่องนี้ถึงต้องให้พระเอกนางเอกลงไปโป๊อยู่ในทะเล ได้ดู Episode แรกก็จะรู้คำตอบแล้วล่ะ
• เรื่องสำคัญที่เป็นอุทธาหรณ์สำคัญสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็คือ หลังจากมีปัญหากับคนรัก ตอนที่กำลังหวั่นไหว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อย่าได้วิ่งไปหามือที่สามเด็ดขาด จะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ ต้องเมื่อมีสติมั่นคงเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะมีแต่คนที่ถูกทำร้าย

17 ความคิดเห็น:

  1. " • เรื่องสำคัญที่เป็นอุทธาหรณ์สำคัญสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็คือ หลังจากมีปัญหากับคนรัก ตอนที่กำลังหวั่นไหว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อย่าได้วิ่งไปหามือที่สามเด็ดขาด จะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ ต้องเมื่อมีสติมั่นคงเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะมีแต่คนที่ถูกทำร้าย"

    ชอบประโยคสรุปของพี่ม้อยมากๆ เรื่องความรักนี่มันยากจริงๆ เลย

    ตอบลบ
  2. ตอนสมัยปิ๋มเรียนจบ ป.ตรี ใหม่ๆ (วัยเคลิ้มฝัน) เคยไปทำงานที่วิทยาลัยที่เกี่ยวกับคนพิการ แล้วก็หลงรักพี่คนนึง เพราะเวลาเค้ามือสวยนิ้วสวยมากๆ เวลาที่เค้าพูดด้วยภาษามือดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก คิดว่าเข้าใจความรู้สึกของนางเอกนะคะ อิอิ

    ตอบลบ
  3. how to อะไรก้อไม่ยากเท่า
    how to love

    ตอบลบ
  4. บทซีรีส์เรื่องเนี้ย มันเป็นเรื่องราวที่เข้าถึงใจสาวน้อยแบบที่จะหลงรักหนุ่มใหญ่ได้ง่ายๆ ชะมัดเลย
    ยัยนางเอกน่ะ หลงพระเอกตั้งแต่ยังไม่รู้่ด้วยซ้ำว่าเค้าไม่ได้ยิน
    ยิ่งพอรู้ว่าเค้าไม่ได้ยินและพูดไม่ได้ ยิ่งรู้สึกท้าทาย อยากจะเข้าใจ อยากดูแล ปกป้องเค้า
    (motherhood พุ่งปรี๊ด)

    ตอบลบ
  5. นะพี่โอ

    สำหรับม้อยรักไม่ยากเท่าเลิกอะ เหอ เหอ

    ตอบลบ
  6. อ่า...เรื่องนี้

    เรามีเป็นชุดเต็มยศเลย (ผู้ชายคนนึงให้มา) ...ตอนนั้น ดีใจมากที่ได้ดูอีกเพราะเราโคตรชอบพระเอกคนนี้เลย

    แต่การดูเมื่ออายุ 20 กับการดูเมื่ออายุ 30+ ช่างแตกต่างกัน...เมื่อเอามาดูใหม่ เรานะ อยากโดดเตะนางเอกมาก (คือเข้าใจอารมณ์สาวน้อยนะ แต่ แหม มันจะอะไรนักยะ ทั้งรักและดูแล...ยังไม่พอเหรอ)

    พอเราหงุดหงิดนางเอก เราก็นึกได้ว่า เอ ชั้นเองก็เคยเป็นอะไรคล้ายๆอย่างงั้นเหมือนกันนี่ เพียงแต่ไม่ได้วิ่งหาใครอีกคนเท่านั้น

    สรุปว่า น้ำตาไหลพรูก็เพราะอีตาพระเอกเป็นหลักเลย (ยกเว้นเรื่องหูหนวก พูดไม่ได้ พระเอกคนนี้เป็นสเปคเราเต็มๆเลยนะ // นอกจอ เค้าก็เท่มากๆนะ แถมนำแฟชั่นมากด้วย)

    ตอบลบ
  7. วลีนี้เห็นภาพเลย ^^

    ตอบลบ
  8. งัยอ่ะจ๊ะ
    ถ้าเค้าไม่รักเราหริอว่า
    เราไม่รักเค้า
    อยู่มันก้อทุกข์นี่นา

    ตอบลบ
  9. ก็ใช่พี่โอ
    ไม่รักกันอยู่ด้วยกันไปก็ทุกข์
    แต่มันไม่ใช่ไรที่จะตัดฉับแล้วขาดเลยนี่นะ

    ตอบลบ
  10. เดี๋ยวหารูปงานแถลงข่าวหนังเรื่องนึงให้ม้อยดูนะ

    พระเอกคนนี้เค้าดัดผมหยิก แต่งตัวเก๋กู๊ดมากมาร่วมงาน
    (แต่ในหนัง Hula Girl นั่น เค้าเป็นคนงานเหมืองเลยทำหล่อไม่ได้ ^ ^')

    ตอบลบ
  11. คนงานเหมืองแต่ดัดผมหยิกนะ ขอโทด

    ตอบลบ
  12. มากรี๊ดค่ะ

    One of my favorite J drama. I love everything especially the song.
    It is so powerful when it say the word " love " out loud.

    However, I do not remember the first episode why they have to be in the sea. - - "

    ตอบลบ
  13. หน้าร้อนมาถึง
    สาวน้อยตัวสั้นจะกระโดดเด็ดแอปเปิ้ลแดงจากต้น
    โดดยังไงก็ไม่ถึง ศิลปินหนุ่มร่างสูงมองอยู่นานชักรำคาญ เลยเด็ดให้

    แล้วสาวน้อยก็ปิ๊งศิลปิน

    ตอบลบ