วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2550

คิดถึงประจวบฯ

ไม่ใช่คุณประจวบ

แต่เป็นเมืองเล็กๆ ที่คนลงใต้ผ่านไป คนขึ้นเหนือผ่านมาที่ชื่อ ประจวบคีรีขันธ์

ความคิดถึงเกิดขึ้นเมื่อ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อได้คุยกับตัวเอกในซีรีส์เรื่องเก่าเกี่ยวกับหาดบ้านกรูดที่เดี๋ยวนี้ฝรั่งเริ่มนั่งรถไฟเลยหัวหินไปลงที่นั่นแล้ว ถึงแตงโมบางเบิดที่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครรู้จัก ซึ่งระหว่างนั้นฉันก็แอบนึกถึงร้านอาหารทะเลแถบเมืองเพชรที่ปลูกอยู่ริมปากน้ำ พอเย็นๆ น้ำทะเลขึ้น เราก็เหมือนกำลังนั่งโซ้ยซีฟู้ดกันอยู่กลางทะเลแห่งนั้น

บรรยากาศก็ดี อาหารเริ่ศแถมตอนนั้นเราสองคนก็ยังสามัคคีกันอยู่

ไม่เอาๆ ตัดกลับไปต่อที่ความคิดถึงประจวบฯ

วันนี้ซึ่งกำลังจะเตรียมตัวไปหัวหินอีกครั้ง หยิบแผนที่เมืองประจวบฯ ของนายรอบรู้ มาพลิกๆ ความคิดถึงก็ประดังเข้ามาจนล้นอก แทบจะนั่งไม่ติด ลุกกลับบ้านไปแพ็กกระเป๋าขึ้นรถไฟไปประจวบโดยไม่สนใจเงินในกระเป๋าและสีหน้าของหัวหน้า ('เว่อร์แล้ว)

ก่อนนี้ ฉันเองก็ไม่ผิดกับใครหลายๆ คนที่ได้แต่ผ่านประจวบฯ ไป ผ่านประจวบฯ มา จนมีเสาร์อาทิตย์หนึ่งในปี 2544-2545 ที่ตามนังโอ๋ขึ้นรถ บขส.สีส้มๆ ไปประจวบ โอ๋ชวนไปค้างประจวบฯ เพราะเพื่อนโอ๋ชื่อเจี๊ยบ (เพื่อนๆ เรียกต๋อย แต่ตอนนี้ทั้งโอ๋และต๋อยมีพัฒนาการไปมาก หล่อนทั้งสองมีลูกและผัวอย่างละหนึ่ง) นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้เหยียบเท้าลงในเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ เหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ทำให้ฉันรู้สึกสนใจ และแอบรักเอาดื้อๆ

ประจวบฯ มีส่วนคล้ายเมืองชุมพร บ้านเกิดป้าอ้อยที่เคยไปสัมผัสอยู่บ้าง ทั้งสองเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักที่น่าอยู่ ผิดกับเมืองใหญ่ที่โคตรจะวุ่นวายอย่างสุราษฎร์ธานี ซึ่งฉันต้องได้กลับไปเยือนอยู่บ่อยๆ เสียจริง

แต่ถ้าให้คะแนนนะ จะให้ประจวบฯ ชนะชุมพร เพราะประจวบเล็กกว่า เงียบกว่า แล้วก็มีภูมิประเทศน่าทอดหุ่ยที่สุด เหมาะกับคน "สุขนิยม" อย่างฉันที่สุด เพราะเมืองประจวบฯ ที่ได้เห็นวางตัวขนานไปกับ "หาดประจวบ" หาดรูปพระจันทร์ที่ด้านหนึ่งเป็นที่ตั้งของเขา "ตาม่องล่าย" ชื่อที่มีที่มาจากตำนานเรื่องเล่าเก่าๆ ของชาวบ้านแถบนั้น (ฟังดูมันลึกล้ำดี-ชอบ) มีสายลมและสัมผัสจากคลื่นเป็นเพื่อนอยู่ตลอดเวลา

เขา (ใครไม่รู้) สร้างเขื่อนหินกั้นแนวเมืองประจวบฯ ไว้จากคลื่น เขื่อนยาวสุดลูกหูลูกตานี้ไม่ใช่ของขวางหูขวางตา แต่ดูเข้ากับสภาพโดยรวมอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่า ภาพเมืองประจวบฯ  ทีได้เห็นในวันนั้นมันควรเป็นอย่างนั้นแหละ-ถูกแล้ว-สมบูรณ์แบบในแบบของมันแล้ว

ถ้าใครสักคนมีบ้านอยู่ในเมืองประจวบ ทุกเช้า และเย็น (ถ้าน้ำทะเลไม่ขึ้นจนคลื่นจูบเขื่อน) เขาคนนั้นจะมีที่วิ่งจ๊อกกิ้ง เล่นโยคะ แม้แต่พาน้องหมาไปออกกำลังกายที่ชายหาด ถ้าไม่ชอบให้ทรายเข้ามาในรองเท้า เขาจะขี่จักรยานแทนมอเตอร์ไซค์ก็ยังได้ หรือถ้าเขาเป็นคนใจบุญสุนทารและตื่นเช้าพอ เขาสามารถใส่บาตรได้ทุกเช้าอีกต่างหาก

(ลองนึกภาพฉากซิลลูเอทยามอรุณ สตรีสุขภาพดีวิ่งในรองเท้าอาดิดาส หูเสียบไอพอด มีหมาลาบราดอร์สีช็อกโกแลตร่างใหญ่กำยำวิ่งตามดิ-โคตรเพอร์เฟคท์) 

คนประจวบฯ ต้องสุขภาพดีแน่เลย

ไม่ใช่แค่นั้น คนประจวบต้องไม่ใช่คนที่จะนึกอิจฉาอาหารการกินของคนเมืองอื่นๆ เพราะคนที่นี่ไม่ได้มีแค่ของทะเลสดๆ กิน แต่แม่ครัวของเขายังมีฝีมือชนิดที่ฉันเอง ผู้ไปกินยำไข่แมงดาทะเลที่ร้าน "เพลินสมุทร" ในวันลมตึงวันนั้น ยังไม่อาจลืมรสชาติไข่แมงดาทะเล (ซึ่งได้กินเป็นครั้งแรก) ในรสชาติน้ำยำ กับไข่เจียวกรอบฟูของร้านนั้นได้

(นึกไปนึกมาจำได้อีกว่า เนื่องจากร้านตั้งรับลมทะเล บนโต๊ะก็เลยจะมีผิวที่เหนียวๆ เหมือนผิวเราเวลาเดินเล่นริมหาดนานๆ กับเหมือนมีทรายเม็ดเล็กๆ ที่เบาพอจะถูกลมพัดขึ้นมาวางบนโต๊ะได้ กับข้างๆ ร้านมีบ้านหลังเก่าๆ อยู่หลังนึง ดูลึกลับแต่ก็เป็นบ้านไม้แบบเก่าๆ ที่ฉันคิดว่าน่าอยู่เสมอ)

พูดถึงบ้านเก่า ดูเหมือนจะมีบ้านพักอุทยานฯ หรืออะไรสักอย่าง เป็นบ้านไม้ตั้งเรียงรายหาดไปทางที่จะไปเขาตาม่องล่าย จำได้ว่ากลุ่มพวกเราที่อยู่ด้วยกันเคยกะว่าจะนั่งรถไฟกลับมาเที่ยวประจวบใหม่ แล้วมาพักที่บ้านเหล่านี้ (ถึงจะมีตุ๊กแกก็ไม่เป็นไร) เรื่องอาหารการกินจะเข้าตลาดไปซื้อของสดมาทำกิน เย็นๆ ลงเล่นน้ำทะเลกัน พอตกค่ำ ใครอยากเมาก็เมา แต่ฉันจะขอชมดาวเมืองประจวบฯ สักหน่อย...

ฝันไว้สวยหรู แต่ไม่เคยพยายามทำให้มันเฉียดใกล้ความจริง เท่าที่เข้าใกล้ที่สุดคือ ระหว่างทางลงใต้ของฉัน พี่อ้อย และพี่โพด (ตอนนั้นยังไม่บวชพระ) ฉันได้โน้มน้าวให้ชาวคณะแวะชุมพร เพื่อกินข้าวที่ "เพลินสุมทร" อีก 1 ครั้ง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ประทับใจกันเท่าที่ควร อาจเพราะพวกเราเหนื่อยกับการถกเถียง และแวะมาแล้วตลอดทาง ตั้งแต่ออกจากโรงหนัง ดูเหมือนจะเป็น The Lord of the Ring ภาคแรก

แต่ถึงจะไม่เคยกลับไปเหยียบประจวบฯ เต็มสองเท้าอีกเลย แต่โมเมนท์เล็กๆ ในชีวิตที่ประจวบฯ ยังอยู่ในใจฉันเสมอ เป็นความทรงจำที่ทำให้ฉันบรรจุเมืองประจวบฯ ไว้ใน 1 ใน 5 เมืองที่น่าอยู่ ที่คิดจะไปอยู่จริงๆ อันได้แก่ เมืองกระบี่ แม่สอด ประจวบฯ น่าน (อันนี้ยังไม่เคยไปแต่คิดว่าต้องน่าอยู่แน่) แล้วก็ somewhere between ทางไปฝาง (แถบๆ บ้านป้าเอ-หรือแถบแม่ริมบ้านเอ๋ก็ยังโอ) 

เสน่ห์ของประจวบยังอยู่ที่สำเนียงเหน่อที่ยังไม่ใช่ภาษาใต้ ต้นมะพร้าวเรียงรางสองข้างถนนแถบทับสะแก ไหนจะสวนปาล์มอีกเพียบ (แน่นอนว่าย่อมมีไบโอดีเซลเป็นของตัวเองอย่างเหลือเฟือ) ไร่สับปะรดแถบบางสะพานเล็กบางสะพานน้อย แล้วก็เชฟที่คอดกิ่วบนแผนที่ประเทศไทย

คิดถึงประจวบฯ คิดถึงกลิ่นทะเลที่ประจวบฯ งานวัดและลิงที่ประจวบ 

อยากไปประจวบฯ จัง

ถ้าได้อยู่ประจวบฯ จะวิ่งจ๊อกกิ้งทุกเช้าที่ไม่มีมรสุม (แม้จะยังไม่มีหมาลาบราดอร์สีช็อกโกแลตหุ่นล่ำบึ้กวิ่งแนบข้าง)

และจะถ่ายภาพเมืองประจวบให้ทั่วเลย

 

ป.ล.ถ้าได้เป็นลูกสะใภ้คนเมืองประจวบโดยมีแม่ผัวทำกับข้าวเก่งๆ ก็คงดีนะ

7 ความคิดเห็น:

  1. เอ่อ น้องสาวแม่มีบ้านอยู่อ่าวมะนาว เป็นหมู่บ้านประมง
    เด็กหนุ่มขาวเลเพียบ เผื่อสนใจ อิอิ

    ตอบลบ
  2. ฮาดีอะ .. มีลูกผัวอย่างละหนึ่ง - - คิดได้ไงอะ

    ตอบลบ
  3. ความรู้สึกล่าสุดจากการไปเยือนส่วนหนึ่งของประจวบ (หัวหิน) คืออึดอัดง่ะ
    อยากเห็นหัวหินในวันที่ยังเป็นฉากใน "ปริศนา"
    หรือเป็นแบบหาดหน้าบ้านพุดซ้อน (ไม่รวมตุ๊กแกตัวใหญ่) สมัยเมื่อยังเรียนปี 3 ก็ยังดี


    เออ ไปหัวหินทริปนี้ยังไม่ยักได้เห็นทะเลหรอกนะ

    ตอบลบ
  4. ตั้งแต่วันที่ไปประจวบพร้อมกับพี่ม้อยในวันนั้น
    จนป่านนี้ยังไม่ไมโอกาสเหยียบดินเมืองประจวบอีกเลย

    อยากขี่จักรยานไปเก็บหอยแถวหาดตรงเขาตาม่องล่าย
    อ้อ..แต่มีลูกหมูซ้อนท้ายไปด้วยนะ

    ตอบลบ
  5. เอิ่ม

    แล้วพ่อมันล่ะคะโอ๋

    ตอบลบ
  6. ประจวบ (เหมาะ) หรือเปล่า

    ตอบลบ