วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551

๕ ปริศนาทางเพศที่อิฉัน(เพิ่ง)รู้คำตอบ



เรื่องราวต่อไปนี้เป็นการเก็บตกมาจากเรื่อง "๔๐ ปริศนาทางเพศที่ใครๆ ก็อยากรู้คำตอบ" เขียนโดย Jena Pincott  ซึ่งเรียบเรียงขึ้นจากหนังสือ Do Gentlemen Really Prefer Blondes? (เข้าใจว่า Penthouse Thai Edition แปลมาจาก US Edition)

อิฉันอ่านแล้วสงสัยว่าว่า ๓๕ ข้อในนั้นมันเป็นปริศนาที่ "ใครๆ" ก็อยากรู้จริงหรอ ในเมื่อคำตอบมันมีแน่เป็นแช่แป้งอยู่แล้ว เช่น

-ทำไมสาวผมยาวจึงเซ็กซี่ (เอ้า ก็เพราะมันดู feminine กว่าสาวผมสั้นกุดไง)
-ทำไมรองเท้าส้นสูงจึงทำให้ผู้หญิงเซ็กซี่ขึ้น (แหม๋ ใส่ส้นสูงมันก็ต้องเซ็กซี่กว่าลากแตะคีบหรือใส่รองเท้าวิ่งอยู่แล้ว)
-ผู้ชายชอบผู้หญิงผมบลอนด์จริงหรือ (แหง๋ล่ะก็มันดูบอบบาง แล้วก็ดูเด่นด้วย ผู้ชายเค้าไม่ชอบผู้หญิงลุค ordinary หรอกย่ะ)
-ทำไมผู้ชายจำนวนมากใฝ่ฝันอยากมีองคชาตที่ใหญ่ขึ้น (ยังต้องสงสัยกันด้วยหรอ?)

อ่านจนจบแล้วจึงสรุปได้ว่า ใน ๔๐ ข้อที่เขาว่ามานั้น มีแค่ ๕ ข้อที่เป็นอิฉันนึกสงสัยมานาน
แล้วก็เลยได้คำตอบเสียที

ปริศนาข้อที่ ๒๓ ทำไมคนเราจึงเอียงศีรษะไปทางขวาเวลาจูบกัน
คำตอบ คนส่วนมากจูบเอียงขวาเพราะเรามีมอเตอร์การเคลื่อนไหวที่โน้มเอียงไปทางด้านขวา และเราไม่ได้โดดเดี่ยว เพราะสัตว์จำพวกปลาก็มีแนวโน้มที่จะว่ายไปทางขวาเวลาเผชิญหน้ากับศัตรู แม่ไก่ก็ชอบหันหัวไปทางขวาตอนที่พวกมันนอนกกไข่ หนูก็นิยมวิ่งไปทางขวา ตอนที่พยายามหนีออกมาจากเขาวงกต
(จำไม่ได้ว่าเอียงไปทางไหน ร้างลาการจูบมาประมาณ ๑ ทศวรรษแล้ว)

ปริศนาข้อที่ ๒๔ ทำไมคนเราชอบจูบแบบลิ้นพันกัน (French-kiss)
คำตอบ ความจริงการจูบแบบเฟรนช์คิสไม่เห็นจะเซ็กซี่ที่ตรงไหน การแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของคนรัก นอกจากแลกเปลี่ยนน้ำลายกันแล้ว ยังเป็นการแพร่เชื้อแบคทีเรียไปในตัว แต่หลายคนก็บอกว่ามันให้ความรู้สึกดีมากๆ การจูบเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมในการเกี้ยวพาราสี เพื่อตัดสินศักยภาพทางร่างกายของคนรัก ว่ามีเคมีตรงกัน หรือเข้ากัีบตัวเองได้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้ มนุษย์ ๙๐ เปอร์เซ็นต์จึงมีวัฒนธรรมของการจูบ ตอนที่คุณประกบปากกับคนรัก หรือแม้แต่สอดลิ้นเข้าไปลิ้มรสน้ำลายของเธอ เปรียบเหมือนคุณกำลังสำรวจ "ลักษณะเฉพาะทางเคมี" ของเธอ เพราะน้ำลายและเหงื่อประกอบด้วยสารฟีโรโมนส์ ซึ่งสามารถทำให้คุณตื่นตัวหรือห่อเหี่ยวได้พอๆ กัน
(....มิน่าล่ะ)

ปริศนาข้อที่ ๓๔ ความรู้สึกทางเพศของผู้หญิงจะพุ่งสูงสุดในช่วงอายุ ๓๐ จริงหรือ
คำตอบ ยากที่จะสรุปด้วยเหตุผลทางชีววิทยา ว่าทำไมผู้หญิงอายุ ๓๐ ต้นๆ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของแรงขับทางเพศที่เข้มข้น ทั้งๆ ที่ผู้หญิงทุกช่วงอายุก็มีระดับความสำส่อน และการนอกใจไม่แพ้กัน ความเชื่อที่ว่าหญิงอายุ ๓๐ ต้นๆ เต็มไปด้วยแรงปรารถนาทางเพศและชอบกิจกรรมเข้าจังหวะบนเตียงนอน อาจเนื่องมาจากความคาดหวังทางสังคมและวัฒนธรรม บวกกับพวกเธอมีความเชื่อมั่นในเรือนร่าง เพศ และความสัมพันธ์กับคนอื่นเพิ่มมากขึ้น เธอจึงแสดงบทบาทตัวเองอย่างเต็มที่
(อิฉันก็ว่างั้นแหละ)

ปริศนาข้อที่ ๓๖ ผู้ชายกับผู้หญิงถึงจุดสุดยอดแบบเดียวกันหรือไม่
คำตอบ จุดสุดยอดของผู้หญิงโดยทั่วไปประกอบด้วยการบีบตัวเป็นจังหวะประมาณ ๓-๑๕ ครั้ง กินเวลาไม่เกิน ๑๕ วินาที แม้จะมีบางคนถึงจุดสุดยอดยาวนานถึง ๒ นาที แต่นั่นเป็นข้อยกเว้นที่เกิดขึ้นยากเต็มที ส่วนจุดสุดยอดของผู้ชายมีค่าเฉลี่ยในการบีบตัวคือ ๑๐-๑๕ ครั้ง กินเวลาประมาณ ๑๗ วินาที แต่ด้วยเหตที่ศูนย์กลางการรับภาพในสมองของผู้ชายจะตื่นตัวมากขึ้นเวลามีเพศสัมพันธ์ เป็นหลักฐานยืนยันว่า เพราะเหตุใดชายจึงแสดงออกมากกว่าหญิงระหว่างการร่วมรัก รวมทั้งวินาทีที่ถึงจุดสุดยอด ชายก็จะแสดงอารมณ์มากกว่า ถ้ามองโดยรวม ประสบการณ์การถึงจุดสุดยอดของผู้หญิงกับผู้ชายนั้นเหมือนกัน จะต่างกันก็ช่วงผ่อนคลายหลังจากนั้น ขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่ตามมาว่าเป็นไปในเชิงลบหรือบวก
(อ่านแล้วงง ยังสงสัยอยู่ว่ามันจะไปเหมือนกันได้ไง???)

ปริศนาข้อที่ ๔๐ โดยธรรมชาติแล้ว คนเราเป็นสัตว์ผัวเดียวเมียเดียวใช่หรือไม่
คำตอบ คำตอบคือ "ใช่" และ "ไม่ใช่" ในเวลาเดียวกัน มนุษย์อยู่ในกลุ่ม ๔ เปอร์เซ็นต์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางเพศเฉพาะตัวไม่เหมือนสัตว์อื่น บางคนบอกว่าเราเป็นสัตว์ผัวเดียวเมียเดียว แต่กฎข้อนี้ค่อยๆ จางหายไปอย่างที่รู้กันอยู่ ในปัจจุบันมนุษย์แทบทุกคนใช้ชีวิตแบบผัวเดียวเมียเดียวเป็นช่วงๆ โดยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคู่รักหลายคนต่อเนื่องกันไปตลอดอายุขัย พูดให้ตรงเป้าคือ เราเป็นสัตว์หลายผัวหลายเมีย แต่ยังอยู่ในระดับอ่อนๆ เมื่อเทียบกับสัตว์อื่น เพราะเรายังยึดหลักศีลธรรมอย่างเคร่งครัด นักพันธุกรรมศาสตร์ค้นพบหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า การอยู่กินกันแบบผัวเดียวเมียเดียวอย่างเคร่งครัดไม่เคยเป็นบรรทัดฐานทางสังคมของคน แต่มันกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในช่วง ๕,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ ปีก่อน ตอนที่เปลี่ยนผ่านวัฒนธรรมสู่การตั้งบ้านเรือนและสร้างชุมชนเกษตรขึ้นมาแทนการร่อนเร่และล่าสัตว์ บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือ สำหรับผู้คนส่วนใหญ่ ชีวิตแบบผัวเดียวเมียเดียวไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคำจำกัดความนั้นหมายถึง "การที่ต้องมีคู่นอนเพียงคนเดียวตลอดชีวิต"
(หึ หึ)

ใครจะว่าไงก็ว่ากันไปละฮะ
นี่แค่คัดมาให้อ่านกันเล่นๆ อีกตามเคย


หมายเหตุ: ภาพประกอบ copy มาจากหน้าหนึ่งในนิตยสาร Penthouse ฉบับประจำเดือนธันวาคม ๒๕๕๑
ขอบอกโดยไม่โฆษณาแฝงว่า เดือนนี้นางแบบสวยทั้ง ๓ คน


31 ความคิดเห็น:

  1. ม่ายเห็นมีคำตอบอะ อยากรู้เหมือนกันฮะ

    ตอบลบ
  2. คำตอบดูกำกวมนะฮะ อ่านแล้วงงๆ เพราะเปนฉบับแปลหรือป่าวฮะ

    ตอบลบ
  3. ไอ้เรื่องแบบนี้มันแปลทั้งนั้นแหละ
    แต่ไอ้แบบที่ไม่แปล ที่หมอเขียน ก็กำกวมเหมือนกัน
    เพราะว่าพวกหมอชอบเขียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า

    เจ้สรุปให้มะ เจ้ว่ามันไม่เหมือนกันหรอก
    ยกตังอย่างง่ายๆ เลยนะ
    ผู้ชายถึงแล้วหมดแรง
    แต่ผู้หญิงไม่

    โฮ่ โฮ่ โฮ่

    ตอบลบ
  4. ใช่เลยล่ะ นี่เป็นเหตุผล ที่ตอบได้ว่าทำไม บางคนเราถึงอยากจูบ บางคนเราเฉยๆ บางคนเราไม่.. มันมาจากการตัดสินใจของร่างกาย โดยสมองควบคุมสั่งการ ผ่านสารเคมีในสมองที่หลั่งออกมา ณ เวลาอยู่ใกล้คนนั้นๆ หรือ คิดถึงคนนั้นๆ สารเคมี(ฮอร์โมน)แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานในรูปสัญญาณไฟฟ้า ตื๊ด ตื๊ด ปิ๊ง ปิ๊ง ใช่ ไม่ใช่ โดน ไม่โดน
    (หัวใจเต้นแรง หน้าแดงทุกที ใช่เธอหรือนี่ ที่คอยตลอดมา.. ควบคุมไม่อยู่ รู้เลยว่าตัวสั่น)

    ถ้ามนุษย์ชายหญิงสองคนเกิดมาบนเกาะ ที่ไม่มีใครอยู่เลย ??
    คิสส มันเป็นวัฒนธรรม หรือ สัญชาติญาณ

    ผมคิดว่า มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่ส่งผ่านมาทางโครโมโซม คือไม่ต้องเห็นใครทำที่ไหน ไม่ต้องดูผ่านทีวี วีซีดี คลิป เราก็ทำมันได้เองโดยอัตโนมัติ ตามวิวัฒนาการของมนุษย์

    ตอบลบ
  5. ...ดูเหมือนคุณคนโสดจิงจังกะการจูบจิงนะฮะ

    ตอบลบ
  6. โอ้วว รูปประกอบสวยจังงงง ^ ^

    ตอบลบ
  7. รูปประกอบ ผู้ชาย หรือ ผู้หญิงอ่ะ ดูไม่ออก

    เอ๊ะ หรือว่า รูปเจ้าของบ้าน !!!

    ตอบลบ
  8. มี tags เป็นสมเกียรติซังด้วย อย่าบอกนะว่า...

    ตอบลบ
  9. อ่านกระทู้่ทองจนตาถั่วไปซะแล้ว

    ตอบลบ
  10. "หมายเหตุ: ภาพประกอบ copy มาจากหน้าหนึ่งในนิตยสาร Penthouse ฉบับประจำเดือนธันวาคม ๒๕๕๑
    ขอบอกโดยไม่โฆษณาแฝงว่า เดือนนี้นางแบบสวยทั้ง ๓ คน"

    เขียนไว้ท้ายบทความฮะ

    ตอบลบ
  11. อ้าว แล้วภาพปลากรอบหายไปไหน ?

    ตอบลบ
  12. ไม่ได้หายไปไหนหนิ

    ตอบลบ
  13. ตะกี๊ มันหายไป คิดว่าภาพเจ้าของบ้านซะอีก

    ตอบลบ
  14. ...คงจะไม่บึ๋งบั๋งขนาดนั้นมั้งฮะ

    ตอบลบ
  15. ขอบอกโดยไม่โฆษณาแฝงว่า เดือนนี้นางแบบสวยทั้ง ๓ คน <<< โอเคฉบับนี้ซื้อ!

    ตอบลบ
  16. ผลสำรวจชี้ชัด "ผู้ชาย" ชอบ "ผู้หญิง" ผมยาวเป็นลอนที่สุด ..."ผมซอยสั้น" รั้งที่โหล่

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1230950516&grpid=01&catid=06

    ตอบลบ
  17. ช่างผู้ชายแม่งดิ

    ตอบลบ
  18. ไหนบอกปีนี้จะใจเย็นไงแม่นาง ลืมแล้วเหรอ?

    ตอบลบ
  19. อุ๊บส์...ลืม

    เอาใหม่

    ช่างผู้ชายแม่งสิคะ

    ตอบลบ
  20. ผู้หญิงผมสั้นน่ารักดีออก

    ตอบลบ
  21. หรือเอ็งซอยผมสั้นอยู่

    ตอบลบ
  22. ใช่! มันต้องแบบนี้สิค่ะเพื่อนม้อยขาาาาา ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ

    ตอบลบ
  23. ข้าหมายฟายว่า
    ผู้ชายอยากชอบผู้หญิงไว้ผมทรงไหนก็เชิญเลือกเอาตามใจแม่งเหอะ
    ไอ้เรื่องทรงผมนี่มันน่าจะอยู่ที่ความพอใจของคนไว้
    ไว้ผมสั้นไม่ได้หนักหัวใคร ถ้าจะไม่ีมีใครชอบ กูก้อชอบของกูคนเดียวพอแล้ว

    ไอ้ที่อยู่บนหัวก็ใช่ว่าจะตั้งใจไว้นะคระเอ็ง
    มันยังไม่มีเวลา+ตังค์ไปตัดน่ะ

    ป.ล. ข้าเข้าใจผู้ชายดี
    เพราะข้าเองก็ชอบผู้ชายผมดก สะอาด อ่อนนุ่ม ไร้รังแคเหมือนกัน

    ตอบลบ
  24. ปีนี้ช่างใจเย็นและมีเมตตา ต่อสัตว์โลกเพศชายเป็นมี่ซู๊ดดดดดด..... คิกคิก ^_______________^

    ตอบลบ
  25. เมตต้า-เมตตา

    หุ หุ

    ตอบลบ
  26. คนเราล้วนมีปัญหา
    อย่าไปกลัว ย่อมมีทางแก้ไข
    คุณหมอของเรา ท่านแนะนำให้
    ฝึกกันให้ได้อย่างน้อย...
    ...วันละสองร้อยที...

    ..คิกคิกคิก...

    ตอบลบ