วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551

The Orphanage : ยังไม่เข้าใจแม่

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Horror
วันอังคาร ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ จับพลัดจับผลูไปดูหนังผีสเปนกับปกรณ์
คือตอนแรกไม่รู้ว่ามันคือหนังอะไร ไม่ได้เตรียมตัวไปล่วงหน้า แค่นัดกันประมาณเที่ยงครึ่งที่สยาม แล้วไปดูกันว่าน่าดูเรื่องอะไรบ้าง

อยากดู Australia แต่เพื่อนดูแล้ว (แถมบอกว่าไม่หนุก-ใช่สิ เอ็งจะหนุกกะกล้ามแน่นๆ ของฮิว แจ็คแมนเรอะ?) เพื่อนยังไม่ได้ดู Burn after Reading ก็บอกให้เพื่อนดู เผื่อเพื่อนได้ขำ เดี๋ยวเราจะดู The Orphanage เอง เพราะว่าดูมันน่าดูที่สุดจากที่เหลือ (วันนั้นไม่อยากดูหนังญี่ปุ่น) เสร็จแล้วออกมาเจอกัน

ปรากฏว่าเพื่อนตัดสินใจมาดูเรื่องเดียวกัน ซึ่งก็ดีมากเลย เพราะไม่รู้มาก่อนว่า มัน - เป็น - หนัง – ผี และมันน่ากลัว มาก – มาก ถ้านั่งดูคนเดียวอาจมีกรี๊ดได้

หนังเล่าถึงชีวิตเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นกันมาตั้งแต่แม่ (ลอร่า) ซึ่งมีคนขอรับไปอุปการะ เช่นเดียวกับลูก (ซีโมน) เด็กกำพร้าขี้โรค ซึ่งเธอและสามีหมอขอรับมาอุปการะตั้งแต่ยังแบเบาะ

ลอร่าผูกพันกับบ้านหลังใหญ่ที่เคยเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้า เมื่อถึงวันที่เธอพร้อม อยากเปิดสถานอุปการะเด็กกำพร้าที่เป็นเด็กพิเศษบ้าง เธอจึงเลือกบ้านหลังนี้ ซึ่งถูกปล่อยร้างอยู่เกือบ ๓๐ ปี หลังจากเธอออกจากบ้านไป เพราะการหายตัวไปอย่างลึกลับของเด็ก ๕ คนที่เหลือ

ทำไมหนอทำไม บ้านเก่าแสนเก่า มีเสียงไม้ลั่นดังเรื่อยๆ อยู่ใกล้ชายหาดก็จริง (สวยด้วย) แต่แถวๆ หาดดันมีถ้ำน่ากลัวๆ ที่จะเป็นโพรงใหญ่เฉพาะตอนน้ำลด...ที่แบบนี้มันน่าเลี้ยงเด็กตรงไหน อิฉันงง

ความแปลกประหลาด เพี้ยนพิลึก เริ่มตั้งแต่ครอบครัวน่ารักครอบครัวนี้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้าน ดูเหมือนลอร่าก็รู้สึก (แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้นำพา) คุณสามีหมออาจจะไม่มีทั้งเซ้นส์และความผูกพัน ส่วนหนูน้อยซีโมนวัย ๗ ขวบ แม้จะป่วยเป็นโรคประหลาด (VIH หรือ IVH อะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ HIV) ต้องกินยาทุกวัน แต่ก็มีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูผิดเด็กป่วยซึ่งเล่าเสมอว่าเล่นกับคนโน้นคนนี้ มีเพื่อนเยอะแยะรอบตัว ฯลฯ ก็ไม่ได้รู้สึกว่า “เพื่อน” ของพวกเขา ที่ไม่มีใครอื่นมองเห็นตัว เป็นสิ่งที่ควรจะกลัว ลอร่าเอง แรกๆ ก็คิดว่าที่ลูกพูดถึงเพื่อน คงเป็นแค่จินตนาการในแนวเดียวกับเรื่องปีเตอร์แพนที่เธอเล่าให้ลูกฟัง (อิฉันเดาว่าบางทีลอร่าก็เชื่อว่าเรื่องเล่าของซีโมนคือความพยายามแย่งความสนใจไปจากเธอซึ่งกำลังยุ่งกับการเตรียมตัวรับเด็กพิเศษคนแรกที่จะมาถึงบ้านเท่านั้น)

เมื่อลอร่าพาซีโมนไปเดินเล่นริมหาด เด็กน้อยก้าวเข้าไปสำรวจในโพรงถ้ำน่าสยองที่อิฉันเล่าไป แล้วดันไปคุยกะใครไม่รุตรงมุมมืดๆ (ไม่มีใครมองเห็นตัว) แถมชวนกันมาเล่นที่บ้านอีก หืยยยย... อิฉันได้ขนลุกเป็นคราวแรกก็คราวนี้แหละ

นอกจากนี้ยังมีการมาเยือนของคุณยายน่าสยองคนหนึ่งที่ลอร่าคุ้นหน้า แล้วก็เกมเพี้ยนๆ ที่ซีโมนชวนแม่มาเล่นด้วยนั่นอีก

เมื่อซีโมนหายตัวไปในวันลอร่าจัดปาร์ตี้ต้อนรับเด็กคนแรกที่มาถึงบ้าน (ให้ตาย ปาร์ตี้นี้แม่งโคตรเพี้ยน เด็กพิเศษหน้าตาไม่น่าเอ็นดูเหมือนเด็กปกติไม่พอ ผู้ใหญ่ยังอุตริจัดเป็นปาร์ตี้เด็กพิเศษสวมหน้ากากอีกนะ) ลอร่าแทบคลั่งขณะค้นหาตัวซีโมนตามห้องต่างๆ ของบ้านหลังใหญ่ และในที่สุด เธอก็ถูกขังไว้ในห้องน้ำโดยเด็กสวมหน้ากากกระสอบคนหนึ่ง ใช่... ในที่สุดเจ๊เค้าเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเรื่องที่เกิดมันไม่ปกติ ออกจากห้องน้ำได้ก็ร้องกรี๊ดๆ วิ่งเรียกชื่อลูกลงทะเล หกล้มหกลุกขาหักขาแพลงกันไปก็ไม่ยอมหยุด เพราะตอนนั้นน้ำขึ้นแล้ว เริ่มท่วมปากถ้ำ แล้วตัวเองดันเห็นลูกยืนอยู่ที่ปากถ้ำอีก ดีที่ผัวตามไปหยุดไว้ทัน ไม่งั้นเรื่องคงจบตั้งแต่ตอนนั้น เพราะเข้าไปจมน้ำตายติดแหงกอยู่ในถ้ำ แถมซีโมนไม่ได้อยู่ในนั้นอีกด้วย

จากนั้นหนังก็เล่าถึงการค้นหาอย่างบ้าคลั่งของพ่อแม่คู่นี้ จากสามเดือน เป็นเก้า เธอเอามันทุกวิธี ตั้งแต่ติดประกาศตามหา ไปจนเข้าทรงถามวิญญาณ เราได้เห็นความพยายามของลอร่า ความเคร่งเครียด กดดันตัวเอง ฯลฯ จนผัวทนไม่ได้ ยื่นคำขาดว่าต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้ (เพิ่งคิดได้นะยะ) ซึ่งหนังก็เขียนบทไว้ได้เนียน นักแสดงก็เล่นดี ด้วยความที่เชื่อว่าชีรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เป็นทุกข์เป็นร้อนกับการหายตัวไปของลูกชนิดที่กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทั้งที่ไม่ใช่ลูกในอุทร โอเค ชีอาจจะแค่อยากรู้เท่านั้นว่าลูกตายไปแล้ว (จะได้หมดห่วง) จะอะไรก็ตาม อิฉันเกิดคำถามหนึ่งขึ้นในใจ...นี่แม่เค้ารักลูกกันอย่างนี้หรอ? ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกที่ตัวเองให้กำเนิดด้วยใช่ไหม?

ตอนที่ลอร่าเจอซีโมนตอนท้ายเรื่องนั่น ก็สงสัยอีก เฮ้ย นี่เค้ารักลูกจนทำได้ขนาดนี้เลยเรอะ? เค้าทำอย่างนี้เพื่อไร เพราะว่าห่วงลูกที่ป่วยอยู่ ต้องกินยาทุกวัน? หรือเพียงเพื่อให้ตัวเองหายจากความรู้สึกผิด เพราะปล่อยให้ลูกหายไป? ความมองโลกในแง่ร้าย และไม่เคยเป็นแม่คนมาก่อนทำให้คิดไปอีกว่า... หรือที่เค้าเป็นอย่างนี้เพราะแค่จะตามหาสมบัติชิ้นสำคัญของเค้าวะ??? (ดูอิฉันสิคุณ)

ถ้าคุณไปดู (อยากให้ไปดูนะ) จะเห็นปริศนาที่ค่อยๆ เฉลยขึ้นที่ละน้อยๆ จนในที่สุดคุณก็จะแจ่มแจ้งเหมือนเติมภาพจิ๊กซอว์ขนาด ๒,๕๐๐ ชิ้นครบ จากประสบการณ์หารดูหนังผีที่มีอยู่น้อยนิด อิฉันพบว่ามันเป็นหนังผีที่เขียนบทลงตัวมากอะ มันมี logic มีเหตุมีผล มีจังหวะลงตัว มีการแสดงที่ยอดเยี่ยม มีรสนิยมการใช้เอฟเฟคท์ที่คลาสซี่มาก ไม่ฟุ่มเฟือย แต่อิมแพคสุดๆ ตอนที่เค้าจะจัดให้คุณสยองนะ คุณจะสยองจนแม้แต่ขนอ่อนริมใบหูยังพลอยลุกไปด้วย

เป็นเอาได้ขนาดนี้ แต่หนังเรื่องนี้ก็จบได้สวยมาก ไม่จัดเป็นแฮปปี้เอนดิ้งหรอก (อย่างนั้นคนดูที่ทั้งสงสัยว่าซีโมนมันหายไปไหนวะ แล้วเอาใจช่วยลอล่าตามหาลูกมาตลอดเรื่องคงก่นด่า-อย่างน้อยก็อิฉันคนหนึ่ง) เป็นการจบที่สยอง แต่ก็ลงตัว

สรุปว่าชอบหนังผีเรื่องนี้มาก

ยกให้เป็นหนังสุดยอดแห่งการสยองขวัญของปี ๒๕๕๑ เลยล่ะ






บันทึก
• ชื่อสเปนของหนังคือ El Orfanato (ชื่อไทยแม่งห่วย-สถานรับเลี้ยงผี)
• ที่จริงไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่านี่เป็นหนังสเปน
• (แอบดีใจที่ยังฟังออกหลายคำอยู่)
• มารู้ว่าเป็นหนังผีอีตอนไตเติลนั่นแหละ
• ฉากเปิดเรื่องเป็นฉากที่ทั้งสวยและระทึกอยู่ในที ทั้งจากดนตรี การเหวี่ยงกล้อง และ un-dos-tres นั่นด้วย
• หนังผีฝรั่งนี่ดี ไม่ต้องเรียกความสยองกันด้วยผีหน้าเละ เลือดไหล น้ำเหลืองเยิ้ม
• ผู้กำกับชื่อ ฆวน อันโตนิโอ บาโยน่า
• เรื่องนี้เขียนโดย เซอร์จิโอ้ จี. ซานเชซ
• ไม่คิดมาก่อนว่าคนสเปนจะทำหนังผีดี และมีรสนิยมถึงเพียงนี้
• ฉายในเครือเอเพ็กซ์เท่านั้น เช็ครอบฉายที่ 0 2252 6498


21 ความคิดเห็น:

  1. ถ้ามองจากมุมแม่และคนทรง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องผี
    ถ้ามองจากมุมพ่อและตำรวจ คงปิดคดีว่าแม่โรคจิต

    ตอบลบ
  2. ขอแนะนำฉากอาบน้ำของคุณแจ็คแมน.. น่าจะสนุกมาก

    ปล.อย่างที่บอกเห็นนิโคลนึกถึงมูแลงรูจ

    ตอบลบ
  3. .....เย็นนี้ออกไปดูดีฝ่า

    ตอบลบ
  4. เขียนซะสยองขนาดนี้ ใครจะกล้าไปดูฟะ ได้ข่าวมาเหมือนกันว่าดี แต่เจ๊ไม่นิยมเสพหนังสยองขวัญจ้ะ
    กลัวแมว 3 ก็เอาไม่อยู่ กันผีไม่ได้

    ตอบลบ
  5. ตั้งชื่อไทยแม่ง....

    อิอิ แต่เค้าก็กัวอยู่ดีฮะ

    ตอบลบ
  6. ถ้ามันเป็นหนังดีที่เอ็งชอบ ข้าก็ดีใจด้วยนะ
    เหมือนหลังๆมานี่เอ็งดูแต่หนังที่เอ็งไม่หนุก

    ตอบลบ
  7. คุณม้อยดู Tokyo sonata หรือยัง ?

    ตอบลบ
  8. หวังว่าจะอยากดูหนัง
    ไม่ใช่แนวขนอ่อนริมใบหู

    ตอบลบ
  9. ชื่อไทย แมร่ง ได้ใจ

    ตอบลบ
  10. เหมือนเหตุการณ์ตอนที่เราสามคนพ่อแม่ลูกไปนอนที่สุโททัย
    แล้วเลบอกว่ามีเพื่อนมาเล่นด้วย แล้วก็พากันจูงมือวิ่งเล่น (ยังสยองไม่หายเลยเนี่ย)
    ซักพักวิ่งกลับมาบอกว่า น้องเค้าพาแม่มาด้วยนะ

    พ่อดันถามอีกว่าเค้าแต่งตัวยังไง
    เลทำท่านึก....มีผ้าพาดพัน ๆ พาด ๆน่ะพ่อ!

    อึ๋ย..

    ตอบลบ
  11. น่าจะสอนให้เลขอเลขมาหน่อย

    ตอบลบ
  12. ไว้ม้าน้อยไปสุโขทัยเมื่อไหร่ ก็แวะถามเองละกันนะ

    ตอบลบ
  13. ไปสุโขทัยก็ไม่เคยคิดจะค้างละฮะ

    ตอบลบ
  14. คุณม้อย..
    ผมไปดูหนังเรื่องนี้มาแล้วเมื่อวาน
    คิดว่า The Lemming สยองมากแล้ว
    แต่เรื่องนี้สยองมากกว่า......
    เป็นหนังผีที่ผมดูแล้วชอบมาก

    สุดยอดครับ..

    ตอบลบ