วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551

บางเรื่องที่ไม่รู้เหตุผล ตอนที่ ๒ การครอบงำ


“ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวค่ะ”

ภารดีกล่าวพร้อมกระพุ่มมือไหว้ เมื่อเขาจอดรถตามที่เธอต้องการ แล้วก็ก้าวลงรถ ยืนมองจนรถเก๋งสีดำคันนั้นวิ่งกลืนกับคลื่นจราจรเวลาสามทุ่ม ก่อนจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน

 
หลายชั่วโมงผ่านไปกลิ่นกายของชายคนนั้นยังติดจมูก มันไม่ใช่ทั้งกลิ่นอาฟเตอร์เชฟ และกลิ่นตัว แต่เป็นกลิ่นแปลกที่ทำให้เธอรู้สึกอะไรบางอย่างซึ่งอธิบายยาก มันเหมือนกับว่าร่างกายของเขาประกาศศักดาออกมาทางกลิ่นกาย ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงอำนาจในการครอบงำจิตใจ จากเขา

 
ประกายตาของเขาก็เช่นกัน

ปราดแรกที่เห็น มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกไฟดูด รอยยิ้มที่ฉาบฉายบนริมฝีปากหนาคู่นั้นอีก ที่ทำให้เธอสูญเสียความมั่นใจ ทำอะไรไม่ถูก

 
ได้เจอกันเสียทีนะ เขาพูดยิ้มๆ ยิ้มด้วยตาและปากที่ทำให้เธอต้องก้มหลบ

วันก่อนก็ควรจะได้เจอแล้วนี่คะ กล่าวแล้วภารดีก็เชิดหน้าขึ้นสบตา ใช่-วันนั้นเขาผิดนัดเอง

พี่ขอโทษจริงๆ วันนั้นฝนตกหนักมาก น้ำท่วม แล้วรถก็ติด มาไม่ได้จริงๆ

 
...เป็นคนนัดเอง มาไม่ได้ แต่ไม่โทรบอก แล้วก็ไม่รับสายอีกด้วยภารดีนึกในใจ ไม่ว่าอะไร เพียงยิ้มอย่างยากจะเดาความหมาย แล้วออกเดินไปเคียงกับเขา

 
...แล้วเขาก็ถือวิสาสะจับมือเธอครั้งแรก

เป็นการจับอย่างตั้งอกตั้งใจ

เธอไม่พูดอะไร แค่ยิ้ม บิดมือเบาๆ ให้หลุดจากการเกาะกุม นึกรอฟังคำพูดของเขา

แต่เขาไม่เอ่ยอะไร ได้แต่หัวเราะราวผู้ใหญ่เอ็นดูกริยาน่าขันของเด็กๆ

 
ภารดีไม่คิดว่าเขาจะจับมือเธออีกครั้ง แต่เขาก็จับ

น้ำหนักการดึงมือกลับในคราวนี้ทำให้เขาต้องถาม ทำไมล่ะ คิดถึงจะตาย กว่าจะได้เจอกัน ให้พี่จับมือหน่อยไม่ได้หรือครับ?

ไม่ได้ค่ะ เธอตอบเบา เพียงสั้นๆ ไม่มีคำอธิบายมากกว่านั้น

มันทำให้เขาหัวเราะแบบเดิมอีกครั้ง

 
แล้วบทสนทนาระหว่างมื้ออาหารก็เริ่มขึ้น เขาเล่าอะไรหลายอย่าง แต่ภารดีไม่คิดว่าเวลา ๒ ชั่วโมงของการนั่งสบตากัน ตามที่เขาร้องขอจากเธอมาตลอด และเรื่องหลายเรื่องที่เขาเป็นฝ่ายเปิดปากเล่าให้ฟังเองนั้น จะช่วยให้เธอรู้จักเขามากขึ้น

 
เธอยังคงอ่านไม่ออกว่าเขาคิดอะไร

เธอยังคงสับสน ด้วยไม่รู้ว่าจะเชื่อว่าเรื่องไหนที่เขาเล่าคือเรื่องจริง

หรือที่เล่ามาคือความจริงทั้งหมด

หรือที่เล่ามา ไม่มีเรื่องจริงเลย

 
เธอยังคงสงสัยว่าทำไมเขายังรักษาความลึกลับได้เหนียวแน่นนัก

ผิดกับเธอ

ขณะอยู่ต่อหน้าเขา ตาคู่นั้นส่งประกายออกมาเย้ยว่าเขาอ่านเธอได้ทะลุประโปร่ง

 
ตาสบกัน เขาอยู่ในอิริยาบถแสนสบาย แต่ทำไมเธอจึงรู้สึกเปล่าเปลือยเช่นนี้?

 
อันตราย

ภารดีสรุปกับตัวเองหลังนอนกระสับกระส่ายมาู่พักใหญ่ ด้วยจมูกยังจำกลิ่นกายของเขาที่ติดอยู่กับมือ

 
นั่นเป็นวิธีเดียวกับที่แมวตัวผู้ฝากกลิ่นแสดงอาณาเขตหรือเปล่านะ?

 
เธอยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้





ติดตามเรื่องอ่านเล่นตอนเก่าได้ที่:

http://mandymois.multiply.com/journal/item/144 (ตอนที่ ๑)

15 ความคิดเห็น:

  1. (^_^)

    สวัสดียามเช้าครับพี่

    ตอบลบ
  2. ‘นั่นเป็นวิธีเดียวกับที่แมวตัวผู้ฝากกลิ่นแสดงอาณาเขตหรือเปล่านะ?’
    ...

    คนนะไม่ใช่แมววว 555 เขียนอีก รออ่าน

    ตอบลบ
  3. เขียนซะ..นะ..น่าอ่านน่าติดตาม

    ตอบลบ
  4. แมววว เกี่ยวกะเขาด้วย

    ตอบลบ
  5. ..เมื่อเธอก้าวลงจากรถไปแล้ว ใจเขายังเต้นตื่นตูมตาม อยู่ไม่หาย
    เธอไม่ได้อ่อนโยนอย่างที่เขาคิดไว้ทีเดียว
    แต่ก็ไม่แกร่งก้าวเกินไปนัก เธอฉลาด เท่าทัน แต่แววตานั้น ก็ดูท้าทายอยู่ไม่น้อย
    เดี๋ยวคืนนี้ คงได้หยั่งความรู้สึกเธอดู ว่าเธอคิดยังไง กับเขาบ้าง...

    แซวเล่นนะม้อย...สนุกดี ตื่นเต้น ระทึกขวัญ...ยังกะตอนต่อไปจะเกิดการฆาตกรรม งั้นแหล่ะ

    ตอบลบ
  6. ดีนะที่เป็นแมว แค่คลอเคล้าคลอเคลียพันแข้งพันขา ถ้าเป็นน้องหมา คงจะยกขาฝากรักเข้าให้

    ตอบลบ
  7. เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือเปล่าครับเนี่ย...

    ตอบลบ
  8. แล้งน้ำใจ
    จับมือเค้าแล้ว ยังไม่ยอมไปส่งบ้านอีก


    ตอบลบ
  9. แน่ใจนาว่ายังหาคำตอบไม่ได้ ภารดี........(แซวเล่นนะจ๊ะ).

    ตอบลบ
  10. อืมมมมม น่าติดตามแหะ เรื่องนี้ มีลุ้น อีก ตามประสาคนมีประสบ กา มมมมมมม อ่ะ ไม่ใช่พิมพ์ ผิด ตามประสา อาบน้ำร้อนมาก่อนล่ะกัน เด็กเอ๋ยเด็กน้อย หนูน้อยภารตี

    ตอบลบ
  11. ลึกลับ = อันตราย มนุษย์มักกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จัก

    ตอบลบ