วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Love Me If You Dare: แน่จริงมารักกันมะ?

Rating:★★★
Category:Movies
Genre: Romantic Comedy
หนังฝรั่งเศสที่ดูมาเป็นหนที่ ๓ ได้
สองหนแรกจำไม่ได้ว่าเคยสงสัยแบบนี้ไหม แต่ครั้งที่ดูวันนี้ดิฉันนึกถึงหนังฝรั่งเศสอีก ๒ เรื่อง จนต้องไปดูว่าผู้กำกับคนเดียวกันไหม-ปรากฏว่าไม่ใช่ เพราะว่า
Love Me if You Dare หรือ Jeux d’Enfant (2003) กำกับโดย Yann Samuell
Amelie (2001) กำกับโดย Jean-Pierre Jeunet
ส่วน Ma Vie en Rose (1997) กำกับโดย Alain Berliner

คนละคนกันเชียว แต่ไหงดิฉันถึงรู้สึกว่าหนัง ๓ เรื่องนี้มีบางอย่างที่รีเลทกันจัง
สงสัยจะเป็นฉากแฟนตาซีบอกความนึกคิดของตัวละคร
(เอ๊ะ ทำไมคนฝรั่งเศสชอบกันจัง)

หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของเด็กวัยประถมเจ้าปัญหาสองคน คนแรก จูเลียน โรคร้ายกำลังจะพรากแม่ไปจากเขา ทิ้งไว้ให้อยู่กับพ่อที่เลี้ยงลูกไม่เป็น ส่วนเด็กอีกคนคือ โซฟี น้องคนนี้เหมือนถูกถีบออกนอกกลุ่มให้กลายเป็นคนนอก เธอถูกเพื่อนๆ ล้อเลียนว่าเป็น “ยัยซื่อบื้อ” เชื่อว่าเพราะหน้าตาเป็นลูกเป็ดขี้เหร่และเชื้อชาติที่ไม่ใช่ฝรั่งเศสของเธอ อาจจะรวมถึงสำเนียงด้วย (ไม่กล้าฟันธงเพราะไม่สันทัด)

วันหนึ่งแม่ของจูเลียน ให้กระป๋องสังกะสีรูปม้าหมุนกับจูเลียน เธอบอกกับลูกว่า ให้เก็บเอาไว้ให้ดีเพราะนี่คือสมบัติล้ำค่า และลูกก็คือสมบัติล้ำค่าของแม่ วันนั้นจูเลียนซึ่งยังไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องตาย ความตายคืออะไร ถือกระป๋องใบนี้ขึ้นรถ ไปโรงเรียนเองเพราะพ่อไม่ไปส่ง จะอยู่เฝ้าไข้แม่ ทำให้เขาเห็นโซฟีกำลังโดนแกล้ง (แกล้งกันแรงจริง เด็กฝรั่งเศส) เขาเลยยื่นกระป๋องสังกะสีใบนั้นให้โซฟี บอกว่าเป็นการแบ่งปัน แต่ว่า.. ว่างๆ ขอเล่นมั่งนะ (ใจกว้าง แต่ยังแอบงก)

ยัยโซฟีก็แสนจะร้าย สวนกลับทันทีว่าให้แล้วจะเอาคืนหรือไง อยากได้ก็ต้องพิสูจน์ แน่จริงก็....สิ

แล้วทั้งสองก็เริ่มเกมท้าทายให้อีกแต่ละคนทำสิ่งพิเรน กวนประสาทผู้ใหญ่ เพื่อผลัดกันครอบครอง “สมบัติล้ำค่า” กระป๋องนั้น และเล่นเกมนี้มาจนโต

เวลามีคนท้าให้เราทำอะไรสักอย่าง เพื่อแลกกับบางอย่าง จะทำหรือไม่ทำมันคงแล้วแต่ว่าเราอยากได้ของสิ่งนั้นแค่ไหน แต่ในกรณีนี้ กระป๋องที่ยิ่งนานปีก็ยิ่งโปเกลงเรื่อยๆ ใบนั้น เหมือนเป็นแค่สัญลักษณ์ ที่สองคนนี้ยอมทำบ้าๆ ตามที่อีกคนสั่ง มันก็เพื่อทำให้อีกคนพอใจ เป็นการเอาใจนั่นเอง

ส่วนฝั่งคนสั่งให้ทำ ก็สั่งเพื่อท้าทาย

สองคนนี้็เล่นกันจนตอนหลังต้องเจ็บปวดใจ เพราะว่าแยกไม่ออก ตอนไหนคือเกม ตอนไหนคือการกระทำที่มาจากใจจริง

พยายามคิดว่าหนังเรื่องนี้มีแมสเซจอะไรแฝงอยู่บ้าง นอกจากเล่าเรื่องความเครซี่อินเลิฟของจูเลียน (ตอนโตเล่นโดย Guillaume Canet) กับโซฟี (Marion Cotillard) ...ก็ยังนึกไม่ออกว่ามี

ก็เลยนึกต่อไป ว่าแล้วสองคนนี้ ใครรักใครมากกว่ากัน? ซึ่งถ้าไปชมตอนท้ายๆ เรื่อง คงจะเข้าใจผิด คิดว่าเป็นฝ่ายชาย ซึ่งทำบ้าทำบอขนาดทิ้งลูกเมีย ฐานะการงาน และพ่อของตัวเอง เพียงเพื่อทำตามความพอใจของยายโซฟี

...แต่แล้วก็นึกถึงซีนนึงขึ้นมา

ตอนที่สองคนนี้ไปเล่นซนใต้สเกิร์ตโต๊ะงานเลี้ยงแต่งงาน คุยกันว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร จูเลียนบอก อยากเป็นผู้ครองโลก (เมื่อโตขึ้นเขาก็ได้ครองโลกของเขาจริงๆ) ในขณะที่โซฟีบอกว่าอยากเป็นแอปริคอตคัสตาร์ดพาย

มานึกได้ทีหลังว่าเธอคงแค่อยากจะเป็นขนมอบใหม่จากเตา..สำหรับจูเลียนเท่านั้น

แล้วที่เธอท้าทายจูเลียนแรงขึ้นทุกที ก็เป็นแค่อยากจะคอนเฟิร์ม (อยู่ตลอดเวลา) ว่าจูเลียนยังรักเธอ-มากพอ..เท่านั้นเอง



บันทึก:
-ไม่ใช่แค่ซีนแฟนตาซีเล่าความนึกคิดของตัวละคร มุมกล้องของหนังเรื่องนี้ยังทำให้นึกถึง Amelie อย่างแรง
-น้องนางเอกหน้าตาน่ารักอีกแล้ว
-หนังเรื่องนี้รวบรวมเพลง La Vie en Rose ไว้เยอะเวอร์ชั่นมาก ล้วนแล้วแต่เพราะๆ ทั้งนั้นเลย

12 ความคิดเห็น:

  1. เรื่องนี้ยังดองไว้อยู่ ยังไม่ได้ดูเลย ไว้ดูเมื่อไหร่แล้วจะแวะกลับมาแลกเปลี่ยนความเห็นนะพี่

    ตอบลบ
  2. ...เอาจิวนกร
    ช่วยเจ้ดูด้วยนะ ว่ามีแมสเซจอะไรซ่อนอยู่อีก

    ตอบลบ
  3. เราได้ดูตอนเข้าที่ลิโด้ เมื่อ ..5 ปีมาแล้วหรือนี่ หลังจากได้ดู Amelie มาก่อนหน้านั้น ก็ได้อารมณ์คล้าย ๆ กัน แต่ใน Amelie ได้อารมณ์ที่สดใส ร่าเริง น่ารักกว่า คนอะไร แกล้งคนได้น่าเอ็นดูจริง ๆ แต่ละมุข ผู้กำกับ หรือคนเขียนบท
    เก่งจัง ที่คิดได้ สำหรับเรื่องนี้ เราว่าดูแล้ว แฟนตาซี สีสดใส ก็จริง แต่ตอนจบ...มันเกินไปหรือเปล่า

    ตอบลบ
  4. เราคิดว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่าเรื่องของเด็กเพี้ยนๆ สองคนที่ลองใจกันอยู่ตลอดเวลา

    เราชอบ Amelie เยอะกว่า

    ตอบลบ
  5. โห ก็คิดว่าชวนมารักกันจริงๆ

    อิอิ

    หายไปนานเลยแวะมาทักทายครับ

    ตอบลบ
  6. คิดถึงนะเนี่ย
    น้องโอ๊ต
    สบายดีหรือเปล่า?

    ตอบลบ
  7. ดูครั้งแรกในเทศกาลหนังกลางแปลงของม.ศิลปากร เพราะติดใจสาวน้อย Amelie แต่เรื่องนี้ดูแล้วสนุกปนงงว่าคนเราจะบ้าอะไรได้มากขนาดนั้นฟระ

    ตอบลบ
  8. พี่ก้อว่ามันบ้าๆ อะน้องปิ๋ม

    ตอบลบ
  9. ดูแล้วรู้ว่าสองคนนี้รักกันมาก แล้วสุดท้ายก้อเอาเกมที่ตัวเองเล่นมาตลอดมาเป็นข้ออ้างในการค่อยๆ เผยความรู้สึกของแต่ล่ะฝ่ายออกมา

    sms เชิงแฝง (รึป่าว) เหมือนกับจะบอกว่าคนที่เราอยู่ด้วยอาจจะไม่ใช่คนที่เรารัก (จริงๆ)

    ตอบลบ
  10. คนที่เราอยู่ด้วยคือเครื่องมือประชดคนที่เรารัก????

    พี่ว่าอาจจะใช้สำหรับฝ่ายยายโซฟี
    (ชอบนักบอลถึกนั่นจัง)

    แต่ฝ่ายจูเลียน พี่ว่ามันหลงทางไปว่ะวนกร
    หลงแบบผู้ชายมีอีโก้ ประเภทต้องการจะครอบครองโลก
    ที่บางช่วงจะรู้สึกว่าความต้องการของหัวใจไม่สำคัญเท่าความสมบูรณ์แบบของชีวิต

    เอ๊ะ...
    พี่ก็ไม่แน่ใจหรอกว่าคิดเข้าข้างผู้หญิงไปไหม
    วนกรว่าไง?

    ตอบลบ
  11. ผมว่านางเอกเลือกที่จะหันหลังให้พระเอกตั้งแต่ตอนที่ขึ้นรถเมล์แล้วล่ะพี่

    เธออยู่กะไอ้นักบอลถึกนั่นไม่ใช่เพราะประชดนะ เธอต้องการคนที่พร้อมจะอยู่ดูแลเธอได้มากกว่า

    ส่วนพระเอกก็ยึดติดกะ คุณโก้ จนเกินเหตุ ตลอด 10 ปีที่เฝ้ารอ เขาก็ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งการงานและครอบครัว แบบที่ผู้ชายทั้งหลายพึงอยากจะมี

    ทั้งสองคนให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเองผ่านไอ้เกมกล้า/ ไม่กล้า เพราะไอ้เกมบ้าๆ นี่ทำให้ทั้งสองต้องจากกัน และก็เพราะไอ้เกมบ้าๆ นี่เหมือนกันที่พาทั้งสองกลับมา

    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้เกมนี้ที่ฝรั่งเศสเขาเล่นกันยังไง

    ตอบลบ