"ความรักมันเป็นอะไรที่
ถึงตอนหนูสังเกตเห็นมันก็ได้เกิดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
มันเป็นแบบนั้นละ
และไม่ว่าหนูจะอายุเท่าไหร่มันก็ไม่เปลี่ยนหรอก
เว้นเสียแต่ว่าหนูจะแบ่งมันออกเป็นสองประเภทซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ความรักประเภทมองเห็นจุดจบ และประเภทมองไม่เห็นจุดจบ
คนที่มีความรักเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีกว่าใคร
เมื่อมองไม่เห็นจุดจบ นั่นหมายความว่าหนูกำลังมุ่งไปสู่บางสิ่งอันใหญ่โตมโหฬาร..."
ถึงตอนหนูสังเกตเห็นมันก็ได้เกิดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
มันเป็นแบบนั้นละ
และไม่ว่าหนูจะอายุเท่าไหร่มันก็ไม่เปลี่ยนหรอก
เว้นเสียแต่ว่าหนูจะแบ่งมันออกเป็นสองประเภทซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ความรักประเภทมองเห็นจุดจบ และประเภทมองไม่เห็นจุดจบ
คนที่มีความรักเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีกว่าใคร
เมื่อมองไม่เห็นจุดจบ นั่นหมายความว่าหนูกำลังมุ่งไปสู่บางสิ่งอันใหญ่โตมโหฬาร..."
หมายเหตุ:
อ่านย่อหน้านี้ี้ใน "ลาก่อนทสึกุมิ" ของโยชิโมโต บานานา (แปลแปลกแปลกด้วยสำนวนของเพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย) เมื่อเช้า บนรถไฟฟ้า ก็คิดว่าอยากจะเขียนถึง แต่วันนี้ยุ่งมาก ไม่มีเวลาเขียน ก็เลยลืมซะงั้น
ตกเย็น ไปทำงานที่สยามพารากอนแล้วจับพลัดจับผลู ได้ดู The Curious Case of Benjamin Button (ดูฟรีไม่พอ โรงที่ดูดันเป็น Enigma ซะด้วย-ใครอยากอิจฉา เชิญตามสบายฮะ)
เกือบสามชั่วโมงในการดูหนังเรื่องนี้ (โดยไม่หลับ!) พบว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังผู้ใหญ่ที่สอนใจในเรื่องสำคัญ
ในสายตาชาวพุทธโดยกำเนิด รู้สึกว่าพล็อตหนังสอนให้เข้าใจเรื่อง อนิจจัง วัฏสังขารา (สังขารไม่เที่ยง) การละจากตัวกูของกู การปล่อยวาง
่ในสายตาคนอ่อนไหวโรแมนติก แล้วก็มีแนวโน้มจะมีตรรกะประหลาดๆ หนังเรื่องนี้ก็ทำให้นึกศรัทธาในความศรัทธาที่ชาวคริสเตียน (ในเรื่อง) มีต่อพระเจ้ายิ่งนัก
แต่ถ้ามองด้วยสายตาของคนที่พร้อมจะตกหลุมรักตลอดเวลา ก็ึคงต้องบอกว่าตัวลอยกับความรักของคนหน้าตาดีในเรื่องนี้ ที่รักกันมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน แม้ว่าในวันนั้นจะอยู่ไหน จะเจอใคร แต่ก็ยังมีใจคิดถึงกันเสมอ
น่าแปลกที่ความรักของเบนจามินกับเดซี่มาคล้องเข้ากับย่อหน้าที่กินใจบนรถไฟฟ้าได้อย่างประหลาด
(so curious นะ)
บันทึก:
-หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องสั้นของ F. Scott Fitzgerald ส่วนผู้กำกับคือ David Fincher
-นางเอกสวยมาก วัยตอนสาวยังไม่สวยเท่าตอนมีลูก (ประมาณ ๔๓)
-ไม่ชอบแบรด พิตต์ เท่าไหร่หรอก แต่เห็นตอนเป็นเด็กหนุ่มผมทองหน้าใสแล้วอดหวั่นไหวไม่ได้
-ชอบอารมณ์ (สั่ง) "write me a postcard from everywhere" มั่ก
(อยากมีโปสการ์ดจากผู้ชายเก็บไว้หลายๆ ซีรีส์ เอาไว้เล่าให้หลานฟัง-เหอ เหอ)
-หลายคนเล่าว่าร้องไห้ตอนหนังจะจบ อิฉันว่า อิฉันไม่ถึงกับร้องไห้ แต่น้ำตามันไหลออกมาตึ๋งนึง ตอนกล้องตามยาย-หลาน ภาพยายก้มหลังงุ้มๆ ของแกลงจูบหลานที่เดินเตาะแตะอยู่ข้างๆ (เออหนอ รักแล้วช่างเป็นทุกข์ รักแล้วไม่มีหมดห่วง แถมเปลือกนอกจะหนายังไง ความรักก็ผ่านทะลุได้อีก)
-สำหรับอิฉัน หนัง Benjamin Button นี่ดูจะเทียบชั้นกะ Forrest Gump ได้อยู่ เป็นหนังเล่าเรื่องชีวิตคน มีแก่นที่แข็งแรง และมีก้านแตกแขนงให้สำรวจไม่รู้เบื่อ น่าซื้อเก็บนะ
-ถ้าจะให้ดาว ก็ให้ไปเลย ๕ ดาว ให้โรง Enigma อีก ๕ ดาวด้วย (ถ้าวันไหนจ่ายตังเข้าไปดูหนังโรงนี้เองจะคิดดูใหม่ ว่าให้กี่ดาวดี) ก็มันนอนสบายดี แถมไม่หนาวเพราะมีผ้าห่ม
คำถาม: (เล่นๆ)
ถ้าคุณพบว่าลูกที่เกิดมา มีสภาพเหมือน Benjamin Button คือเหี่ยว งอ ชรา ตาฝ้าฟางมาเลยเนี่ย
คุณจะทำยังไงกับเด็กคนนี้?
รัก
ตอบลบถ้าหากเป็นลูก..ยังไงก็รัก
ตอบลบฮะ?
ตอบลบตอนนี้มี ๑ ซีรีส์
ตอบลบพี่คนนี้(เคย)ชอบแต่งกลอนซะด้วย
ฮุ ฮุ ฮุ (เอามือป้องปาก)
ตอบลบคำถาม: (เล่นๆ)
ตอบลบถ้าคุณพบว่าลูกที่เกิดมา มีสภาพเหมือน Benjamin Button คือเหี่ยว งอ ชรา ตาฝ้าฟางมาเลยเนี่ย
คุณจะทำยังไงกับเด็กคนนี้?
=======================================
รักแท้ ๆ แม้ภายนอกไม่งดงาม
เอิ่ม..ความจริงนี่เป็นคำถามที่ตั้งได้งี่เง่ามาก
ตอบลบใครจะกล้าบอกว่ารับไม่ได้ ต้องส่งไปให้เค้าเลี้ยงแบบพิเศษ (ที่บ้านเด็กกำพร้า) ล่ะ
คือในเรื่องเนี่ย แม่เบนจามินคลอดลูกตาย แต่ก็ได้เห็นลูกแล้ว ถึงได้กำชับผัวว่ายังไงก็ต้องเลี้ยงเด็กคนนี้นะ ห้ามทอดทิ้ง
ปรากฏว่าผัวเห็นลูกแล้วช็อค อุ้มออกจากบ้าน เอาไปวางที่บันไดบ้านพักคนชราเฉยเลย
ทีนี้เราก็เลยอยากรู้ว่าถ้าสมมติ (สมมตินะครับสมมติ) ถ้าลูกที่เกิดมาของคุณเป็นแบบนี้คุณจะทำไง
(เชื่อฮะ ว่าเป็นลูกเรา เราก็ต้องรัก)
จะพาไปหาหมอหรือหมอดูดี?
แล้วจะยอมรับในชะตากรรม (ว่ามันเป็นกรรมเก่า)
หรือจะเชื่อว่าลูกคนนี้เกิดมาเป็นแบบนี้เพราะเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า (แบบในหนังดี)
ผู้หญิง(โสด)อยากรู้ฮะ
ผมไม่รู้เรื่องรายละเอียดของหนังนะ และไม่คิดจะไปดูด้วย
ตอบลบคนที่"ไม่เคย"มีลูกที่เป็นสายเลือดแท้ๆ กับคนที่"มี"นะครับ
ความรักและความรู้สึกมันต่างกันลิบลับ
ราวกับความห่างระหว่าง ศูนย์ กับ อินฟินิตี้ เชียวนะ
อย่าไปเปรียบเทียบกับสิ่งของที่เราสร้างขึ้นมาแล้วมันไม่ได้ดังใจนะ
อันนั้นมันไม่ถูกใจเรา เราทิ้งได้
แต่พอเป็นเรื่องลูก มันคนละอย่าง เพราะเค้าคือส่วนหนึ่งที่มาจากชีวิตของเรา
เปรียบเทียบความยิ่งใหญ่ได้ดีจริงค่ะ
ตอบลบ