วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2551

เรื่องรักของนางสาวโอชโช่ ตอนที่ 4: ความปั่นป่วน

"เวลาหนุ่มขอหอมแก้ม จะเอียงแก้มให้อย่างนี้ไหม?"

คือคำถามที่ทำให้โอชโช่หัวใจเต้นแรง ท้องไส้ปั่นป่วน และหน้าก็คงจะแดงซ่าน (ถ้าขาวอ่ะนะ)

หมอบู๋กำลังจะกดสิวเม็ดขนาดกลางตรงแก้มข้างซ้าย ไม่เชิงกลางแก้ม แต่เบนไปทางใกล้ใบหู หมอว่ามันอยู่นานเกินไปแล้ว ปล่อยไปอีกอาจพัฒนาเป็นสิวอักเสบ ฉะนั้น เอาออกดีกว่า โอชโช่จังที่นอนอยู่บนเตียง มีวัสดุนุ่มชุ่มน้ำปิดตาทั้งสองอยู่จึงเอียงหน้าไปขวา ด้วยหวังจะช่วยให้หมอแอพโพรชจุดเกิดเหตุได้ถนัดถนี่ขึ้น ตัวเองก็จะได้เจ็บน้อยลง

"เอ่อ..." รู้อยู่ว่าหมอชวนคุยให้เพลิน จะได้ไม่โวยวายว่าเจ็บ แต่ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี "ไม่เห็นมีใครขอเลยนี่คะ" คำตอบแบบพาซื่อเรียกเสียงหัวเราะที่น่าจะทำให้พุงหมอกระเพื่อมหลายระลอกติดๆ กัน

"อ้าว แปลว่าโดนขโมยจูบมาตลอดเลยงั้นหรอ?" อ๊ะ! ดูเป็นการถามที่จำเพาะเจาะจงจัง ตอบยากนะคะหมอ

"เออ นั่นสิ ทำไมไม่ขอกันนะ?" โอชโช่เลี่ยงไม่ตอบ

"สงสัยกลัวขอแล้วไม่ให้มั๊ง เลยต้องขโมยเลย" หมอยังชอบใจไม่หาย "แต่ผมขอตลอดนะ"

เอ๊ะ นี่เราคุยอะไรกันเนี่ย?  โอชโช่นึกกระดากน้องๆสาวๆ ที่อยู่แถวนั้นเอามากๆ เลยรีบคิดหาประเด็นใหม่ทันที

"เอ.. หมอคะ มีลูกกี่คนคะ" ไม่มีใคร แม้แต่พระเจ้า และตัวของโอชโช่เอง ที่จะรู้ว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนประเด็นด้วยคำถามนั้น

"คนเดียวก็แย่แล้วครับ"

"ผู้หญิงผู้ชายคะ"

"ผู้ชายครับ เคยเจอแล้วไม่ใช่หรอ?"

"...ไม่นะ" มันคือความจริง นี่วันเสาร์-อาทิตย์หมอคงจะพาลูกและ....มาคลินิกนี้บ่อยๆ สินะ

"ทำไมไม่มีลูกสาวอีกคนล่ะ" โอชโช่ถามต่อไป เพราะนึกถึงเด็กผู้หญิงตัวขาว อ้วนกลม เจ้าของใบหน้าแป้นแร้นที่มีประพิมประพายของหมอ นั่งอยู่บนตักพ่อ พลางพูดจาฉอเลาะ หมอคงหลงลูกสาวไม่เบา อ๊ะ แล้วจะขอก่อนหอมแก้มลูกไหมนะ 

"ไม่ไหวแล้วครับ นี่ผมเพิ่งพาเข้าโรงเรียนไป ต้องจ่ายไปตั้ง 2" หมอเล่าแบบขำๆ "2 ที่ไม่ใช่ 2 หมื่นน่ะ" โอ้พระเจ้า โอชโช่คิด โรงเรียนอะไรหว่า ลองถามดู เลยรู้ว่าเป็นโรงเรียนผู้ชายชื่อดังของย่านนั้น ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่า หมอเองซึ่งก็เป็นศิษย์เก่า ยังต้องจ่ายค่า 'บำรุงการศึกษา' สำหรับเด็ก ป.1 แพงขนาดนี้ แหม๋ อย่างนี้บรรยากาศในโรงเรียนคงกดดันน่าดูสิ

"สงสารเด็กสมัยนี้จัง ทำไมพ่อแม่ต้องเลือกโรงเรียนให้ด้วยนะ แล้วเด็กจะได้อยู่ในที่ที่เค้าอยากอยู่หรือเปล่า" โอชโช่พูดตามที่คิด แต่พอนึกได้ว่านี่มันประเด็นอ่อนไหวที่อาจจะทำร้ายจิตใจคนเป็นพ่อได้ก็เลยหยุดกลางอากาศ ไม่งั้นคงจะมาอีกยาว บทสนทนาก็เลยเงียบไป

กดสิวเม็ดเดียวนี่นานจังนิ

"สมัยนี้มีลูกหลายคนไม่ไหวแล้ว" หมอบอก "อยากรู้ก็ต้องลองมีดูบ้างนะ"

เจอไม้นี้เข้า ความซ่านก็มีอันซ่าขึ้นมาบนใบหน้าอีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่รู้ว่าอายที่ยังไม่มีแฟน หรืออายที่หมอบอกให้ลองมีเองดูบ้าง หรืออายอย่างอื่น โอชโช่เองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

"เอ่อ..คงไม่หรอกค่ะ" ในที่สุดก็นึกออก "มันตั้ง 9 เดือนเชียวนะ" ที่จริงนึกอะไรไม่ออก เพราะยังไม่เคยมีแนวโน้มจะได้เตรียมตัวท้อง เลี้ยงลูก แล้วก็พาเข้าโรงเรียนตะหาก (เราควรเศร้าไปกับโอชโช่ไหมเนี่ย?)

...........(เงียบจัง)..........

"เจ็บไหม?" ในที่สุดปฏิบัติการกำจัดหัวสิวก็เสร็จสิ้น

"พอทนค่ะ"

"หน้าเรียบขึ้นเยอะแล้วเนอะ" ออ ที่เงียบไปนี่หมอคงพิศดูพัฒนาการของผลงานบนใบหน้าของโอชโช่อยู่น่ะสินะ

ไม่รู้เป็นไง เวลาหมอจ้องไปตามรูขุมขนบนใบหน้า หรือใช้คอตตอนบัดที่จุ่มแอลกอฮอล์แล้วแตะๆ ไปตรงร่องตรงรอยตรงนั้นตรงนี้ ไม่ต้องมองเห็นหรอกว่าหมอกำลังจ้อง แค่รับรู้ด้วยความรู้สึกอย่างตอนที่ถูกปิดตานอนอยู่บนเตียงนี่ โอชโช่ก็ยังรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนทุกเลย

ถ้าหมอบู๋กลายเป็นคนอื่นจะยังป่วนอย่างนี้ไหมนะ

"อืมม์..มันก็ควรเป็นอย่างนั้นนี่คะ?" โอชโช่ตอบ หลังจากนึกถึงวันที่เริ่มมาหาหมอ และวัตรปฏิบัติที่จะต้องมาพบหมอทุก 2 อาทิตย์ ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนเป็นต้นมา ตั้งแต่วันแรกๆ ที่ต้องหลยฝนอยู่ในร้าน จนนี่หน้าหนาว แล้วอีกไม่กี่วันก็เข้าหน้าร้อนแล้ว 

"ทำไมผมถึงได้...เก่งจังวะ" ว่าแล้วหมอก็หัวเราะอย่างภูมิใจในตัวเอง ก่อนเดินจากไป ทิ้งโอชโช่ที่ยังหน้าบานเพราะยังไม่หายปลื้มความน่ารักของหมอ ไว้กับน้องๆ สาวๆ ที่รอรับช่วงลงมือปฏิบัติการกับใบหน้าของเธอ

หมอคะ หมอทำตัวน่ารักอย่างนี้กับคนไข้ (สาวและโสด) ทุกคนเลยหรือเปล่าคะ?

 

 

 

 

เรื่องรักของนางสาวโอชโช่ ตอนที่ 4: ความปั่นป่วน (ภาคพิเศษท้ายเรื่อง)

"สวัสดีค่ะ" โอชโช่ทักทายพร้อมกระพุ่มมือขึ้นไหว้หมอบู๋อย่างยากเย็น เพราะสัมภารกที่เธอกระเตงมาด้วยเป็นอุปสรรค ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ หมอบู๋ไม่พูดอะไร แค่ยิ้มรับ

"ช็อกโกแลตน่ะ ขมจังเนอะ" หมอเริ่มต้นสนทนา

"?" โอชโช่งงอยู่ 2.5 วินาที ก่อนนึกออกว่า อ๋อ เจอกันครั้งก่อน เอาดาร์กช็อกโกแลตที่มีโกโก้ 85% ของลินด์มาฝากหมอนี่นา ใช่ๆ ขมจนเปรี้ยวเลยล่ะ

"อ๋อ..ขมกว่าชีวิตนะคะ" โอชโช่ตอบไปอย่างเก๋ไก๋

"ช็อกโกแลตที่ดีนี่ ต้องขมใช่ไหม?"

"ช็อกโกแลตที่ดีก็ต้องอร่อยสิคะหมอ" ว่าแล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อน "ขอโทษนะคะหมอ ความจริงอยากซื้ออีกแบบมาให้กิน แต่แบบนั้นมันหมด ก็เลยซื้อแบบนี้มาแทน"

"ขม แต่ก็ดีนะ กินแล้วตาสว่างเลย" หมอบอกอย่างคนใจดี มองโลกในแง่ดี ก่อนจะเริ่มตรวจด้วยการขอให้เข้าไปใกล้ๆ จะได้เห็นหน้ากันชัด (อีกแล้ว).....(เฮ่อ) 

โถ่หมอ คงจะทำงานมากจนพักผ่อนน้อย และง่วงสินะ (อ๊ะ! หรือเหนื่อยเลี้ยงลูก???) เดี๋ยวคราวหน้าหาชามินต์มาฝากดีกว่า อุ่นๆ หอมๆ ไม่ขม จิบแล้วตาสว่างและก็สดชื่นด้วย 

 

หมายเหตุ: เรื่องเล่าเรื่องนี้แค่แต่งขึ้นเพื่อสร้างความหรรษาให้กับหัวใจในหมู่ผู้อ่าน ที่จริงผู้เขียนก็ได้สอดแทรกประเด็นมีประโยชน์ไว้บ้าง ประปราย หากผู้อ่านหาพบก็นับเป็นบุญของผู้เขียน แต่ถ้าหาไม่พบก็ไม่เป็นไร ขอให้หรรษากันไว้เป็นพอนะจ๊ะ

ป.ล. โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน แล้วก็อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังมากนักล่ะ

22 ความคิดเห็น:

  1. "เวลาหนุ่มขอหอมแก้ม จะเอียงแก้มให้อย่างนี้ไหม?"

    ถ้าหมอเป็นหมอฟัน จะถามว่ายังไงน๊อ???
    เอิ้กๆๆๆๆ แบบว่าเค้าติดใจหมอฟันอ่ะค่า หล๊อหล่อ

    ตอบลบ
  2. ไดอะล็อคนี้จริงหรือแต่ง
    ถ้าจริง..หมอจะเข้าใจหรือไม่?
    ถ้าเกิดหมอเข้าใจ
    สมควรจะมีตอน 5 , 6 , 7....ต่อไปอีก
    เพราะหมอนับว่าเป็นคนน่าสนใจดี

    ตอบลบ
  3. พอดีตรงนี้ไม่ได้แต่ง
    พูดออกไปจริงๆ เพราะคิดว่าเก๋
    แต่ไม่แน่ใจว่าหมอจะเข้าใจไหม
    เพราะหมอไม่พูดอะไร เอาแต่ยิ้ม

    อย่างไรก็ตาม ถึงหมอจะไม่เข้าใจ
    ชั้นก็ยังสนใจหมออยู่ดี

    ;-)

    ตอบลบ
  4. เวลาหนุ่มขอหอมแก้มจะอ้าปากให้แบบนี้ไหม
    ..
    หมอฟันถาม ^ ^

    ตอบลบ
  5. โหย
    จินตนาการโลดลิ่วอย่างหวาดเสียว
    ถึงสูตินรีแพทย์ทันควัน
    อย่าถามเลยละกันนะหมอ

    ตอบลบ
  6. 555 โอย...ขำ หมอสูติ
    แต่คงขำไม่ออกถ้าหมอผ่าตัดถาม

    ตอบลบ
  7. เมื่อตามมาอ่านคอมเม้นท์
    ก็เลย
    เอิ้กๆๆๆๆ เกือบตกเก้าอี้เลยเรา

    ตอบลบ
  8. โหยน้องโน
    ทำไปได้
    ถ้าพี่เป็น 1 ใน 2 มนุษย์ที่เหลืออยู่ในโลก แล้วอีกฝ่ายเป็นหมอฟัน
    เป็นตายยังไงก็ไม่มีทางหลงลงหรอก
    สยองจะตายไป

    กลัวเวลาทะเลาะกันแล้วจับเราถอนฟันน่ะสิ

    ตอบลบ
  9. เอิ๊ก เอิ๊ก เปลี่ยนประเด็ดได้สุดยอดไปเลยยยย

    ถ้าผมเป็นหมอคงจะคิดว่า โดนคนไข้ว่าเอาแล้วนะนั้น

    ตอบลบ
  10. เอ่อ ฮงฮง
    หมายถึงตอนไหนหรอ?

    ตอบลบ
  11. หมอบู๋ "สงสัยกลัวขอแล้วไม่ให้มั๊ง เลยต้องขโมยเลย.................................แต่ผมขอตลอดนะ"
    ..............
    ..........
    ......
    โอชโช่ "เอ.. หมอคะ มีลูกกี่คนคะ"

    ตอบลบ
  12. กลับเข้าเรื่อง ..
    เท่าที่อ่านมาพ้อนว่าหมอคนนี้เค้าน่าจิ๊จ๊ะ กับคนไข้ทุกคนแหละ
    แต่เรื่องเอียงแก้มเนี่ยนะ ถ้าเป็นพ้อนก็คงจะอึ้งไปเลย .. คุยต่อไม่ได้อะ เดี๋ยวรู้ว่าเป็นแบบไม่ต้องถาม เดี๋ยวน้องให้เอง

    ตอบลบ
  13. เฮ่อ
    มาคิดๆ ดูแล้ว หมอคงแค่ปลอยมุกหน่ะ
    แล้วอีนิสัยที่ต้องขอก่อนทำอะไรทุกอย่างกะคนไข้ ("หมอขอดูหน้าหน่อยนะครับ" ถ้าถามก่อนมันก็จะดีกว่าอยู่ดีๆ ก็เข้ามาประชิดแล้วจ้องๆๆๆ เลยจิงไหม) มันก็คงเป็นแค่มารยาทที่หมอเค้าต้องฝึกน่ะนะ
    คิดดูนะ ถ้าหมอศัลยฯ ที่จะตรวจนมเราไม่ขอก่อน อยู่ดีๆ มาคลำเลย
    ....
    อะไรจะเกิดขึ้น?

    ตอบลบ
  14. ต๋ายห้า!

    แล้ว หมอจะคิดว่าโอชโช่หลอกด่าละป่ะละเนี่ย????
    แต่โอชโช่กำลังหน้ามืด หัวสมองไม่ปรู๊ดปร๊าดจนหลอกด่าหมอได้ลึกล้ำขนาดนั้นหรอก

    (ฮิ)

    ตอบลบ
  15. จาติดตามอ่านอย่างต่อเนื่องงงงฮ่ะ

    หมอนี่ช่างหยดมากๆๆ รู้ทางในการหยดได้อย่างแม่นยำ

    ตอบลบ
  16. หมอเป็นผู้ชายปากหวานที่น่ารักมากๆ เลย

    ตอบลบ
  17. อ่านแล้วติดใจเลยฮะ
    เดียวต้องไปหาหมอสาวๆ บ้างละ
    หุหุ

    ตอบลบ
  18. สงสัยครับ สงสัย
    1.ถ้าหมอบู๋ เป็นหมอฟันล่ะครับ?
    2.กรณีหมอสิว ถ้าทะเลาะกัน จากที่แต้มสิวให้ตอนใหม่ๆ มิกลายเป็นเทกรดเลยเหรอครับ?

    ตอบลบ
  19. ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ แล้วก็ ที่ใดมีรักที่นั่นอาจจะมีฟลุ๊คนะครับ
    หุหุ

    ตอบลบ
  20. ทำไมมันหลายภาคจัง

    ตอบลบ