วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2551

The Brothers Grimm: ตะลุยพิภพมหัศจรรย์

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Other
สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวร้ายเกี่ยวกับ Heat Ledger จึงนึกขึ้นมาได้ว่ามีดีวีดีหนังของเขาอีกเรื่องที่ยังไม่ได้ดู วันนี้ไม่ได้ออกไปไหน เลยเอามาดูซะ

ที่ดอง The Brothers Grimm ไว้ซะนานก็เพราะว่า มันเป็นหนังแฟนตาซีซึ่งก็แน่อยู่แล้วว่าหนังแฟนตาซียุคนี้สมัยนี้ ต้องมีการสร้างภาพด้วยซีจี (CG: Computer Graphic-ใช่ไหม?) ซึ่งตัวดิฉันเองไม่โปรดเท่าไหร่ มันหลอน (แล้วจะซื้อมาทำไมฟระ-หลายคนคงสงสัย-คำตอบคือ ก็มันถูกนี่นา แล้วก็มี Matt Damon, Heath Ledger กับ Monica Bellucci คนสวยอีก)

สรุปก็คือ วันนี้ได้ดูแล้วจ้า ไม่รู้สึกหลอนจนน่ารำคาญอย่างที่คิด ออกจะสมจริงจนน่ากลัวไปซะงั้น

เราทุกคงคนรู้จักพี่น้อง Grimm บ้าง ใครตอบโน ต้องโดนย้อนว่า 'อะไรยะ แม้แต่หนูน้อยหมวกแดง, เจ้าหญิงนิทรา, สโนวไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด แล้วก็ซินเดอเรลล่าก็ไม่รู้จักหรอ???' ก็นิทานเหล่านี้สองพี่น้องตระกูลกริมม์เค้ารวบรวมเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ในต้นศตวรรษที่ 18 จากนิทานพื้นบ้านของเยอรมันน่ะสิ

อ๊ะอ๊ะ แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่านิทานของกริมม์จริงๆ กับเวอร์ชั่นวอล์ท ดิสนีย์น่ะ มันไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ก็วอล์ทดิสนีย์เค้าต้องทำนิทานให้สดใส-จับใจตลาดนี้นา แต่นิทานกริมม์ออริจินัลน่ะ ถ้าเป็นหนังก็เอียงไปทางหนังบรรยากาศหม่นมัว นัวร์ๆ น่ากลัวๆ แบบหนัง horror อะไรประมาณนั้น

ผู้กำกับคือคุณน้า Terry Gilliam (: Twelve Monkeys และแฮรี่ฯ ตอนศิลาอาถรรพณ์, คนที่ Bellucci อยากร่วมงานด้วยม๊ากมาก) ไม่ได้ตั้งใจทำหนังเรื่องนี้ให้เป็น Biography บันทึกเรื่องราวของพี่น้องกริมม์ (ลืมไปแระว่านอกจากทำให้สนุกแล้วน้าเค้าตั้งใจจะทำให้มันเป็นอะไรอีก) แต่หนังเรื่องนี้จะเล่ากลายๆ ว่า วิลล์และเจค กริมม์ (Matt และ Heath) รวมรวมนิทานที่เราทุกคนรู้จักกันตั้งแต่จำความได้ อย่างไร

จะเล่าเรื่องในหนังแล้วนะ

ตอนที่สองคนนี้ยังเด็กน่ะ ครอบครัวยากจนมาก ตอนนั้นเป็นหน้าหนาว น้องสาวคนเล็กกำลังป่วยหนัก แต่ก็ไม่มีฟืนที่จะเป็นเชื้อเพลิง ถึงกับต้องเลาะม้าโยกเป็นชิ้นๆ โยนเข้าเตาผิง (คล้ายๆ เรื่องในนิทานที่เรารู้จักไหม) แต่เจคคนน้องดันเอาวัวของครอบครัวไปแลกกับถั่วกำมือนึง ซึ่งลุงคนนึงเอามาหลอกเด็กว่าเป็น 'magic beans' ที่จะช่วยให้น้องสาวที่ป่วยหายอย่างแน่นอน (ต้องบอกไหมว่าฉากนี้เหมือนแจ๊กผู้ฆ่ายักษ์? นี่ไง คนน้องมีจินตนาการลื่นไหลไปกับนิทานตั้งแต่เด็ก) ก็เลยโดนวิลคนพี่ชกซะเลย (คนพี่มีบุคลิกของคนทั่วไปที่อยู่กับชีวิตความเป็นจริงมากกว่า แถมยังมองโลกในแง่ร้ายด้วย) จากนั้นพี่ชายก็ใช้มุก 'magic beans' เป็นอาวุธซ้ำเติมน้องเวลาพลาดตลอดมา

ดูถึงตอนนี้แล้วรู้สึกเจ็บปวดไงไม่รู้นะ ยุคเข็ญอย่างนั้น ผู้ใหญ่ไม่น่าหลอกเด็กจริงไหม

เวลาผ่านไป 15 ปี สองพี่น้องโตแล้วก็ดำรงชีพด้วยการใช้ความรู้และความสนใจของตัวเองประกอบอาชีพ โดยการเป็นทีมต้มตุ๋นหลอกชาวบ้านชาวเมืองที่ยังเชื่อเรื่องแม่มดอยู่ ง่ายๆ ด้วยการจัดฉากให้เหมือนกับรายละเอียดที่เจคหมั่นเก็บแล้วจดไว้ในสมุดบันทึก ว่าแม่มดจะแสดงอภินิการยังไง เพื่อจะชงให้การแสดงปราบแม่มดให้แพ้ราบคาบ จากนั้นก็ทำการเก็บค่าธรรมเนียม-อันแสงแพง

ซึ่ง มันก็น่าจะดี ถ้านายพลฝรั่งเศสที่กำลังยึดครองเยอรมัน (ฉากในท้องเรื่อง) ไม่เกิดจับได้ แล้วก็กำลังจะจัดการสองพี่น้องอยู่แล้วเชียว ดันมีท้องที่ที่เด็กหายไปทีละคนๆ เกิดขึ้นมาจริงๆ

สองพี่น้องกริมม์ก๊อเลยต้องไปจัดการกับแม่มดขึ้นมาจริงๆ นี่แหละ อภินิหารของ CG ก็เกิดขึ้น หมาป่าพูดได้ และกลายเป็นคน Bellucci คนสวยในวัย 500 ปี กระจกวิเศษแตก (อ่ะ อันนี้ก็คุ้นๆใช่ไหมว่ามันอยู่ในนิทานที่เรารู้จัก) ฉากปีนหอคอย และหอคอยสูงงงงงง มากๆ ที่ถูกทิ้งร้างไป 500 ปี (ถ้าไม่มี CG หนังแฟนตาซีคงไม่หนุกขนาดนี้หรอก) ช่วงนี้บางฉากบางซีนที่อยู่ในนิทานที่เราคุ้นโผล่ขึ้นมาเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นขนมปังขิงที่เด็กสองคนนั้น (ชื่อไรหว่า?) ใช้เป็นเครื่องหมายบอกทาง ไม่ให้หลงป่า ฉากจูบกบ (คางคกหรือเปล่า?) แอปเปิ้ลแดงที่ยายแก่เอามาให้ แล้วก็การแก้มนต์ด้วยจูบจาก True Love

โอ้ มันสวยมากเลยนะ ฉากป่าโบราณและหมู่บ้าน (มุมกว้าง) ในยุโรป คอสตูม แล้วก็ การเพอร์ฟอร์ม Matt เล่นเป็นคนที่เขาไม่ใช่ (แต่ใกล้เคียงนะ ดิฉันว่า) แต่ Heath เล่นเป็นคนที่เรายังไม่เคยเห็นเค้าเป็นแบบนี้เลย (ก็เคยดูแค่ Brokebackฯ กับ Candy ซึ่งต่างกับบทบาทในเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง) ไม่น่าเชื่อว่าเขาทำได้จริง ดิฉันน่ะ เชื่อสนิทกับบทหนุ่ม nerd ไม่มั่นใจในตัวเอง แล้วก็อ่อนไหว เป็นบทที่ส่งบทพี่สุดๆ เลย

ดูๆ ไปก็อดเสียดาย Heath Ledger ซึ่งในเวลานั้น-หรือแม้แต่ในวันนี้ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ กำลังแข็งแรง สดใส แล้วก็มีอนาคตที่ดีรออยู่ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ต่อไปนี้ถ้าคิดถึงก็คงจะต้องหาหนังไม่กี่เรื่องที่คุณเล่นไว้มาดูซินะ

ไปดีนะจ๊ะ









***โปรดอย่าถือว่าบทความนี้เป็นการรีวิวหรือวิจารณ์ภาพยนตร์ เพราะมันเป็นเพียงแต่บันทึกความประทับใจจากหนังที่ได้ดู-ซึ่งอยากจะแชร์กับเพื่อนบ้าง-เท่านั้นเอง***

12 ความคิดเห็น:

  1. บอกไม่ถูกว่าหนังเรื่องนี้สอนเรื่องอะไรบ้าง
    แต่ดูแล้วคิดถึงจินตนาการที่หดหายไปเรื่อยๆ (ตามวัย) จัง

    ตอบลบ
  2. เอิ๊ก ๆ ยังเข็ดกะ Twelve Monkeys ไม่หายเลยครับ จำได้ว่าออกจากโรงมาแทบอ้วก

    ตอบลบ
  3. ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ
    สงสัยต้องไปหามาดูมั่งละ

    ตอบลบ
  4. คนเรายิ่งโต(แก่) ยิ่งขาดจินตนาการ
    แต่จะบอกให้ว่าจินตนาการจะบรรเจิดอีกครั้ง
    ตอนลูกถามหลังอ่านนิทานให้ฟังนี่แหละ
    บางคำถาม ทำให้อึ้ง เพราะเราอยู่กับความเป็นจริงมากไป
    มากจนมองข้ามจินตนาการไป
    อยากให้จินตนาการอยู่กับเล ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
    ตอนนี้ที่บ้านเลยเต็มไปด้วยหนังสือนิทาน (เกินร้อยเล่ม)
    รู้ตัวอีกที เอ๊ะนี่เรากำลังนั่งอ่านนิทานนี่หว่า (เลหลับไปนานแล้ว)

    ตอบลบ
  5. นี่คือข้อดีอีกข้อของการมีบุตรสินะ?

    ตอบลบ
  6. และการมีบุตร ก็ทำให้มีผลกับการเลือกที่ทำงานด้วย
    รู้ยังทำไมพี่ถึงทำงานที่นี่...อิอิ

    ตอบลบ
  7. แหม๋พี่แอน
    ทำงานที่นั่นก็ดีจะตายไปน๊ะ
    ไม่ต้องฝ่าเข้าเมืองอีก
    เจ้านายก็น่ารัก
    ลูกน้องก็น่ารักไม่ใช่หรอ

    ดีออกนะ (หล่อนกล่าวอย่างจริงจัย)

    ตอบลบ
  8. อันนั้นมันเหตุผลรอง
    เหตุผลหลักคือซื้อหนังสือได้ราคาพนักงานย่ะ
    ประหยัดไปเพียบบบบ

    ตอบลบ
  9. อ๋อ อย่างนี้นี่เอง

    ตอบลบ
  10. ยังไม่ได้ดูเลยอ่ะ เรื่องนี้ ส่งมาให้ดูบ้างดิ อยากดูเหมือนกัน

    แล้วก็ หนังที่ออกโรงมาแล้ว แทบอ้วก เพราะ เริ่มเวียนหัวตั้งแต่อยู่ในโรง
    ตอนนี้ ก็เรื่อง Cloverfield ยังเห็น กั๊สซิล่า ไม่ชัดเลย เห็นแต่ ลูกๆ มันเป็นโขยง

    ตอบลบ
  11. ตามมาอ่านแล้ว...น่าดูจริงๆด้วยอ่ะม้อย ยืมๆๆ ;D

    ตอบลบ