วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551

'เพื่อน' ที่ทำให้จิตใจหวั่นไหวเสมอ


เสริม,
จำได้ไหม วันที่เราสอบพูดภาษาญี่ปุ่นเสร็จ กำลังเดินไปกินราเมง+เกี๊ยวซ่ากัน แล้วเราเผอิญเจอเพื่อนชั้นคนนึง
ชั้นทักเพื่อนแป๊บเดียวเพราะเกรงใจแก
แต่แกดันสังเกตเห็นประกายอะไรบางอย่าง
แถมยังรู้ว่าชั้นมีใจให้เพื่อน
(ร้ายจริงนะแก)

วันนี้ ชั้นมีเรื่องที่ทำให้หัวใจเต้นอีกแล้ว
อยู่ๆ ก็นึกอยากได้กระเป๋ากล้องใบใหม่ ที่ใส่กล้อง 1 เลนส์ 3 ของชั้นได้พอดี เอาแบบที่เล็กจนพอคาดเอวได้
ซึ่งเวลานึกจะซื้อของแนวนี้ ชั้นก็มักจะนึกถึงเพื่อนชั้นคนนี้เสมอ ก็เลยเขียนอีเมล์เล่นๆ ไปว่า

"แกกระเป๋า Lowepro ของจริง เค้าซื้อกันที่ไหนมั่งนะ
อยากได้ใบเล็กที่คาดเอวได้สะพายก็ได้อ่ะ"

คิดไม่ถึงว่าบ่ายๆ เพื่อนก็ล็อกอินจีเมล์ แล้วก็แชตคุยกัน
และไม่น่าเชื่อที่เย็นวันศุกร์อย่างนี้ เพื่อนว่าง อาสาไปเป็นเพื่อน หากระเป๋ากล้องที่ถูกใจสักใบ ที่มาบุญครอง

ที่ว่าไม่น่าเชื่อ เพราะชั้นรู้สึกว่า ช่วงก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะห่างกันไปเพราะเพื่อนชั้นมีแฟนอย่างนี้ ก่อนหน้านั้นเค้าเหมือนจะค่อนข้างระวังตัวที่จะไปไหนกับชั้นสองต่อสอง
เลยไม่น่าเชื่อที่เพื่อนจะสละเย็นวันศุกร์ให้ชั้น

ปกติชั้นหวงของจะตาย แกก็รู้ ยิ่งอุปกรณ์กล้อง ชั้นไม่มีทางให้ใครยืม-แต่ชั้นก็ให้เพื่อนชั้นยืมเลนส์ไปก่อนเป็นตัวแรก
เลนส์ตัวที่สองไปอยู่กับเพื่อนเพราะชั้นฝากไปล้างรา
ส่วนกล้องและเลนส์ตัวที่สาม ไปเพราะฝากเค้าไปล้างทำความสะอาดอีก
สรุปแล้วก็คือทั้งกล้อง เลนส์ 3 ตัว รวมทั้งแฟลชอยู่ที่เพื่อนชั้นคนนี้
ทำไมชั้นวางใจเพื่อนจัง?

เพื่อนเอาตัวกล้องกับเลนส์ตัวที่ขึ้นราซึ่งไม่สามารถขูดคราบราออกจากเนื้อเลนส์ได้ ซึ่งสองอย่างนี้เพื่อนเก็บไว้ที่ออฟฟิศมาให้ชั้นใส่กระเป๋ากล้องใหม่กลับบ้าน
ชั้นพบว่าแหวนหมุนปรับรูรับแสงของเลนส์ตัวนี้ซึ่งเป็นเลนส์ซูม ระยะ 70-210 มม. มันหมุนฟรี
แปลว่ามันพังซะแล้ว
เพื่อนชั้นยอมรับว่าทำพังเอง
่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อชั้นรู้ก็คือ
น้อยใจนิดหน่อย กับทำท่ากระเง้ากระงอดไปพอประมาณ แล้วก็ถามไปพอเป็นพิธีว่าทำยังไงถึงได้พัง
ไม่ได้เป็นฟืนเป็นไฟเผามาบุญครองดังเช่นที่อาจเกิดได้ในกรณีที่คนทำพังเป็นแก หรือเป็นเพื่อนคนอื่นๆ
ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะเสริม?

กระเป๋ากล้องที่ชั้นต้องการเลือกไม่นานอย่างที่คิด เราไปเจอะของพอดีกับความต้องการ ทั้งแบบ และราคา
เพื่อนชั้นก็เห็นชอบด้วย ก็เลยตกลงซื้อได้ในเวลาไม่นานนัก
ชั้นเจอเพื่อนแค่ 30 นาทีก็ต้องแยกกันซะแล้ว
ทำใจกล้าชวนไปกินราเมง (ฮะจิบัง) แล้วเชียว-ชั้นกับเพื่อนเคยกินราเมงร้านนี้ด้วยกันหลังจากดูสไปเดอร์แมนภาค 3 ด้วยกัน-วันแรงงานของปีก่อน ชั้นจำได้
เพื่อนปฏิเสธ บอกว่าเดี๋ยวต้องไปหาเพื่อนต่อ
จากนั้นเราก็หันหน้ากันไปคนละทาง เพราะว่าไปกันคนละทาง
ชั้นเดินกลับมาขึ้นรถไฟฟ้า เพื่อนไปทางจุฬาฯ
เสริม
ชั้นเดินมาด้วยหัวใจโหวงๆ

เพื่อนชั้นไปหา 'เพื่อน'
'เพื่อน' คนนั้นคือแฟนของเพื่อนชั้นหรือเปล่านะเสริม
เมื่อไหร่ชั้นถึงจะเลิกหวั่นไหวกับเพื่อนคนนี้
เมื่อไหร่ชั้นจะนึกถึงเวลาที่เพื่อนอยู่กับแฟนได้โดยไร้อาการแปล๊บๆ ในใจ

บอกชั้นสิว่ามันจะมีวันนั้น
(บางทีชั้นอาจจะเลิกหวั่นไหว ถ้ามีแฟนของตัวเองสักที-แกว่าเป็นไปได้ไหม)

 

15 ความคิดเห็น:

  1. ทำไมมันดูเศร้าๆ หงอยๆ
    หรือว่า สำหรับเอ็งรักคือลมหายใจจริงๆ

    ตอบลบ
  2. กร
    ข้าน่ะ มี affection พิเศษกับเพื่อนคนนี้ก็จริง แต่ก็เชื่อว่าความรู้สึกกับคนคนนี้มันไม่ได้ถึงกับเป็นลมหายใจหรอก คิดว่ามันเป็นความอ่อนไหวช่วงหนึ่งเท่านั้น
    คือว่า ขาดความรักตอบ(ชนิดที่ต้องการได้รับตอบน่ะนะ)จากเพื่อนคนนี้ ข้าก็อยู่ได้เป็นปกติ
    แต่ถ้าบังเอิญโคจรมาเจอกัน หรือมีเหตุให้ต้องกระตุกใจกัน ใจมันก็อดแกว่งไม่ได้

    ที่คนแต่งเพลงโลกหมุนด้วยความรักเขาเปรียบเปรยความรักว่ามันเป็นเหมือนลมหายใจ
    ข้าว่าข้าเข้าใจเค้า
    คนเราจะมีชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยแรงบันดาลใจที่จะมีชีวิตอยู่
    แรงบันดาลใจนี่มันก็เป็นอะไรได้หลายอย่างนะเอ็ง เงินก็เป็นได้
    แต่เหนือแรงบันดาลใจอื่นๆ ข้าว่าคือความรักว่ะ
    ยกตัวอย่างเช่น แม่ แม่นี่นะ เพราะรักลูก ก็จะต้องตื่นขึ้นมาแต่เช้า มาดูแลข้าวปลา เหนื่อยยังไงก็อดทนเพื่อลูก
    ส่วนคนเป็นพ่อ ถึงทำงานมาเหนื่อยแค่ไหน แต่พอนึกๆ แล้วว่าลูกกับเมียยังมีไม่พอกินพอใช้ เขาก็ต้องขวนขวายหามาเพิ่มอีก
    หรือถ้ารู้ว่าใครมารังแกลูกเมีย เขาก็ต้องปกป้อง และเพราะว่าพ่อกับแม่รักลูกนี่แหละ ถึงได้เคี่ยวเข็ญให้เราเป็นเด็กดี ดูแลคนอื่น ปฏิบัติกับคนอื่นดีๆ เพราะเค้าหวังว่าคนอื่นๆ จะปฏิบัติดีกับลูกของเค้าเหมือนกัน

    หรือแม้แต่ระหว่างเพื่อนอย่างพวกเราเนี่ยนะ ห่างกันยังไง หายไปนานแค่ไหนก็ยังนึกถึงกันอยู่เรื่อยๆ นึกถึงกันอยู่เรื่อยๆ ในแง่ที่หวังว่าอีกฝ่ายจะสบายดี มีความสุขในชีวิตตามสมควร หรือเวลารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีปัญหา (เช่นตอนที่รู้ว่าเอ็งต้องขึ้นโรงขึ้นศาล) ก็เป็นห่วง อยากจะให้ผ่านไปด้วยดี ถ้าเผอิญผ่านไปสมุยตอนนั้นอาจจะเจ้ากี้เจ้าการอะไรมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
    หรือกับหัวหน้าของข้าเอง จำก็ยังจำได้นะ ว่าเค้าเคยทำร้ายจิตใจ แต่ข้าก็รักเค้านะ ที่ไม่รีบร้อนทิ้งเค้าไป หรือแอบไปเม้าท์เค้าให้คนโน้นคนนี้ฟังใหญ่โต ก็เพราะรักเค้า ไม่อยากให้เค้าดูแย่ในสายตาคนอื่น
    พูดง่ายๆ ว่าถ้าวันนึงเราตื่นมาโดยไม่มี drive อะไรเลย ไม่หิว ไม่อยาก ไม่อยากเห็น อยากฟัง อยากอาบน้ำ (ไม่ว่าเพื่ออะไรก็ตาม) ข้าว่าวันนั้นก็เหมือนไม่มีชีวิตแล้ว

    กับความรักนี่ เอ็งอย่ามองว่ามันคือฟังก์ชั่นสำหรับคนหนุ่มและคนสาวเท่านั้นสิ ความรักมันมีทั่วไปแหละนะ
    ระหว่างพี่น้อง ระหว่างเพื่อนบ้าน ระหว่างเพื่อนผู้ชายกับผู้หญิง ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ระหว่างเพื่อนมนุษย์ ระหว่างสัตว์ร่วมโลก
    เอ็งปรับใจให้ละเอียดอีกนิด แล้วจะเห็นรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกันมากขึ้น
    ความรักมันอยู่รายรอบตัวเรานี่แหละเอ็ง (เหมือนเพลงไหม?love is all around you)

    สำหรับข้าแล้วความรักอาจไม่ถึงกับเป็นอากาศที่ต้องหายใจ แต่ข้ามีความรักรายรอบเหมือนอากาศที่อยู่รอบตัวว่ะ
    ่ถ้าต้องมีชีวิตอยู่โดยไม่มีความรักก็ไม่รู้ชีวิตข้าจะเป็นไงนะ อาจจะเป็นการอยู่ไปแกนๆ ไม่ผิดกับคนไร้วิญญาณหรอก

    ไม่รู้เอ็งจะอิ่มกับคำตอบหรือยังสินะ
    แต่อย่าขืนตัวมากนักสิ
    เหมือนเวลาเราหัดขี่จักรยานน่ะ ถ้าฝืน มันก็ไปไม่ได้สักที มีแต่จะล้ม
    ถ้าเอ็งอยากจะเริ่มมีความรัก ก็ลองหัดปล่อยตัวปล่อยใจไปตามสบายๆ ดู
    เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับมัน
    จะรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องยากหรอก
    มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์น่ะ


    ป.ล. รีบๆ หน่อยก็ดีนะเอ็ง เผื่อพวกข้าจะได้เล่นกัยลูกเอ็งไวๆ

    ตอบลบ
  3. อึ้งไปเลยทีเดียว ..
    คอมเม้นไปรอบนึงแล้วต้องกลับมาเขียนอีกรอบ
    ...
    ไม่รู้เหมือนกันนะ หมายถึง ความรักใน reply ของเจ๋น่ะ เพราะพ้อนก็มัวแต่วิ่งไล่อย่างอื่นเข้าตัวจนไม่ค่อยสนใจเรื่อง "ดังกล่าว"
    แต่ก็ไม่รู้สึกว่าขาดอะไร เพราะเรื่องความรักในมิติของคนที่โตๆ กันแล้วเนี่ยพ้อนมองว่ามันเป็นออปชั่นเสริม ที่มันถัดจากความมั่งคงในชีวิตและหน้าที่การงาน รวมทั้งความฝันวัยเด็กบางประการ
    หลายครั้งที่พ้อนเห็นตัวอย่างเพื่อนๆ ที่มันต้องยอมวาง "ความฝัน" บางอย่างของมันเพราะมัน "รัก" ใครคนนึง (อันที่จริงคนคนนั้นอาจจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตมันก็ได้แต่พ้อนไม่รู้) แล้วมันก็มาคุยอะไรกับพ้อนทำนองว่า มันก็ยัง"อยาก" ทำสิ่งที่มันอยากทำอยู่แต่มันก็ต้องเลือกน่ะ และมันเลือก "คนรัก" อะไรทำนองนี้
    ฟังไปก็เก็บข้อมูล ความคิดแบบนั้นเอาไว้ในสมอง แต่ไม่เคยเข้าใจ
    ยังเคยพูดกับเพื่อนอยู่เลยว่า "พ้อนยอมเสียความรัก (แบบคนที่โตๆ กันแล้ว) เพื่อสิ่งที่ต้องการ"
    แต่ก็แอบมีดอกจันดอกเล็กๆ ที่บอกว่า ยกเว้นมีคนที่ทำให้เปลี่ยนใจได้ วันนั้พ้อนอาจจะเป็นแบบมัน คือยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อ "ความรัก" ก็ได้

    อีกอย่าง
    พ้อนมีความเชื่ออย่างฝังหัวว่า การที่จะทำอะไรมันต้องเกิดจากแรงผลักดันจากข้างในตัวเราเอง นั่นล่ะสำคัญที่สุด สิ่งอื่นรอบตัวมันก็แค่ของที่ผ่านมาในชีวิตชั่วคราว
    วันที่ของพวกนี้หายไป แล้วเราจะเหลืออะไร ถ้าเราเอาของที่ไม่อยู่ในตัวเราเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิต
    และอีกอย่าง ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของชีวิต ก็มีแต่ตัวเรานี่ล่ะที่อยู่กับตัวเราตลอดเวลา
    ....
    อันนี้มันดูเกินไปรึเปล่าก็ไม่รู้นะ ^ ^
    หุหุ

    ตอบลบ
  4. เอ็ง ตื่นมาไม่มี drive อะไรเลย น่าจะเป็นชีวิตที่สงบดี แต่จะเป็นชีวิตที่เราต้องการหรือเปล่าก็ไม่รู้


    นอกเรื่อง
    ตกลงซื้อรุ่นไหน
    เคยไปดูของ NG ที่โฟโต้ไฟล์ เห็นครั้งแรกในเว็บก็ว่ามันเข้าท่าดี เป็นกระเป๋ากล้องที่ทำให้ดูไม่เป็นกระเป๋ากล้อง พอเห็นตัวจริงทั้งราคา (สี่พัน) และขนาด (รู้สึกว่าใหญ่ เพราะมีกล้องอยู่ตัวเดียว) ก็เลยเฉยๆ

    ตอบลบ
  5. พ้อนและกร
    ไม่แฟร์เลยนะ ที่เพียง 2 ความเห็นในบล็อกนี้เป็นคนเยี่ยงท่านทั้งสอง
    แต่ทำไงได้ ชั้นเขียนให้อ่านแค่ไม่กี่คน
    (ความจริงคงสนุก ถ้าพี่หม่อมอ่าน-แต่ก็นั่นแหละนะ)

    เจ๋อาจจะต้องบอกพ้อนว่า (แกด้วย กร)
    บางทีเราอาจจะเป็นคนคนละแบบกันน่ะพ้อน
    เจ๋ก็ไม่แน่ใจนะว่าอันนี้มันเกี่ยวกับ "type" ไรนั่นหรือเปล่า
    แต่ถ้าเจ๋ยอมรับว่าเป็นคนบูชาความรัก ในขณะที่พ้อนอาจจะไม่ไช่น่ะ พ้อนจะเข้าใจใช่ไหม?
    คนแต่ละคนเป็นเหมือนเครื่องรับและส่งสัญญาณอะไรบางอย่างในตัวเอง
    บางคนอาจจะไวคลื่นบางช่วงมาก แต่บางคนก็แทบจะบอดไปเลย
    และแน่นอนว่าคนคนหนึ่งอาจสามารถรับคลื่นได้หลายช่วง ก็เลยสามารถเป็นเพื่อนกับคนแปลกๆได้หลายคน โดยที่คนแปลกๆ เหล่านั้นก็ไม่คบกันเองด้วย (ฮิ)
    นอกเรื่องแล้วๆ กลับมา-กลับมา

    ถึงเป็นพี่น้องกัน นามสกุลเดียวกัน แล้วแถมยังนอนกัดฟันเหมือนกันอีก
    แต่แหล่งพลังงานและ drive ของเราอาจจะไม่เหมือนกัน
    พ้อนเชื่อไหมว่าตอนที่เด็กกว่านี้ (ราว 23-24) ความรักและคนรักคือ priority ของชีวิตเจ๋เลยนะ
    แต่พอเวลาเปลี่ยนไป เราก็ได้เรียนรู้น่ะ
    ทุกวันนี้ มันก็เลยเหมือนเจ๋บอกพ้อนเมื่อวาน หน้าบิ๊กซี ว่า
    "บางทีชั้นอาจจะรักตัวเองเกินกว่าจะยอมมีแฟนได้อีก"
    ฟังดูน่าจะเป็นคำพูดจากสาวน้อยสวยเลือกได้+ดูโง่แกมหยิ่งไงไม่รู้เนอะ แต่คิดอย่างนั้นจริงๆ
    (แอบมีดอกจันเล็กๆ เหมือนพ้อนด้วย แต่ไม่บอกใคร)

    กร พอดีตอนนี้ข้าอ่าน the wonderful wizard of oz อยู่ พออ่านคำถามเกี่ยวกับการตื่นขึ้นมาโดยไม่มี drive ของเอ็งแล้วเลยนึกถึงคุณหุ่นไล่กาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คุณหุ่นไล่กาที่มีความกังวลอยู่อย่างเดียว ที่ตัวเองไม่มีสมองน่ะเอ็ง
    อันนี้ไม่ได้หลอกด่านะ แต่กำลังนึกถึงว่าถ้าตื่นมาโดยสมองว่างเปล่า ส่งคลื่นราบเรียบเป็นเส้นตรง เอ็งจะต่างกับเจ้าชายนินทราไหม
    อย่างน้อยเอ็งต้องมีไอเดียอยากกินไรเป็นอาหารเช้า หรือไม่ก็ต้องปวดอึหรือฉี่แหละ

    มัวแต่ตั้งคำถามอยู่นั่นแหละ
    ลองปล่อยใจให้ชอบใครหรืออะไรไปโดยไม่ตั้งคำถามมั่งซิ บางทีอาจจะค้นพบอะไรดีๆ โดยไม่ต้องถามคนอื่นก็ได้นะแก

    กระเป๋าที่ซื้อคือ Lowepro รุ่น Cirrus 120 ราคา 540 บาท เป็นราคาลด 20% อยู่แล้ว เพื่อนบอกว่าถ้าคต่อเหลือ 500 ก็คงได้
    แต่ชั้นพอใจคนขายเลยซื้อราคานี้ ไม่ต่อแล้ว
    ซื้อจากร้านโฟโต้ไฟล์ชั้นอะไรไม่รู้ที่ไม่ใช่ชั้น 1 กับ 5 น่ะ

    ตอบลบ
  6. โอเค อันนี้เห็นด้วยเลย

    ตอบลบ
  7. ข้าไม่ได้หมายความว่าไม่มีสมอง
    ไม่มี drive ของข้ามันออกแนวที่ศาสนาพยายามชักชวนให้มุ่งไปหาความว่าง การหลุดพ้นประมาณนั้น

    ตอบลบ
  8. มันใส่กล้อง 1 ตัว กะเลนส์ 3 อันได้เลยอ่ะ ?

    ตอบลบ
  9. สิ
    ตอนนี้เหลือแค่บอดี Pentax K1000, เลนส์ 28 กับ 50 ซึ่งตัวไม่ใหญ่มาก เวลาเก็บก็ใส่เลนส์ไว้กับบอดี้ตัวนึง วางคว่ำหน้าลงไป เลนส์อีกตัววางช่องข้างซ้าย ช่องข้างขวาใส่กล้องดิจิตอลได้อีกตะหาก

    ตอบลบ
  10. คุณหุ่นไล่กาน่ะ ไม่มี drive อื่นนอกจากอยากมีสมองนะเอ็ง
    และข้าก็ไม่ได้ด่าเอ็งด้วยว่าไม่มีสมอง (ระแวงมาก กลัวเพื่อนคิดว่าด่าจนเลิกเล่นด้วยอีก)
    แค่ความคิดของเอ็งทำให้ข้านึกถึงคุณหุ่นไล่กาขึ้นมา

    คุยกันเล่นๆ อย่าจิงจังหรือจับผิดนักสิ
    มันเคียดนะ

    ตอบลบ
  11. เอ็งอย่าคิดมากดิ
    ข้าไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอก เพราะก็พอรู้อยู่ว่าบางทีนะ ตอนเราพิมพ์เราคิดว่าเรากำลังคุยกันอยู่ แต่บังเอิญว่ามันไม่ใช่ว่ะ เขียนก็คือเขียน ไม่เห็นหน้า ไม่ได้ตอบโต้ทันที เรื่องเล็กน้อยอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่โต

    ตอบลบ
  12. เอ็ง พิมพ์ผิด...ขอจับผิดอีกที

    ตอบลบ
  13. ตั้งใจย่ะ

    เคียด(แค้น) ไง

    ตอบลบ