วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2551

Across the Universe: รักนี้..คือทุกสิ่ง (จริงหรือ?)

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Independent
จับพลัดจับผลูไปดูหนังกับป้าอ้อยอีกแล้ว
ตอนแรกนัดแนะพี่ผึ้งเป็นมั่นเหมาะว่าจะไปดู Elizabeth ตอนวัยทอง อ๊ะ ยุคทอง (Golden Ageนะ ไม่ใช่ Golden Year) แต่ผลสุดท้ายก็ไม่ได้ไป พี่อ้อยรู้แล้วโน้มน้าวจิตใจน้องใหม่ บอกว่าภาคใหม่เรื่องมันไม่หนุกว่ะแก
และเนื่องจากโรงในเครือ Apex (ที่โปรด) ไม่มีอะไรน่าสงสัยมากไปกว่า Across the Universe สองพี่น้องก็เลยพลัดไปชมหนังเรื่องนี้ด้วยประการฉะนี้

ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลย นอกจากความเข้าใจว่าเป็นหนังรัก จากโปสเตอร์ที่แปะไว้หน้าโรงที่เหลือบไปเห็นแว้บนึง ก่อนจะวิ่งจู๊ดเข้าโรงไปเพราะปวดฉี่ (อ่ะ ไม่ใช่ เพราะมาช้าจนป้าเคืองตะหาก)
พอหนังเปิดฉากมาก็ชักจะงงๆ อ้าวหนังเพลงนี่หน่า... (นึกด้วยอารมณ์ตุ่ยๆ)
แต่พอดูไปดูไป เริ่มอิน แล้วก็อินมากเข้า อินมากเข้า

หนังเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตและความรักของคนหนุ่มสาวในยุค '60s หรือยุคซิกตี้ส์ วันที่เดอะ บีทเทิ่ลส์ครองโลก อเมริกากำแหงด้วยการประกาศสงครามเวียดนาม ส่วนวัยรุ่นกำลังอเมริกันก็กำลังสับสนกับ(กัญชา?)ชีวิต

ดูไปก็นึกถึงใจคนเขียนเรื่อง ซึ่งก็คงอยากจะเล่าเรื่องในทศวรรษนั้นให้คนรุ่นต่อมาฟัง แล้วก็คงคิดอยู่นานว่าจะเล่ายังไง ไม่ให้เปิ่นเชย หรือกลายเป็นยัดเยียด ก็เลยเล่าเรื่องออกมาเป็นหนังเรื่องนี้

ซึ่ง

ได้ผลนะคะ สำหรับดิฉัน เพราะทั้งๆ ที่เป็นหนังเพลง เล่าอารมณ์ความรู้สึกด้วยเพลง แต่ทั้งๆ ที่ไม่มีตัวละครออกมาพูดถึงความรู้สึกน้อยที่สุด แต่นี่กลับเป็นการดูหนังที่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของคนยุคนั้นได้อย่างกินใจที่สุด เท่าที่เคยดูหนังเกี่ยวกับสงครามเวียดนามมาเลยทีเดียว
เสียน้ำตาโดยไม่ตั้งใจไปหลายครา
เป็นครั้งแรกที่ Let It Be กินใจขนาดทำน้ำตาหล่น
มาหล่นอีกครั้งตอน Blackbird ขึ้นว่า

..Blackbird singing in the dead of night
Take these broken wings and learn to fly...

เพลง Strawberry Fields Forever ของจอห์น เลนนอน ที่ฟังมาหลายรอบ แต่ไม่เคยเข้าใจ ก็อาจจะได้เข้าใกล้ความเข้าใจมากขึ้น หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้

ที่น่าสังเกตก็คือ นี่อาจจะเป็นการดูหนังครั้งแรก ที่ทำให้ดิฉันได้เข้าใกล้ความเข้าใจถภาวะการ 'เมา' กัญชามากที่สุด-ก็คนมันยังไม่เคยลอง
(ถ้าเป็นการเข้าใกล้ภาวะการเมากัญชามากที่สุด น่าจะเป็นจากการอ่านนิยายของมูรางามิ)
ช่างเป็นภาพที่สร้างได้ 'แจ่ม' จริงๆ
อย่างแสดงว่า ทั้งคนเขียนเรื่อง (ซึ่งก็คือผู้กำกับ) คนถ่าย และคนตัด ต้องผ่านการเมากัญชามาแล้วอย่างโชกโชนเป็นแน่แท้ (ฮี่ฮี่)

เรื่อง เพลง ภาพ (สวยและบิลท์อารมณ์คนดูสุดๆ) การใส่สี และการตัดต่อ ล้วนน่าประทับใจทั้งสิ้น ในส่วนของการ Perform ของนักแสดงเล่าก็เข้าตา อาจจะเป็นการกล่าวที่ลำเอียงเพราะเข้าข้างนักแสดงหน้าตาดีอยู่สักหน่อย แต่ต้องขอยอมรับจากใจจริงเลยว่า Jim Sturgess ที่เล่นเป็น Jude Feeny ใช้สายตาได้เก่งมากๆ ส่วนคุณน้องนางเอก Evan Rachel Wood ที่เล่นเป็น Lucy Carrigan ก็ทั้งสวยแล้วก็เล่นเก่งจริงๆ ร้องให้ก็เก่ง ถ้าหนูบอกว่าหนูร้องเอง พี่ก็เชื่อนะ เพราะหนูเหมือนจะร้องเพลงเก่งมากด้วย

หนังเรื่องนี้ทำให้ได้ฟังเพลงของเดอะ บีทเทิ่ลส์ จอห์น และอีกหลายเพลงในยุคนั้น ซึ่งนำมาร้องใหม่ โดยคนรุ่นใหม่ (ไม่แน่ใจว่านักแสดงนำร้องเองไหม) ทำดนตรีใหม่ ในไสตล์ของ Soul, R&B เพราะจัง อิ่มจริงๆ นี่ว่าจะไปซื้อ OST มาฟังให้อิ่มไปอีกชาแนลนึง

ดูหนังเรื่องนี้วันนี้กับป้าอ้อย รู้สึกว่าได้รับเกิน 100 บาทที่จ่ายไป แต่ก็มีแอบสงสัยนิดนึง ว่าถ้าหนังไม่ 'จำเป็น' ต้องจบแบบนี้ ด้วย All You Need is Love อย่างนี้
ผู้กำกับจะอยากทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นอนุสรณ์ชิ้นเยี่ยมของชีวิตหนุ่มสาวแห่งยุค '60s ไปเลยไหม

(ซึ่งที่จริงมันเป็นได้นะ)


Across the Universe (2007):
musical film directed by Julie Taymor and written by Dick Clement and Ian La Frenais. The script is based on an original story credited to Taymor, Clement and La Frenais that incorporates 34 compositions written by members of The Beatles.
http://www.acrosstheuniverse.com/






***โปรดอย่าถือว่าบทความนี้เป็นการรีวิวหรือวิจารณ์ภาพยนตร์ เพราะมันเป็นเพียงแต่บันทึกความประทับใจจากหนังที่ได้ดู-ซึ่งอยากจะแชร์กับเพื่อนบ้าง-เท่านั้นเอง***

45 ความคิดเห็น:

  1. นอกจาก The sound of music และ Moulin Rouge แล้ว
    หนังเพลงตกค้างอยู่ในความทรงจำของฉันน้อยมาก
    แต่ฟังจากที่แกเล่าแล้วน่าสนใจแฮะ
    ซิกส์ตี้เป็นยุคที่มีเสน่ห์สุดๆ แล้วอะ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ศิลปะ หรือท่วงทำนองที่ไม่อาจ และไม่มียุคไหนเปรียบปานอีกแล้ว
    จะลองหามาดู

    ตอบลบ
  2. มาชูจักกะแล่ ติดใจไปดูมาแล้วเหมือนกานนนนนนนนนนน

    ตอบลบ
  3. พี่หม่อมที่รัก ตอนนี้หนังฉายอยู่ที่โรงหนังสยาม ดูโรงมีเพื่อนเป็นสิบ จะได้อรรถรสมากกว่าดูสองคนกับสามีนะ

    คุณ eswatgirl ที่รัก ดูแล้วร้องไห้กี่ทีจ๊ะ?

    ตอบลบ
  4. ตอนที่น้องผู้ชายร้องเพลง แล้วสุดท้ายน้องตายอ่ะฮ่ะ
    น้ำตาซึมๆๆๆ ไม่ถึงกับร้องโฮกๆๆ

    ตอบลบ
  5. โอ Let It Be ตอนเดียวกันเลยคุณขา
    ของดิฉันน้ำตาหล่น

    ตอบลบ
  6. รอถึงวันอาทิตย์ หน้าจะยังฉายอยู่ละเปล่าเนี่ย T T

    ตอบลบ
  7. น่าจะยังอยู่นะตัวเอง
    ตามสเต็ปหนังใหม่จะเข้าโรงใหญ่ (สยามและสกาล่า) อาทิตย์สองอาทิตย์สามอาทิตย์ก็ว่าไป
    แล้วก็จะย้ายไปฉายโรงเล็ก (ลิโด้) เห็นมีคนดูเยอะ (มากกว่า 30 คน) ก็น่าจะอยู่นานนะ

    ตอบลบ
  8. ชอบตอนนี้มาเหมือนกัน
    ..Blackbird singing in the dead of night
    Take these broken wings and learn to fly...
    รอยแผลของสงคราม
    .
    .
    "ถ้าเป็นการเข้าใกล้ภาวะการเมากัญชามากที่สุด น่าจะเป็นจากการอ่านนิยายของมูรางามิ"
    555.....นึกว่าเมาคนเดียวเสียอีก

    ตอบลบ
  9. ว่าจะไปดูพรุ่งนี้ ไม่น่าเข้ามาอ่านเลย T0T

    ตอบลบ
  10. โหย อ่านแล้วก็ไม่เห็นเป็นไรเลย
    ฉันเล่าไม่แจ่มเท่าไปดูเองหรอก
    ว่าแต่ดูแล้วอย่าลืมมาเม้าท์กันนะ

    ตอบลบ


  11. ขอสารภาพว่าตอนที่ดูหนังตัวอย่างเรื่องนี้ ชั้นแอบแหวะในใจ คิดว่ามันคงพิกลๆ บวกกับความมีอคติกับหนังเพลงอยู่แล้วเป็นการส่วนตัวด้วย

    เป็นหนังที่เนื้อเรื่องดีกว่าหนังตัวอย่างที่ตัดมาเย๊อะมาก
    เป็นหนังเพลงเรื่องหนึ่งที่ประทับใจนะ

    ตอบลบ
  12. นี่นังน้องแมน

    เพิ่งเห็นว่าแกนัดกะพี่ผึ้งเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูอลิซาเบธโตยกัน

    แล้วยังกล้ามาอำชั้นซะยกใหญ่ที่ชั้นชิ่งไปดูก่อน

    ตอบลบ
  13. แหวะ แต่ยังจิกชวนน้องไปดูอีกนะคะป้า
    แถมไปช้า(แค่ชั่วโมงเดียว)ยังงอนน้องอีก
    ถ้าหนังมันไม่หนุก จะยอมให้น้องด่าไหมคะเนี่ย

    ป.ล. เรื่องอำน่ะ ใครดีใครได้ค่ะ
    ทำไงได้ แอบหนีไปดูไม่ชวนเค้าเอง

    ตอบลบ
  14. ^
    ^
    ^
    ตอนแกอ่านคอมเม้นท์ให้ชั้นฟังทางมือถือหนะ
    ชั้นไม่คุ้นชื่อเรื่องเลยจริงๆ

    แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็เลยไปซะหน่อย
    นั่งรอแกแค่ชั่วโมงเดียว จริงๆ

    ตอบลบ
  15. ป้าขา....
    ขอโทษมากมายที่ทำให้เวลา 1 ชั่วโมงในชีวิตสาวตอนปลายของป้าต้องสูญไปอย่างไรค่า
    น้องจะไม่ทำอีกแล้ว T_T

    ถือว่านั่งรอน้อง 1 ชั่วโมง เป็นการชดเชยการแอบหนีน้องนุ่งไปดูหนังคนเดียวครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วกันนะ


    รักป้าเสมอ
    (สายแค่ชั่วโมงเดียวอย่าเลิกคบเค้านะตัว)

    ตอบลบ
  16. เออ ปลายมากแล้ว
    ใครไม่รู้ว่าไว้ว่าสี่สิบก็เข้าวัยทองแล้ว

    ชั้นเรียนจบ(ถ้าจบ) กลับมาก็วัยทอง golden age
    ขอกรี๊ดดังๆสามที

    ตอบลบ
  17. ป้าคะ
    ตอนนี้ยังทัน
    แต่งงานก๊ะไอ้กรก่อนไปเรียนก็รอดแล้วค่ะป้า
    จะได้มีสวนในกองมรดกอันไพศาลด้วย
    พี่ๆ น้องๆ ก็จะได้มีอาหาร+ที่พักบนเกาะสมุยตลอดไป
    (ฉลาดไหม?)

    ตอบลบ
  18. มายังไงว่ะเนี่ย

    ตอบลบ
  19. น่าสนแฮะ
    ว่าแต่ดูโรงแล้วจะได้อรรถรสกว่าดูแผ่นที่บ้านหรือเปล่าค่ะ
    แบบว่าเค้ายังเข็ดกะเรื่องในโรงไม่หาย

    ตอบลบ
  20. ดีกว่าแน่นอนค่ะ
    อย่างน้อย ระหว่างดู จะไม่มีใครบอกบท
    ไม่มีเสียงกรี๊ดก่อนถึงฉากจูบ
    แต่ถ้ามีคนเข้าไปตบยุงกันแล้วไซร้
    ก็อัญเชิญเขาไปนั่งไกลๆ ได้เลยค่ะ
    โรงใหญ่ หนังอินดี้ คนดูไม่แน่นอยู่แล้น

    ตอบลบ
  21. เคยเข้าไปดูหนังอีโรติกแถวสยาม...ลิโด้มั้งคะ
    อ๊ายอาย มีคนนิดเดียวเอง
    เหอๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  22. มาอ่าน review นี้ก่อน เลย built ตัวเองเต็มที่ว่าต้องมีฉากน้ำตาไหลพรากแน่ๆ
    แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับกลายเป็นขนลุกกับตัวหนังแทน
    การถ่ายทอดเนื้อเรื่องผ่านเนื้อเพลงของ the beatles ทำให้ across the universe มั่กๆ
    ถ้ามีโอกาสคงไปดูอีกรอบ

    ตอบลบ
  23. จะรอซื้อดีวีดีนะ

    ตอบลบ
  24. เดียวว่าจะไปดูบ้าง
    แต่ช่วงนี้แถวบ้าน ก็มีหนังสงครามให้ดูอยู่เป็นระลอกๆ
    เห็นเค้ามากู้ระเบิด กันทุกวันเลย
    เหอๆ
    - -"

    ตอบลบ
  25. โหยน้องโอ๊ต
    พี่ฟัง(อ่าน)แล้วเศร้าจริตค่ะ
    น้องโอ๊ตเข้มแข็งไว้นะ
    เข้มแข็งแล้วเป็นกำลังใจให้คนอื่นด้วย
    พี่จะเป็นกำลังใจให้น้องอีกทีนะ

    ตอบลบ
  26. เพิ่งไปดูมา
    ขอตัดช่วงกลางออกได้เปล่า ไม่ชอบ ไม่รู้ด้วยว่ามันบอกอะไรออกมา


    ตอบลบ
  27. ไอ้กร
    ไอ้เพื่อนนอกคอก

    ตอบลบ
  28. เข้าใจแระว่าทำไมแกไม่ชอบ

    ลองไปดูใหม่แล้วทำสมองมึนๆ เบลอๆ แบบสมมติว่ากำลังเมากัญชาดูนะ
    อาจจอินมากขึ้น
    (ฮิ)

    ตอบลบ
  29. กัญชาไม่เคยลอง ไม่รู้ว่าตอนเมาอาการเป็นไงว่ะ
    across the universe, all you need is love.
    เหมือนเรื่องรักแห่งสยามเปล่าเนี่ย

    ตอบลบ
  30. ชั้นก็ยังไม่เคยลองว่ะแก
    แต่ถ้าลองมาลองเอาตอนนี้...มันจะดีหรอ
    หมายถึง มันจะอินเท่ากับลองตอนเด็กๆ ไหม

    ว่าแต่ across the universe ไปเหมือนรักแห่งสยามตรงไหน, ได้ยังไง?
    (เง็ง)

    ตอบลบ
  31. ข้าไม่เก็ทไงเอ็ง

    รักแห่งสยาม = รักกันมากไปดีกว่าไม่รักกันเลย (ถึงจะมีเรื่องวุ่นๆ ทุกข์โศกบ้าง และไม่ลงเอยด้วยการครองคู่)
    across the universe = ที่ไหนๆทั่วจักรวาล , all you need is love

    เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้ว่ะ

    แล้วข้าก็ว่า รักแห่งสยาม และ across the universe = ส้มสื่อรัก (ในบางมุม)

    ตอบลบ
  32. อืมอืม

    ชั้นมองว่า ความรักมันเป็นภาษาสากล (ที่รวมทั้ง verbal และ non verbal language)
    ฉะนั้นเรื่องของความรักมันคงมีอะไรที่เป็นสากลเชื่อมโยงกันอยู่
    (แกดูหยั่งรักใน Babel หรือ Crash ซิ คนละเรื่องแท้ๆ แต่ยังเชื่อมโยงกันได้-น่าประทับใจแบบประหลาดๆ)
    ไว้ว่างๆ จะลองหาดูนะ ว่ามันเชื่อมโยงกันตรงไหน

    ประเด็นอยู่ที่ส้มสื่อรักนี่สิ ยังไม่เคยอ่านเลย
    ต้นส้มแสนรักก็ยัง
    ตอนนี้กำลังอ่านนานะเล่ม 13 ไปพร้อมๆ กับ บึงหญ้าป่าใหญ่

    ตอบลบ
  33. มองไม่เห็นมุมนี้ว่ะ

    เห็นว่ารักแห่งสยามมันแสดงให้เห็นความรักหลายๆรูปแบบ และการแสดงออกที่แตกต่างกัน

    ส่วน across เนี่ย มันเบลอๆว่ะ

    สำหรับส้มสื่อรัก ยังไม่ได้อ่านเลย

    ตอบลบ
  34. แต่เรื่องรักๆเนี่ย
    ดั๊นไม่ถนัดฮ่ะ

    สยองมากเลย
    ทำไมชั้นไม่มีความรักแบบหนุ่มสาวเลยว่ะ

    ตอบลบ
  35. ก้อเพื่อนคนที่สัญญากันว่าถ้า 30 แล้วยังไม่แต่งงานเรามาแต่งกัน-นั่นไม่ใช่หรอ
    แล้วหนุ่มอาร์เจนไตน์ที่ไปเจอที่ NZ -นั่นก็ไม่ใช่หรอ?
    อีกคนนึง พี่คนที่ป้าใช้เตือนน้องเรื่อง "เสียเวลาและไม่มีประโยชน์" นั่นก็ไม่ใช่หรอ

    แหม๋ ป้า
    มันต้องมีมั่งแหระ
    มีความรัก (affection??) กับมีแฟนหน่ะ คนละประเด็นหนา

    ตอบลบ
  36. ก็นั่นไง
    แล้วก็บอกให้เห็นว่าแต่ละแบบก็มีเรื่องราว มีทุกข์ของมัน แต่สุดท้ายก็คลี่คลายไปด้วยดี
    "เราคงคบกับนายไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่รักนาย" (ประมาณนี้)

    ถึงได้มีคำถามทำนองว่า รักกันมากไปดีกว่าไม่รักกันเลย
    แต่มันคงต้องมีเงื่อนไขว่ารักกันยังไง
    ตอนจบก็มีคนถามคำถามนี้ในหนังนี่

    ปล. แปลกใจที่หนังไม่ได้ทำให้ชายรักชายเป็นปมด้อย (ในหมู่เพื่อน) เพื่อนๆไม่เห็นมีใครล้อคู่พระสองคนอย่างจริงจัง และสองคนนี้ก็เหมือนกับไม่ต้องปิดบัง

    ตอบลบ
  37. มันเป็นกรากฏการณ์หนึ่งในหมู่วัยรุ่นเมืองกรุง (หรือปล่าวหว่า?)

    ตอบลบ
  38. เวลาพูดว่าอะไรเป็นสากล เอ็งหมายความยังไง
    ถ้า บอกว่าอารมณ์พื้นฐานของคน เช่น หิว เป็นภาษาสากลข้านะพอเข้าใจ
    แต่มันมีบางเส้นที่พอข้ามแล้วมันไม่สากลซะทีเดียว
    คือ มันมีเรื่องของวัฒนธรรม (ประมาณนั้น) ที่ทำให้มันไม่เป็นสากล
    ข้าว่ารักของคนที่โตแบบไทยๆ มันไม่เหมือนรักของฝรั่ง
    ไม่รู้ดิ คิดว่ายังงั้น


    เออ ลืมไปว่ะ จะบอกว่าไอ้ตอนกลางของเรื่องที่ข้าไม่ชอบนะ ถ้าเอ็งไม่บอกข้าก็ไม่รู้นะว่าตอนนั้นเมากัญชากันอยู่ ข้าแค่รู้ว่ามันฝันประหลาด ไม่รู้ว่าฝันนั้นจะบอกอะไรแก่เรา และก็ไม่รู้ว่าที่ฝันเพราะเมากัญชา

    ตอบลบ
  39. กร เอ็งอาจเข้าใจว่าข้าพูดถึงความเป็นสากลของภาษารักในแง่ของ "รูปแบบ" ของการแสดงออกซึ่งความรัก
    แต่ข้ากำลังพูดถึงความเป็นสากลของความรักในฐานะที่มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์น่ะ
    (หรือว่าตูไม่น่าใช้คำว่า "ภาษา" วะ)
    เช่นว่า ความรักตามสัญชาตญาณแบบที่แม่รักลูก แบบที่ผัวเมียหึงกัน แบบที่คนเรามีเซ็กซ์กันเพราะรัก ไรเงี้ย ไม่ว่าคนไทย คนลาว ฝรั่งญี่ปุ่น มันก็มีสัญชาตญาณเกี่ยวกับความรักละม้ายคล้ายกันจิงป่ะ
    เพียงแต่ว่า คนแต่ละชาติอาจมีรูปแบบในการแสดงความรักต่างกัน
    คู่ฮันนี่มูนฝรั่งอาจไม่คิดว่าการยืนซบกันกลางวัดสุทัศน์เป็นเรื่องผิดร้าย (ดีที่ก่อนเขาจะคิสกัน หลวงพี่ได้ตักเตือนเสียก่อน) หรือว่าคนไทยมีเซ็กซ์กันใต้ผ้าห่มเท่านั้น อันนี้มันก็ต่างกันไปตามบริบททางสังคมไง

    เอาไว้เจอกันเป็นๆ ค่อยคุยเรื่องนี้อีกทีดีแมะ
    เกรงใจชาวบ้านเขา

    ตอบลบ
  40. เหล่านั้น ยังไม่นับเป็นรักเลยอ่ะ
    และคนละเรื่องกับเป็นแฟนนะ

    ตอบลบ
  41. เฮ้อ เรื่องของคนรู้เยอะมาเถียงกัน จะเอาองค์ความรู้มาเถียงอะไรกันนักหนาครับพี่ๆ ดูหนังแล้วแฮปปี้ไหม แฮปปี้ จบ ดูแล้วยกระดับความคิดความรู้สึกต่อคนหลายๆ ประเภทรอบข้างไหม สามารถเลือกฝ่ายให้ตัวเองในสถานะการณ์นั้น ที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างแฮปปี้ไหม พูดได้แล้วทำได้ไหม
    ความรัก love อะไรต่าง ๆ เนี่ย แน่ใจหรือครับว่าตัวเองปรุโปร่งแล้ว
    ขอโทษนะครับ ช่วงนี้จิตตก เบื่อการถกประเด็นแบบนี้ แต่ก้มาถกด้วยแฮะ
    ขอโลกในแบบดีๆ อันนึงได้ไหม ถ้าไม่ได้ ขอเมากัญชาดีก่า
    ชอบหนังเรื่องนี้ อิน แต่ไม่ร้องไห้ สะเทือนใจ แต่ไม่มีน้ำตา
    เวลาเถียงกันก็อย่าผิดประเด็นนะครับ อิอิ

    ตอบลบ
  42. หึงกระจายหรอค๊า
    น้องเลี้ยง???

    ตอบลบ
  43. นึกถึงหนังเรื่องนี้แล้วคิดถึง ..Blackbird singing in the dead of night
    Take these broken wings and learn to fly...

    ู^_^

    ตอบลบ
  44. I just saw the black bird, the real ones, at the air and space museum next to IAD airport.

    ตอบลบ