วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2552

Gone with the Wind : a Compatible Couple

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Drama
ถ้าคุณลืมตาดูโลกในครอบครัวคนมีเงิน เป็นลูกรักของพ่อแม่ ไม่เคยต้องลำบาก มีคนรองมือรองเท้ามาตลอด แล้วคุณก็เป็นคนสวยอย่างยิ่ง คงไม่แปลกที่คุณจะชินกับการได้รับความรัก การมองมาด้วยสายตาชื่นชม ทึ่ง และอิจฉา ไม่แปลกที่คุณจะมีสิทธิ์คาดหวังว่าตัวเองจะเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล เป็นดาวดวงที่ส่องแสงเจิดจ้าที่สุด คอยดึงดูดให้บรรดาดาวสีซีดๆ โคจรเป็นวงรอบ
ถ้าคุณเป็นอย่างที่ว่ามา ..คงจะไม่แปลกเลย ถ้าคุณกลายเป็นคนสวยนิสัยเสียอย่าง สกาเล็ต โอ’ ฮารา

หนังโหมโรงโดยการเล่าถึงความสมบูรณ์พูนสุขของชีวิตเจ้าของที่ดินทางใต้ สมัยที่ยังมีทาสอยู่ ในช่วงปีทศวรรษที่ 1860’s ซึ่งครอบครัว โอ’ ฮารา ก็เป็นหนึ่งในนั้น สงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้กำลังฮึ่มๆ จะรบไม่รบแหล่ แต่สการ์เล็ตไม่ได้สนใจอะไรนอกจาก แอชลีย์ หนึ่งในหนุ่มที่รายล้อมรอบตัวกำลังจะประกาศแต่งงานกับ เมลานี ญาติสาว อิฉันไม่แน่ใจว่าเธอรักแอชลีย์จริงไหมแต่ที่แน่ๆ คือ เธอคงยอมไม่ได้ที่จะเสียเขาไป ถึงกับยอมลงทุนฉุดฝ่ายชายเข้าห้องสารภาพรักก็แล้ว แต่ฝ่ายนั้นยังยืนกราน หนักแน่น ว่าจะแต่งกับคนรัก...ก็หน้าแตกสิ

หน้าแตกต่อหน้าคนที่ตัวเองรักไม่พอ อีตา เร็ตต์ บัตเลอร์ หนุ่มหล่อร้ายคนนั้นยังได้ยินเรื่องทั้งหมดโดยบังเอิญเสียอีก แถมขู่จะแบล็กเมล์ด้วย
..เสียฟอร์มสการ์เล็ตชะมัด
..ยอมไม่ได้-ยอมไม่ได้

มีคนขี่ม้ามาบอกประกาศสงครามพอดี หนุ่มๆ แถวนั้นประกาศสมัครร่วมกองทัพกันใหญ่ (คิดว่าอีกฝ่ายเป็นหมูละสิ) ชาร์ลส น้องชายของแอชลีย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหนุ่มที่รายล้อมตัวสการ์เล็ตดันเข้ามาขอแต่งงานด้วยในตอนนั้น ยัยนางเอกนิสัยเสียเลยตอบตกลงทันที กะประชดคนรัก ชิงแต่งงานก่อน เพื่อความสะใจ

ไม่รู้ได้สะใจไหม เพราะพอผัวไปรบได้ไม่นาน ก็ตาย เพราะโรคหัด (เหอ เหอ) ชีเลยกลายเป็นแม่ม่ายยังเอ๊าะไปในที่สุด

รบกันยาวนาน ทางใต้มีแต่เสียเปรียบ เพราะแสนยานุภาพของอาวุธและก็อื่นๆ บ้านเมืองก็ลำบากขึ้น เริ่มอดๆ อยากๆ กัน พวกผู้หญิงต้องไปช่วยงานพยาบาลทหาร สการ์เล็ตก็ไปกะเขาด้วย แต่เธอไม่ได้มีฟลอเรนซ์ไนติงเกิลอยู่ในหัวใจ ก็เลยพร้อมจะทิ้งงานง่ายๆ แต่สถานการณ์บวกกับสัญญาที่ให้กับแอชลีย์ไว้ ว่าจะช่วยดูแลเมีย คือเมลานี (ศัตรูหัวใจชัดๆ) ซึ่งกำลังท้องใกล้คลอด บีบบังคับให้สการ์เล็ตต้องกลายเป็นผู้นำครอบครัว ตอนนั้นทหารฝ่ายเหนือเดินทางใกล้เข้ามาเรื่อย เพื่อยึดครองดินแดนผู้แพ้สงคราม ญาติผู้ใหญ่ก็หนีหายไปแล้ว หมอก็ต้องพยาบาลทหารเป็นร้อยเป็นพันนั้นก่อน สการ์เล็ตเลยต้องลงมือทำคลอด แล้วก็ให้สาวใช้ไปที่หอนางโลม เพื่อขอความช่วยเหลือจาก เร็ตต์ หนุ่มเจ้าเล่ห์ที่กุมความลับของเธอไว้

เร็ตต์ ซึ่งก็บอกสการ์เล็ตไปตั้งแต่แรกๆ ที่เจอกัน ว่า รัก ก็มาพร้อมรถม้า พาสการ์เล็ต เมลานี ลูกที่เพิ่งคลอด แล้วก็สาวใช้ กลับบ้านที่ทารา (ประมาณว่าอยู่เมืองใกล้ๆ กัน) ดูเหมือนสองคนนี้เห็นใจกันก็ตอนนี้ เร็ตต์เป็นคนที่สการ์เล็ตนึกถึงเสมอในยามลำบาก (โปรดสังเกตว่าเธอไม่ได้นึกถึงแอชลีย์ ชายในดวงใจของเธอ) ส่วนเร็ตต์ก็มองเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปโฉมสวยหยิบโหย่งของสการ์เล็ต เขามองออกว่าผู้หญิงคนนี้ร้าย แต่แกร่ง และแข็งแรงพอจะช่วยให้คนอื่นรอดได้ และนี่ก็เป็นเสน่ห์ที่กินใจเขา

ระหว่างทางหนีของตัวละคร หนังทำให้เราทึ่งกับการลงทุนของทีมงานสร้างในสมัยนั้น (คอมพิวเตอร์ตัวแรกยังไม่มีเลย อย่าเพิ่งถามถึง CG) อดสูกับสงคราม สภาพบ้านแตกสาแหรกขาด ความพังทลาย ชนิด Gone with the Wind ของคฤหาสน์หลังใหญ่อู้ฟู่ที่ได้เห็นตอนเปิดเรื่อง

ภาพนี้ทำให้เกิดความรู้สึก แม้แต่คนอย่างเร็ตต์ เขาส่งสการ์เล็ตที่ทางแยก แล้วบอกว่าจะกลับไปร่วมรบกับพี่น้อง สการ์เล็ตใจเสีย ไม่ยอม จนลงทุนต่อว่าเสียๆ หายๆ อย่างเคย แต่ก็ห้ามเร็ตต์ไม่ได้

ภาพต่อจากนั้นเป็นสการ์เล็ตที่เราไม่เคยรู้จัก ในรูปโฉมมอมแมม หัวฟู ผมยุ่ง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง หากแววตามุ่งมั่น ขับรถม้าพาสามชีวิตกลับบ้านอย่างเข้มแข็ง เมื่อถึงบ้าน ก็ได้เห็นสภาพชวนหดหู่ใจ บ้านดูเก่าลง และพังเสียหายไปมาก แววตาล่องลอยของพ่อ และแม่ที่เพิ่งสิ้นใจเมื่อคืนก่อน ยังเหลือแมมมี่พี่เลี้ยงผิวดำที่ไม่หนีไปไหน กับคนรับใช้ชายอีกคน ทั้งบ้านไม่มีอาหาร เหลือแต่หัวผักกาดผอมๆ ในไร่ สการ์เล็ตถึงกับสาบานกับพระเจ้า ว่าต่อไปนี้ชีวิตของเธอจะไม่ต้องทนกับความหิวอีกต่อไป

ดังนั้น เธอจึงทำทุกอย่าง เพื่อให้ทุกชีวิตภายใต้การนำของเธอมีกิน (ตอนนี้มีเยอะมาก แม้พ่อจะตายไปแล้วแต่ก็ยังมีน้องสาวอีก 2 เมลานีและลูก แล้วก็คนใช้อีก 3 ไหนจะพวกที่ทยอยกลับจากสงครามอีก) รวมทั้งต้องรักษาไร่และบ้านทาราเอาไว้ด้วยการจ่ายภาษีแพงถึง 300 เหรียญ เงินเท่านี้ หายังไงก็ไม่ทัน ด้วยความฉลาดแกมโกง เธอจึงบากหน้า กะไปใช้เสน่ก์รีดเงินจากเร็ตต์ ซึ่งตอนนี้ถูกขังในคุกของผู้ชนะสงคราม เร็ตต์บอกไม่มี เงินอยู่ในลิเวอร์พูลโน่น สการ์เล็ตก็กรี๊ดแตก ใช่สิ เธอลงทุนอ่อยขนาดนี้ ยอมลดเกียรติขนาดนี้ เพื่อมาขอเงินเขาโดยเฉพาะเลยนี่นะ

เหยื่อของสการ์เล็ตกลายเป็นหนุ่มใหญ่ที่มาติดพันน้องสาวอยู่ หนุ่มนี่มีหัวทางการค้า เขาจึงตั้งตัวได้เร็วหลังสงคราม แล้วสการ์เล็ตก็รวบหัวรวบหางหนุ่มใหญ่แสนซื่อ (+โง่?) คนนี้ได้ นั่นทำให้เธอรักษาทาราไว้ได้ แม้ว่าจะโดนน้องสาวและคนอื่นๆ เกลียด ...รวมทั้งเร็ตต์ บัตเลอร์ด้วย เขาประชดว่า สการ์เล็ตช่างมีความสามารถในการแต่งงานกับคนที่เธอไม่รัก ถ้าเธอรอเขาอีกหน่อยก็คงไม่ทำอย่างนี้หรอก

สการ์เล็ตเสียสามีคนนี้ไปในเวลาต่อจากนั้นไม่นาน เหตุการณ์นี้เร็ตต์ได้เข้ามาช่วยเหลือเธอเช่นเคย แต่ในที่สุด เขาก็ขอนางเอกของเราแต่งงาน และเธอก็เซย์เยสเสียที (เฮ่อ ลุ้นมาจะสามชั่วโมงแระ)

ได้แต่งกันแล้ว แต่เรื่องยังไม่ยักจบ มีคนตามใจแล้วสการ์เล็ตก็นิสัยเสีย แม้จะมีลูกแล้วก็ยังเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ เหมือนเดิม เอวใหญ่ขึ้นนิ้วครึ่งก็ประกาศว่าจะไม่มีลูกอีกแล้ว จะล็อกห้องด้วย (ผัวยอมได้ไง?) พี่เร็ตต์เองก็มีจุดอ่อนคือ รักผู้หญิงคนนี้เสียเหลือเกิน พอมีเหตุมาสะกิดใจว่าเมียยังไม่ลืมคนรักเก่า พี่เค้าก็ถอดสีหน้าเป็นน้อยใจแทบไม่ทัน ก็ทะเลาะมีปากเสียงกันไป
ก่อนจะจบด้วยการอุ้มขึ้นเตียงเพื่อลงโทษ (หวาววววว.....ว)

มันคงเป็นคืนที่สุขสมดี เพราะสการ์เล็ตตื่นขึ้นอย่างแช่มชื่น ถึงกับนอนร้องเพลงหงุงหงิงอยู่บนเตียง ที่ไหนได้ ผัวเข้ามาบอกว่าจะพาลูกไปอังกฤษ แต่ก็ต้องกลับมาก่อนกำหนดเพราะลูกยังเล็ก แถมไม่มีแม่ไปด้วย อยู่กันสองพ่อลูกไม่รอด กลับมาแล้วพี่เร็ตต์ยังไม่หายงอนเมีย เมียบอกท้องอีกแระ เจือกถามว่าลูกใคร (ห่า-มันน่าถีบให้ตกกระไดนัก) เมียโมโห ง้างจะตบหน้าแต่สงสัยจะใส่ชุดนอนกรุยกรายไปหน่อย เลยกลิ้งตกบันไดไปซะงั้น (บันไดแม่งโคตรสวย เหมือนทำมาให้นางเอกกลิ้งโดยเฉพาะ)

พอเริ่มหายดี เริ่มจะเข้าใจกันแล้ว แม่ลูกสาวตัวน้อยดันมาตกม้าคอหักตายซะอีก โอ๋ยยยย...สงครามชีวิตยังไม่จบ ผัวปิดประตูอยู่กับศพลูกอยู่ 2 วัน เมียก็เพิ่งแท้ง ร้อนถึงแมมมี่ ต้องไปเชิญเมลานีซึ่งพี่เร็ตฟังเสียงมากล่อม เจ๊เมลานีแกบอบบางอยู่แล้ว มารู้เรื่องทราจิกคนบ้านนี้เข้าชีก็ป่วยบ้าง คราวนี้เล่นเอาร่อแร่ ถึงขั้นสั่งเสียทีเดียว

เธอสั่งเสียสการ์เล็ต ซึ่งที่จริงชาวบ้านเม้าท์มาตลอด ว่ารัก อยากได้ผัวของเธอว่า แต่เมลานีฝากสการ์เล็ตดูแลผัว แต่อย่างให้เจ้าตัวรู้ แล้วก็ให้ Be kind to Captain Butler. He loves you so..
อิฉันแสนซึ้งถึงน้ำใจตัวละครตัวนี้ เมลานีมองทุกคนในแง่ดี และทั้งรักและชื่นชมสการ์เล็ตด้วยน้ำใสใจจริงมาโดยตลอด กับผัว เธอก็ให้เกียรติ ไม่เคยจิกถามว่ายังไงกับผู้หญิงคนนี้ แล้วจะยังไง ห้ามนะ ฯลฯ ไม่มีเลย

พี่เร็ตต์พอเห็นเมียเขาตายก็หึงจัด กลัวเมียตัวเองจะได้สมรักกับคนรักเก่า ก็ผลุนผลันกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้า ฝ่ายสการ์เล็ตก็วิงวอน ร้องขอ บอกว่ารัก อย่าทิ้งกันไปเลย พี่เค้าก็เด็ดขาด ทิ้งไปจริงๆ

ผัวไปแล้ว แม่เมียก็คิดไม่ตกว่าจะทำไงดี (ให้ผัวกลับมาน่ะ) สับสนๆ สูญเสียๆ อย่างนี้มันก็น่าคิดไม่ออกหรอก แต่แล้วในที่สุดเสียงของพ่อที่เคยพูดด้วยเมื่อตอนยังเป็นเด็กสาวก็แว่วเข้ามา ก็เลยคิดถึงบ้าน กลับไปตั้งหลักที่บ้าน แล้วค่อยคิดว่าจะเอาผัวกลับมายังไง ..แล้วหนังก็จบ

........


ไม่รู้ว่าพี่เร็ตต์จะกลับมาหาเมียยังไง เมื่อไหร่ แต่อิฉันเชื่อว่าสองคนนี้เขามีแรงดึงดูดต่อกัน เขา passion ในกันและกัน ยังไงเขาก็คงได้พบกันอีก สการ์เล็ตน่ะ ถึงจะข่มผู้ชาย แต่ก็ข่มพี่เร็ตต์ไม่ลง ยังนึกถึงพี่เร็ตต์ทุกครั้งที่ลำบาก ในขณะที่พี่เร็ตต์ก็ยอมตลอดเพราะรัก พี่เร็ตต์เอง นอกจากหล่อวายร้ายแล้วยังทั้งฉลาดเฉลียว รู้ทัน และหาเงินเก่ง ต้องผู้ชายอย่างนี้เท่านั้น ถึงจะอยู่กับสการ์เล็ตได้

คนคู่นี้ เขาไปคบกับคนอื่นก็คงไม่มันส์เท่ากลับมาคบกันเหมือนเดิม
อิฉันเชื่อเช่นนั้น




บันทึก:
• Gone with the Wind (ชื่อไทย=วิมานลอย) ฉายรอบปฐมทัศน์ในปี 1939
• หนังมีความยาวทั้งสิ้น 224 นาที หรือเกือบ 4 ชั่วโมง
• (พระเจ้า! หวังว่าจะมี Intermission สักครั้งสองครั้งนะ)
• หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์ถึง 10 สาขา
• หนังสร้างจากนวนิยายรางวัลพิลิตเซอร์ของ Margaret Mitchell
• ว่ากันว่านิยายเรื่องนี้เป็นหนังสือที่มียอดพิมพ์สูงที่สุดในโลก (ก็มันพิมพ์มากี่ปีแล้วล่ะ)
• หนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผัวเมียไม่ควรเถียงกันตรงบันได
• และก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกขี่ม้าข้ามเครื่องในท่าไขว้ขาโดยไม่มีหมวกด้วย
• ชอบไดอาลอกหนังโบราณอย่างนี้มาก (Casablanca ก็ชอบ)
• ชอบอารมณ์ขันที่คนเขียนบทใส่ให้ตัวละคร มันช่างขันในแบบฉบับของตัวละครตัวนั้นจริงๆ
• อิฉันรู้สึกรักเรื่องราวใน Gone with the Wind มาก ตัวละครทุกตัวมีมิติน่าประทับใจ น่าหลงใหลทุกตัว
• บทก็เขียนขึ้นอย่างดี พิถีพิถัน ใส่รายละเอียดสอดคล้องกันให้ logic กับเรื่องดีมาก
• Production สุดเริ่ดอลังการ
• สงสัยว่า ปริศนา กะบ้านทรายทอง จะได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่องนี้
• ผลของสงครามกลางเมืองครั้งนั้นคือ เลิกทาส และธงชาติอเมริกันที่ใช้แบบเดียวทั้งประเทศ แล้วอะไรอีกหว่า???


17 ความคิดเห็น:

  1. "วิมานลอย"

    ยังไม่ได้ดูหนัง และ ยังไม่ได้อ่านรีวิว (จะดูก่อน)
    อยากดูเพราะชอบที่เขาแปลว่า วิมานลอย

    ตอบลบ
  2. เคยดูหนังการ์ตูนเรื่อง Steamboy นางเอกก็ชื่อ Scarlet O'Hara คนวาดคงประทับใจเรื่องวิมานลอยนี้อยู่โข

    ตอบลบ
  3. เคยดูแล้ว ลืมแล้ว

    ไว้จะลองกลับไปดูใหม่

    แหม..ตั้งกะได้เครื่องอ่านมาดูหนังเรื่องชนเรื่องเลยน้า

    ตอบลบ
  4. ให้ยื้มมิ?
    (ตอบแทนคนไปพันธุ์ทิพย์หน่อย)

    ตอบลบ
  5. ซื้อไว้ตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่ได้ดู
    ยืมรีวิวลงเว็บอันดิ เอาบ้านผีก็ได้

    ตอบลบ
  6. ตามบาย อีดิดเองนะ
    (มีคนอ่านมั่งมะน่ะ?)

    ตอบลบ
  7. ชั้นก็ชอบเรื่องนี้นะ

    สการ์เล็ตหนะ แหล และเป็นตัวของตัวเองดี ชอบ
    เป็นนางเอกที่ร้าย ซึ่งในยุคนั้นไม่น่าจะมีใครสร้างบุคลิกนางเอกให้ร้ายขนาดนั้น

    ตอบลบ
  8. บรรยายดีจังครับ น่าดูๆ

    ตอบลบ
  9. ร้ายได้ใจนะป้า
    ดูเป็นปุถุชนดีอะ

    ตอบลบ
  10. เป็นตัวละครที่มีมิติดี ไม่แบน

    ตอบลบ
  11. ดูหนังเรื่องนี้แล้วค่ะ มีดีวีดีด้วย เป็นหนังที่ยาวมากๆ แต่ต้องยอมรับแบบพี่ม้อยบอกจริงๆคือ ทุ่มทุนสร้างมาก โดยเฉพาะฉากที่นางเอกวิ่งตามหาหมอไปทำคลอดให้เมลานีท่ามกลางซากแห่งสงครามและซากปรักหักพัง

    หนังสือเรื่อง Gone with the wind เป็นหนังสือที่ยอดมากเลยค่ะพี่ม้อย อ่านแล้วจะวางไม่ลงถึงขั้นไม่ยอมหลับยอมนอน ปิ๋มอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วทั้งภาคแรกและภาคจบ แต่ภาคจบเขียนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ ได้ข่าวว่าในสมัยนั้นมีแฟนๆ เรียกร้อง (และข่มขู่) ให้เขียนตอนจบให้จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งเยอะมาก เจ๊คนเขียนเลยออกจะเคืองๆ เพราะเจ๊ตั้งใจให้จบในตัวแบบนั้น เลยเขียนให้ตามคำขอแต่เขียนแบบไม่ชอบใจ ไม่สมเหตุสมผลแบบภาคแรก

    ตอบลบ
  12. ยังไม่ได้อ่านเลยน้อง
    ว่าแต่หนังสือกะหนังต่างกันมากไหม
    แล้วปิ๋มดูหนังก่อน หรืออ่านก่อนคะ?

    ตอบลบ
  13. หนังกับหนังสือไม่ต่างกันมากค่ะ แต่หนังสือทำให้เราเข้าใจความรู้สึกนึกคิดและนิสัยของตัวละครมากขึ้น โดยเฉพาะฉากจบ ว่าทำไมพระเอกถึงจากไป หนังสือเล่มหนามากกกกก ทำให้เราเข้าใจตัวละครได้มากขึ้น อินได้มากขึ้นด้วย

    ปิ๋มอ่านหนังสือก่อนดูหนังค่ะ หนังสือนี่ปิ๋มอ่านตั้งแต่ปี 2541 มั้งคะ แต่หนังนี่เพิ่งได้ไปซื้อแผ่นมาดูตอนต้นปี 2551 นี่เอง ห่างกัน 10 ปีพอดี ฮ่าฮ่าฮ่า

    ตอบลบ
  14. แปลว่าคนทำหนัง ทำเก่งมาก

    ตอบลบ
  15. แต่ภาพยนตร์ปิ๋มมีแอบหลับนะพี่ม้อย ในขณะที่หนังสืออ่านตั้งแต่ บ่ายโมงจนถึงหกโมงเช้าไม่หลับเลย

    ตอบลบ
  16. ฮิฮิ
    พี่น่ะ ซื้อวีซีดีหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ ๕ ปีก่อน
    ดีที่ค่อยๆ ดูไปทีละแผ่นได้ จบแผ่นแล้วก็ไปเอาหนมมากินบ้าง เข้าห้องน้ำบ้าง

    พี่ไม่ได้เจอหนังสือที่อ่านจนวางไม่ลงอย่างปิ๋มมาี้นานแล้วล่ะ

    ตอบลบ
  17. ต๊ะไว้ก่อนนะ เดี๋ยวกลับไปอ่านที่บ้าน

    ตอบลบ