วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2551
เวลาเป็นของมีค่า [รำพึง-รำพัน]
"เวลาเป็นของมีค่า"
ไม่ได้เพิ่งคิดเพราะต้องไปนั่งตากแดด (จนดำ-กว่าเดิม) รอคนในสวนตั้ง ๒ ชั่วโมงหรอก
แต่คิดมานานแล้ว
โดยเฉพาะช่วงนี้ ความคิดนี้คุกรุ่นมาก
ใครจะบอกได้ว่าเรามีเวลากันคนละเท่าไหร่?
อย่างเก๋ เก๋จะรู้ไหมว่าเก๋มีเวลาไม่เต็ม ๓๒ ปี?
แฟนเราที่เคยคบกันมา ตอนคบกันก็งอนกันตลอด เรียกร้องกันตลอด โมโหกันตลอด ทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจ ไม่เคยพอใจกันเลยเนี่ย
ถ้าตอนนั้นเรารู้ว่าเราจะมีเวลาคบกัน อยู่ด้วยกัน แล้วก็ดูแลกันแค่นั้น เท่าที่มีนั่น
เราจะยังยอมเสียเวลาไปกับการโกรธ ความขุ่นเคือง หมกมุ่นอยู่กับการคิดคำพูดเหน็บแนม เสียดสี แล้วก็วางแผนแกล้งกัน
หรือเราจะเอาเวลาไปรักกัน ทำอะไรดีๆ ด้วยกันให้มันมากกว่านี้ มีคุณภาพกว่านี้?
เมื่อวานเป็นวันที่ป่วนแบบแปลกๆ
นอกจากชีวิตจะถูกป่วนเพราะอารมณ์ที่เกิดจากความยึดมั่นถือมั่นกับคำพูดของคนจนเกินควรแล้ว ยังได้รับโทรศัพท์จากผู้ชายที่เคยมีเวลา (ดีบ้าง-ชั่วบ้าง) ร่วมกัน ๒ คน
คนหนึ่ง ไม่รู้เพี้ยนอะไร มาสั่งให้เราซื้อรองเท้าให้อีกแล้ว (คราวที่แล้วแกยังไม่จ่ายเงินเลย) เราถามว่าทำไมต้องเป็นเรา เขาบอกว่าเพราะร้านขายรองเท้ามันอยู่ปากซอยบ้านเรา เราก๊อเลยฉลองศรัทธาด้วยการแวะซื้อคอนเวิร์สคู่ใหม่ แถมรองเท้าแตะคีบอีกคู่ (ซึ่งทั้งสองคู่ไม่ใช่ของเขา-ฮ่าฮ่า)
ส่วนอีกคน โทรมาเพื่อถามคำถามเดิมๆ ว่าเธอยังไม่มีแฟนจริงๆ อะเหรอ ไม่น่าเนอะ คนแบบเธอนี่ไม่น่าจะหาผู้ชายยาก (เอ๊ะ ยังไง? จะด่าก็ด่ามาเลยสิ หรือจะช่วยหาก็อย่ารอให้ขอได้ปะ)
แล้วเราก็มาคิด
ถึงเวลาช่วงหนึ่งที่เราเคยมีกับผู้ชายทั้งสอง แม้วันนี้จะไม่ได้อยู่ในสถานะเดียวกับวันโน้น
ทว่า ทุกวันนี้เราก็ยังมีเวลากับเขาแต่ละคนในสถานะใหม่
ซึ่ง ไม่รู้มันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ และสิ้นสุดยังไง
เรา ซึ่งไม่รู้ว่าเวลานี้มีอยู่อีกเท่าไหร่ ควรทำไงดี?
(มีคำตอบอื่นใดไหม นอกจาก "ใช้มันให้คุ้มค่า"?)
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการจากไปของเก๋ ทำให้ได้ตระหนักว่า ไม่ว่าจะกับเพื่อน พ่อแม่ น้องๆ และคนอื่นๆ ก็คงเหมือนกัน เราไม่รู้ว่าเรามีเวลากับคนเหล่านั้นคนละเท่าไหร่ มาก-น้อยแค่ไหน
ในเมื่อไม่รู้ เราก็คงต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าไว้ก่อนอีกนั่นแหละ
นี่ป้าอ้อยกำลังจะไป ไปเรียนหนังสือในที่ไกล๊-ไกล แล้วก็น๊าน-นาน
ป้าไปไกลจนนึกท้อที่จะบากบั่นไปหา
ถ้าป้าไม่อยู่ เราซึ่งมีเพื่อนสนิทน้อยคน ยิ่งเพื่อนปากนรกที่คุยกันได้แหลกราญอย่างป้ายิ่งมีน้อยไปอีก
เราจะเป็นไง?
สภาพอาจไม่ผิดกับคนอกหัก หงอย เหงา แล้วก็ไ่ม่รู้ว่าเสาร์อาทิตย์จะไปไหนกะใคร
จะไปดูหนังรอบเช้าที่ลิโด้กะใคร
จะเข้าร้านไดโซกะใคร
ใคร ที่มันจะเดินท่อมๆ จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปถึงสวนสันติกะเรา
กินข้าวด้วยกัน
ปรับทุกข์กันเรื่องทำฟัน
ซุบซิบนินทาชาวบ้าน
ด่านักการเมือง
ฯลฯ
ป้า.....
How do I live without you วะ?
วันนี้ตอนที่ป้ารำพึงว่าอาจจะไปเที่ยวตามแผนของเราไม่ทัน เพราะป้าจะรีบไปเรียนภาษาก่อนเปิดเทอมถึง ๓ เดือนน่ะ มองออกไปกลางแดดใกล้เดือนเมษาแล้วน้องใจแป้วอย่างบอกไม่ถูก
ถึงกับต้องคว้่าแว่นกันแดดมาใส่ทั้งที่อยู่ในร่ม
ช่วงนี้นอกจากใช้เวลากะป้าให้คุ้มค่าแล้วน้องควรทำไรอีก?
ควรหาแฟนใช่มะ
เพราะเมื่อถึงวันที่ป้าไม่อยู่ น้องจะได้ไม่เหงาเิกินไป
(หวังว่า่โซลูชั่นที่คิดขึ้นมาเองคงไม่ทำให้้น้องเป็นประสาทไปตอนที่ป้าไม่อยู่นะ)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
แกด้วยนังปลา
ตอบลบยังไม่ทันตั้งตัว แกกะป้าอ้อยก็จะไปอยู่ไกล๊-ไกล
(กลับมาเจอกันอีกทีก็คงย่างเข้าวัยทองกันไป...-_-)
น้อง
ตอบลบถึงเวลานั้น แกไม่เหงาคนเดียวหรอก ชั้นก็คงทั้งหงอยทั้งเหงาเป็นเพื่อนแก
แถมชีวิตคงทุกข์ขังเป็นอย่างยิ่ง แค่ไม่มีส้วมเป็นของตนเอง ก็ช้ำแล้ว
อย่าลืมซิ แอร์เอเซียกำลังเปิดเส้นทางใหม่.. เตรียมหมอนผ้าห่ม อาหารให้พร้อม แล้วไปหาชั้นโลด
เวลาถือเป็นสิ่งที่ทุกคนมีเท่ากัน ไม่ว่าจะรวย หรือจน
ตอบลบ1 วันของแต่ละคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน
1 ชั่วโมงของแต่ละคนก็มี 60 นาทีเหมือนกัน
ที่ต่างกัน 2 อย่าง คือ เราเลือกใช้มันอย่างไรมากกว่า
แล้วเวลาของเราจะหมดเมื่อไหร่กัน
นั่นแหละ ถึงบอกว่า มีแฟนเป็นผู้ชาย เหอะ
ตอบลบมีก็ได้
ตอบลบส่งมาสักคนสิ
ป้าขา
ตอบลบแล้วน้องต้องเอาเสื้อชูชีพ กะหน้ากากออกซิเย่นส่วนตัวไปด้วยป่าว
ป้าขา
แล้วป้าจะหนีน้องไปมีแฟนเป็นฝรั่งป่าว?
เห็นด้วยกับคุณวนกร
ตอบลบเพิ่มอีกนิด เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ ผ่านแล้วผ่านเลย
เมื่อเราทำอย่างหนึ่ง ก็จะเสียโอกาสในการอีกอย่างไปโดยสิ้นเชิง
จะมาเสียใจย้อนหลัง ก็คงไม่มีประโยชน์อันใด คิดว่าจะทำอะไรต่อไปดีกว่าให้มีความสุข
ขอให้มีความสุขแบบที่เราเป็นในเวลานั้นๆ
เพราะเมื่อตอนเรามีแฟน ก็กลับกระหายความสุขเมื่อตอนโสด
พอกลับมาโสด ก็กระหายอยากมีความสุขแบบเป็นคู่ เอาไงเนี่ย!!!
มันเป็นเรื่องปกติของคนแหละพี่ ส่วนผู้ชายสองคนที่ยังตามตอแยไม่เลิก
ก็คงเพราะ ยังตัดกันไม่ขาดหรอกมั้ง ความรักมันเกิดจากความผูกพันธ์
ไม่คิดถึงคงไม่โทรมา ถึงจะไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ก็ยังคิดถึงกันอยู่
ปล.รองเท้าคอนเวิส นี่ เท่อย่างเดียว ใส่เดินนานๆ แล้วเจ็บนิ้วเท้ามากๆ ใส่ก็ยาก
ไม่เท่ นี่ไม่ซื้อมาหรอก ขอบอก
เห็นด้วยกะหนูนาเรื่องความเท่ และความเจ็บ
ตอบลบทำไมทีนชั้นใส่อะไรๆๆๆ ก็เจ็บฟะ
สงสัยจะยังไม่เจอรองเท้า "รักแท้"
ป.ล. สองคนนั้นคงไม่ได้คิดอะไรกับพี่แล้วละน้อง
คนเราน่ะ เจ็บแล้วก็ต้องจำ จริงไหม?
เห็นด้วยครับ อีกหนึ่งตัวแปรที่ไม่ว่ารักจะยังคงอยู่หรือจากไป
ตอบลบลึกๆ มันจะยังอยู่ในความทรงจำ (สีจางๆ)
คนบางคน จะคบกับเรามีความสุข แค่ในบางฐานะเท่านั้น บางทีคนที่เราสนิทๆ เราก็หลงคิดไปว่าถ้าคบกันเป็นแฟนแล้ว คงจะเข้าใจเรา แล้วก็มีความสุขมากกว่านี้ แต่พอถึงทีเป็นแฟนกัน ก็มีงอน มีหวง มีหึง ...ฯลฯ
ตอบลบสุดท้าย ผมว่าไม่มีอะไร ดีเท่าการที่เราเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วคุยกันได้ทุกเรื่องหรอกครับ
แต่บางคน ต้องจับตัวมาเป็นแฟนจริงๆ น่ารักจนห้ามใจไม่อยู่ (อิอิ)
แค่เพื่อนสนิทมันจาพอหรอคะน้องโอ๊ต?
ตอบลบใช่เลย
ตอบลบใช่เลย
น่ารักจนไม่อยากแชร์กับใคร
แต่สังคมไทยเปนสังคมมีน้ำใจนะเจ้ ชอบแบ่งปันกันและกัน
ตอบลบผู้ชายก็แบ่งกันใช้ (แบบที่อีกฝ่ายไม่รู้)
ผู้หยิงก็แบ่งกันชม (แบบที่อีกฝ่ายไม่รู้เหมือนกัน)
อีกหน่อย รักเดียวใจเดียว อาจเปนเรื่องเห็นแก่ตัวของคน 2 คน ก็เปนได้
ถ้าเปนแบบนั้นเมื่อไหร่คงแย่เหมือนกัน
แต่ว่า....มนุษย์เป็นสัตว์ผัวเดียวเมียเดียวไม่ใช่หรอคะ วนกร
ตอบลบ(เอ๊ะ..ใครบอกนะ?)
monogamy กะ polygamy รึป่าวครับ
ตอบลบตามหลักวิวัฒนาการเบื้องต้นน่ะใช่ครับ แต่ถ้ามา revise กันใหม่ เจ้าของทฤษฎีอาจเปลี่ยนความคิดได้
ความจริงเจ้ว่าความคิด "แบ่งปัน" นี่ก็ดูมีน้ำใจดีนะคะ
ตอบลบถ้าคนในโลกมีน้ำใจต่อกัน ไม่ยึดติด ตัวกูของกูอยู่แต่กับความรัก หรือคู่รักของตัวเอง แต่รู้จักเผื่อแผ่แบ่งปันกัน
โลกอาจจะดีกว่านี้ก็ด้าย
เวลาจะไม่มีค่าอะไรเลยถ้าเราไม่บรรจุเหตการณ์ลงไปในนั้น
ตอบลบมันอาจจะไม่มีเวลาอยู่จริงก็ได้หากเราไม่คิดถึงมัน