กม.มุนา วต.ตตี โลโก
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ถ้าชาวพม่าเรือนหมื่นต้องเป็นไปตามกรรม... แล้วเมื่อไหร่สัตว์โลกที่โกงชาติบ้านเมือง เผด็จการ ยุให้คนฆ่ากัน ใช้อำนาจหาผลประโยชน์ให้พวกพ้อง มันจะเป็นไปตามกรรมของมันมั่งนะ?
ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องคำอธิบายเรื่องกรรม อย่างเป็นเรื่องเป็นราวแต่สังเกตว่าเวลาบี้มด หรือ ตบยุง ข้าไม่ค่อยรู้สึกผิด ติดค้างในใจ หรือ ถึงที่สุดไม่เคยรู้สึกว่ามันบาป หรือจะมีกรรมอะไรติดตัวเหมือนกับที่คนบางคนไม่รู้สึกว่าตกปลา ทั้งเพื่อความสนุก หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่เป็นบาปเป็นกรรมหรือว่าจริงๆ กรรมในส่วนหนึ่งมันขึ้นกับจิตของเราว่าจะยึดติด หรือให้ค่ากับการกระทำยังไงกับอีกส่วนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากระทำว่ามันจะมีความสามารถในการตอบสนองกลับยังไงเช่น ตบยุง ส่วนตัวไม่คิดว่าจะผิดตรงไหน ใจก็ไม่กังวลแล้วยุงตัวเล็กกระจิดริด ความสามารถในการตอบสนอง ตอบโต้การกระทำของเรามันต่ำมากๆ จนเราไม่รู้สึกรวมกัน เราก็เลยไม่รู้สึกอะไรคนบางคน อาจจะฆ่าสัตว์ใหญ่ๆได้ โดยไม่รู้สึกอะไรแต่บางทีสัตว์ใหญ่มันอาจมีความสามารถในการตอบโต้ไม่ทางใดทางหนึ่งต่อเราได้แรงกว่า รวมกัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าใจเราแข็งขนาดไหน ทนทานแรงโต้กลับจากคู่กรรมของเราได้เปล่า ซึ่งไอ้แรงโต้กลับอาจจะเป็นการกระทำโดยตรง หรือการผูกใจอาฆาตพยาบาทจนเรารู้สึกไม่สบายใจ หรือมีสิ่งแวดล้อมอื่นๆ กดดันเราแค่จะบอกว่า หรือกรรมจะไม่มีจริงสำหรับคนที่ปล่อยวางได้ถึงที่สุด
ไม่ค่อยรู้เรื่องคำอธิบายเรื่องกรรม อย่างเป็นเรื่องเป็นราวแต่สังเกตว่าเวลาบี้มด หรือ ตบยุง ข้าไม่ค่อยรู้สึกผิด ติดค้างในใจ หรือ ถึงที่สุดไม่เคยรู้สึกว่ามันบาป หรือจะมีกรรมอะไรติดตัวเหมือนกับที่คนบางคนไม่รู้สึกว่าตกปลา ทั้งเพื่อความสนุก หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่เป็นบาปเป็นกรรมหรือว่าจริงๆ กรรมในส่วนหนึ่งมันขึ้นกับจิตของเราว่าจะยึดติด หรือให้ค่ากับการกระทำยังไงกับอีกส่วนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากระทำว่ามันจะมีความสามารถในการตอบสนองกลับยังไงเช่น ตบยุง ส่วนตัวไม่คิดว่าจะผิดตรงไหน ใจก็ไม่กังวลแล้วยุงตัวเล็กกระจิดริด ความสามารถในการตอบสนอง ตอบโต้การกระทำของเรามันต่ำมากๆ จนเราไม่รู้สึกรวมกัน เราก็เลยไม่รู้สึกอะไรคนบางคน อาจจะฆ่าสัตว์ใหญ่ๆได้ โดยไม่รู้สึกอะไรแต่บางทีสัตว์ใหญ่มันอาจมีความสามารถในการตอบโต้ไม่ทางใดทางหนึ่งต่อเราได้แรงกว่า รวมกัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าใจเราแข็งขนาดไหน ทนทานแรงโต้กลับจากคู่กรรมของเราได้เปล่า ซึ่งไอ้แรงโต้กลับอาจจะเป็นการกระทำโดยตรง หรือการผูกใจอาฆาตพยาบาทจนเรารู้สึกไม่สบายใจ หรือมีสิ่งแวดล้อมอื่นๆ กดดันเราแค่จะบอกว่า หรือกรรมจะไม่มีจริงสำหรับคนที่ปล่อยวางได้ถึงที่สุด
กอนโดล่า เอาคอมเมน์ที่เอ็งลบไปคืนมาเดี๋ยวนี้
คืนแล้ว ใจเย็น
แหม๋ ตายยาก
เอ็งตั้งข้อสังเกตได้น่าสนใจแต่ข้าเชื่อว่ากรรมมันเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นว่ะ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าไอ้ที่เราไปทำไว้กับผู้ชายคนหนึ่ง จะทำให้เราโดนยังไงตอบแทน (เหอ เหอ)และข้าเชื่อว่า่ส่วนหนึ่งมันคือความรู้สึกในใจของเราเองแรงพยาบาทจากมด เสือ ช้าง หรือคนที่เราฆ่า คงไม่แรงเท่าความรู้สึกผิดบาปที่เรารู้สึกเองหรอก (เจือก)เกิดมาเป็นคนก็ต้องทุกข์ทเพราะมีจิตใจอ่อนแอ มีสมองที่รู้จักคิด แถมยังมีความรู้สึกผิดบาปอีก
ถ้ากรรมจะไม่มีจริงสำหรับคนที่ปล่อยวางได้ถึงที่สุด ก็อาจจะน่ากลัวเกินไปซักหน่อยเพราะมีคนที่ทำคนอื่นเจ็บแต่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรในโลกนี้เยอะมากๆ จริงไม่จริงก็ไม่แน่ใจนะค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยอยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย หวังว่าคงมีอะไรบางอย่างเป็นผลกระทบกับคนเลวๆบ้างเถอะน่า ฟังข่าวแล้วมันคันหัวใจ
คุณพิมพ์กลับมาแล้ว
ตามหลักแล้ว เราเวียนว่าย-ตายเกิด ชั่วกัป ชั่วกัลป์ จนกว่าเราจะหลุดพ้นโดยการไม่อยู่ในวัฎฎะนี้อีกแล้ว เราสามารถหลุดพ้นโดยการสร้างกรรมดีเพื่อให้เข้าสู่นิพพานหมายความว่า นิพพานเมื่อไหร่เราสามารถหยุดวงจรนี้ได้แต่ใครจะเชื่อหลักนี้บ้างนะหากเชื่อมันก็มีอยู่ หากไม่เชื่อก็ไม่มีสำหรับคนที่โกงชาติบ้านเมืองนั้น ตามหลักแล้วคงต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนาน เพื่อชดใช้กรรม พวกนี้ยังต้องเกิดอีกหลายชาติ ยังต้องเหนื่อยอีกเยอะ เพราะการเกิดคือการเหนื่อย เกิดมาเพื่อรักและเกลียด และรักกันอีก และเกลียดอีก
สิ่งที่เราไม่เห็น ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะครับเมื่อเรารู้สึกอ่อนแอ เราอาจจะคิดว่ามีอะไรที่อยู่เหนือเราไปอีกขั้นหนึ่ง แต่เมื่อเราสุขสบายดีเราก็รู้สึกว่าเรายิ่งใหญ่กว่าอะไร อะไรๆ ก็ขึ้นอยู่กับเรา ที่เราคิด ที่เรารู้สึกกรรมนั้นคือการกระทำ ไม่ว่าดีหรือไม่ดีในความรู้สึกเรา แต่มีการกระทำเกิดขึ้นแล้ว นั่นหมายความว่าเรายังต้องทำ ซึ่งเราทำ ทำไม? ทำเพื่ออะไร? ดีที่สุดคือไม่มีการกระทำใดๆ เลย คือไม่มีกรรมนั่นเอง
เพื่อจะหลุดจากวงจรของกรรม เราควรจะหยุดกระทำเพื่อจะหลุดจากวงจรของความอาฆาตแค้น เราควรอโหสิกรรมจุดเริ่มต้นของกรรมใดๆ ก็ตามอยู่ที่ใจ คิดดีทำดี คิดไม่ดีก็ทำไม่ดีจะเล็ก จะใหญ่ ก็หนึ่งชีวิตเหมือนกัน
นั่นดิ การมีอยู่ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ขึ้นอยู่กับความเชื่อหรือเปล่า... - จริงๆ ไอ้คำถามเหล่า ทั้งเรื่องกรรม หรือปัญหาพื้นฐานของชีวิต น่าจะมีคนตอบไว้แล้ว ทั้งผ่านทางศาสนา ความเชื่อ วิทยาศาสตร์ อันไหนมีพลังในการอธิบายได้ดีสุดก็เป็นอีกเรื่อง ปัญหาคือ เรา (ใช้คำว่า ผม น่าจะเหมาะกว่า) ไม่เคยไปอ่านไปศึกษามันอย่างจริงจังนะแต่เราว่า เรื่องคนโกงชาติบ้านเมือง ไม่พึงรอให้เวียนว่ายตายเกิด แต่คงต้องหวังพึ่งระบบยุติธรรมที่มันเวิร์คจริงๆ ซึ่งก็คงต้องอาศัยเวลาในการเปลี่ยนแปลง
ไม่เห็นนักบวชหรือผู้แสวงหาความหลุดพ้น ท่านจะหยุดกระทำเลยควรจะหยุดทำ หรือ ควรจะทำบางสิ่ง เพื่อหลุดจากวงจร
โอ้โหหน้านี้มีสาระจริงๆปลื้มค่ะ ปลื้ม
ท่านไม่หยุด เพราะท่านยังไม่หลุดจากวงจร ท่านยังมีกิเลสกิเลสของท่าน คือ ความอยาก อยากที่จะหลุดพ้นท่านจึงต้องแสวงหาต่อไป, ต่อไป และต่อไปจนกว่าท่านจะเจอวิธีที่ท่านสามารถปลดปล่อยใจท่านจากพันธนาการทั้งหลายที่ผูกมัดใจท่านไว้เอง
รัก โลภ โกรธ หลง และ ตัณหา ---> ลูกสาวทั้ง 5 ของจอมมาร ล่ะ
พระก็ยังเป็นคนนะสิ่งที่เรากราบไหว้ควรจะเป็นพระธรรมคำสอนมากกว่าบางทีพรุ่งนี้ แทนที่จะไปสวนเราน่าจะไปถามคำถามเรื่องกรรม-กรรมกะหลวงพี่ที่วัดสุทัศน์นะเอ็ง(ว่าแต่เอ็งจะได้อ่านก่อนวันพรุ่งนี้ไหม?)
ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องคำอธิบายเรื่องกรรม อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ตอบลบแต่สังเกตว่า
เวลาบี้มด หรือ ตบยุง ข้าไม่ค่อยรู้สึกผิด ติดค้างในใจ หรือ ถึงที่สุดไม่เคยรู้สึกว่ามันบาป หรือจะมีกรรมอะไรติดตัว
เหมือนกับที่คนบางคนไม่รู้สึกว่าตกปลา ทั้งเพื่อความสนุก หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่เป็นบาปเป็นกรรม
หรือว่าจริงๆ กรรมในส่วนหนึ่งมันขึ้นกับจิตของเราว่าจะยึดติด หรือให้ค่ากับการกระทำยังไง
กับอีกส่วนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากระทำว่ามันจะมีความสามารถในการตอบสนองกลับยังไง
เช่น ตบยุง ส่วนตัวไม่คิดว่าจะผิดตรงไหน ใจก็ไม่กังวล
แล้วยุงตัวเล็กกระจิดริด ความสามารถในการตอบสนอง ตอบโต้การกระทำของเรามันต่ำมากๆ จนเราไม่รู้สึก
รวมกัน เราก็เลยไม่รู้สึกอะไร
คนบางคน อาจจะฆ่าสัตว์ใหญ่ๆได้ โดยไม่รู้สึกอะไร
แต่บางทีสัตว์ใหญ่มันอาจมีความสามารถในการตอบโต้ไม่ทางใดทางหนึ่งต่อเราได้แรงกว่า
รวมกัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าใจเราแข็งขนาดไหน ทนทานแรงโต้กลับจากคู่กรรมของเราได้เปล่า ซึ่งไอ้แรงโต้กลับอาจจะเป็นการกระทำโดยตรง หรือการผูกใจอาฆาตพยาบาทจนเรารู้สึกไม่สบายใจ หรือมีสิ่งแวดล้อมอื่นๆ กดดันเรา
แค่จะบอกว่า หรือกรรมจะไม่มีจริงสำหรับคนที่ปล่อยวางได้ถึงที่สุด
ไม่ค่อยรู้เรื่องคำอธิบายเรื่องกรรม อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ตอบลบแต่สังเกตว่า
เวลาบี้มด หรือ ตบยุง ข้าไม่ค่อยรู้สึกผิด ติดค้างในใจ หรือ ถึงที่สุดไม่เคยรู้สึกว่ามันบาป หรือจะมีกรรมอะไรติดตัว
เหมือนกับที่คนบางคนไม่รู้สึกว่าตกปลา ทั้งเพื่อความสนุก หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่เป็นบาปเป็นกรรม
หรือว่าจริงๆ กรรมในส่วนหนึ่งมันขึ้นกับจิตของเราว่าจะยึดติด หรือให้ค่ากับการกระทำยังไง
กับอีกส่วนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากระทำว่ามันจะมีความสามารถในการตอบสนองกลับยังไง
เช่น ตบยุง ส่วนตัวไม่คิดว่าจะผิดตรงไหน ใจก็ไม่กังวล
แล้วยุงตัวเล็กกระจิดริด ความสามารถในการตอบสนอง ตอบโต้การกระทำของเรามันต่ำมากๆ จนเราไม่รู้สึก
รวมกัน เราก็เลยไม่รู้สึกอะไร
คนบางคน อาจจะฆ่าสัตว์ใหญ่ๆได้ โดยไม่รู้สึกอะไร
แต่บางทีสัตว์ใหญ่มันอาจมีความสามารถในการตอบโต้ไม่ทางใดทางหนึ่งต่อเราได้แรงกว่า
รวมกัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าใจเราแข็งขนาดไหน ทนทานแรงโต้กลับจากคู่กรรมของเราได้เปล่า ซึ่งไอ้แรงโต้กลับอาจจะเป็นการกระทำโดยตรง หรือการผูกใจอาฆาตพยาบาทจนเรารู้สึกไม่สบายใจ หรือมีสิ่งแวดล้อมอื่นๆ กดดันเรา
แค่จะบอกว่า หรือกรรมจะไม่มีจริงสำหรับคนที่ปล่อยวางได้ถึงที่สุด
กอนโดล่า
ตอบลบเอาคอมเมน์ที่เอ็งลบไปคืนมาเดี๋ยวนี้
คืนแล้ว ใจเย็น
ตอบลบแหม๋ ตายยาก
ตอบลบเอ็งตั้งข้อสังเกตได้น่าสนใจ
ตอบลบแต่ข้าเชื่อว่ากรรมมันเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นว่ะ
เราไม่มีทางรู้หรอกว่าไอ้ที่เราไปทำไว้กับผู้ชายคนหนึ่ง จะทำให้เราโดนยังไงตอบแทน (เหอ เหอ)
และข้าเชื่อว่า่ส่วนหนึ่งมันคือความรู้สึกในใจของเราเอง
แรงพยาบาทจากมด เสือ ช้าง หรือคนที่เราฆ่า คงไม่แรงเท่าความรู้สึกผิดบาปที่เรารู้สึกเองหรอก
(เจือก)เกิดมาเป็นคนก็ต้องทุกข์ทเพราะมีจิตใจอ่อนแอ มีสมองที่รู้จักคิด แถมยังมีความรู้สึกผิดบาปอีก
ถ้ากรรมจะไม่มีจริงสำหรับคนที่ปล่อยวางได้ถึงที่สุด ก็อาจจะน่ากลัวเกินไปซักหน่อยเพราะมีคนที่ทำคนอื่นเจ็บแต่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรในโลกนี้เยอะมากๆ จริงไม่จริงก็ไม่แน่ใจนะค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยอยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย หวังว่าคงมีอะไรบางอย่างเป็นผลกระทบกับคนเลวๆบ้างเถอะน่า ฟังข่าวแล้วมันคันหัวใจ
ตอบลบคุณพิมพ์กลับมาแล้ว
ตอบลบตามหลักแล้ว เราเวียนว่าย-ตายเกิด ชั่วกัป ชั่วกัลป์ จนกว่าเราจะหลุดพ้นโดยการไม่อยู่ในวัฎฎะนี้อีกแล้ว เราสามารถหลุดพ้นโดยการสร้างกรรมดีเพื่อให้เข้าสู่นิพพาน
ตอบลบหมายความว่า นิพพานเมื่อไหร่เราสามารถหยุดวงจรนี้ได้
แต่ใครจะเชื่อหลักนี้บ้างนะ
หากเชื่อมันก็มีอยู่ หากไม่เชื่อก็ไม่มี
สำหรับคนที่โกงชาติบ้านเมืองนั้น ตามหลักแล้วคงต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนาน เพื่อชดใช้กรรม พวกนี้ยังต้องเกิดอีกหลายชาติ ยังต้องเหนื่อยอีกเยอะ เพราะการเกิดคือการเหนื่อย เกิดมาเพื่อรักและเกลียด และรักกันอีก และเกลียดอีก
สิ่งที่เราไม่เห็น ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะครับ
ตอบลบเมื่อเรารู้สึกอ่อนแอ เราอาจจะคิดว่ามีอะไรที่อยู่เหนือเราไปอีกขั้นหนึ่ง แต่เมื่อเราสุขสบายดีเราก็รู้สึกว่าเรายิ่งใหญ่กว่าอะไร อะไรๆ ก็ขึ้นอยู่กับเรา ที่เราคิด ที่เรารู้สึก
กรรมนั้นคือการกระทำ ไม่ว่าดีหรือไม่ดีในความรู้สึกเรา แต่มีการกระทำเกิดขึ้นแล้ว นั่นหมายความว่าเรายังต้องทำ ซึ่งเราทำ ทำไม? ทำเพื่ออะไร? ดีที่สุดคือไม่มีการกระทำใดๆ เลย คือไม่มีกรรมนั่นเอง
เพื่อจะหลุดจากวงจรของกรรม เราควรจะหยุดกระทำ
ตอบลบเพื่อจะหลุดจากวงจรของความอาฆาตแค้น เราควรอโหสิกรรม
จุดเริ่มต้นของกรรมใดๆ ก็ตามอยู่ที่ใจ
คิดดีทำดี คิดไม่ดีก็ทำไม่ดี
จะเล็ก จะใหญ่ ก็หนึ่งชีวิตเหมือนกัน
นั่นดิ การมีอยู่ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ขึ้นอยู่กับความเชื่อหรือเปล่า...
ตอบลบ- จริงๆ ไอ้คำถามเหล่า ทั้งเรื่องกรรม หรือปัญหาพื้นฐานของชีวิต น่าจะมีคนตอบไว้แล้ว ทั้งผ่านทางศาสนา ความเชื่อ วิทยาศาสตร์ อันไหนมีพลังในการอธิบายได้ดีสุดก็เป็นอีกเรื่อง ปัญหาคือ เรา (ใช้คำว่า ผม น่าจะเหมาะกว่า) ไม่เคยไปอ่านไปศึกษามันอย่างจริงจังนะ
แต่เราว่า เรื่องคนโกงชาติบ้านเมือง ไม่พึงรอให้เวียนว่ายตายเกิด แต่คงต้องหวังพึ่งระบบยุติธรรมที่มันเวิร์คจริงๆ ซึ่งก็คงต้องอาศัยเวลาในการเปลี่ยนแปลง
ไม่เห็นนักบวชหรือผู้แสวงหาความหลุดพ้น ท่านจะหยุดกระทำเลย
ตอบลบควรจะหยุดทำ หรือ ควรจะทำบางสิ่ง เพื่อหลุดจากวงจร
โอ้โห
ตอบลบหน้านี้มีสาระจริงๆ
ปลื้มค่ะ ปลื้ม
ท่านไม่หยุด เพราะท่านยังไม่หลุดจากวงจร ท่านยังมีกิเลส
ตอบลบกิเลสของท่าน คือ ความอยาก อยากที่จะหลุดพ้น
ท่านจึงต้องแสวงหาต่อไป, ต่อไป และต่อไป
จนกว่าท่านจะเจอวิธีที่ท่านสามารถปลดปล่อยใจท่านจากพันธนาการทั้งหลายที่ผูกมัดใจท่านไว้เอง
รัก โลภ โกรธ หลง และ ตัณหา ---> ลูกสาวทั้ง 5 ของจอมมาร ล่ะ
ตอบลบพระก็ยังเป็นคนนะ
ตอบลบสิ่งที่เรากราบไหว้ควรจะเป็นพระธรรมคำสอนมากกว่า
บางทีพรุ่งนี้ แทนที่จะไปสวน
เราน่าจะไปถามคำถามเรื่องกรรม-กรรมกะหลวงพี่ที่วัดสุทัศน์นะเอ็ง
(ว่าแต่เอ็งจะได้อ่านก่อนวันพรุ่งนี้ไหม?)