วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

บันทึกเรื่องที่ ๑: ความเปราะบางของความสัมพันธ์

 
คืนวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๑ หลังเรียนชั่วโมงแรกกับเอมมุเซนเซ อร่อยกับตันตันเมง เกี๊ยวซ่าที่ตันตันเมง ซื้อช็อกโกแลตโรลจากคัสตาร์ดนากามูระ กลับถึงบ้านก็พบว่าเยอรมันมีแนวโน้มจะแพ้ตั้งแต่ครึ่งแรก

ฉันยังได้เรียนรู้ว่า

 ๑.    การคบหากันยาวนานช่วยให้ความสัมพันธ์กระชับแน่นแฟ้น แข็งแรงขึ้นก็จริง แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแรงของความสัมพันธ์นั้น เป็นความแข็งที่เปราะ ไม่ทนทานการกระทบกระเทือนจากคำพูดบางคำ และการกระทำบางอย่าง

ดังนั้น แม้กับเพื่อนรักที่เราคิดว่าเขาเข้าใจเราดี เราก็ยังต้องระวังการกระทำที่จะกระทบใจเพื่อน

๒.     แม้เราจะวางกฎกติกาในการคบหาและสื่อสารกับคนอื่นเอาไว้แล้ว อย่างแยบคาย ทว่าชััดเจน แต่ถ้าคนที่เราคบด้วยไม่รับรู้กฎกติกาอันนี้ กฎที่เราวางไว้ก็ไร้ประโยชน์

๓.      ประสิทธิภาพในการสื่อสารผ่านมัลติพลายนั้น ห่วยพอๆ กับการแชตผ่าน msn มันถูกจำกัดด้วยทักษะในการอ่าน ทักษะในการเขียน ปัญหาทางเทคนิค ไวรัส หัวหน้า อินเทอร์เน็ตสปีด ฯลฯ ดังนั้นอย่าไปหวังอะไรกับมัลติพลายมากนัก มันดีในบางเรื่อง เก๋ในบางแง่ แต่ก็ไม่อาจทำให้คนที่ไม่รู้จักกันดีพอ รู้จัก เข้าใจกันดีพอ

ดังนั้น ถ้าอยากรู้จักกันจริงๆ ต้องออกมาทำความรู้จักกันในโลกแห่งความจริง ด้วยการสื่อสารวิธีปกติ (คือวัจนภาษา และ อวัจนภาษา) ไม่มีทางเลือกอื่น

 

21 ความคิดเห็น:

  1. พยักหน้าเห็นด้วยค่ะ โลกสมมติก็คือโลกสมมติ มีอะไรมากมายที่ไม่สามารถจับต้องได้จริงๆ

    ปล. ชอบภาพนี้ค่ะ แสงสวยดี

    ตอบลบ
  2. คงต้องดูด้วยแหละว่า หลังจากกระทบมันกระเทือนแล้ว จะเป็นยังไงต่อ
    ถ้าไม่เวิร์ค และดูจะแย่ลง ก็อาจเป็นได้ว่าความสัมพันธ์นั้นไม่แข็งแรงจริง

    แต่ก็คงเป็นเรื่องไม่แปลกเท่าไหร่ ที่แค่คำพูดหรือการกระทำที่ดูเป็นเรื่องเล็กๆ จะกระทบความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้
    อาจเป็นได้ว่าตลอดเวลา ที่ดูเหมือนว่าจะแนบแน่น อันที่จริงมันอาจเก็บทับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่ต่างคนต่างไม่พูดถึง และคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
    พอถึงจุดมันก็เลยมีอาการบ้าง

    อาจเป็นผลดีนะเอ็ง เหมือนแผ่นดินไหว ที่เกิดจากการคายพลังงานที่สะสมไว้ในเปลือกโลก
    ไหวเล็กๆ ไหวบ่อยๆ ดีกว่าให้มันระเบิด

    ตอบลบ
  3. ในโลกแห่งความเป็นจริง เราจะรู้จักคนๆหนึ่งในด้านหนึ่งที่เขาเปิดออกมา
    ในโลกแห่งมัลติพาย เราก็จะรูจักคนๆหนึ่งในด้านหนึ่งที่เขาเปิดออกมาเช่นกันหรือไม่ได้ตั้งใจเปิดออกมาก็ได้
    เรารู้จักคนๆหนึ่งได้ ด้วยการฟันในส่งที่เขาพูดกับเราหรือคนอื่นๆ อ่านในสิ่งที่เขาเขียน สังเกตุในสิ่งที่เขากระทำ
    มันก็น่าจะพอรู้ได้นะ ว่าใครเป็นยังไง ถึงจะไม่ทั้งหมดก็ตาม

    ตอบลบ
  4. จริงๆด้วย เคยติดกับดักของอินเตอร์น็ต หลงรักนายคนฮ่องกงอยู่เกือบสองปี ด้วยอาการหลงรักตัวหนังสือจากเน็ต....แต่พอเริ่มโทรศัพท์ไปคุย..พบว่าเค้าเป็นคนขี้หงุดหงิดขี้วีน เจ้าอารมณ์ และมีแฟนแบบที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่ยักเรียกว่าภรรยา.....หน้าแหกมากๆอกหักอย่างแรง....ไม่เอาแล้วค่า ...คบใครขอเอาตัวเป็นๆดีกว่า ....

    แต่ทุกวันนี้ก็ยังเก็บ e-mail สองร้อยฉบับนั่นไว้นะ write CD-rom อย่างดี เพราะเป็นคนชอบเขียนจดหมายกะ postcard อ่ะ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดที่มีคนคุยกันแวคลิ๊กกันทางจดหมาย ....My love letters ...ฮิฮิ

    ตอบลบ
  5. อืม..... จะบอกม้อยว่า...ตอนอ่านที่ม้อยเขียนแรกๆที่ยังไม่ได้เจอกัน พี่นึกว่าม้อยเป็นอีกแบบนึงนะ ....
    พอเจอแล้วชอบอ่ะ ม้อยน่ารักแล้วก็ soft กว่าใน multiply เยอะเลย ....
    อืมมม...เจอกันตัวเป็นๆบ้าง นานๆครั้งก็ดีนะจ๊ะ...แต่การเขียนในหลายๆครั้งทำให้เรากล้าแสดงออกทางความคิดมากกว่าที่เราจะพูดออกมาได้ ....

    ตอบลบ
  6. เซนซิทีฟ จริง

    ในโลกนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก มันแค่อุปสรรคเท่านั้น

    ตอบลบ
  7. "....แต่การเขียนในหลายๆครั้งทำให้เรากล้าแสดงออกทางความคิดมากกว่าที่เราจะพูดออกมาได้ ...."

    อย่าลืมว่าการเขียนที่เป็น public นั้น ผู้เขียนต้องรับผิดชอบด้วย อาจจะต้องมีหมายเหตุกำกับว่าทำไมถึงเขียนแบบนั้น

    ตอบลบ
  8. พี่จุ๊บที่รัก

    ตัวจริงม้อยจริงๆ น่ะ แรงกว่าในมัลติพลายเยอะเลย (ถามเจ๊ได้)
    หมายถึงปากคอ-ความคิดนะคะ ไม่ได้หมายถึงการแต่งตัว
    เจอกันครั้งแรกก็ต้องทำตัวน่ารักน่าประทับใจดิคะ ไม่งั้นพี่จะกลัวหนูเสียก่อน

    ม้อยว่าถ้าเราอยากรู้จักใคร ต้องเห็นกันนานหน่อยนะคะ
    แบบว่า ให้เห็นครบทุกภาค ทุกองค์ก่อน แล้วค่อยลงความเห็นว่าคนๆ นี้น่ารัก น่าคบไหม
    ถูกจริตเราหรือเปล่า

    อย่างไรก็ตาม โดยสรุปแล้วม้อยเป็นคนคบได้นะคะพี่

    ฮิฮิ
    ี่

    ตอบลบ
  9. ไม่ใช่ประเด็นพับลิกอะไรหรอก
    เชื่อว่าพี่จุ๊บหมายถึงเรื่องที่ดิฉันพูดถึงเซ็กซ์น่ะ

    ตอบลบ
  10. พี่เห็นด้วย

    จริงๆ แล้วเรามีสิทธิ์จะรู้จักคนคนหนึ่งเท่าที่คนคนนั้นพอใจจะให้เรารู้จักเท่านั้นแหละ

    ตอบลบ
  11. แหมจ้าแม่ชะม้อย....

    พี่ชอบเขียนแบบกั๊กๆกึ่งชมน่ะ แต่จริงใจนะจ๊า ...พี่ว่าคนเราไม่ควรเอาอะไรจริงจังกะคนในเน็ตอยู่แล้วเพราะชื่อมันก็บอกว่าเป็นโรคเสมือนจริงอ่ะ ...แต่เพื่อนทางเน็ตที่พัฒนากันเป็นเพื่อนดีๆนอกจอมอร์นิเตอร์ก็มีให้เห็นเยอะไปนะค้า....
    เห็นด้วยค่าว่าเราต้องรู้จักตัวกันเป็นเห็นกันนานๆจึงจะสรุปด้ายน้า ....แต่มองคนแง่ดีก่อนก็สบายแก่ใจเราดีกว่าพวกที่ไม่ชอบขี้หน้าคนโน้นคนนี้ไปทั่ว .....คิดลบใจก็ลบไปกว่าครึ่งนะ

    แต่กะบางคนเค้าอาจจะยินดีคบเราเฉพาะทางเน็ตก็ได้ มีเฉพาะบางมุมบางเรื่องที่อยากสื่อถึงกันอะไรทำนองนั้น ...ก็ไม่ว่ากันค่ะ

    ตอบลบ
  12. :-)

    รู้จักกันในโลกสมมติ=สมมติว่าเรารู้จักกัน?

    ตอบลบ
  13. หุหุ แล้วแต่ทักษะการเขียนการอ่านอย่างที่ม้อยว่าน่ะแหละ...เหมือนอ่านงานนักเขียนแต่เจอตัวจริงเป็นๆก็ไม่ใช่มีถมไป...
    แต่สำหรับพี่ พี่เขียนเหมือนพี่คุยเองยกเว้นว่าพี่คิดอะไรแรงๆๆไม่สุภาพอาจจะข้ามไปไม่พูด ..พื้นที่ของพี่ที่แชร์กะคนอื่น..หลักๆคือกระจายสิ่งที่เป็นอะไรบวกๆบ้างน่ะค่ะ ด่ากันมันง่าย และติดง่าย แต่ฝึกเขียนอะไรที่ดีๆมันน่ะยากแต่ก็คิดว่าควรทำ ฮิฮิ ...ดูซีเรียสไปนิดนึงน้า

    บางทีมันก็สะท้อนได้บางมุมน่ะจ้ะ แต่บางคนชอบเขียนอะไรที่มาจากจินตนาการก็กลายเป็นอีกบุคลิกนึง ...

    ตอนแห้วครั้งก่อนก็มาจากเราเข้าใจผิดน่ะ ...แก่แล้วทำไมโง่ดูไม่ออกฟระตรู ...เราเขียนตามแบบที่เราคิดแต่เค้าคิดกับเขียนไม่ใช่สิ่งเดี่ยวกัน

    ตอบลบ
  14. อ้อ ลืมบอกจ้ะ ..เจ๊ของม้อยช่วยยืนยันน่ะจ้ะว่าม้อยน่าคบคบด้ายจริงๆๆ

    ฮิฮิ...ไม่ได้ strawberry นะจ๊า เพราะถ้าพี่ไม่ชอบใครพี่คงไม่เสียเวลาไปนั่งอ่านบล็อกเค้าอยู่ล่ะ ชีวิตถอยหลังเข้าใกล้วันสุดท้ายทุกที ...น้ำเหลือแค่ครึ่งแก้ว หรือว่าน้ำเหลือตั้งครึ่งแก้ว ...อยู่ที่เราเลือกเวลาที่หดหายไปนี้ว่าจะเดินยังไง ...

    ผ่านชีวิตมาตั้งมากมายทั้งสุขทั้งทุกข์ทั้งดำหนักและเบาสว่าง...มากลางครึ่งทางแล้ว...อยู่ที่ใครจะเลือกทางแยกนะจ๊า ....

    ตอบลบ
  15. ฟ้าก็ชอบเข้ามาอ่านบล็อกพี่ม้อย .. มีอะไรให้คิดตามต่อไปเสมอเลย ชอบจังค่ะ

    ตอบลบ
  16. ^_^
    น้องฟ้าคะ
    พี่ก็รออ่านคอมเมนต์จากน้องฟ้าเสมอ เช่นกันค่ะ

    ตอบลบ
  17. ม้อย เห็นด้วยกับข้อ 1 มากๆ "การคบหากันยาวนานช่วยให้ความสัมพันธ์กระชับแน่นแฟ้น แข็งแรงขึ้นก็จริง แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแรงของความสัมพันธ์นั้น เป็นความแข็งที่เปราะ ไม่ทนทานการกระทบกระเทือนจากคำพูดบางคำ และการกระทำบางอย่าง "

    ทั้งกับความสัมพันธ์กับเพื่อน หรือแม้แต่กับคนที่เรารัก..ใช่ๆๆ เห็นด้วยกับที่ Korndola เขียนนะ ที่ดูเหมือนจะแนบแน่น อันที่จริงมันอาจเก็บทับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่ต่างคนต่างไม่พูด
    ทำไมเราถึงอ่อนแอและเปราะบางได้ขนาดนี้ เฮ้อ...เหนื่อยจัง

    ตอบลบ
  18. แรงขนาดไหนไม่รู้ แต่ชอบหลายอย่างที่ม้อยเป็นวันนึงคงได้รู้จักมากกว่านี้ ชอบๆๆ

    ตอบลบ