วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วิธีอยู่กับคนที่เกลียด

เมื่อคืน, จริงๆ คือเมื่อเย็นวาน ตั้งใจจะอยู่ทำงานให้เสร็จเพราะทราบว่าคุณหัวหน้าจะเข้ามาทำงานในวันเสาร์
(เหอ เหอ หัวหน้าดิฉันเป็นคนขยันน่ะ) ก็เลยอยู่เย็น เขียนเรื่องไป สลับกับแว้บๆ มาต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนสาวทาง multiply พอให้หายกลัวผี

แล้วฝนก็เทลงมา..อย่างหนัก
หลายคนที่กะจะทำงานให้เสร็จ (ผู้หญิงทั้งนั้นเลยท่าน) ก็เลยกลายเป็นคนติดฝนกันไป
แล้วรุ่นพี่คนหนึ่งก็เดินมาคุยด้วย-ขอเรียกว่าพี่เอละกัน
เธอปรับทุกข์ (ก็น่าจะเรียกอย่างนั้นได้แหละ) ถึงเหตุการณ์ที่พี่อีกคน ที่ทำกับเธอไม่ดีเลย-คนนี้ขอเรียกพี่บี
สองคนนี้ทำงานด้วยกัน พี่เออาวุโสกว่าพี่บี แต่พี่บีเป็นสาวเก่ง ชีจึงมั่น พลอยให้กลายเป็นคนปากคอแรงไปด้วย
พี่เอสรุปว่า พี่บีก้าวร้าว

ดิฉัน ซึ่งที่จริงก็อาวุโสน้อยที่สุด แต่ดันเจ๋อไปอยู่ในซีนที่พี่สองคนนี้กระแทกใส่กัน (ก็ซีนนี้แหละที่พี่เอปรารภถึง) ซึ่งพี่เอไม่ทันสังเกตหรอกว่าดิฉันรู้เรื่อง
ดิฉันก็ได้บอกพี่เอว่าเห็นเหมือนกัน รู้สึกด้วยว่าคำพูดที่ออกมาจากปากอีกฝ่ายนั่นมันบาดหู บาดใจมากๆ
 
แต่ดิฉันว่าดิฉันเข้าใจทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งก็เป็นคนปากเสีย เจ้าอารมณ์ แล้วก็ไม่ค่อยจะมองเห็นใจคนอื่น ว่าเค้าก็เหนื่อย ก็พยายามทำงานเหมือนตัวเอง แถมยังชอบคิดว่าตัวเองทำงานของคนอื่นเก่งกว่าเจ้าของงาน แล้วก็ชอบไปว่าคนอื่นว่าทำงานไม่เป็นอยู่บ่อยๆ (เนื่องจากเป็นคนเก่งไง เลยทำงานเป็นซะหมด)
อีกฝ่ายก็มีข้อจำกัดในการทำงาน แต่อธิบายให้ฝ่ายแรกฟังหรือยังไม่ทราบนะ

ในฐานะคนนอก รู้จักทั้งสองฝ่าย รักทั้งสองฝ่าย และไม่ได้เข้าข้างใคร จึงมองเหตุการณ์นี้ได้ทะลุึปรุโปร่ง

(ดิฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำงานด้วยกัน เหนื่อยเหมือนกันแล้วพี่จะพูดดีๆ กันไม่ได้หรอ จะเห็นใจกันกว่านี้ไม่ได้หรอ..มาได้คำตอบในภายหลังว่าคงจะยาก เพราะดูเหมือนพี่บีเค้าทำให้พี่เอรักเค้า 'ลง' ได้ยาก ส่วนพี่บีเองก็ไม่เคย respect พี่เออยู่แล้ว ...ดิฉันสรุปเอาเองว่าสองคนนี้ไม่พยายามมากพอที่จะเข้าใจกันและกันน่ะ)

พี่เอ ซึ่งเค้าก็เป็นผู้ใหญ่ เข้าใจโลก และเป็นคนที่ถ้าไม่กลั้นโมโม จะโมโหได้อย่างปรี๊ดแตกแหลกราญสุดๆ คนนึง (ดิฉันเคยเห็นตอนพี่เขาเมาค่าคุณขา-เป็นอะไรที่สยองเกล้าสุดๆ) บอกว่าต้องให้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่สวนกลับทุกครั้งที่พี่บีใส่มา
แต่ดูเหมือนพี่บีจะทำกับพี่เอไว้มาก..เกินไป
ไหนจะกลุ่มเพื่อนสาวของพี่บีอีก สาวๆ กลุ่มนี้เป็นอะไรที่ 'สุดๆ' พวกชีจะคอยยุยงให้พี่บีก้าวร้าวกับคนอื่นๆ  จับกลุ่มนินทาคนอื่น และขยันสร้างสรรค์ทัศนคติในทางที่แย่กับเพื่อนร่วมงานอื่นๆ เสมอ
ล่าสุึดนี่พี่เอเชื่อว่า ลูกน้องคนหนึ่งของเธอลาออกไปเพราะทนทำงานกับพี่บีไม่ได้ และลูกน้องที่เหลือๆ ก็ไม่มีใครอยากทำด้วยเลย เพราะกลัว (ขอบอกว่าดิฉันก็เชื่ออย่างเดียวกัน)

พี่เอบอกว่าวันนั้นเขาก็กลั้นไว้ ไม่อยากมีเรื่องกับเด็กให้เสียคน
เขาว่าเขาไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว
เขาเกลียดสังคมที่เป็นคนแบบนี้กัน
....โอ ฟังแล้วจุกใจ
ดิฉันก็อยู่ในสังคมนี้เหมือนกันนี่หน่า

โชคดีที่พี่เอเขาเป็นผู้ใหญ่ เห็นว่าดิฉันมีสีหน้าซีดเซียว (ทั้งที่ไม่ขาว) ลงทุกที เลยบอกว่า
..พี่ขอบใจเพื่อนพี่นะ ที่มันส่งอีเมล์อันหนึ่งมา เป็นคำสอนของ ว.วชิรเมธี ว่าด้วยเรื่องวิธีอยู่กับคนที่เราเกลียด
ทุกวันนี้พี่ก็อยู่ได้เพราะคิดอย่างที่ท่านสอน ดีนะม้อย เดี๋ยวพี่ปรินท์มาให้.. แล้วชีก็ปรินท์มาให้จริงๆ (น่าจะฟอร์เวิร์ดมานะคะพี่ หนูจะได้ไม่ต้องพิมพ์ใหม่)
ดิฉันเห็นว่าดี จึงนำมาบอกต่อ
ท่านว่า..

คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
เพราะถ้าเราวิ่่งตามกิเลส กิเลสก็จะำพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

ควรคิดเสียใหม่ว่า
เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง
แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในที่ดีที่สุกที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้นหันกลับมาทองตัวเองดีกว่า
ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ

อีกตอนว่า

บางทีคนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย
เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคือง และอารมณ์เสีย
วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาเลย
ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกใหม่เสียดีกว่า
คิดเสียว่า
คนเราไม่มีใครดีพร้อม หรือเลวไม่มีีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม


ดิฉันว่า สิ่งที่หายไประหว่างเรากับคนที่เราคิดว่าเราเกลียดเขา คือความเมตตานะ
ว่าอย่างนั้นไหม? 

14 ความคิดเห็น:

  1. "คนเราไม่มีใครดีพร้อม หรือเลวไม่มีีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
    เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
    มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม"

    เห็นด้วยค่ะ เห็นด้วยที่สุด

    ตอบลบ
  2. คนเราทุกวันนี้มีแต่เรื่องไร้สาระมารบกวนใจจริงๆ นะคะ

    เยอะอย่างมากเลย ถ้ารู้ทันใจตัวเองก็ดีกับเราเองนี่ล่ะ

    ตอบลบ
  3. เห็นด้วยอย่างยิ่ง!!!

    ตอบลบ
  4. นอกจากมีเมตตาแล้ว..
    ความรัก ความเข้าใจในทุกๆ สิ่งอย่างที่มันเป็น ก็เป็นสิ่งสำคัญ
    หากเราเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง "มันเป็นเช่นนั้นเอง"
    มันก็คงจะดีขึ้นเยอะนะคะ

    ตอบลบ
  5. ผมว่า พี่กุลอ่ะ เป็นคนที่มีครบเนอะ
    พี่กุลเข้ากับทุกคนได้ดี

    ....ถึงแม้พี่กุลจะชอบสวนกลับก็เถอะ
    อิอิ

    ตอบลบ
  6. แวะมาอ่านเป็นข้อคิดที่ดีจริงๆ ขอก๊อปไปนะม้อย จะไว้ใช้ในที่ทำงานบ้าง ขอบใจนะสำหรับข้อเขียนดีๆใน multiply จ๊ะ

    ตอบลบ
  7. เอาไปเลยน้องศรี
    แต่ว่า
    ถ้าจะทำเป็นฟอร์เวิร์ดเมล์ ช่วยตัดเรื่องของเราออกก่อนนะ
    ไม่ใช่ไร
    แบบว่า...เขิลลล

    กลัววันนึงมันถูกส่งไปหาพี่เอ หรือพี่บีเข้า
    กลัวจะขำไม่ออกส์

    ตอบลบ
  8. ชอบ รัก เกลียด..
    ทุกความรู้สึก..มันก็อยู่ที่ใจเรา ไม่ได้อยู่ที่ใครเลยค่ะ

    ยิ่งรักมาก เกลียดมาก..ที่ทุรนทุรายและเป็นทุกข์ ก็คือตัวเราเองทั้งนั้น

    ตอบลบ
  9. ถ้าพรุ่งนี้ เห็นคนที่เราเกลียด ตายไป เราจะดีใจมั๊ย

    ตอบลบ
  10. ...คงใจหายนะ พี่่ว่า

    ตอบลบ
  11. หลังจากใจหาย..ก็.....

    ตัวใครตัวมันล่ะค่ะ ไม่ต้องคิดถึงกันนะคะ เหอๆๆๆ

    ตอบลบ
  12. ความดีไม่ใช่สิ่งประเสริฐสุด
    ความว่างต่างหากเล่า

    ตอบลบ
  13. คิดว่าเป็นอะไรที่โหดเกินอ่ะคะ่ อย่าให้ถึงกับตายเลยค่ะ แผ่เมตตาให้แก่กันดีกว่าน่ะคะ่

    ตอบลบ
  14. เห็นด้วยกับข้อความนี้เป็นที่สุด อภัยทาน คือ ทานสูงสุดค่ะ

    ตอบลบ